|
บทที่ 1 เมื่อฉันไปพบแพทย์ (ภาคแรก) (แก้ไข)
|
|
ข้อสงสัยหนึ่งที่คนไข้ที่มาโรงพยาบาลมักจะถามเสมอๆ(แต่หมอมักจะไม่ได้เป็นคนตอบนะครับ) คือทำอะไรยังไงบ้าง (ก็ไม่เคยมาโรงพยาบาลนะสิ) จะถามใครเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นใคร ไปที่ห้องไหน อยู่ตึกอะไร ต้องทำยังไง เอาใบนี้ไปยื่นตรงไหน ถามไปถามมาก็งงๆ บางคนตอบรู้บางคนตอบไม่รู้ แล้วจะทำยังไงเนี่ย จะได้เจอหมอไหมคะคุณวันนี้เนี่ย งั้นเรามาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับคำถามต่างๆในโรงพยาบาลที่มักถามกันบ่อยๆนะครับ
ก่อนไปต้องเตรียมอะไรไปบ้าง? หา!!!!!!!!!!! ……………(ตกใจสุดขีด) อะไรจะเว่อร์ (OVER) ปานนั้น จะไปโรงพยาบาลนะคะต้องเตรียมอะไรด้วยคะคู้ณณณณณ (เพี้ยนเพื่อเสียง) คำตอบคือต้องเตรียมครับ
เตรียมผู้รู้ ผู้รู้ในที่นี้คือผู้รู้เรื่องคนไข้ครับ รู้ว่าชื่ออะไรอายุเท่าไร โรคประจำตัวมีอะไรบ้าง แพ้ยาอะไร เคยผ่าตัดหรือไม่ และอาการที่มาโรงพยาบาลมาด้วยอาการผิดปกติอย่างไร ถ้ารู้ถึงขนาดเคยเป็นอะไรมาบ้าง รักษาที่ใด ตำหนิใฝสิว ขนาดริดสีดวง รอบเอว จำนวนเส้นผมอันนี้จะดีมาก (อันหลังๆนี่ล้อเล่นนะครับ) เพราะคำถามเหล่านี้คุณหมอทั้งหลายต้องถามแน่นอน และถ้าได้ข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ (จากผู้ที่ใกล้ชิดคนไข้) จะทำให้การรักษาดำเนินไปอย่างราบรื่นสุดๆเลยละครับ
เตรียมยา หลานท่านคง งงงงงง ...........อ้าวไปโรงพยาบาลค่ะ จะไปเอายาค่ะ ทำไมให้เตรียมยาอะไรจ้ะ ยาคูลล์เปล่า? คำตอบคือ ยาของคนไข้นั่นแหละครับ ยาที่กินเป็นประจำ เพราะในบางครั้ง ตัวยาพวกนี้นี่แหละที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับคนไข้ บางครั้งถ้าไม่ได้นำยาไปแต่บอกแค่ว่า “คนไข้เป็นความดันค่ะ” “คนไข้กินยาเบาหวานอยู่ครับหมอ” แต่ไม่ได้นำยามา ขนาดยาที่กินก็ไม่ทราบอย่างนี้หมอจะเดาลำบากครับ เพราะยาในโลกนี้มีหลายแบบมาก ยาลดความดันก็มีหลายชนิด ยาแต่ละชนิดก็มีหลายตัวยาเป็นองค์ประกอบและหลายบริษัทยาผลิต แต่ละโรงพยาบาลก็ใช้ยาไม่เหมือนกันบางอย่างยาตัวเดียวกันแต่คนละบริษัทผลิตก็คนละสีคนละแบบแล้วครับ หลายท่านอาจสงสัยว่าเป็นหมอไม่รู้เหรอเดาไม่ได้เหรอ ผมยกตัวอย่างอย่างนี้แล้วกัน (ยาแทนด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปละกันนะครับ)
ลูก : “คุณแม่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกวันครับ” หมอ : “ยี่ห้ออะไรครับ” ลูก : “ชื่อยา(บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป)นั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หมอ : “……..ไม่เป็นไรครับนำมาด้วยหรือเปล่า” ลูก : “ไม่ได้นำมาครับแต่อย่างนี้ครับ ผมจำได้ว่าซองมันสีแดงๆนะครับ มีสี เขียวปนด้วย ซองไม่ใหญ่มากคุณหมอพอจะเดาได้มั้งครับ” หมอ : ?_? (มาม่าต้มยำ? มาม่าชาเขียว? ไวไวหมูสับ? ฯลฯ?) คำตอบคือเดาไม่ได้หรอกครับ เพราะการรักษาหมอเองก็อยากได้ข้อมูลที่เป็นความจริงมากที่สุด เพราะโอกาสเดาผิดก็มี ฉะนั้นการนำยาไปด้วยดีที่สุดครับ
เครื่องแต่งกาย อันนี้ไม่ได้หมายถึงนะครับว่าต้องใส่ชุดสุภาพมากไปพบคุณหมอ คุณสภาพสตรีก็จัดเต็มอัตราศึกตามแฟชั่น ต้องใส่ ชุดราตรียาว รองเท้าหุ้มข้อ ฯลฯ (แต่นุ่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อกล้ามนี่ก็ไม่ไหว) อันนั้นแล้วแต่ท่านครับ แต่ว่าคำว่าการแต่งกายของผมหมายถึงควรแต่งให้เหมาะกับอาการผิดปกติที่คุณต้องการจะไปตรวจ เช่นคุณสุภาพสตรีบอกว่าปวดบริเวณน่อง,มีแผลบริเวณขา ก็ไม่ควรใส่กระโปรงสั้น เพราะเวลาตรวจยกแข้งยกขาจะลำบาก(แนะนำเป็นกางเกงขาสั้นก็ดีครับ) คุณสุภาพบุรุษบอกปวดต้นขาแต่ใส่ยีนขาเดฟสะดุ้งมาเลยก็ไม่ไหวครับ เลิกขากางเกงขึ้นไม่ได้ติดความเปรี๊ยะ หรือบอกว่าแน่นหน้าอกหายใจไม่อิ่มแต่ใส่ซะชุดหนังรัดรูปเนื้อผ้าหนาเตอะมา ก็ตรวจฟังปอดฟังหัวใจลำบากครับ จะตรวจก็ต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายด้วยทำให้ยุ่งยากมากขึ้น
เตรียมนอนโรงพยาบาล อันสุดท้ายนี้อาจจะเป็นการเตรียมที่ลำบากครับ จะนอนโรงพยาบาลหรือไม่คงไม่มีใครคาดเดาได้(นอกจากหมอ) ในความหมายของผมคงเหมือนกับให้เตรียมใจไว้บ้าง เพราะบางครั้งที่ไปโรงพยาบาล อาการเหมือนกับจะไม่เป็นอะไรมากแต่เมื่อตรวจแล้วอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลเลย เช่นมีไข้นิดหน่อย ปรากฏตรวจออกมาเป็นไข้เลือดออกก็ต้องนอนโรงพยาบาลเลย เป็นต้น ไม่ต้องถึงขนาดเตรียมเสื้อผ้าพร้อมไปนอนทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลนะครับแค่เตรียมใจบ้างนิดหน่อยก็พอ เพราะถ้าต้องนอนจริงๆก็ค่อยกลับมานำเครื่องใช้ส่วนตัวไปก็ได้ เสื้อผ้าก็เป็นเสื้อผ้าโรงพยาบาลอยู่แล้ว
เตรียมประวัติการรักษา อันนี้ใช้ในกรณีที่คุณจะต้องย้ายไปรักษาในโรงพยาบาลอื่นในโรคประจำตัวเดิมของคุณครับเช่น เคยปวดท้องและผ่าตัดตับไปเมื่อ 2 ปีก่อน มาด้วยเรื่องปวดท้องที่เดิมอีกคุณหมออาจจะสงสัยว่าการผ่าครั้งนั้นทำอะไรไปบ้าง หรือเคยรักษาเรื่องเนื้องอกในมดลูกมาตลอดที่เชียงใหม่ แต่เผอิญย้ายบ้านไปกทม.จะต้องย้ายไปรักษาและตรวจติดตามต่อก็ต้องนำประวัติการรักษาที่เชียงใหม่ไปด้วย ในส่วนนี้คุณสามารถไปขอข้อมูลการรักษาการรักษาทั้งหมดได้ที่โรงพยาบาลที่ทำการรักษาคุณเลยครับ (คนไข้มีสิทธิตามกฎหมายครับ) หรือกรณีที่เป็นคนไข้เด็ก ประวัติการคลอด การฝากครรภ์ หรือที่เค้าเรียกกันว่าสมุดเด็กดีสีชมพูนั่นแหละครับจะช่วยได้มาก รวมถึงคนไข้ที่ตั้งครรภ์ด้วยนะครับไปหาหมอทุกครั้งไม่ว่าจะป่วยเรื่องอะไรเกี่ยวกับการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็ควรนำสมุดฝากครรภ์ไปด้วยทุกครั้งครับ
ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับ ว่าแค่การไปโรงพยาบาลเท่านี้ก็ต้องมีการเตรียมพร้อม(บ้าง) เพราะการรักษาคนไข้นั้นไม่ใช่เพียงหมอคนเดียว ญาติๆ คนดูแล รวมถึงตัวคนไข้เองก็มีส่วนช่วยเช่นกัน แต่อย่างที่บอกครับว่าทั้งหมดทั้งปวงนี้ ถ้านึกอะไรไม่ออกเลยก็ไม่เป็นไรครับ เหนือสิ่งอื่นใดคือการนำคนไข้โดยเฉพาะคนไข้ฉุกเฉินไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดก่อน ในส่วนหลังๆนี่ค่อยกลับมาเอาทีหลังก็ได้ ซึ่งคุณหมอก็จะบอกให้คุณนำกลับไปให้ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ถ้าเป็นคนไข้แบบที่ไม่ได้มีอาการฉุกเฉินต้องรีบไปใน 1-2 นาทีนี้การเตรียมไปด้วยก็จะทำให้การรักษาสะดวกและรวดเร็วแม่นยำขึ้นครับ
เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อเรื่องเมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วกันครับ
by หมอใหม่หัวใจแนว (small-doctor)
กระทู้ภาค 2 .....http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10956876/L10956876.html
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 54 12:39:19
แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 54 18:14:12
จากคุณ |
:
small-doctor
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ส.ค. 54 22:55:12
|
|
|
| |