ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วนึกภาพตามออกเลยคะ เป็นกำลังใจให้คุณหมอนะคะ  สู้ๆคะ คุณเป็นหมอที่น่ายกย่องมากคะ จากคุณ : ตามล่าหาของถูก..ใจ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:39:12

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเห็นใจหมอนะครับ และมีแต่ประสบการณ์ดีๆกับคุณหมอทั้งนั้น แต่เราเลือกเองไม่ใช่ครับ เราเลือกจะเป็นหมอนั่นแสดงว่าเราต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องเจออะไร ยิ่งหมอรัฐบาลต่างจังหวัด คุณคาดหวังอะไรจากคนไข้ตาดำๆเล่าครับ คนไข้ที่จบแค่ ป4 ป6 รู้ว่าเหนื่อย ว่าล้ากับอะไรหลายๆอย่าง แต่อย่าไปบ่นว่าชาวบ้านเลย โทษระบบที่ทำให้พวกเค้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงดีกว่า จากคุณ : ลึกลับซับ_tui เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 21:40:55

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไมรู้สึกว่าคุณดูอึดอัดกับอาชีพนี้จัง? จากคุณ : ++แขวน++ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:07:46

ความคิดเห็นที่ 4 มีรายการช่อง9 The Symptom รายการเกี่ยวกับหมอดีมากๆเลยคะ^^ จากคุณ : takai1987 เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:22:41

ความคิดเห็นที่ 5 หมอก็คนเหมือนกัน มีเหนื่อย มีเครียดกับการงานเป็นธรรมดา และปัญหาที่เกิดขึ้น คงเพราะคนไข้มีความคาดหวังจากหมอสูงค่ะ (และปัญหาอีกส่วน ก็เกิดจากหมอจำนวนหนึ่งที่ไร้ความรับผิดชอบและเห็นแก่ตัวด้วย ต้องยอมรับจริงๆว่าคนย่อมจดจำเรื่องแย่ๆได้ดีกว่าเรื่องดีๆ) เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกๆคนที่พยายามดูแล ช่วยเหลือคนไข้อย่างสุดความสามารถนะคะ มีคนใกล้ตัวเป็นหมอ และเพิ่งได้เข้าใจว่าต้องรับภาระและรับผิดชอบในเรื่องหนักๆทั้งนั้นเลย จากคุณ : Graceful Cantabile~ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:48:38

ความคิดเห็นที่ 6 ^ นึกถึงหลายปีก่อน ที่หมอท่านนึงที่ทำงานบนเกาะคนเดียว โดยไม่สามารถลาพักได้เพราะไม่มีคนแทนเลย มาบ่นแบบนี้ครั้งนึง เป็นกระทู้โหวตยาวนานหลายสัปดาห์ ถ้าคนเคยอ่านกระทู้นั้น จะทราบดีว่าผมพูดถึงหมอท่านไหน เพราะตอนนี้หมอค่อนข้างดังพอสมควร (จากงานอดิเรกของแก)55+ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:51:47

ความคิดเห็นที่ 7 เขาถึงว่ากันไงคะ  ว่าคนเป็นหมอคือคนที่เสียสละ อย่างมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : nice_piggyy เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:54:44

ความคิดเห็นที่ 8 The Symptom วันนี้ดูแล้ว คุณหมอจะวินิจฉัยสะเปะสะปะไปหน่อย ถึงสุดท้ายจะรู้จนได้ว่าคนไข้เป็นโรคอะไร แต่ลีลาการพูดกล่อมคนไข้ให้ตรวจโรค อ่อนมากๆครับ ทำหน้าหงอยใส่คนไข้ทำไม? จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 22:55:11

ความคิดเห็นที่ 9 นักศึกษาแพทย์ ยังต้องสั่งสมประสบการณ์และบารมี (หมายถึง ทักษะในการสื่อสารให้น่าเชื่อถือ) อีกเยอะครับ จากคุณ : ปรายภพ เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 23:12:17

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นใจค่ะ Your task is very demanding! เห็นบทบาทเชิงรุก ของรพสต.ในโฆษณาแล้วรู้สึกดีมาก เพราะคิดว่าหมอจะมาตั้งรับ อยู่ตลอดไปไม่ไหว การรณรงค์ให้คนไข้เข้าใจ การรักษาตัวเองเบื้องต้น เพื่อสกรีนคนไข้ที่ไม่ได้ป่วยจริงๆ ว่าแต่ของจริง ทำได้แบบในโฆษณาไหมค่ะ จากคุณ : aeroflex เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 23:15:35

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วเพลียคับ ไม่รู้ว่าจขกทเป็นหมอรึเปล่า แต่ถ้าเป็นผมคงไม่ไปรักษากับจขกทแน่ๆ   ไอ้ที่รักษาฟรีขอเบิกยา เงินภาษีประชาชนทั้งนั้น  แล้วมาบ่นว่าสมองไหลที่เค้าไปมันก็เงินน่ะแหละคับ     เด๋วจะมาต่อ ไปนอนก่อน ได้อ่านความคิดจขกทแล้วเครียดแทนคนป่วยที่จะมาพึ่งหมอจริงๆ จากคุณ : อยากพากย์มาก เขียนเมื่อ : 21 ส.ค. 54 23:34:09

ความคิดเห็นที่ 12 อยากเสนอให้เปิดคณะแพทย์ศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเอกชนเพิ่มด้วย(นอกเหนือจากม.รังสิต) เพื่อที่หมอคนไหนไม่สมัครใจใช้ทุนโดยการมาทำงานใน รพ.รัฐ เพราะจะทำให้ต้องตรากตรำรักษาคนป่วยสองสามร้อยคนต่อวัน และผจญความเสี่ยงต่างๆ เรียนม.เอกชน จบไปก็ไปทำงานตามใจปราถนาได้เลย จะได้มีแพทย์เยอะๆด้วย จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:05:50

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่อยากรักษาก็ไปทำอย่างอื่นดีกว่า  ไปเป็นอาจารย์พิเศษก็ได้ สอนเลข สอนภาษา ไม่ต้องรักษาคนไข้เพราะคนไข้จู้จี้ เหอๆๆ จากคุณ : อยากพากย์มาก เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:10:28

ความคิดเห็นที่ 14 "มันเบื่อ มันเหนื่อย แต่ทำไปเพราะอดทน ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่า นี่ทำเพื่ออะไร เพื่อคนไข้จริงหรือไม่? ทำเพื่อคนไข้ แต่ทำได้ไม่ดี ไม่ได้ดังใจที่หวังไว้ ไม่ได้เหมือนตอนที่เรียนมา ไม่ได้เหมือนในตำรา บางทีมันก็เหนื่อยหัวใจครับ" ผมเข้าใจครับ งานทุกงานก็มีปัญหาของมัน ไม่ว่าจะมาจากตัวงานเอง ระบบ หรือตัวเรา แต่ยังๆ ไง ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ หมอทุกคนที่แบกรับภาระแบบคุณครับ ของเป็นกำลังใจให้จริงๆ ครับ จากคุณ : kmir เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:19:29

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอค่ะ เรื่องราว   ความเครียด  ความเหนื่อยล้า  ท้อแท้  มันมาจากที่เราคาดหวัง   อยากบอกคุณหมอว่า  เมื่อไหร่ที่เราต้องเจอคนมาก  เรื่องราวมันก็มากเป็นปกติ ถ้าจะมองกว้างๆ  กว้างมากๆ  ถึงระดับจักรวาล ซึ่งจริงๆ เรื่องจริงของจักรวาลมันคือความจริงสุดท้าย (รึเปล่า ไม่แน่ใจพูดไปตามที่ใจคิดแค่นั้นเอง)  การที่เราคาดหวังที่จะทำอะไรบางอย่างให้เป็นอย่างที่เราต้องการ  แม้คุณครูหรืออาจารย์จะสั่งสอนมา  โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข  จะเน้นเรื่องการส่งเสริมป้องกัน  และอาจารย์หลายๆคนเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  มันไม่มีทางเป็นไปได้   ไม่มีใครเข้าใจใครได้ดี  แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่เข้าใจคนอื่นในทุกๆเรื่อง  หรือกระทั่งตัวเอง  บางทีเรายังไม่เข้าใจ การที่คนไข้มาหาเราแล้วเรื่องมาก  อาจจะเป็นเพราะเขาเครียด ปวดนู่นปวดนี่  จะเอานู่นจะเอานี่ มาถึงเอะอะโวยวาย  ไม่เข้าใจหมอ ต้องการให้ได้ดั่งใจ เขาอาจจะเจออะไรหนักๆมา  เครียดเรื่องสามีมีเมียน้อย  ลูกติดยาบ้า  ยกพวกตีกัน ไม่ตั้งใจเรียน  ท้องขณะที่ยังเรียนไม่จบ ฯลฯ ขณะเดียวกัน หมอก็กำลังเครียดอยู่ เพราะคนไข้หลายคนพูดไม่รู้เรื่อง   บางคนก็ฉุกเฉินใกล้ตายมา  บางคนก็หาได้เป็นอะไรไม่  แต่มาโรงพยาบาลเพราะอยู่ที่บ้านเหงา ไม่มีใคร ....... .....จากที่ จขกท. ได้ทิ้งท้ายไว้.... ความต้องการคนไข้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ....โดยปกติ คนเรามักจะมีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด ไม่เฉพาะแต่คนไข้  ลองสังเกตดู  มันเป็นอย่างนี้จริงๆ  น้อยคนที่จะพอเพียงและยินดีกับสิ่งที่ตนมีและได้รับมา ขี้เกียจบ่นแล้วครับ...ที่จริงมีความในใจอีกเยอะมาก .....ขี้เกียจบ่น  ก็หยุดค่ะ  ไม่ได้ประชด  แต่มันคล้ายๆกับว่า  วิ่งจนเหนื่อยแล้วก็หยุดพักค่ะ  เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้  อะไรที่มันเป็นอยู่  ถ้าดวงจิตหรือวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆหรือที่อยู่ในตำแหน่งแห่งที่เดียวกัน  ไม่ร่วมมือร่วมพลังกัน  มันไม่มีทางเปลี่ยนได้ มันเบื่อ มันเหนื่อย แต่ทำไปเพราะอดทน ..... ไม่ต้องอดทนค่ะ  เพราะมันจะเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม  อย่าได้คิดจะอดทนทำไป เพราะเห็นว่ามันจำเป็นต้องทำ  อย่าทำค่ะ เพราะมันจะบั่นทอนจิตใจ  แล้วจะทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปเปล่าๆ  ยกตัวอย่าง หากเราตั้งใจทำงาน  ไปราวน์ตั้งแต่เช้า  มาตรวจสองโมงเป๊ะ  เลิกงานเมื่อคนไข้หมด  แต่มีหมอบางคน เช่น ผอ หรือ รุ่นพี่ หรือรุ่นน้องที่เตาะแตะ  อ้างโน่นอ้างนี่ รีบกลับ ไปอยู่คลินิกตัวเอง ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ เราจะยิ่งเหนื่อยและท้อ  และถ้าเก็บเอาไปคิด คนอื่นๆเขาไม่ได้ทุ่มเท  แต่ทำไมเขาสบาย อยู่ดีมีสุข มีเงินทองมากมาย  เราจะยิ่งนอยด์ไปกันใหญ่ ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่า นี่ทำเพื่ออะไร เพื่อคนไข้จริงหรือไม่? ....จากนี้ต่อไป ค้นหาตัวเองค่ะ ว่าทำไปเพื่ออะไร  อย่างนึงที่อยากแนะนำ  ไม่ต้องทำเพื่อคนอื่น ไม่ต้องทำเพื่อคนไข้  แต่จงทำเพื่อตัวเอง  ทำให้ตัวเองสบายใจ  อย่าไปแบกรับในสิ่งที่เราไม่อยากรับ  มันหนัก มันเหนื่อย มันไม่มีประโยชน์กับใครเลย ผลงานที่ออกมา  มันอาจไม่มีคุณภาพ หรือถ้ามีคุณภาพ  แต่คนที่สรรสร้างต้องแบกความเครียดไว้ตลอดเวลา  มันไม่ยุติธรรรม ทำเพื่อคนไข้ แต่ทำได้ไม่ดี ไม่ได้ดังใจที่หวังไว้ ไม่ได้เหมือนตอนที่เรียนมา ไม่ได้เหมือนในตำรา บางทีมันก็เหนื่อยหัวใจครับ .... ถ้ามันเหนื่อยนักก็พักค่ะ  ปล่อยวาง  อย่ายึดติดกับอะไรมากไป  ความผิดพลาด  การไม่ได้ดั่งใจหวัง  มันเป็นเรื่องปกติ  และงานของเรา  ไม่ใช่การขายสินค้า  ที่ความสำเร็จคือกำไร  นับกันเป็นเม็ดเงินเหมือนนักธุรกิจ  แต่ความสำเร็จของเรา  ถ้าตามที่อาจารย์สอนมา  คือการที่ประชาชนอยู่ดีกินดี  ไม่เจ็บไม่ป่วย และบางทีอาจจะไม่ตายด้วย  ซึ่งก็อีกแล้ว มีใครห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามตายได้มั๊ย  ถ้าจะคิดแบบกำจัดสาเหตุ  ก็คือต้องห้ามเกิด  มันถึงจะห้ามได้ทั้งหมด  หากยังอยากจะเกิดกันอยู่ ก็ต้องเป็นไปเช่นนั้นแล  เนอะ   ส่วนเรื่องทำตามตำรา  บางทีบริบทมันไม่ได้  มันจะทำตามได้ไงน๊อ  ขนาดเรียนวิทยาศาสตร์ เวลาทำการทดลองต่างๆ ยังต้องควบคุมสิ่งแวดล้อม  แล้วในโลกของความเป็นจริง มันควบคุมได้ที่ไหนเล๊า? ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่าง ทำให้วงการแพทย์ไทย สมองไหลอยู่เรื่อยๆ ....จริงๆก็ไม่เชิงไหลหรอกค่ะ  จะเห็นว่าคนเก่งๆอย่างอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆท่านก็ทำงานให้กับรัฐ ทำเพื่อประชาชนนี่แหละค่ะ   อยากให้คนไข้เห็นใจหมอมากๆ ครับ .... เราคิดว่า  ไม่ต้องไปขอความเห็นใจจากใครหรอกค่ะ อาชีพหมอ  เป็นอาชีพที่สร้างประโยชน์และช่วยเหลือคนได้มาก  ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด  และวางใจให้สงบ ถ้าจะเป็นหมอต่อไป  ก็ขอให้ทำไปอย่างดีที่สุด  อย่าได้หวั่นไหวกับอะไรบางอย่างที่มาทำให้หงุดหงิดใจ  จุดมุ่งหมายของอาชีพคือการช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์ทางกาย  ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ  ทำให้เต็มที่กับความรู้ที่ร่ำเรียนมา  หากมีความผิดพลาดที่มันเกิดขี้นบ้างนั้น  ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ  ยอมรับและดำเนินชีวิตต่อไป  เพียงแต่ขอให้มีแนวทางที่ชัดเจน  แล้วเดินไปทางนั้นแหละ   แม้แต่ผู้นำทางศาสนาทุกๆศาสนา  ที่ศาสนิกชนทั้งหลายนับถือด้วยความศรัทธาจากใจ  ก็ยังไม่สามารถครองใจคนทั้งโลกได้   ถึงได้มีหลายศาสนา หลายนิกาย ก็ว่ากันไป   แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น  ทุกคนก็ยอมรับว่าพวกท่านเหล่านั้นเป็นคนดี  เป็นคนที่ทำประโยชน์และมีคุณกับโลก  คือพยายามที่จะสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี อันนี้ก็ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆว่า  การเป็นคนดี  การช่วยเหลือสังคม  การทำเพื่อคนอื่น  ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าคนเหล่านั้นจะได้รับการยอมรับได้โดยทั่วไป เพราะฉะนั้น การที่เราจะทำอะไรให้ใคร  จงทำในสิ่งที่เขาต้องการ แล้วทั้งหมดก็จะมีความสุข  คือมันพอใจทั้งสองฝ่าย  ก็มีความสุข  แค่นั้นแหละ   (ถ้าความสุขคือความพอใจนะ  แต่ถ้าความสุขคืออย่างอื่น อันนั้นก็ไม่รู้จะยังไง)  แต่ในความเป็นจริง  (อีกแล้ว)  มันยากกกก .. เพราะฉะนั้น ทำใจค่ะ   ทำใจเราเอง  ง่ายกว่าที่จะไปทำตามใจคนทั้งโลก ปล.ที่แสดงความเห็นมาทั้งหมด  พยายามเค้นจากความคิดตัวเอง อาจจะทำให้ขุ่นเคืองบ้างหรือยังไง  ก็น้อมรับค่ะ  แต่เราหวังดีกับ จขกท.นะคะ จากคุณ : jaijam_jam เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:39:33

ความคิดเห็นที่ 16 คุณหมออัดอั้น ให้กำลังใจคุณหมอนะครับ จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:51:08

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบอกว่า รักวิชาชีพหมอ ผู้ต่อลมหายใจให้กับทุกชีวิตค่ะ ขอสดุดี หมอทุกท่านที่ทุ่มเท แรงกาย แรงใจ เพื่อผู้เจ็บไข้ค่ะ บุญรักษา พระคุ้มครองนะคะ จากคุณ : มด2002 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 00:58:14

ความคิดเห็นที่ 18 แต่รายได้ก็สูงตามความเหน็ดเหนื่อยนี่ครับ ขณะที่บางอาชีพ รายได้กับแปรผกผันกับสิ่งที่ลงแรงไป จากคุณ : บัตรผ่านด้อยสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 01:01:15 A:202.12.74.161 X: TicketID:282622

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าอยู่รัฐบาลรายได้น้อยค่ะ จากคุณ : SeeVeeKa เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 02:34:24

ความคิดเห็นที่ 20 ให้กำลังใจ จขกท. ค่ะ :) จากคุณ : แกลลุ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 03:06:21

ความคิดเห็นที่ 21 คห 11 ภาษีประชาชนแล้วเป็นไง? มันแปลว่า คุณอยากได้อะไรแล้วก็ต้องได้หรือ? มีสำนึกเรื่องความจำเป็น และความสมเหตุผลบ้างหรือเปล่า ไอ้ที่หมอเขาบ่น ไม่ใช่เพราะมารักษาฟรี ได้ยาฟรี แต่บ่นเพราะว่า จะเอายาฟรีทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เท่ากับเบียดบังจากคนที่จำเป็นจริงๆ เอาน่า...คุณหมอสู้ สู้ ****** ถ้ามองในมุมหมอ หมอก็เหนื่อย แต่ถ้ามองในมุมคนไข้ คนไข้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ คงไม่มีใครอยากมานั่งรอตั้งแต่เช้า พบหมอตอนเย็น เพื่อความสนุกหรอก เขามีทุกข์มาทั้งนั้น แล้วเขาก็หวังพึ่งพาให้หมอแก้ไขความทุกข์ให้เขา คำว่า ปวดนั่นปวดนี่ เราก็เชื่อว่า เขาเจ็บปวดจริงๆ สมัยสามสี่สิบปีก่อน มีรถขายยาเร่เยอะแยะ ก็ขายยาพวกนี้แหละ แก้ไขอาการปวดที่เป็นๆกันอยู่ คนป่วยก็ได้รับพิษของยาไปมากมาย ตอนนี้การเดินทางสะดวกขึ้น  มี รพ มากขึ้น เขาก็เฮละโลกันมา รพ ก็เป็นทางเลือกที่ดีประการหนึ่ง น่าจะฝึกพยาบาลเวชปฏิบัติเยอะๆหน่อย ให้ไปประจำที่ รพ สต ทุกแห่ง น่าจะช่วยลดภาระ opd ที่ รพ ได้มาก ในการดูแลการป่วยที่ไม่ร้ายแรง จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 07:09:16

ความคิดเห็นที่ 22 **เป็นกำลังใจคะ** การทำงานทุกอาชีพแหละคะ ที่ต้องเหนื่อย ต้องดิ้นรน และต้องรับชะตากรรม เพียงแต่ คุณได้เลือกอาชีพ ที่มีต้นทุนสูง ต้องเสียสละและอดทน แต่ก็แลกมาด้วย การยอมรับทางสังคม  เป็นวิชาชีพที่น่ายกย่อง.(ในสมัยก่อน ) ส่วนที่ว่าท้อเมื่อ อาชีพหมอ โดนด่าหรือโดนฟ้อง... ก็ต้องทำใจคะ อย่าลืมคำว่า หมอก็คือคน  และคนก็มีทั้งดีและไม่ดี สู้ๆๆ นะคะ จากคุณ : วันฉันยังยิ้มได้ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 09:08:07

ความคิดเห็นที่ 23 ปัญหามันมาจากบุคลากรที่น้อย ทำให้คนที่เหลือ ต้องทำงานหนัก และ รับผิดชอบมากเกินตัว ฉันว่ามันเป็นทุกอาชีพ ที่อยู่ห่างไกล ชายแดน ถิ่นทุรกันดาร หรือ พื้นที่เสี่ยงภัย ไม่มีใครอยากไปทำงานแถวนั้นหรอก ทำให้คนที่ทำอยู่ ก็ต้องทนทำกันต่อไป เพราะไม่มีคนมาช่วย จะทิ้งก็ไม่ได้อีก เพราะไม่มีคนมาแทน ไม่ใช่แค่หมอนะ แต่มีทั้ง ครู รวมถึง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ด้วย เสียงบ่นของครู เมื่อก่อนได้ยินบ่อย ครูคนหนึ่ง สอนนักเรียนตั้งแต่ชั้น อนุบาล - ป.6 เลย ดูแลนักเรียนหลายสิบชีวิตพร้อมกัน ไม่ใช่แค่สอนอย่างเดียว แต่ต้องเป็นทั้งพ่อแม่ และ มากกว่านั้น ฉันเคยได้ยินตำรวจบ่นเหมือนกัน  ทั้งโรงพักมีตำรวจจริงๆแค่ 2-3 คน ที่เหลือเป็นลูกจ้าง ก็ทำงานแทบจะไม่เคยได้พักผ่อนเหมือนกัน คดีเยอะแต่ตำรวจน้อย เหมือนกับที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้บ่น ภูเขาทั้งลูก จะให้เจ้าหน้าที่ไม่กี่คนดูแลหมดได้อย่างไร เห็นรัฐบาลมีงบประมาณช่วยเหลือน้ำท่วม แต่กลับไม่มีงบประมาณเพิ่มจำนวน เจ้าหน้าที่พนักงาน ปล่อยให้หลายแห่งขาดแคลนเจ้าหน้าที่ คนดูแลได้อย่างไรกัน น่าจะสนับสนุนให้คนไปทำงานต่างจังหวัด หรือทำงานในท้องถิ่นตนเองมากกว่านี้ มากระจุกกันอยู่แต่ในเมือง เพราะเห็นแก่รายได้ และความสบายเนี่ยแหละ คนถึงล้นกทม. ตกงานกันเป็นตับ แต่ต่างจังหวัด ขาดแคลนสิ้นดี  ไม่ใช่บางคนไม่อยากไปทำนะ แต่ว่ารัฐบาลดันไม่มีงบประมาณ ไม่ส่งคนลงไปท้องถิ่น ถามกี่ทีก็ไม่เปิดรับคนใหม่สักที ไปดูในกระทรวง นั่งทำงานกันเช้าชามเย็นชาม แบบขี้เกียจ แต่ต่างจังหวัดในตัวอำเภอก็ยังสบาย แต่พวกห่างไกลความเจริญ สุดแสนจะลำบาก  ขาดความสมดุลย์จริงๆ จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 10:34:32

ความคิดเห็นที่ 24 การที่ขาดแคลน จนท/พนักงาน/ข้าราชการ ต้องโทษ กพ (ตามนโยบายทักษิณยุคแรก) ห้ามบรรจุข้าราชการเพิ่ม ตำแหน่งเกษียณแล้วต้องยุบ บางหน่วยงานก็ hold ได้ แต่ส่วนมากไม่ได้ คนทำงานก็น้อยๆลงๆทุกที การกระจายตัวไม่เหมาะสม แต่ กพ ไม่รู้ ไม่ทำตรงนี้ ดูเอาแต่จำนวนอย่างเดียว จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 11:02:08

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าใจ จขกท.อย่างที่สุด มาเป็นกำลังใจใ้ห้ค่ะ  อย่าท้อนะคะ ในเวลางานให้ใช้ขันติให้มาก เลิกงานแล้ววางมันลงค่ะ รู้ว่าทำยาก แต่อยากให้ทำค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงเอาแต่ใจ (เด็ดชายวุ่นวายเด็กหญิงเอาแต่ใจ) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:27:57

ความคิดเห็นที่ 26 เราเข้าใจ จขกท น้า เห็นใจด้วย แต่ก่อนก็ไปใช้ทุนเหมือนกัน เจอสภาพแบบ จขกท แหละค่ะ เราทนไม่ไหว ใช้ทุนได้ปีเดียวก็ลาออกมา ตอนนี้สภาพชีวิตดีขึ้นเยอะค่ะ เป็นหมอแบบ part time เพราะรู้ว่าการตรวจคนไข้ ก็เป็นงานที่รัก และชอบด้วย แต่ขอทำอย่างเป็นเวลา และจำกัดปริมาณ เพื่อให้ได้มีคุณภาพที่ดี และมาเริ่มมีอาชีพเสริมทำงานอย่างอื่นเพิ่ม และเรียนเพิ่มเติม ชีวิตก็ Happy มาก สุดท้ายก็ขอสดุดีเลยนะคะ สำหรับหมอชุมชน รู้ค่ะว่าท่านเสียสละมากแค่ไหน จากคุณ : เพิ่งเป็นแม่ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 13:36:59

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจ เห็นใจคุณหมอค่ะ เป็นกำลังใจให้... ให้คุณหมอมีเมตตาต่อคนไข้เสมอนะคะ จากคุณ : รจนา (ใจรจนา) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:31:56

ความคิดเห็นที่ 28 สู้ๆครับ ถ้าพูดถึงคนไข้เรื่องมาก เนี่ย คนไข้ต่างจังหวัดเนี่ยถือว่าเรื่องน้อยแล้วครับ เมื่อเทียบกับ กทม แนะนำรายการ the symptom ครับ รายการนี้ห่วยแตกอย่าดูเลย เสียเวลา จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 17:44:26

ความคิดเห็นที่ 29 เบื่อพวกที่ชอบบอกว่า หมอกินภาษีประชาชน ภาษีประชาชน แล้วไงคะ เราว่างานที่เค้าทำ เมื่อเทียบกับรายได้แล้ว มันไม่ได้เยอะมากมายเลยนะ เทียบไม่ได้เลยกับเอกชน แถมต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย เลี่ยงไม่ได้แม้แต่บาทเดียว อย่าบอกนะ ว่าคุณไม่เคยใช้อะไรที่เป็นภาษีประชาชน เลย ถนนหนทาง สาธารณูปโภค ที่ใช้อยู่ทุกวันเนี่ย หามาเองเหรอคะ ก็เพราะคิดกันแบบนี้แหละค่ะ ถึงได้ไม่อยากทำงานรัฐบาล มาถึงก็มาสั่งๆๆๆ จะเอาโน่นเอานี่ อย่างกับว่ารพ.เป็นร้านขายยา (แต่ไม่ต้องเสียเงิน) พอไม่ให้ เพราะไม่มีข้อบ่งชี้ ก็ไม่พอใจ ร้องเรียน บางคน เป็นเบาหวาน ความดัน แต่ไม่เคยคุมอาหาร ไม่เคยออกกำลังกาย มาตรวจทีไร ผลตรวจก็ไม่ดี พอเตือน ก็บอกว่า "หมอมีหน้าที่รักษา ก็รักษาไปสิ" เดี๋ยวนี้ เป็นอะไรนิดหน่อย บางคนไม่รักษาด้วยตัวเอง ปวดหัว มาตรวจที่รพ. พาราสักเม็ดก็ยังไม่ได้กิน เป็นปุ๊บก็มารพ.เลย เราก็ไม่เข้าใจนะคะ ทั้งที่โลกเราเจริญขึ้นมาก แต่ดูเหมือนว่าคนเรา จะพึ่งตัวเองน้อยลง ถ้าเป็นแบบนี้ ผลิดหมอเพิ่มเท่าไหร่ ก็คงไม่ทางพอ จะว่าไป เรื่องนี้มันพลาดมาตั้งแต่ระบบแล้วล่ะค่ะ สร้างระบบขึ้นมาแต่ยังไม่มีความพร้อม คนทำงานก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ถ้ายังอยู่ในระบบ ก็คงต้องทำใจ แต่ถ้าไม่ ก็เอาตัวเองออกมา เท่านั้น จากคุณ : tachycardia เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 19:31:27

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณทุกๆ ความเห็นมากนะครับ บางความเห็นก็ให้กำลังใจดีมาก บางความเห็น ก็แทบไม่อยากจะอ่านเลย... แต่วันนี้ ผมไปทำงาน กลับมีความสุขดีแฮะ...วันนี้ผมราวน์วอร์ด ประมาณ 40 เคส ราวน์คนเดียว ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ มันทำให้ได้คิดอะไรๆ กับคนไข้คนนึงมากมาย คิดไปแบบไม่รีบ คิดที่จะรักษาให้เค้าจริงๆ บางเคสเป็นไข้มา 2 อาทิตย์ ไม่หายซะที ไม่รู้ว่าไข้จากอะไร ผมก็เปลี่ยนการรักษาไปเรื่อยๆ ท้าทาย และสนุกดีครับ บางเคสผมเปลี่ยนยาให้ คนไข้ไข้ลง มันแฮปปี้มากครับ เมื่อวานคนไข้หน้าตาเพลียมาก วันนี้แจ่มใส ยิ้มได้ ผมบอกตรงๆ ไม่:-)เลยว่า ผมก็ยิ้มได้ และมีความสุขดีครับ แต่ถ้าผมต้องกลับไปตรวจ OPD คนไข้ 200-300 คนเมื่อไร ความหงุดหงิดกลับมาอีกแน่ๆ เลยครับ ผมว่า คนที่มาตอบกระทู้ให้กำลังใจผมจำนวนมาก ก็คือ อาชีพเดียวกับผมนั่นแหละครับ ไม่มีใครเข้าใจพวกเราได้ดี เท่าพวกเราเองแล้วครับ สู้ต่อไป... จากคุณ : pop เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 20:18:11 A:118.172.69.46 X: TicketID:304766

ความคิดเห็นที่ 31 ขอเงินเดือนขึ้นด้วย !!! จากคุณ : เพ็ชรสามสี1 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 20:23:11

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นใจหลายเรื่องครับ โดยเฉพาะคนไข้ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำนี่ ผมลองคิดตามแล้วยังเพลียแทนไม่รู้จะแก้ยังไง แต่บางอย่างก็ไม่น่าเก็บมาคิดมากให้รู้สึกแย่นะครับ เช่นคนไข้เลือกหมอ ยังไงก็ทำเต็มที่นะครับ เป็นกำลังใจให้ เพิ่งเห็น คห.30 อ่านแล้วรู้สึกดีนะครับ หวังว่าจะเป็นแบบนี้เรื่อยไป ปล. ผมไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับพวกหมอๆ หรือสาธารณสุขเลย จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:20:02

ความคิดเห็นที่ 33 คงบอกคุณสรยุทธ์ไม่ได้  เพราะขานั้น...กำลังใจเขามีไว้ให้ผู้หญิง 2 คน คนนึงชื่อปู  คนนึงชื่อทงอี เลยนไม่มีเหลือเผื่อหมอ เป็นกำลังใจให้นะครับ   ลองคิดอีกทางไหม  ว่ามันคือ "ลิขิตที่เราเลือกมาแล้ว" (เหมือนแหวนใน Lord of the Ring นั่นเลย  มันเป็น Destiny ของเฟรโด คิดแบบนี้แล้วดูใจฟูดีนะครับ) จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:21:26

ความคิดเห็นที่ 34 สู้ ๆ ครับ ผมไม่รู้จะให้กำลังใจอย่างไรครับ แต่ขอบอกว่าอดทนเถอะครับ ทำดีที่สุดในหน้าที่ของเรา ให้ความรู้เท่าที่เราจะทำได้ หากเราทำเต็มที่แล้วแต่ถ้าบางคนไม่เข้าใจ ก็ปล่อยวางครับ อย่าเก็บมาคิดให้หนักใจ ให้จิตเราเป็นทุกข์ครับ จากคุณ : GamaBunta เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:21:35

ความคิดเห็นที่ 35 คห.30 โถๆ ๆ...คุณหมอ popcorn เจ้าขา... คนไม่ได้เป็นหมอ อยากเรียนให้ทราบว่า คลิ๊กอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ยังไม่มีคนตอบ... ก็ได้แต่ส่งกำลังใจอย่างเงียบๆ   เพราะถ้าให้พูด ก็คงเป็นคำพูดเดิม ๆ ใช่ค่ะ.....ที่หมอทำงานอย่างมีความสุขวันนี้... ก็เพราะอีก ๑ แรงใจจากเรานั่นเอง รักและเข้าใจคุณหมอเสมอค่า ^^ จากคุณ : เขิน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:24:34

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นใจและเข้าใจค่ะ ทุกอาชีพไม่มีอาชีพไหนที่ทำงานแล้วราบรื่น มีความสุขตลอดเวลา ความเครียด ความเหนื่อย ความท้อแท้ มีเกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ขอให้มีกำลังใจค่ะ ท้อได้ แต่อย่าถอย รักษาผู้ป่วยอย่างมีเมตตา ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ เหนื่อยนักก็พักก่อน หากำลังใจให้เรามีกำลังสู้ต่อ งานมันเครียดแต่เราพยายามอย่าไปเครียดกับมัน อย่าเอามาสับสนกับชีวิตส่วนตัว สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Eternity Heart) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:25:04

ความคิดเห็นที่ 37 ให้กำลังใจน้องนะครับ เข้าใจว่ายังเป็น intern อยู่? "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" เวลาผมเจออะไรที่มันเหนื่อย ท้อแท้ ลำบาก ผมก็แค่คิดแบบนี้ แล้วมันก็จะดีขึ้นครับ ลองใช้ดู ส่วนเรื่องการดุคนไข้ พวกโรคเรื้อรังแล้วไม่ดูแลตัวเอง เมื่อก่อนผมก็เป็นนะครับ เราหวังดีอยากให้เค้าหาย แต่อีกซักพัก น้องก็จะรู้ครับ ว่าไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าเราจะบ่นว่ายังไง เค้าก็เหมือนเดิมครับ เจอกันห้านาทีเราเปลี่ยนเค้าไม่ได้หรอก เราเองกลับมาเครียดมากกว่า ดังนั้นทำใจครับ ปล่อยๆบ้าง พูดอธิบายตามหน้าที่ แต่อย่าคาดหวัง จะมีความสุขขึ้น "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" ^^ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:33:32

ความคิดเห็นที่ 38 ทำใจเจอคนไข้พวกนี้ นรกแตกแน่นอน โดยเฉพาะข้อ 4 โดนใจ (นึกถึงตอนเป็น พนง.ขายขนม) แต่สิ่งที่นึกไม่ถึงเลยคือ คนตจว.เป็นแบบนี้ไปแล้วหรอ เมื่อก่อนกล่าวกันว่าคนกรุงเห็นแก่ตัว คงต้องทบทวนใหม่แล้ว ส่วนตัวผมมีหมอประจำรักษา แบบว่ารอไปเหอะ นัดไม่เป็นตามนัด ต้องรอหมอสอนเสร็จก่อน ไม่รู้จะเลิกกี่โมง บางทีก็มีนัดสอนบ้างก็ไม่มีนัด คนไข้ก็รอกันไป จากคุณ : saynapuy เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:36:52

ความคิดเห็นที่ 39 มาให้กำลังใจคุณหมอค่ะ..... ขอให้คุณหมอทำงานแล้วมีความสุขมากขึ้นทุกๆวัน ดิฉันคนหนึ่งที่ตั้งใจไว้ว่า...ถ้าป่วยจะพยายามเป็นคนไข้ที่ดูแลทั้งกาย ใจตัวเองไม่ให้ทุกข์เกินเหตุ อะไรจะเกิดก็เกิด พร้อมกันนั้นก็จะพยามยามดูแลกายใจของคุณหมอและพยาบาลด้วยความขอบคุณที่ได้รักษาดิฉัน อยากให้คุณหมอรักษาดิฉันด้วยความสุขกายสบายใจจริงๆ...แหม..เขียนอธิบายยากจัง เอาเป็นว่าจะป่วยยังไง รักษายังไง ไม่ว่ากัน..ขอให้มีความสุขเข้าใจชีวิตทั้ง2ฝ่าย สั่งญาติไว้แล้วค่ะ..หากหมดสติ ขอตายอย่างสวย..อย่าปั๊ม อย่าเจาะ อย่า...อย่า.. ขอให้ไปอย่างเรียบง่าย สบายทั้งคนอยู่และคนไป ส่งกำลังใจมาให้อย่างมากมายนะคะ แม้เหนื่อยหน่าย....อย่างน้อยจงภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ลูกน้องหมอ รพศ. (พระจันทร์เดือนแรม) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:49:23

ความคิดเห็นที่ 40 ปัญหาที่สร้างโดยคนไข้ ยังไงมันก็แก้ง่ายกว่าปัญหาที่สร้างโดยหมอด้วยกันอยู่แล้ว คนเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ แต่ถ้าให้มาแก้ไอ้ที่เราไม่ได้ผูก นี่สิเพลีย! สู้ๆ ละกันคับ จากคุณ : หมอเกรียน เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 21:50:36 A:182.52.133.196 X: TicketID:312493

ความคิดเห็นที่ 41 สู้ๆครับ เข้าใจและยังศรัทธาในความเสียสละของหมอดีๆที่ยังมีอีกมาในสังคมไทยบ้านเราเสมอ พวกคุณเสียสละยิ่งใหญ่มากครับ ตัวเองไม่มีปัญญาเรียนหมอ เลยมาให้กำลังใจ แต่อยากด่าไอ้ระบบเฮง ซ ว ย นี่หน่อย ใครมาเป็น รมต กี่คนๆก็แก้ไม่ได้เลยเหรอ ทำเอาคนทำงานท้อแท้กันไปหมด เฮ้อ อย่างที่คุณหมอบอกล่ะครับ คนไข้รายได้น้อยและยากจนจริงๆ ทางเลือกเขาไม่เยอะมากหรอกครับ บางคนกินเท่าที่มี ไม่ได้ห่วงเรื่องสุขอนามัยอะไรด้วยซ้ำ มีกินก็ดีแล้ว อีกอย่างเวลาเจ็บป่วย ต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ไปรอหมอที่ รพ. เป็นคนตจว.เคยมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว ไปกันตั้งกะตี 5 ปรากฏว่าไปถึง มีคนมาเข้าคิวก่อนเราแล้ว OMG!! จากคุณ : Click_ที่นี่ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:10:48

ความคิดเห็นที่ 42 คุณสรยุทธ์คือใครเหรอครับ ผมไม่ได้ดูมาตั้งนานตั้งนานแล้ว ไ่ม่รู้ว่าผมดูไปแล้วจะได้อะไร จากคุณ : หมาๆแมวๆ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:18:23

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเข้าใจจริงๆค่ะว่าเป็นหมอที่ตั้งใจทำงานมันเหนื่อย..แต่ก่อนเราคิดว่า ทำไมหมอถึงมาตรวจสายจัง มาทำงานเกือบเที่ยงไรงี้..พอมารู้จักสนิทกับหมอถึงเพิ่งรู้ว่า คุณหมอเค้ามาเดินราวน์คนไข้กันตั้งแต่ไก่โห่แล้ว กว่าจะครบชั้น ครบตึกก็เลยสายแบบนั้น...เสร็จก็ต้องมาตรวจคนไข้ โอพีดี ต่ออีกเป็นร้อย...  - -" คิดก็เหนื่อยแล้วค่ะ ต้องพูดอะไรซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา เพราะคนส่วนมากก็เป็นโรคเดิมๆอะเนอะ แถมเราคิดว่าหมอที่เรียนจบแล้ว เลิกงานแบบคนทำงานออฟฟิตทั่วไปด้วยอะค่ะ 555..คิดว่าเลิกงาน 5-6 โมง แล้วก็มีเวรบ้างบางคืนไรงี้ มารู้ทีหลังอีกแหล่ะ ว่าหลังจากทุ่มนึงแล้วต้องไปราวน์คนไข้ตามตึกอีกจนครบ เลิกงานเกือบเที่ยงคืน ..เฮ้อออ  เหนื่อยแทน  เงินเดือนที่ว่าเยอะ พอเทียบกับตารางงานแล้วดูหน่อมแน้มไปเลยนะคะ อ้อ..เราพูดในกรณี รพ.รัฐอะค่ะ ขอบอกคุณหมออีกทีว่า นอกจากคนที่เป็นหมอเหมือนกันแล้ว  เราเข้าใจและเคารพคุณหมอนะคะ เรารู้ว่าหมอก็เป็นงานอย่างนึง ที่ทำงาน ได้ค่าตอบแทน เหมือนอาชีพทั่วๆไป แต่ความรับผิดชอบมันมากกว่านั้นค่ะ มันคือชีวิตคนไข้ เราว่าตรงนี้แหล่ะค่ะที่ทำให้หมอ ต่างจากอาชีพอื่น...ไงก็สู้ๆนะคะ เข้าใจและเป็นกำลังใจค่ะ ^^// จากคุณ : เด็กหญิงบ้องแบ๊ว เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:32:35

ความคิดเห็นที่ 44 ในฐานะที่ดิฉันเป็นคนป่วยนะคะ ดิฉันเห็นใจคนที่เป็นหมอมาก มีบางครั้งอาจจะหงุดหงิดหัวใจบ้างที่เราถ่อสังขารขับรถฝ่าความมืดตอนตี 4 ตี 5 เพื่อที่จะไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดตามที่หมอนัดไว้  ไปนั่งรอหน้าห้องเจาะเลือด ตรวจฉี่ ตี 4กว่าจะได้เจาะตีห้าหกโมง เราไม่บ่น  ไม่เป็นไร เพื่อสุขภาพของเรา ศรีทนได้ เสร็จแล้วเราต้องไปยืนต่อแถวยาวเหยียดเสียดฟ้าเพื่อวัดความดัน ยืนจนใส้ติ่งแทบจะเคลื่อนตามแรงโน้มถ่วงโลกลงมาที่ตาตุ่ม แถมบางทีเจอคนแก่เนียนแซงคิว ยายแก่แล้วขอแซงหน่อย  อ่ะเราก็ให้ระยะเวลาในการกระดึ๊บกระดึ๊บของคนไข้ทีละคนกว่าจะถึงคิวเรากินเวลาขั้นต่ำครึ่งชั่วโมงยืนจนเหน็บแด_ก  เราก็อดทน ไม่เป็นไรเพื่อสุขภาพ เสร็จจากวัดความดัน เราก็ต้องไปรอซักประวัติตอน 8 โมงครึ่ง นั่งรอกันอยู่อย่างนั้น มาเร็วก็ได้ซํกประวัติเร็ว วันไหนไม่สบายตื่นสายบางทีต้องรอซักประวัติตอนบ่ายด้วยเหตุคุณคือจุดอ่อน เอ๊ย คุณมาสาย  ไม่เป็นไร อีกขั้นตอนเดียวเราก็จะได้เจอคุณหมอแล้ว ตอนซักประวัติเราก็พยายามบอกพยาบาลไปว่าเรารู้สึกยังไง ปวดข้อ ปวดขา ไม่มีใครอยากเมคอาการเพื่อจะต้องมานั่งกรอกยาตัวเองมื้อละ 3-10 เม็ดหรอกค่ะ อึฉี่แต่ละที่กลิ่นยาหึ่งฉึ่ง จากนั้นเราก็รอคิวค่ะ รอหมอเรียก แต่คุณก็ต้องเจอกับ ขบวนการรถเข็น รถนั่ง รถนอน แม้คุณจะได้คิวที่ 5 คุณก็จะต้องนั่งรอจนตูดลีบ เพราะให้รถเข็น รถนั่ง รถนอนสารพัดรถเข้าไปก่อน เราก็ไม่เป็นไรคนป่วยเหมือนกัน พอไปพบหมอ สำหรับคนป่วยแล้ว หมอคือที่พึ่งเดียวในชีวิตของเรา ถ้าถึงมือหมอแล้วยังไงหมอก็ช่วยเรา แต่บางทีเจอหมอองค์ลง ตวาดเราแว๊ดๆจนเราตกใจกลัวขี้หดตดหาย ลืมไปเลยว่ามีอาการอะไรบ้าง ลืมไปเลยว่าจะบอกหมอว่าอะไร ก็เดินเอ๋อๆออกมาภายใน 15 วิที่ตูดแตะเก้าอี้ ไม่มีใครหรอกค่ะที่อยากไปโรงพยาบาล คนไข้เองก็ป่วย เขาก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของตัวเอง เขาก็หวังว่าหมอที่ร่ำเรียนมาด้วยจิตเมตตา จะเข้าใจเขา แต่พอมาอ่านความรู้สึกของหมอแบบนี้ดิฉันคงคิดผิดไปว่าหมอจะเข้าใจจิตใจของคนไข้ ในขณะที่คุณนั่งตรวจคนไข้ในห้องแอร์ เราเหล่าคนป่วยก็ต้องตระเวนเดินสายตามแผนกต่างๆเหมือนกัน แถมกว่าจะคัดกรองซักประวัติเสร็จ กว่าจะได้กินข้าวบางทีก็เที่ยงๆบ่ายๆ เราหิ้วท้องทนหิว แต่เราก็ไม่เคยบ่น เพราะเดี๋ยวเราก็ได้เจอหมอแล้ว สาบานได้เลยว่าดิฉันเป็นประเภทถ้าไม่เจียนขาดใจตาย ดิฉันไม่เคยขอไปนอนโรงพยาบาลเลยซํกครั้ง มีใครจะอยากไปนอนท่ามกลางคนไข้ที่มีสภาพน่าหดหู่ พยาบาลตวาดตะคอกคนไข้ เจาะเลือดเจาะน้ำเกลือแต่ละทีเหมือนเราไม่ใช่คน  เจอหมอดีก็ดีไป เจอหมอที่เคยดุเรามาเราก็เซ็งเป็น ดิฉันโชคดีที่พอเป็นเอสแอลอี เจอคุณหมอดี ไม่เคยตวาดตะคอก พูดจานุ่มนวลกับคนไข้ คนไข้ก็รู้ว่าหมอเหนื่อยหมอเครียด คนไข้ก็เห็นใจหมอ แต่เราก็อยากให้หมอเข้าใจคนไข้ด้วย ว่าเราก็ต้องอดทนอะไรบ้างในแต่ละครั้ง หมอคือทุกสิ่งทุกอย่างของคนไข้ รักษาเราดี รักษาเราหาย เรานี่แทบจะกราบเท้าเลย แล้วถ้าหมอดุด่าว่าเรา เราก็มีสิทธิ์โกรธไม่ใช่เหรอคะ อยากให้หมอเข้าใจคนไข้บ้าง ยิ่งคนไข้ชรา ก็เหมือนเด็กๆ เพราะอาการป่วยเขาเลยคิดว่าตัวเองเป็นนู่นเป็นนี่เป็นนั่นไปหมด ถ้าเรารวยเราคงไม่ไปรบกวนคุณให้คุณเหนื่อยเหงื่อหยดหรอกค่ะ เราคงไปรักษาที่แพงๆแต่บริการเราเต็มที่แน่ๆ ด้วยความเคารพ จากคนไข้ที่ไม่เคยงอแง จากคุณ : คลับซ่าส์ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:42:52

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนอันนี้ มาให้กำลังใจหมอนะคะ หลังจากบ่นไปยาวยืดจากอันบน ขอขอบคุณคุณหมอทุกท่านที่เลือกเดินเส้นทางสายนี้นะคะ ถ้าไม่มีพวกคุณเราก็คงตายก่อนกำหนดกันไปนานแล้ว ขอบคุณที่ทนทำงานหนัก เหนื่อย และเครียดนานาประการ ขอให้คุณหมอมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุมั่นขวัญยืน มีความสุขในสิ่งที่เป็นนะคะ ถ้าวันไหนคุณหมอเหนื่อยขอให้มองที่รอยยิ้มและดวงตาเทิดทูนที่คนไข้มีต่อหมอนะคะ ปล.คนไข้บางคนที่ฐานะยากจน บางทีมีอะไรมันก็ต้องกินๆไปน่ะค่ะ เลือกไม่ได้ แห่ะๆ จากคุณ : คลับซ่าส์ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 22:58:21

ความคิดเห็นที่ 46 เหนื่อยก็พัก หนักก็นอน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก้เช้าแล้ว  เราก็จะสดชื่นตื่นไปสู้กับโลก(โรค)ต่อไป เครียดไม่เครียดก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีความสุขด้วยตัวเอง  และหยิบยื่นความสุขนั้นกลับไปให้ทุกๆคน ยิ้มที่ให้ไปจะแลกได้หลายๆยิ้มกลับมา จากคุณ : หมอ41 (gunapide) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:01:25

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะ ตัวผมเอง ก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย T-T นำลิงค์มาฝาก เผื่อว่า จขกท. จะรู้สึกดีขึ้นว่า มี " หมอ " ที่ทำงาน แบบเดียวกัน เจอปัญหาเหมือนกันอีกเยอะ  ..      ( แต่เอ  อ่านแล้ว จะรู้สึก ดีขึ้น หรือ แย่งลง ???  เพราะมัน ดร่าม่า มั๊ก ๆ .. ) เป็นกำลังใจ ให้ หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ทำงานใน รพ.รัฐ ทุกท่านด้วยนะครับ .. L6923601 ความในใจของหมอน้อยคนหนึ่ง [คลินิกหมออาสา] ส.มโนมัย (113 - 25 ส.ค. 51 15:05) http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2008/08/L6923601/L6923601.html L7533626 ขอระบายความคับแค้นในวิชาชีพแพทย์ [คลินิกหมออาสา] จ่าพิชิต ขจัดพาลชน (334 - 16 ก.พ. 52 22:30) http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2009/02/L7533626/L7533626.html L7704503 =+=+=+=+ หมออยากระบาย +=+=+=+= [คลินิกหมออาสา] suong119 (68 - 5 เม.ย. 52 09:31) http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2009/04/L7704503/L7704503.html L8826063 สาเหตุหนึ่งที่หมอลาออก.. ในความคิดของหมอก้อนหิน หมอก้อนหิน (420 - 30 ม.ค. 53 12:00) http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2010/01/L8826063/L8826063.html แถมเรื่องเงินเดือนหมอ .. สำหรับ ความคิดเห็นที่ 18 " แต่รายได้ก็สูงตามความเหน็ดเหนื่อยนี่ครับ  ??? " ลองอ่านดูละกัน .. ขอชี้แจง เงินเดือนหมอครับ http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2011/06/L10639069/L10639069.html กระทู้สงสัย !! ทำไมแพทย์ที่ "เพิ่งจบ จากมหาลัยถึงเงินเดือนสตาร์ทที่"หลักแสน แต่ตำรวจ พยาบาล ครู ถึงสตาร์ทที่หลักหมื่น http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2011/06/L10637917/L10637917.html l จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:19:43

ความคิดเห็นที่ 48 ผมก็เบื่อแต่ก็ไม่รู้ทำไง สงสัยจะ "ทำเพราะรัก" จากคุณ : Dr.DJ เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:41:04

ความคิดเห็นที่ 49 ผมแนะนำให้นะครับ แนะนำแบบตรงๆ เพราะผมสงสารหมอประเทศนี้มากครับ สิ่งสำคัญสุดในการทำงาน คือความสุขที่จะได้ทำมันนะครับ ถ้าทำแล้วเครียด เบื่อ ทุกข์ ทรมาน อยากตาย ก็ต้องแก้ไขครับ ผมแนะนำแบบจริงๆนะครับ คนไข้ หรือใครมาอ่าน อาจจะตกใจ ว่าทำไมชั่วจัง แต่ทำตามเถอะครับ คุณหมอจะสบายขึ้น แล้วท้ายสุด คนไข้จะได้ประโยชน์ระยะยาวเอง 1 คนเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคเรื้อรังต่างๆที่ไม่ดูแลตัวเอง ถ้าเราได้อธิบาย อย่างเต็มที่แล้ว  คนไข้ไม่ทำตาม ไม่เชื่อฟัง ปล่อยไปเลยครับ  ให้คนไข้พวกนี้ตายๆไปบ้าง ไม่ต้องไปเครียด คนไข้ตายเพราะตัวเค้าโง่เอง       ดีกว่าเค้าเกลียดหมอที่หมอไปบังคับ ไปดุเค้านะครับ ดังนั้น ต่อไปจ่ายยาเดิม   ปล่อยๆตายๆไปครับ 2 ตรวจคนไข้ ไม่ต้องรีบตรวจครับ ตรวจช้าๆ ให้เราไม่เหนื่อย คนไข้จะรอ จะหงุดหงิด    ทนไม่ไหวเลยกลับไปก่อนก็ช่าง คนไข้จะเกลียด รพ ไม่อยากมาอีกก็ช่าง ก็เรื่องของเค้าครับ   เราไม่ผิดอะไร ไม่ต้องไปรีบอะไร ไม่ต้องไปเร่งตรวจ จนตัวเองตายคาห้องตรวจนะครับ เกิดตายจริง คนไข้เค้าสมน้ำหน้าหมอนะครับ "เป็นหมอซะเปล่า ไม่ประมาณตัวเอง ตรวจจนตายคาห้องตรวจซะงั้น" สรุป ตรวจช้าๆครับ ไม่ต้องรีบ ห้าหกโมง แล้วยังค้างอีกห้าสิบคน ก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา ค่ำแล้วเค้ากลับบ้านไปหาลูกเมียเองนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้ามาใหม่เอง 3 คนไข้บ้าๆ พวกเรื่องมาก  มาขอยา มาจะเอานู้นนี่ รีบสั่งยา เขียนยาให้ไปครับ  ไม่ต้องมองหน้า ไม่ต้องแตะต้องร่างกาย ไม่ต้องตรวจอะไร เขียนใบสั่งยาเสร็จ เชิญออกได้ พวกนี้กินยาเองมั่วๆ เดี๋ยวตายเอง ก็เรื่องของเค้า พอเกือบตายขึ้นมา    พวกนี้จะมีบทเรียน ไม่ขอยาเยอะแล้วครับ 4 พักเที่ยง กินข้าวตามเวลานะครับ กินเสร็จไปนอนพัก แล้วมาตรวจต่อบ่ายโมงตรง ไม่ต้องเอาเวลาพักมาตรวจนะครับ จะหงุดหงิด ไม่มีใครสนใจเรานะครับ    มีแต่สมน้ำหน้าว่า " อ้าว ก็อยากไม่พักเองหนิ โง่เอง" ดังนั้น ปล่อยเค้ารอไปนะครับ ทนไม่ไหว เค้าไปคลีนิก ไปรพ เอกชนเอง 5 ไม่ไหว ลาออกมาอยู่เอกชนนะครับ สบายกว่าเยอะ รวยไม่รู้เรื่อง วันๆนั่งเล่น ตากแอร์ ตรวจคนไข้ขำๆ รายได้เยอะกว่า หลายๆเท่า ได้ช่วยเหลือคนเหมือนกัน คนไข้จนๆ ถ้าอยากมาตรวจเอกชน เป็นหน้าที่ที่เค้าต้องหาเงินมาตรวจเองนะครับ ถ้าไม่มีเงิน ก็ทนไปรพรัฐต่อไป   เราไม่ได้ผิดอะไร ชีวิตหมอ มีทางเลือกนะครับ ไม่มีใครบังคับให้ทำงานที่เดียวจนตาย 6 คนไข้บ้านนอกๆ  แต่พอมีเงินบ้าง พวกใส่สร้อยโตๆ จีบปากจีบคอ ดัดจริตเป็นไฮโซ คนพวกนี้อิจฉาหมอครับ เพราะเค้ารู้ว่า เงินอาจจะเท่าๆกับเรา  แต่การยอมรับทางสังคมแย่กว่าเรา ดังนั้น พวกนี้จะพยายาม เถียง ขัด สั่ง บังคับหมอต่างๆนาๆ ให้เราทำตาม อย่าไปถือสานะครับ เค้าคงอยากรู้สึกเหนือกว่าเราบ้างครับ ปล่อยๆไป รีบๆสั่งยา รีบเชิญกลับบ้าน   ส่วนใหญ่พวกนี้รุ่นป้าๆทั้งนั้น หงุดหงิดเพราะหมดความสาวความสวยไปนานแล้ว ใกล้ตายแล้ว มีแต่ทอง เอามาปะปะ ตามตัวให้คนมอง ปนสมเพชแค่นั้น 7 จะมีคนประเภท "ถ้าเป็นหมอแล้วมันทุกข์มาก ก็อย่าเป็นสิ" ไม่ต้องถือสานะครับ ประโยคพวกนี้ เค้าสนุก  ที่ได้ย้อนให้เราตอบยาก เป็นประโยค ที่เอาไว้สวนเล่น     เวลาตอบกระทู้ทางเนตครับ คนพวกนี้ คือคนอิจฉาหมอ แต่ไม่มีปัญญาเป็นหมอนะครับ พวกนี้เค้าโพสไปงั้นๆ ถามเสร็จก็ปิดกระทู้ไป อย่าไปสนใจครับ 8 คนไข้ใด รู้สึกว่ายาก อย่ารักษาเอง ส่งคนไข้ไปที่อื่นครับ อย่าเสี่ยง บอกไปเลยครับ ว่าอาการคุณเกินความสามารถผม  ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไร คนไข้จะกลัวหมอรักษาไม่ได้   กลัวตาย จะย้ายออกไปเอง จขกท จะได้ไม่ต้องตรวจมากเกินครับ ไม่ต้องเสี่ยงด้วย 9 ทำอะไร ทำให้คนไข้เห็นครับ เช่นเรายุ่งในห้องฉุกเฉิน แล้วคนไข้นอก รอนานมาก เค้าจะด่าหมอในใจ ว่า "ไปคลีนิก ไปอู้งานแน่เลย ชั่วจัง เอาเวลาราชการไปเปิดคลีนิก" เค้าไม่รู้นะครับ ว่าคุณช่วยคนไข้อยู่ ดังนั้น ฝากพยาบาลสื่อสารกับคนไข้เป็นระยะนะครับ ว่าตอนนี้มีคนจะตายในห้องฉุกเฉิน หมอปั๊มหน้าอกอยู่   คนไข้จะได้ไม่ด่าคุณจขกทครับ 10 หมอดีแล้วค่ะ หมอเสียสละ อย่าลาออกเลยนะ หมอเป็นคนดีมาก อุดมการณ์มากเลย คำพวกนี้ เอาไว้เหมือนเป็นเศษเนื้อเล็กๆน้อยๆ   โยนให้คุณ หลอกให้คุณเหนื่อยอย่างนี้ไปจนตายครับ คนอื่นต้องพูดแบบนี้ เพราะญาติเค้าตามบ้านนอก ต้องไปพึ่งคุณนะครับ แต่ถ้าคุณหมอไม่ไหว ก็ลาออกนะครับ มีหมอรุ่นใหม่ๆ จบไปแล้วไปทนทุกข์แบบนี้แทนหมอเรื่อยๆครับ สองปีเปลี่ยนคน  สองปีเปลี่ยนคน ยังไง รพก็ไม่ปิดเพราะหมอลาออกนะครับ ออกได้ออกเสีย 10ข้อก่อนนะครับ กลับไปทำดู กลับไปคิดดู เป็นหมอที่ดี      แต่ทุกข์จนอยากตาย จนมาตั้งกระทู้ จะเป็นไปทำไมครับ เป็นแบบผมดีกว่า สุขสบาย แฮปปี้ รวยกว่าหมอเยอะ ได้ทำงานที่ชอบ มีเวลาให้กับงานแบบมีคุณภาพ ผลงานออกมาดีกว่าหมอแบบคุณเยอะครับ คนเค้าชมคนแบบผม มากกว่าชมหมอนะครับ เพราะเค้าไม่รู้ ว่าคุณทุกข์แค่ไหน เค้ารู้แค่เปลือก และภาพ ที่เค้าชอบเห็นชอบฟังเท่านั้น เอาความจริงมาพูด จขกท คงเข้าใจดีที่สุดนะครับ มีหมอลาออกไปมากมายแล้วครับ ไปถามหมอพวกนั้นนะครับ เค้าจะพูดเสียงเดียวกันว่า "รู้งี้ กุลาออกไปนานแล้ว" แทบทุกคนครับ ขาดแคลนหมอ ไม่ใช่เรื่องของเรานะครับ กระทรวงและประเทศนี้ ต้องหาทางแก้เอาเอง ขนาดคนรับผิดชอบประเทศนี้ เค้ายังไม่ห่วงชาวบ้าน ที่ขาดแคลนหมอเลย คุณไม่ต้องไปทนตรวจจนตายให้นักการเมืองพวกนี้ แล้วพวกรัฐมนตรี เห็นว่ายังพอไหวๆ เลยไปหาทางคอรัปชั่น แล้วลืมหมอที่ทำงานเป็นควายไว้แบบนี้นะครับ ขอให้โชคดี ^_____^ แก้คำผิดครับ รปภ.บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 12:10:28 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 12:01:24 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 00:41:36 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 00:33:25 แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 54 23:42:33 จากคุณ : GMPLS เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 23:42:12

ความคิดเห็นที่ 50 อืม เข้าใจเลย คูณความเหนื่อยทั้งกายทั้งใจของวิชาชีพอื่นไป 3 เท่า ยิ่งเจอภาวะสมองไหล ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ยิ่งไปกันใหญ่ เพื่อนเคยบอกว่าต้องทำสถิติตรวจไม่เกินคนละ 3 นาที ทำงานวิชาชีพวันละ 10 ชั่วโมงนี่ไม่ไหวเลย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จากคุณ : คนโง่ว์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:01:14

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาให้กำลังใจ จขกท จ้า โดนมาหมดแล้วเหมือนกัน แต่มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ นอกจากทำใจแล้วก็พยายามมองโลกแง่บวก  เคยโดนหนักสุดคือคนไข้วีนใส่ ขันติจนเกือบขันแตกต้องรีบลุกไปห้องน้ำแล้วก็กรี๊ดๆๆในห้องน้ำ  คิดในใจว่าทำไมต้องมาโดนคนไข้แว้ดๆๆใส่ไม่อยากตรวจแล้ว แต่สิ่งที่ทำได้คือ ยังงัยก็ต้องตรวจ เดินออกมาจากห้องน้ำเจอคนไข้นั่งรอหน้าสลอน คนแก่ก็มี เด็กก็มี แล้วก็คิดได้ว่าคนไข้ดีๆๆยังมีอีกเยอะที่รอให้เราตรวจ  ถ้าเราไม่ตรวจแล้วเขาจะทำยังงัย บางคนบ้านไกลมารอตั้งแต่ตีห้าห่อข้าวเอามากินด้วย บางคนก็อุตส่าห์เอาผลไม้ เอาน้ำผึ้งมาฝากหมอด้วย  เลยทำให้คิดได้ว่าอย่าไปเสียกำลังใจกับคนไข้ขี้วีนบางคน(หรือหลายคน)ยังมีคนไข้นิสัยดีอีกเยอะที่รอให้เรารักษา ถ้าเขาไม่ป่วยจริงเขาคงไม่มาหาเราหรอก คิดแบบนี้จะได้อารมณ์ดีเวลาตรวจคนไข้ ปล. ให้กำลังใจ จขกท ค่า ชะตากรรมเดียวกันแต่สามารถฝ่าฟันมาได้แล้วค่า ถ้าทำไหวก็ทำ ทำไม่ไหวลองลาหยุด ชาร์จแบตสักวันสองวันแล้วจะมีแรงฮึดกลับมาสู้ใหม่จ้า จากคุณ : น้ำตาลกะข้าวตัง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:23:31

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านมาได้ไม่กี่ reply แล้วก็เลิกอ่าน ประมาณ 5 ปีก่อน ผมคงอ่านกระทู้นี้อย่างละเอียด และพยายามแสดงความคิดเห็น อธิบายในมุมมองของแพทย์ ตอนนี้เกิดความรู้สึกว่า พูดอะไรไป ต่อให้มีคนมาบอกว่าเห็นใจ เข้าใจอะไรยังไง คนที่ไม่ได้เป็นหมอแล้วต้องเจอความลำบาก ยังไงก็ไม่เข้าใจ หมอด้วยกันเองก็ไม่เข้าใจ ทุกข์ใครทุกข์มัน เจอกันมากน้อยแล้วแต่บุญกรรม แต่ก็ได้รับกำลังใจนะครับ :) จากคุณ : IronYoJin เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:11:00

ความคิดเห็นที่ 53 มาเป็นกำลังใจละกันค่ะ...รู้ว่า หมอ รพ.รัฐบาลงานหนักจริง แม่ทำงานจนเกษียณ  ยังต้องต่อเกษียณ... ตั้งแต่ทำงานจนปัจจุบัน  ยังไม่เคยออกไปทานข้าวนอกห้องตรวจเลย   เพราะไม่เคยพักจริง 1ชม. ได้กินข้าว 15นาทีไปห้องน้ำอีก 5นาที.. ตี 1 ตี 2 ก็มีโทรศัพท์มา เรียกไปผ่าตัด... พี่สาวเป็นจิตแพทย์เด็ก...ไปทำงานแต่เช้าตรู่..กลับมาก็มีแต่โทรศัพท์จากพ่อแม่เด็ก  เพื่อนฝูง  เพื่อนของเพื่อน  ญาติ ญาติของญาติของญาติ  บ้าบอไปหมด  ...ไม่เคยนอนก่อนตี 2เลย  โทรศัพท์ดังตลอด...ในที่สุด  ร่างกายไม่ไหว หัวใจวายตายไปซะเฉยเลย... อาชีพหมอ จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 01:42:24

ความคิดเห็นที่ 54 เอ่อ... เราว่าทุกอาชีพก็หนักเหมือนกันอ่ะค่ะ แม่เราทำงานธุรกิจ ก็ไม่เห็นแม่จะสบายเลยซักครั้ง ใครบอกว่าชิวๆ มันไม่ใช่เลย... ป๊าเราทำงานคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงคนในครอบครัวเกือบสิบคน บริหารคนอีกเกือบร้อย (สองคนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ) ลูกค้าก็งี่เง่า โทรมาหกโมงวันเสาร์ อาทิตย์มั่ง จะนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว ลูกน้องไม่ได้เรื่องก็ต้องออกหน้ารับแทน...โดนด่า โดนจิก เรื่องคู่แข่งทางการค้า สารพัดสารเพ ดูแลลูกอีก... จขกท.มีลูกไหมคะ เหนื่อย เหนื่อยมาก เสียสละกว่าอะไรทั้งสิ้น มีอะไรต้องให้ลูกก่อน ไม่ใช่ว่าเราไม่เห็นใจนะ แต่ให้ลองมองหลายๆมุมดูค่ะ มันเป็นหน้าที่ที่เราเลือกแล้ว เมื่อเลือกแล้วเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ท้อแต่อย่าถอยแล้วกันนะคะ จากคุณ : Sweet Georgia Brown เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 02:50:06

ความคิดเห็นที่ 55 เห้อ บ่นบ้าง วันนี้แอบหงุดหงิดเล็กๆ เหมือนกัน เมื่อวานอยู่เวร 8.00 - เช้า 8.00 วันนี้ วิ่งยุ่งทำงานตลอด ข้าวเย็นเมื่อวานซื้อมาเป็นถุงไว้ไม่มีเวลาแม้แต่จะเอามาเทนั่งกิน ได้นอนแค่ชั่วโมงกว่าๆ (ไม่ใช่หลับตลอดชั่วโมงนะครับ ได้นอนแบบมีโทรศัพท์มารายงานเรื่อยๆ) แล้วก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานต่อ 8.00 - 17.30 วันนี้ (แล้วนี่ก็เผลอหลับไป เพิ่งตื่น พรุ่งนี้ก็ทำงานปกติถึงเย็น แล้วมะรืนก็อยู่เวรอีกแล้ว) อันนี้เฉยๆ ง่วงเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่หงุดหงิดตรงมาเจอ(ญาติ)คนไข้ที่ชอบบ่นว่า มานอนตั้งนานแล้วหมอไม่ทำอะไรเนี่ยแหละ ทั้งๆ ที่จริงยาก็ฉีดให้ แต่ยามันฉีดวันละครั้ง วัดความดันอุณหภูมิก็ทำตลอดโดยพี่พยาบาล มีนัดทำอัลตราซาวด์ซึ่งนัดได้เร็วมากๆ ได้ืำตอนเย็นเลย ไม่เหมือนโรงเรียนแพทย์ต้องรอสามเดือน อธิบายไปก็ไม่ฟัง พอถามว่า บ่นว่าหมอไม่ทำอะไรให้แล้วจะให้หมอทำอะไรให้ ช่วยอะไรบ้าง ก็เงียบ แล้วก็บ่นๆ ออกมาเหมือนเดิม - -a -------------------------------------------------------------------------------------- เรื่องอยากนอนโรงพยาบาล ถ้าจำเป็นก็ให้นอนอยู่แล้วครับ ความจริงอยากถ่ายรูปคุณภาพชีวิตในวอร์ด(หอผู้ป่วย)มาให้ดูมากๆ แต่เดี๋ยวมันติดรูปคนไข้ คนไข้ล้นจนต้องนอนโซฟา หรือ เอาเตียงไม้เตี้ยๆ มาต่อให้นอน (ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่ดูอาการแล้วไม่หนัก) จากเดิมวอร์ดมีเตียง 34 เตียง วอร์ดผมผู้หญิงล้นไปเป็น 46 วอร์ดชายล้นไปเป็น 50+ แออัดมาก พี่พยาบาลมีกันอยู่ไม่กี่คน แค่ดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลที่จำเป็น เช่นการฉีดยา ทำแผล ให้น้ำเกลือ ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว การดูแลอื่นๆ เช่นการเปลี่ยนผ้าปูเตียงที่เปื้อนอาจจะทำได้ไม่ดี ก็เจอญาติหลายๆ คนบ่นบ้าง บางทีญาติก็ต้องช่วยดูแลที่บ้านกันบ้าง บางคนไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ต้องนอนโรงพยาบาล เพราะยาก็เป็นยากิน สัญญาณชีพดีหมดแล้ว แต่อยากให้นอนโรงพยาบาลเพราะผู้ป่วยนอนติดเตียง ต้องคอยเปลี่ยนผ้าอ้อม ต้องคอยป้อนข้าว ก็คิดในใจว่าที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้แล้วเขาดูแลยังไง (สรุปรายนี้ เหมือนญาติจะต้องไปทำงานต่างจังหวัด เลยอยากฝากไว้ รพ.) ------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : - WelL - เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 04:17:21

ความคิดเห็นที่ 56 ว่าจะไม่มาแจมแหละ เห็นหระทู้แบบนี้ทีไรก็เบื่อทุกที  แต่อันนี้ประสบการณ์ตรงแท้ๆ + เรื่องเล่าจากเพื่อนต่างรพ.มากมาย อันนี้ข้อมูลจากรพช. ถ้าเป็นรพ.จังหวัด อาจจะไม่ใช่แบบนี้ซักทีเดียว คุณรู้หรือไม่ว่าคนไข้ที่นอนรพ.เกือบครึ่งสาเหตุมาจาก "ขาดยา"  ทั้งๆที่ทุกวันนี้มารพ. "ยาฟรี" รู้หรือไม่ว่าคนไข้ 20-30% ที่นอนรพ. เป็นคนไข้ที่นอนรพ.ด้วยเรื่องเดิมๆ แนะนำไปกี่รอบก็กลับมาเหมือนเดิม ด้วบอาการเดิมๆ รู้หรือไม่ว่าคนไข้ 20-30% ที่นอนรพ.เป็นคนไข้ "ขอนอน/อยากนอน/อยากหยุดงาน" รู้หรือไม่ว่าคนไข้ 10-20% ที่นอนรพ.เป็นคนไข้ที่เคยเซ็นใบไม่สมัครใจรักษาแล้วขอกลับบ้านเองแล้วอาการหนักลงมากขอกลับมารักษาใหม่(ทั้งๆที่ตัวเองเคยบอกว่าจะไม่รักษาแล้ว แล้วใบที่เซ็นไปก่อนหน้าไม่มีประโยชน์แล้วใช่มั้ย) สรุปเหลือคนไข้ที่ควรจำเป็นต้องนอน รพ.จริงๆ เท่าไหร่หละเนี่ย (% รวมกันอาจจะเกินร้อย เนื่องจากผมเทียบกับความจุรพ. ซึ่งหลายครั้งก็ต้องมีต่อเตียงเพิ่มทำให้% รวมอาจจะเกิน 100% ได้ อย่าแปลกใจ) สำหรับคนที่สงสัยว่า ทำไมไม่อธิบายดีๆสำหรับบางคนที่อยากนอนแต่ไม่ควรนอน ผมตอบตรงๆว่า ผมเสียเวลาเขียนใบแอดมิต+เสียเวลาราวด์ตอนเช้ากับคนแบบนี้เร็วกว่าเวลาที่ผมใช้อธิบายให้เค้าเข้าใจและไม่นอนรพ.แน่นอน เอาเวลาไปตรวจคนอื่นดีกว่า คิดเอาละกันนะครับ ว่าพวกผมรักษา"คนป่วย" หรือรักษาคน "คนอยากป่วย" ในเมื่อไม่ทำตามที่หมอสั่ง พอเกิดอะไรขึ้นก็โวยวาย ไม่ได้โทษคนไข้ทั้งหมด แต่โทษระบบและสังคมไทยส่วนนึง  ธรรมชาติคนสมัยนี้รู้จักแต่ "สิทธิ" แต่ไม่รู้จัก "หน้าที่"  ทั้งๆที่ของสองสิ่งนี้ควรจะมาด้วยกันเสมอ ช่วงหลังๆ เน้นย่้ำกันเหลือเกินเกี่ยวกับเรื่อง "สิทธิผู้ป่วย" แต่ไม่เห็นมีรัฐบาลไหน เน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่อง "หน้าที่ผู้ป่วย" ผลก็อย่างที่เห็นหละครับ มันเป็นวงจรแย่ๆที่ไม่เคย(และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่)จะได้รับการแก้ไข ขนาดประกันอะไรก็ตามในโลกใบนี้ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้าเครดิตดี ทีส่งเงินครบ ไม่เคยใช้บริการ ให้ได้ลดค่าเบี้ยประกันในฐานะที่ปฏิบิติดี  แต่ทำไม ประกันสุขภาพถึงทำตรงกันข้าม ปล่อยให้คนที่ไม่ดูแลตัวเอง มาทำให้คนที่ดูแลตัวเองดีถูกแย่งสิทธิไปกันนะ พอดีกว่า ถูกปลุกมาดูคนไข้ที่มาขอนอนรพ.ตอนตีสี่ ทั้งๆที่กลางวันบอกให้นอนไม่ยอมนอนเลยอารมณ์เสียนิดหน่อย แวะมาดูพันทิพย์แก้เซ็งเลยกลายเป็นเซ็งกว่าเดิม ไปนอนดีกว่า ปล.เมื่อกี้ลืม เห็น #49 จะบอกว่า "แร๊งงงงงงงงง" แต่เป็นเรื่องจริงที่ถ้าหมอทำได้คงมีความสุข แต่หมอที่ยังกัดฟันอยู่ในระบบคงทำใจทำแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 05:32:35 จากคุณ : Akai suisei hiyoko (ลูกเจี๊ยบแรงสามเท่า) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 05:14:52

ความคิดเห็นที่ 57 ก็อบจากพี่ ยาม ขาดแคลนหมอ ไม่ใช่เรื่องของเรานะครับ กระทรวงและประเทศนี้ ต้องหาทางแก้เอาเอง ขนาดคนรับผิดชอบประเทศนี้ เค้ายังไม่ห่วงชาวบ้าน ที่ขาดแคลนหมอเลย คุณไม่ต้องไปทนตรวจจนตายให้นักการเมืองพวกนี้ แล้วพวกรัฐมนตรี เห็นว่ายังพอไหวๆ เลยไปหาทางคอรัปชั่น แล้วลืมหมอที่ทำงานเป็นควายไว้แบบนี้นะครับ ตามนั้นค่ะ เป็นหมอมีหน้าที่รักษาคนไข้ให้ดีที่สุด ไม่ใช่ให้ได้จำนวนมากที่สุด เราก็เจอทุกอย่างเหมือน จขกท ตอนอยู่เมืองไทย แต่เราก็ตรวจไปเรื่อยๆ ( ทำเหมือน พี่ยามทุกประการ ^^ ) เสร็จก็เสร็จ ไม่เสร็จ หมดเวลาก็กลับบ้าน ตรวจไม่หมด ไม่ใช่ปัญหาของหมอ เป็นปัญหาของ รพ คนไข้รอนาน หมอไม่พอ เป็นปัญหา รพ หมออย่าเอาทุกอย่ามาแบกไว้เอง หมอเป็นแค่คนธรรมดา หมอไม่ใช่ซุปเปอร์แมน หมอทำแต่หน้าที่ของตัวเองก็พอ คือหน้าที่รักษาคนไข้ ให้ได้ผลดีที่สุด ใช้เวลากับคนไข้เพื่อให้ได้ข้อมูลในการรักษา ให้ความรู้คนไข้ สื่อสารกับคนไข้ แสดงความสงสาร ความเห็นใจ หน้าที่ บริหาร จัดการระบบ เป็นหน้าที่ของ รพ ผู้บริหาร หรือ กระทรวง หมออย่าไปแบกภาระ รับแทนใคร จากคุณ : cardiogenic เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 07:15:07

ความคิดเห็นที่ 58 เรียนคุณจขกท. 1. เฮียสอไม่สนหรอกครับ เพราะเฮียตั้งต้นด้วยเงื่อนไขที่ว่า ---------- 1. เอาข่าวที่ขายได้เท่านั้นมาออก --------- 2. ข่าวร้ายขายได้ง่ายกว่าข่าวดี ----------3. ข่าวคนไข้น้ำตาตก (ไม่ว่าจะจากความงี่เง่าของใคร-หมอหรือตัวคนไข้เอง-หรือจาก complication - ผลข้างเคียง-ผลแทรกซ้อน ที่ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของใคร) มันขายได้เรื่อยๆ ---------- 4. แล้วจะเอาหมอทำงานหนักมาออกข่าวทำไมให้เสียเวลา ---------- 5. ข่าวดีที่จะออกอากาศ ต้องเป็นข่าวที่เรียกอารมณ์ดราม่าได้เท่านั้น 2. การบ่นในกระทู้ โปรดคาดเดาว่า ผลที่ได้จะออกมาสองแบบ ------------- 1. คนเห็นใจ ------------ 2. คนด่า ว่าทำๆมันไปเหอะ ตอนมาเรียนเองก็รู้แล้วนี่ว่างานต้องหนัก/ภาษีประชาชน (ทั้งที่ทุกมหาลัยรัฐและทุกคณะ ต้องใช้ภาษีประชาชนมาช่วยทั้งนั้น แต่มีเฉพาะหมอที่ต้องชดใช้ ตรรกะง่ายดีเนอะ (จริงๆแล้วอยากจะใช้ -ว.แหวน -แทนง.งู ตรงคำว่าง่าย) ------------------------------------------------------------------------- เรียนคุณคห. 57 ชีวิตจริง ทำไม่ได้ครับ เพราะเวลาคนไข้รอทั้งวันแล้วหมอไม่ตรวจ บอกว่าหมดเวลา คนไข้ไม่ได้ฟ้องนักการเมืองหรือกระทรวงสาสุข แต่ฟ้องหมอครับ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 07:38:11

ความคิดเห็นที่ 59 ไม่รู้ล่ะชอบให้กิ๊ฟความเห็นที่โหดๆ เสียดายให้ 49 ไม่ได้ นอกเรื่องละกัน จะบอกว่า ชอบที่ระบายอันสุดท้ายที่สุดเลย ที่บอกว่า ต้องขี่มอไซด์ฝ่าฝนมาเซ็นต์ใบส่งตัวตอนตี 2   คือ หมอจะบอกว่าหมอลำบาก แต่เราแอบคิดภาพตามแล้วมันน่ารักดีออก อิอิ เอาน่า อยู่ รพ ชุมชน เดี๋ยวก็ย้าย ทนๆ หน่อยเน้อ ไม่ไหวก็หาเรื่องต่อเฉพาะทาง เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไรบ้าง อะไรคงดีขึ้น จากคุณ : ม่องเท่ง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 09:33:36

ความคิดเห็นที่ 60 ข้าราชการทุกคนก็ได้รับเงินเดือนจากเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น ไม่ใช่แค่หมอเน้อ   อีกอย่างเชื่อว่า หมอเสียภาษีมากกว่าใครๆหลายคนที่กำลังต่อว่าเค้าอยู่ค่ะ จากคุณ : Anonym เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 10:16:37

ความคิดเห็นที่ 61 เป็นกำลังให้นะคะ เคยทำงานที่รพช.ช่วงนึงเหมือนกันค่ะ เจอหลายรูปแบบมาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตไป สู้ๆนะคะ จากคุณ : jkpn1207 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 10:54:14

ความคิดเห็นที่ 62 งั้น ขอให้ โปรโมตความเหนื่อยของ "ทุกอาชีพ" เลยดีกว่าค่ะ จากคุณ : Pimya_P เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:06:44

ความคิดเห็นที่ 63 Like คคห 49 จากการทำงาน ตจว มาพักนึง ทำให้รู้ว่า คนไทย ส่วนนึงของประเทศ งี่เง่าและโง่ มาก มากเกินกว่าที่จะคุยให้รู้เรื่อง เช่น กินเหล้า รถล้ม นอน รพ ขาดเหล้า อาละวาด อาเจียนเป็นเลือดจากตับแข็ง เป็นโรคเรื้อรังครบเซ็ท คุมทุกอย่างห่วยมาก ไม่สนใจ มารับยาทุกครั้ง แต่ยาเหลือมากขึ้นเรื่อยๆ (ก็มันไม่กินไง) คิดว่า มา รพ จะหายได้ มาขอหยุดงาน ด้วยอาการเช่น ถ่ายท้อง 2 ครั้ง ไปทำงานไม่ไหว ไอมาก ไปทำงานไม่ไหว ผื่นที่แขน ไปทำงานไม่ไหว พวกนี้เจอได้ 30-40%ของคนไข้แต่ละวัน ไอพวกนี้นะคุยไปเหอะ ผมเคยทำตอนจบใหม่ไฟแรง พูดทุกเคส แต่เริ่มรู้สึกว่า คว้าน้ำเหลว ไงไม่รู้ ตอนนี้ผมเก็บแรงไว้พูดกับคนไข้ 10-20%ของแต่ละวันที่ป่วยจริง เห็นคุณค่าของการมาจริงๆมากกว่า เชื่อไหม ว่ากลุ่มนี้นะ ถึงป่วยจริงก็ไม่เอาใบแพทย์หยุดงาน ส่วนมากจ่ายเงินสด ไม่ใช้สิทธิ์ ทำตามหมอแนะนำทุกอย่าง คือเป็นกลุ่มคนไข้น่ารัก ส่วนพวกที่เหลือนะเหรอ ไม่รู้จะพูดแรงๆว่า ยังไง เอาเป็นว่า ช่างหัวมันละกัน ประชากรไทยตอนนี้มันก็มากเกินกว่าจะมีคุณภาพซะแล้ว ลดๆไปบ้างก็ดี จากคุณ : vkp_nirvana เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:07:58

ความคิดเห็นที่ 64 อยากบอกคห.บางคห.ที่ว่าจขกท.ว่า ... หมอดีๆเท่านั้นล่ะครับ ที่จะมาบ่นแบบนี้ หมอสบายๆที่ชีวิตดูมีความสุขกับชีวิตการเป็นหมอเหลือเกิน มักไม่ใช่หมอดีๆหรอกครับ ^ ^" (ส่วนใหญ่น่ะนะ ส่วนใหญ่ ป่าวเหมารวมน้า~~) จากคุณ : TalkyWalky เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:44:41

ความคิดเห็นที่ 65 ระบายออกมาเถอะคะ คนเรามีทุกข์ก็ต้องระบายออก ถ้าระบายที่นี่แล้วสามารถแบ่งเบาคุณหมอได้ เราก็ยินดีรับฟัง จริงๆ ไม่ต้องอาชีพหมอหรอกค่ะ ทุกอาชีพมีปัญหา มีความเครียดกันทั้งนั้นคะ เพียงแต่คุณหมออยู่บนอาชีพที่มีชีวิตของคนไข้อยู่ในความรับผิดชอบ เลยอาจจะมีหลายๆ ครั้งที่เราคาดหวัง หวังว่าคุณหมอก็คงเข้าใจคนไข้ด้วย น้องสาวแฟน เราเป็นหมอ ก็เห็นใจนะคะ ทั้งทำงานหนักบ้างเบาบ้าง ผลัดๆ กันไป เวลาคนว่าหมอ เราก็สะอึกนะคะ เพราะน้องสาวไม่เคยเป็นแบบที่เค้าว่า แต่หลายครั้งที่เหมารวมอาชีพกันไป พี่ชายเราเป็นตำรวจค่ะ เวลาคนด่าตำรวจก็คงอารมณ์เดียวกัน เราว่าถ้าคุณหมอตั้งใจทำงานแล้วมีความสุขก็สู้ต่อไปค่ะ สุขบ้างเศร้าบ้าง นี่แหละคะชีวิต ถ้าเหนื่อยก็พัก ปล. เราเคยไปหาหมออยู่ครั้ง ปวดท้องแทบตาย คนไข้รอเต็มหน้าห้อง หมอไม่เรียกตรวจใครซักคน แต่หมอตรวจสิวให้พยาบาลอยู่ เราก็จัดไปหนักเหมือนกันวันนั้น  555 ก็มันใช่เวลาซะที่ไหนหล่ะ แหม หมอดีดี ก็มีนะคะ เราก็มีของติดไม้ติดมือไปให้หมอประจำเราตลอด เพราะเข้าใจว่าบางครั้งหมอก็เหนื่อย แค่มีน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากก็คงดี เรื่องอย่างนี้อยู่ที่คนค่ะ อย่าไปเหมารวมทั้งสายอาชีพกันเลยคะ เราทุกคนทุกอาชีพเหนื่อยได้ค่ะ แต่อย่าท้อ สู้ๆ คะทุกคน จากคุณ : จุกแสบเหลือง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:45:57

ความคิดเห็นที่ 66 ผมเข้ามารอคุณลูกหมีเขาโง้งครับ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 11:56:53

ความคิดเห็นที่ 67 คห 49 แรง  ชัดเจน  ตรงประเด็น จากคุณ : jaijam_jam เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 13:15:21

ความคิดเห็นที่ 68 ชอบ คห 49 มาก โดนเต็มๆ จากคุณ : เพิ่งเป็นแม่ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:01:13

ความคิดเห็นที่ 69 หอบกำลังใจมาฝากครับ จากคุณ : -เครื่องรางยมทูต- เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:36:03

ความคิดเห็นที่ 70 อยากถามว่าแล้วทำไม จขกท. ถึงเรียนหมอ..??? ปล. ในชีวิตเราเห็นมาหลายคนแล้ว เรียน เพราะเท่ เรียน เพราะพ่อแม่บอก เรียน เพราะเพื่อน เรียน เพราะรวย แต่ไม่เคยเรียน เพราะ ใช่ว่ะ??? เด็กไทย ขาดการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับตัวเองมาก เรียนแต่หนังสือจนหัวโต แต่ไม่เคยรู้จักตัวเอง พาชีวิตหลงทางไปไกล กว่าจะกลับก็สายเกินไปเสียแล้ว แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:39:36 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:39:17 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:38:44 จากคุณ : นางเอกตัวจริง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:35:42

ความคิดเห็นที่ 71 พวกที่ชอบด่าว่าหมอเป็นแบบนี้เพราะไม่ได้เรียนเพราะรักน่ะ อย่ามาพูดส่งเดชแล้วไม่รับผิดชอบคำพูดนะครับ ไม่เป็นแบบนี้บ้างให้รู้ไป เริ่มเรียนเพราะรักจริงๆ เจอคนไข้น่ารัก คนไข้ที่เรารักษาหาย เห็นรอยยิ้มคนไข้ หรือแม้แต่คนไข้ที่แม้จะรักษาไม่หาย แต่การช่วยเหลือผู้ป่วยในระยะสุดท้ายทำให้ผู้ป่วยจากไปอย่างสงบ มันเป็นกำลังใจให้แพทย์ทำงานต่อไปได้ก็จริง แต่นั่นมันก็ส่วนหนึ่งครับ ลองมาเจอแบบ อธิบายอาการคนไข้ไป แล้วญาติก็จดคำพูดทุกอย่างไว้ในกระดาษ แล้วมายื่นให้หมอดูว่า หมอจำที่หมอพูดไว้นะ ถ้าเผื่อมันผิดอะไร หลักฐานพี่จดไว้หมดและ จะได้เอาไปฟ้องหมอได้ ..... แบบนี้ไม่ท้อเหรอครับ ใครไม่ท้อ ให้มาเตะเลย เจอคนไข้ เห็นหมอเด็กหน่อย พูดประชดใส่ หมอเด็กแบบนี้ไม่เอาหรอก เดี๋ยวให้ยาผิดแล้วชั้นตายขึ้นมาจะว่าไง (เป็นแค่เจ็บคอเนี่ยนะ จะบร้าเรอะ) เจอคนไข้ ตรวจซะอย่างดี บอกจะให้รักษา ก็ปฏิเสธ อธิบายเป็นชั่วโมง บอกทั้งผู้ป่วย และญาติแล้ว ก็สุดท้าย จะไปรักษาเอง บอกไอ้ผงเอนไซม์ ที่เค้าขายกัน ฮิตๆน่ะเค้าบอกรักษาได้ทุกอย่าง ดีกว่าหมออีก เจอคนไข้และญาติเรื่องมาก หมอคนไข้คัน คนไข้ไอ 2 ทีแน่ะ คนไข้กินข้าวไม่อร่อย คนไข้นอนไม่หลับเพราะไม่ถูกชะตาคนไข้เตียงข้างๆ หาห้องพิเศษให้หน่อย เรียกหมอเพราะทำผ้าปูเลอะ(ทำไมไม่เรียกเจ้าหน้าที่นะ) แบบนี้บ่อยๆ relationship เสียหมดแล้วล่ะหมอ- คนไข้ เจอคนไข้ย้ายมาจาก รพ เอกชน มา รพ รัฐ แล้วมาถามว่า ทำไมไม่ตรวจอันนี้ล่ะ ทำไมเปลี่ยนยา ทำไมไม่ให้ยาตัวเดิมจากเอกชน(ถ้ามันไม่มีข้อบ่งชี้ แล้วก็แพง ผมก็ไม่ให้หรอกครับ) สรุปก็บอกว่า รพ ห่วยจริงๆ แล้วจะย้ายมาทำไมเนี่ย เจออะไรแบบนี้บ่อยๆ แล้วมันไม่เหนื่อยใจบ้าง ก็ยอดคนแล้วละครับ จะบ่นนิดหน่อยก็ไม่เห็นเป็นอะไร ในเมื่อจริงๆแล้วช่วงเวลานั้นเหตุการณ์นั้น หมอหลายๆคนก็ไม่ได้เอาอารมณ์มาคุมเหตุผลและหน้าที่ ยังไงก็ต้องดูแลคนไข้ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ส่วนภายหลังจะเอามาบ่นอะไรบ้าง มันก็เป็นหนทางระบายความอัดอั้น ที่มนุษย์เราทุกคนทำกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ พวกคุณน่าจะรับฟังในมุมมองของหมอบ้าง ก็เท่านั้นเองครับ จากคุณ : Acroz เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:27:55 A:161.200.100.2 X: TicketID:200848

ความคิดเห็นที่ 72 คห.49   ..  แรงส์  ..  แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามีส่วนจริง 5 5 5 "...2 ตรวจคนไข้ ไม่ต้องรีบตรวจครับ ตรวจช้าๆ ให้เราไม่เหนื่อย คนไข้จะรอ จะหงุดหงิด    ทนไม่ไหวเลยกลับไปก่อนก็ช่าง คนไข้จะเกลียด รพ ไม่อยากมาอีกก็ช่าง ก็เรื่องของเค้าครับ   เราไม่ผิดอะไร ไม่ต้องไปรีบอะไร ไม่ต้องไปเร่งตรวจ จนตัวเองตายคาห้องตรวจนะครับ เกิดตายจริง คนไข้เค้าสมน้ำหน้าหมอนะครับ "เป็นหมอซะเปล่า ไม่ประมาณตัวเอง ตรวจจนตายคาห้องตรวจซะงั้น" สรุป ตรวจช้าๆครับ ไม่ต้องรีบ ห้าหกโมง แล้วยังค้างอีกห้าสิบคน ก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา ค่ำแล้วเค้ากลับบ้านไปหาลูกเมียเองนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้ามาใหม่เอง.." .. ทำไม่ได้หรอกจ้า เพราะเรานั่งอยู่ในห้องตรวจ คนที่รับ pressure ของคนไข้ที่รอ ก็ไม่พ้นพี่ๆน้องๆพยาบาลหน้าห้อง .. แล้วเราจะปล่อยให้คุณพยาบาลเค้าต้องรับภาระนี้ได้เหรอ .. น่าสงสารนะ .. ".. 10 หมอดีแล้วค่ะ หมอเสียสละ อย่าลาออกเลยนะ หมอเป็นคนดีมาก อุดมการณ์มากเลย คำพวกนี้ เอาไว้เหมือนเป็นเศษเนื้อเล็กๆน้อยๆ   โยนให้คุณ หลอกให้คุณเหนื่อยอย่างนี้ไปจนตายครับ คนอื่นต้องพูดแบบนี้ .." .. แรงมากๆ .. แต่ก็มีส่วนถูกเป็นที่สุด ถ้าเป็นคนที่ห่วงเราจริงๆ .. เค้าคงไม่ปล่อยให้เราเหนื่อยอย่างที่เป็นอยู่ ... ส่วนตัวเรา  .. ลาออกแล้วค่ะ   เพราะไม่อยากไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่นมากเกินไป ลองดูกันชัดๆสิ คนป่วยมากมายเลย (ส่วนใหญ่เราจะเจอแต่แบบนี้) ที่ป่วยเพราะไม่รับผิดชอบชีวิตตัวเอง พวกขี่มอไซค์ขี่ไป+คุยโทรศัพท์มือถือ  ขี่มอไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อก  เมาแล้วขับ  พวกเบาหวาน/ความดันแต่ดันชอบกินของมัน ของเค็ม   ไม่รวมเด็กๆที่เป็นหวัด แต่พ่อแม่ดันให้ตากพัดลมแล้วอ้างว่าลูกร้อน  หรือแม้กระทั่งใช้ยาไม่ตรงตามคำแนะนำแล้วก็มาโทษเรา .. เฮ้อ .. สารพัด .. แบ่งเวลามาดูแลตัวเองและคนที่เรารักให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ .. จากคุณ : CPR360J เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:38:14

ความคิดเห็นที่ 73 คนส่วนใหญ่ที่เรียนหมอ ไม่รู้หรอกค่ะว่าเรียนมาแล้วจะเจอกับอะไรแบบนี้ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่นอนพักก็หาย แต่เหนื่อยใจมากกับความไม่รู้ ขาดการศึกษาและขาดการดูแลตัวเองของหลายๆคน เคยเจอเด็กหญิงอายุ 14 ปีมาคลอดลูกที่รพ. จังหวัดติดกทม.   เตือนว่าอย่าเพิ่งรีบมีอีก ให้คุมกำเนิดไว้ก่อน เด็กหญิงนั้นถามว่า คุมกำเนิดคืออะไรคะ อยากจะร้องไห้ จากคุณ : ขาว สวย หมวย ตาโต เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:38:25

ความคิดเห็นที่ 74 ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 19:03:02 จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:00:15

ความคิดเห็นที่ 75 ถ้าหมอเบื่องานหนักในรพ.รัฐก็ขอสนับสนุนให้ลาออกค่ะ อย่าทน ไปอยู่ รพ.เอกชนหรือเปิดคลีคิกก็ได้ค่ะ ทำตามใจปราถนา อยู่ที่ไหนก็สามารถรักษาคนป่วยได้ค่ะ คนมีเงินเยอะก็ไปรพ.เอกชน คนจนๆไม่มีทางเลือกก็ไปรพ.รัฐ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:02:22

ความคิดเห็นที่ 76 แล้ว รพ รัฐ ใครจะอยู่ดูแล สมมติมีหมอ ใน รพ 3 คน ออกไปคนนึง ไม่ต้องอยู่เวรวันเว้นวันเหรอครับ พูดมันง่าย แต่ที่ไม่มีใครทำเพราะเค้าต้องทนอยู่ต่อไปตะหากล่ะ ถ้ามันทำได้เค้าทำกันไปนานและ จากคุณ : Acroz เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:23:36 A:161.200.100.2 X: TicketID:200848

ความคิดเห็นที่ 77 เราก็เป็นหมอที่อยู่ในโรงพยาบาลรัฐบาลจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตั้งแต่จบมาก็อยู่ราชการมาโดยตลอด ไม่เคยคิดจะลาออกค่ะ แต่ทุกวันนี้ระบบราชการทำให้เรารู้สึกล้มเหลว เรื่องมีอยู่ว่า 2 ปีที่แล้วเราลาไปศึกษาต่อ โดยได้ทำสัญญากะทางราชการว่าจบกลับมาจะใช้ทุน ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดจะลาออก ทั้งๆที่ สาขาที่เราเรียน หากไปทำเอกชนคงได้เป็นแสนๆ แต่เราก็เห็นว่า เราก็ไม่ได้มีภาระอะไร เราอยู่ราชการก็เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านเยอะ แต่พอตอนไปเรียนก็ไปเจอแฟน และแต่งงาน สามีอยู่ต่างจังหวัด และแยกกันอยู่ ก่อนแต่งก็ได้แจ้งกะสามีแล้วว่าคงต้องกลับไปใช้ทุนที่ รพ. เดิมตามสัญญาให้ครบก่อนแล้วจึงจะย้าย เราก็กลับมาใช้ทุนที่ รพ. เดิมตามสัญญาระบุไว้ว่า อย่างน้อย 1 ใน 3 ของเวลาที่ลาเรียน ซึ่งเราก็ได้ยื่นเรื่องพร้อมกับแนบทะเบียนสมรสไปว่า เมื่อใช้ทุนครบตามระยะเวลาดังกล่าว เราจะขอย้ายติดตามสามีไปยังอีก รพ. หนึ่งซึ่งก็เป็นราชการเหมือนกัน ปรากฏว่า ทีร พ. ผู้มีอำนาจไม่ให้ย้าย ทั้งๆที่อัตรากำลังในแผนกก็มีเพียงพอ และไม่ได้ประเมินเหตุผลความจำเป็น ที่ทุกศุกร์เย็นเราจะต้องขับรถกลับต่างจังหวัด และ อาทิตย์กลับมาทำงานทุกสัปดาห์ เพื่อรักษาความเป็นครอบครัวไว้ ตอนนี้รู้สึกท้อใจมาก และคิดว่าจะลาออกจากราชการ ไปทำเอกชนจะดีกว่ามั้ย เพราะในเมื่อความตั้งใจที่จะรับใช้ราชการไม่ได้ถูกตอบสนองถึงความจำเป็นในชีวิตบ้าง และเราก็ไม่ได้แหกกฏกติกาอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้  เครียดและท้อมากค่ะ จากหมอราชการคนนึง จากคุณ : หมอราชการที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง (knpby) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:33:01

ความคิดเห็นที่ 78 พี่ หมอราชการที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง (knpby) ผมว่า...พี่ทำเพื่อส่วนรวมมามากแล้วนะครับ... พี่จะทำเพื่อครอบครัว เพื่อความสุขของพี่บ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ทุ่มเทเพื่อสังคมมากไป แต่อะไรๆ มันไม่เอื้ออำนวย มันก็เหนื่อยเปล่านะครับ ครอบครัวพี่จะมีความสุขได้ไง ถ้าพี่มีลูก ลูกคงต้องการครอบครัวที่มีพร้อมนะครับ ผมว่า พี่น่าจะลาออกไปทำเอกชนดีกว่าครับ แต่ถ้าพี่ยังอยากทำเพื่อประชาชน ค่อยหาลู่ทางไปสมัครเข้ารับราชการใหม่ ในจังหวัดนั้น ไม่ทราบว่า ทำอย่างนี้จะได้หรือไม่ครับ??? ปล. นับถือจริงๆ ครับ ผมว่า หมอหลายคน ทำไป บ่นไป เหนื่อยไป แต่มันก็มีเหตุผลลึกๆ อยู่ในจิตวิญญาณ ที่พวกเราถูกปลูกฝังกันมา คำตอบสุดท้าย ที่ทำให้ชีวิตพวกเราเลือกเดินทางนี้ คำตอบนั้นก็คือ "คนไข้" แหละครับ บ่นๆ กันไปงั้น วันรุ่งขึ้น ก็ไปหาคนไข้อยู่ดี ถ้าจะให้ทิ้งไปเฉยๆ ผมว่า พวกเราทำไม่ได้ หรอกครับ...^__^ ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆ ครับ สู้ต่อไป เพื่อนแพทย์ทุกคน จากคุณ : pop เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:07:30 A:125.25.178.163 X: TicketID:304766

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณค่ะ ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน นี่อยู่ราชการมาจะเข้าปีที่ 10 แล้ว เวลาเห็นคนไข้ในคิวที่รอเรียก เป็นร้อยๆ เราก็รีบเรียกอัดนัดแบบเต็มเหยียด แต่ไม่ได้มีใครมองมาที่จุดนี้ เค้าคิดว่าถ้าหมอขอทุนที่นี่ ไม่มาทำงานที่นี่ ถ้าคิดว่าเรื่องครอบครัวสำคัญ อยากลาออกก็ได้เค้าไม่ว่า ทำไมผู้ใหญ่ไม่คิดว่าการให้เราย้าย เรายังได้ทำประโยขน์ต่อระบบราชการและคนไข้ที่ไม่มีเงินตามต่างจังหวัด (รพ.ที่จะย้ายไปก็ไม่ได้อยู่ในที่เจริญ) เหนื่อยใจค่ะ ตอนนี้ก็กำลังปรึกษากับครอบครัวเรื่องลาออกอยู่ จากคุณ : หมอที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง (knpby) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:36:19

ความคิดเห็นที่ 80 เห็นใจค่ะ เข้าใจเลยว่าเป็นยังไง จากคุณ : viewdevilz เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:44:49

ความคิดเห็นที่ 81 ถึงคุณหมอราชการที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียง (knpby) ลาออกไปเถอะค่ะ หมอเองก็ต้องกินต้องใช้ต้องเลี้ยงครอบครัว ออกไปรับเงินแสนที่เอกชนดีกว่าค่ะ รพ.รัฐก็ช่างมันเถอะ ยังไงระบบมันก็แก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว(ภายในสิบยี่สิบปีข้างหน้า) อย่าทนกับระบบราชการและรพ.รัฐเลยค่ะวันนึงตรวจคนป่วยเป็นร้อยๆคิว ท้อกายท้อใจเปล่าๆ ลาออกไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องขับรถไปหาครอบครัวทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์ ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้า เดี๋ยวเกิดเหนื่อยๆขึ้นมาจะแย่เอาอีก ปล่อยไปเถอะค่ะ รพ.รัฐจะขาดแคลนหมอเพิ่มอีกคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก ทำงานรพ.เอกชนดีกว่า สบายๆรับคนป่วยตามกำลังรายได้เป็นแสน อยู่ที่ไหนก็รักษาคนป่วยได้เหมือนกันค่ะ อยู่รพ.เอกชนก็ได้เจอคนป่วยมีเงิน อยู่รพ.รัฐเจอแต่คนจนๆ คนเป็นร้อย อย่าไปทนเลยค่ะ ทุนที่รัฐส่งให้ไปเรียนจนเป็นวิชาชีพเป็นเครดิตติดตัวไปจนตาย ก็ถือว่าเราได้ทำงานชดใช้ให้แล้วนะ ตรวจคนไข้เป็นร้อยๆต่อวัน ทดแทนให้แล้วนะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:58:10

ความคิดเห็นที่ 82 แล้ว รพ รัฐ ใครจะอยู่ดูแล สมมติมีหมอ ใน รพ 3 คน ออกไปคนนึง ไม่ต้องอยู่เวรวันเว้นวันเหรอครับ พูดมันง่าย แต่ที่ไม่มีใครทำเพราะเค้าต้องทนอยู่ต่อไปตะหากล่ะ ถ้ามันทำได้เค้าทำกันไปนานและ จากคุณ : Acroz ตอบ ก็ไม่ต้องดูแลสิ ไม่มีหมอแล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ ลาออกกันไปเถอะ จะได้เหลือแต่ "คนที่อยากทำ"งานใน รพ.รัฐจริงๆ ถ้าไม่มีหมอเหลือจริงๆ ก็คิดซะว่าเป็นเวรกรรมของคนจนก็แล้วกัน ถ้าอยากเจอหมอก็หาทางไปรพ.เอกชนกันเอาเอง ทำไงได้ล่ะ ก็ระบบราชการมันเป็นแบบนี้นี่นา ทำให้หมอเค้าเหนื่อยเค้าท้อ แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะไม่มีหมอลาออกก็ได้ ถ้าแก้ระบบราชการไม่ได้ก็ ไปเปิดคณะแพทย์กับเอกชนดีกว่า เป็นทางเลือกสำหรับหมอที่ไม่ต้องการเข้าสู่ระบบราชการ และในอนาคตข้างหน้าก็เปิดโรงเรียนแพทย์ในหน่วยงานรัฐให้เยอะกว่านี้ และบอกเงื่อนไขให้ชัดเจนไปเลยว่า จะเรียนแพทย์ที่นี่ได้ ต้องทำงานใช้ทุนใน รพ.รัฐให้ครบเท่านั้น ใครไม่สมัครใจใช้ทุนก็ไม่ต้องเรียน(ทางเลือกมีคือม.เอกชน) หมอที่ลาออกจากราชการไปแล้ว ตัดสิทธิ์ไม่ให้กลับเข้ามาทำราชการอีก ไม่ให้สิทธิ์ขอทุนเรียนต่อ จะได้ไม่ต้องเข้าๆออกๆ ใครต้องการทุนไปต่อสาขาเฉพาะทางหรือที่สูงขึ้นไป จบแล้วต้องรับราชการกี่ปีๆก็ว่ากันไปชี้แจงกันให้ชัดเจนไป อนาคตข้างหน้าถ้ามีแพทย์เยอะขึ้น ต่อไปความฝันที่จะได้เห็นหมอทำงานวันละ8ชั่วโมงคงอยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:13:29

ความคิดเห็นที่ 83 คุณน้องจุ่นคงได้แต่ฝันไปเท่านั้น ....... พูดง่ายเหลือเกิน แต่ปฏิบัติยากแม้แต่ประเทศที่การแพทย์เจริญที่สุดในโลกยังทำไม่ได้เลยค่ะ ให้กำลังใจหมอที่ทำงานหนักทุกคนนะคะ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 22:18:26

ความคิดเห็นที่ 84 อยากให้เห็นใจ หมอที่ดีดี ทำงานหนักๆ บ้าง จากคุณ : แอนด้า เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:09:12

ความคิดเห็นที่ 85 แค่นี้ขำขำครับ อยู่เวรเดือนละ 25 วัน ไม่ได้นอนทั้ง 25 วันยังเคยอยู่มาแล้ว คนไข้อาการแย่ลงเพราะความเบลอร์ความเมาของเราไปกี่รายเราขี้เกียจนับ (รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ทำไงได้ ก็โดนบังคับให้อยู่แบบนี้) ก็ถือเป็นความซวยของคนจนต่อไปล่ะครับ ที่ไม่เคยมีองค์กรของรัฐซักองค์กรมาทำการ QC การทำงานของหมอ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:19:52

ความคิดเห็นที่ 86 หมอแล้วไง? คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาหรือไง ถึงต้องมาเรียกร้องอภิสิทธิ์จากคนอื่นแบบนี้ น่าเบื่อ จากคุณ : แพรเพลง เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 00:03:48

ความคิดเห็นที่ 87 ผมเห็นด้วยกับวิธีการของหมอแมวครับ ถ้าใครเคยได้ยินชื่อ เขียนวิธีการป้องกัน รักษาตัวเองลงเน็ต แล้วถ้าเราเป็นอะไรนิดหน่อย ให้เปิดเน็ตดูว่า มันเป็นโรคอะไร แก้ยังไง รักษายังไง ก่อนที่จะไป รพ. ซึ่งคิดว่า ในอนาคต อินเตอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากๆ แล้วรณรงค์ด้านนี้ มันน่าจะช่วยได้เยอะนะครับ เป็นกำลังใจให้หมอทุกคนครับ ส่วนตัวผม อยากให้หมอ ตรวจแบบสบายๆไม่ต้องรีบครับ เพราะความรู้สึกคนไข้อย่างผม เจอหน้าหมอ เห็นหน้า สั่งยา ผมก็ยิ่งเพลียครับ ยิ่งเพลียนี่คือเพลียใจครับ เพราะตอนเป็นโรค เราก็กังวลอยู่แล้ว ว่าเราจะเป็นอะไรมากมั้ย ตกลงเราเป็นอะไร ยิ่งถ้ามาเจอหมอพูดแบบนี้ เราก็รู้สึกว่า ตกลงเราเป็นอะไร แล้วจะหายจริงหรอ แล้วหมอคนนี้เชื่อใจได้หรอ อย่างน้อย ให้หมอช่วยอธิบายให้เข้าใจ และมีวิธีการรักษาตัวต่อจากนี้ นี่คือที่ผมอยากได้ครับ เพราะถ้าผมจะไปหาหมอ ผมต้องการอย่างเดียวคือ "อยากหาย" ที่เหลือหมอจะทำอะไรก็ทำ บอกมาให้หมดเถอะครับว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย ถ้าหมอจะมาบ่นว่าเหนื่อย อยากลาออก ผมก็เห็นใจครับ แต่ผมไม่มีที่พึ่งจริงๆ จากคุณ : somngo เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 01:09:19

ความคิดเห็นที่ 88 ผมว่าหมอหลายคนคงไม่คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาอะไรหรอก ตรงกันข้าม คนไข้ไม่น้อยคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เป็นฝ่ายเรียกร้องแบบเวอร์ๆซะมากกว่า จริงอยู่ที่หมอต้องดูแลคนไข้ให้ดีที่สุด แต่มันก็ต้องอาศัยความร่วมมือที่ดีจากคนไข้ด้วย มันก็เหมือนครูกับนักเรียนนั่นแหละนะ นักเรียนเรียนไม่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะครูสอนดีแล้วแต่เค้าไม่สนใจเรียนเองน่ะ พอมีปัญหาคนไข้ก็ลงที่หมอไว้ก่อน ไม่ดูปัจจัยอื่นๆเลย ซึ่งหมอก็ทำเต็มที่ในฐานะของหมอ ของมนุษย์ หมอเองก็ต้องรู้สึกเหนื่อย ท้อ เป็นธรรมดา สุดท้ายนี้ ขอให้กำลังใจหมอดีๆทุกท่านครับ จากคุณ : Crowned Clown เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 09:53:36

ความคิดเห็นที่ 89 เป็นกำลังใจให้หมอ และบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ทุกคนนะครับ ส่วนน้องจุ่นที่ตอบแบบประชดประชัน ขอไว้อาลัยในความเห็นแก่ตัวครับ จากคุณ : pexaj เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:05:30

ความคิดเห็นที่ 90 ลืมตาดูโลกได้  เพราะฝีมือคุณหมอและพยาบาล มีเวลาดำรงชีวิตหาเงินไว้ให้ลูก  ๆ   โดยไม่ต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ก็เพราะคุณหมอและพยาบาล และสุดท้ายของชีวิต  ที่ทุกคนหนีไม่พ้น  คือความตายก็คงไม่พ้น  " คุณหมอและพยาบาล " ขอขอบคุณ  คุณหมอและพยาบาลทุกท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้   คุณหมอเคยบอกให้ผม สู้  ๆ วันนี้ผมขอบอกให้ " คุณหมอและพยาบาลทุกท่าน "   สู้  ๆ  ครับ ๑๑๑พลังใจ๑๑๑๑    ขอมอบให้ด้วยหัวใจ จากคุณ : ขวางตะวัน (tonkla suntiphap) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 11:30:32

ความคิดเห็นที่ 91 เข้าใจค่ะเมื่อวานก็มีเรื่องกับคนไข้ เพราะว่าที่ทำงาน คนไข้ ERเยอะมากเพราะต้องตรวจ OPDร่วมด้วยเพื่อประหยัดงบตามหลัก ผอ              สรุปมีคนไข้คนหนึ่งอายุมากแล้วแต่งตัวดีแต่ก็ตะโกนขึ้นมาว่า "รอมา ชั่วโมง สองชั่วโมงแล้วเมื่อไหรจะได้ตรวจ " ตอนนั้นในห้องฉุกเฉินมีคนไข้ประมาณ 30 คนหมอ 2 คน               ลูกสาวเค้ามาด้วยอาการไอมาสามวัน ไข้ไม่สูงปวดท้องประจำเดือน               เรายอมรับค่ะว่าหงุดหงิด ก็เลยสวนกลับ"ถ้ารอไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาลเอกชน"  เค้าก็โกรธมากถามชื่อเรา รวมทั้งลูกสาวก็ด่าว่า "เรียนมาสูงมีEQ แค่นี้เหรอ" เราก็เข้าใจว่าทำงานบริการและหลุดปากพูดไม่ดี เลย ต้องไปยกมือขอโทษ ทั้งแม่และลูกแต่แม่กับลูกเค้าก็ยังไม่หยุดด่า                  ทำให้รู้ว่าหมอเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติมากเลยค่ะเพราะจะหาคนเคารพนั้นแทบไม่มีแล้ว  แต่ยังไงก็ตัดสินใจล่ะ ปีหน้าคงลาออกไม่มีกำลังใจทำงาน                คงต้องปล่อยให้ระบบ เป็นตามนโยบายนักการเมืองเพื่อเอาใจประชาชน ชั้นรากหญ้า โดยต้องรวดเร็ว รัดกุม รอบคอบ  ก็ขอให้ระบบสาธารณสุขไทยเป็นไปในทางที่เจริญขึ้นต่อไปนะค่ะ จากคุณ : maytharat16 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 12:24:34

ความคิดเห็นที่ 92 555  ผมสบายแล้วครับเพราะลาออกมา 5 ปีแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า สมัยนี้เขาถือว่าหมอเป็นแค่คนให้บริการเท่านั้น ทำไม่ถูกใจ (ไม่ใช่ทำผิด) ก็ร้องเรียน ฟ้องร้อง ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่องมันเล็กน้อยมากๆ แล้วจะทำงานหนักเพื่อรับเงินเดือนน้อยๆไปทำไม จากคุณ : Sono เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 12:50:56

ความคิดเห็นที่ 93 ผมรักอาชีพหมอนะครับ แต่ไม่มีวาสนาจะได้เป็น จากคุณ : changcp เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 13:21:05

ความคิดเห็นที่ 94 อืม  ขอน้อมรับเอาคำแนะนำของพี่ยามไปใช้บ้างนะคะ 55+ จากคุณ : BIOTOMNEG เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 13:21:54

ความคิดเห็นที่ 95 สื่อที่ไม่ดี หากินจากความทุกข์ยากของหมอ เวลามีเรื่องป่าวประกาศ เวลาหมอชนะ ไม่ผิด ไม่เห็นป่าวประกาศ อยากให้รวบรวมหมอที่เสียหายจากรายการ... ฟ้องร้อง มันให้ล้มละลายไปเลย จะได้หายซ่า จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 13:35:52

ความคิดเห็นที่ 96 # 49  เขียนได้ดีครับ  แต่เวลาตัวเอง  หรือญาติท่านป่วยมาโรงบาล  แล้วไม่ได้ตรวจ   กลับบ้านไปก่อน  เผลอๆ  ไม่ได้รักษาตายก่อนจะกลับมาตรวจอีกวัน  ก็อย่าเขียนใบร้องเรียนหมอละครับ  (งานเยอะ แล้วยังเจอพวกเรื่องมาก รอไม่ได้ก็ด่าอย่างเดียว)                  คนที่ท้อจนไม่อยากตรวจ  อยู่ไปวันๆ  มีแต่จะเยอะขึ้น   ผลเสียจะตกกะประชาชน  ถ้าแก้โดยปล่อยวางปล่อยมันไป                            ความเจ็บป่วยบางอย่างรอไม่ได้  แต่บางอย่างก็ไร้สาระแค่ความไม่รู้ของคนไข้       การแก้ปัญหา คือรัฐบาลต้องรับความจริง ว่า  รักษาฟรี แต่คุณภาพต่ำ  แล้วเร่งแก้ปัญหาครับ  คนอยู่บ้านนอกไกลๆ  ได้ยาก็พอใจแล้ว  ดีกว่าไม่ได้รักษา  คนอยู่ใกล้เมืองความต้องการก็ต่างออกไป  อยากตรวจโน่นนี่กลัวจะเป็นโรคทั้งที่ยังไม่ป่วย จากคุณ : blitzs เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 14:13:59

ความคิดเห็นที่ 97 เป็นกำลังใจให้คห.91 น้อง maytharat16 ครับ อ่านแล้วก็น่าท้อจริง ขนาดขอโทษแล้วยังด่าต่อได้นี่ อืม ไม่ลองสวนไปหน่อยหล่ะครับ ว่า EQ ย่อมาจากอะไร เห็นใช้กันบ่อยจริงๆ แต่ ก็เหมือนที่หลายๆคห.บอกแหละครับ หมอมีทั้งดีและไม่ดี คนไข้ก็มีทั้งดีและไม่ดี เพียงแต่ปริมาณคนไข้ที่หมอคนหนึ่งๆเจอนั้น มากกว่าปริมาณหมอที่คนไข้คนหนึ่งๆเจอมาก เราเจอคนไข้วันละเป็นร้อย เค้าเจอหมอปีนึงไม่เกินสิบคนหรอก ลองคิดดู ขนาดเค้าเจอหมออยู่ไม่กี่คน ยังมีกท.คนไข้มาบ่นได้มากขนาดนี้ ก็เป็นธรรมดาครับ ที่เราจะต้องได้เจอคนไข้แย่ๆ ทำให้เราจิตตก แต่ยังไง ก็ยังมีคนไข้ดีๆอีกมากนะครับ คนที่เค้าต้องการให้เราช่วยจริงๆ ให้เกียรติ ให้ความนับถือ ซาบซึ้งที่เราดูแลรักษาเค้า ญาติเค้า แม้ตัวเองจะไม่ได้ร่ำรวย แต่พอหมอนัดมา ก็เอาผลไม้ในสวน ซื้อขนมเล็กๆน้อยๆมาฝาก มานั่งตรวจก็ถามหมอกินข้าวหรือยัง เหนื่อยมั๊ย เห็นคนไข้เพียบเลย .... ก็ขอให้น้องได้เจอคนไข้ดีๆ ก่อนที่จะลาออกนะครับ ^^ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 14:35:08

ความคิดเห็นที่ 98 #91 เจอกันเรื่อยๆทุกคนละครับ ที่ โรงพยาบาลที่ผมเคยอยู่ ช่วงหนึ่งมีเด็กท้องเสียจากค่ายลูกเสือ 50 กว่าคนมาที่ ER มีหมอตรวจอยู่ 3 คน ขณะกำลังสั่งยากันจนปวดมือ มีพ่อเด็กคนเดินมาด่าว่านาานแล้วทำไมยังไม่ได้ตรวจ แล้วกระชากเพื่อนผมที่เป็นหมอผู้หญิงไปจากโต๊ะตรวจ(เอามือจับหัวไปเลย) ให้ไปตรวจลูกเขา พอคิดว่า การที่เราออกมาห่างไกลบ้าน ไกลความเจริญ อยากเห็นคนไข้หายป่วย แล้วถูกปฏิบัติเหมือนเป็น ฆาตกร มันแย่จริงๆ เล่ามาจนถึงตอนนี้เริ่มแปลกใจตัวเองเองเหมือนกันครับ ว่าทำไมยังไม่ลาออก :P คงเพราะ คนไข้แถวๆนี้พูดกันรู้เรื่องล่ะครับ :D (ผมย้ายมาอยู่ชายแดนภาคเหนือ จากภาคใต้ครับ) จากคุณ : Elixir The High Priest เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 15:32:07

ความคิดเห็นที่ 99 ไม่ได้มีอาชีพหมอ และ เกลียดโรงพยาบาลเป็นที่สุด ผีเยอะ คนเยอะ โรคเยอะ คิวนาน อาหาารไม่อร่อย มีอีกเป็นร้อย  ของรัฐบาลนะ แต่ก็ขอบคุณ เพราะถ้าไม่มีหมอ ก็คงไม่ได้เกิดเหมือนกัน ทุกอาชีพ มีแต่ปัญหา สู้ๆ จากคุณ : รวมการเฉพาะกิจ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:41:42

ความคิดเห็นที่ 100 ก็ต้องตรวจรักษา แบบ ยึดมั่นในระบบเข้าคิวอย่างชัดเจน เขียนป้ายติดไว้หน้า ER ห้องตรวจเลยครับ ชี้แจงเรื่องช้า ว่า เพราะ .. และอยากรักษาก่อนต้องเป็น Case CPR MI ใส่tube severe ashma เท่านั้น นอกนั้นไม่มีลัดคิว สอนระเบียบวินัย และ การรู้จักรอครับ จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 16:47:11

ความคิดเห็นที่ 101 หรือว่าจะเป็นเพราะ คนไทยเราไม่มีวินัยครับ  ยิ่งมีนโยบายของฟรีแล้วยิ่งส่งเสริมความไม่มีวินัย ไม่ว่าจะเป็น การรอคิว  การรู้ว่าตัวเองควรเสียสละให้คนที่ป่วยมากกว่า การดูแลตัวเองขั้นพื้นฐาน ฯลฯ ตรงนี้ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆเลย จากคุณ : doctorpond เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 54 23:15:11

ความคิดเห็นที่ 102 60% ของคนไข้ที่มาตรวจที่ ER (ห้องฉุกเฉิน) ของรพ.รัฐ คือคนไข้ที่ไม่มีอาการด่วน หรือฉุกเฉินจริง เรียกง่ายๆว่า เป็นคนไข้ที่อาการป่วยสามารถไปตรวจได้ที่ห้องตรวจ OPD (ผู้ป่วยนอก) แต่ก็อย่างว่า ส่วนใหญ่ก็มาตรวจในเวลาที่ OPD ปิดแล้ว จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 00:42:21

ความคิดเห็นที่ 103 เคยเจอแบบคุณ คห 91 แบบว่ารอมาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ตรวจออกอาการเหวี่ยงวีนอยากตรวจก่อนคนอื่น เราเดินเข้าไปบอกเลยว่า "ทำไมคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนี้ คนอื่นมาก่อนคุณยังไม่ได้ตรวจเลย รู้จักรอตามคิวมั่ง เห็นคนอื่นที่เค้าเจ็บหนักกว่าคุณมั้ย รู้จักเห็นใจคนอื่นบ้าง"  แล้วก็หันไปพูดกับคนไข้อีกคนที่มาก่อนว่า"ป้ามาก่อนเค้า ป้าก็ต้องตรวจก่อนเค้าเนอะ" ผลปรากฎว่าคนไข้เค้าว่ากันเองว่า หน้าไม่อายมาทีหลังอยากตรวจก่อนหมอเค้าไม่ได้นั่งว่างๆนะ ได้ยินแล้วก็ชื่นใจยังมีคนไข้เห็นใจเรา ต้องให้คนไข้ด้วยกันว่ากันเองคนที่วีนจะได้อาย เพราะคนบางคนคิดว่าถ้าวีน เหวี่ยง โวยวายเข้าไว้จะได้ตรวจก่อน จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะหมอไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากโดนร้องเรียน  ตอนนี้ที่อยู่ได้ก็เพราะยังมีคนไข้ดีๆให้ตรวจอยู่ ถ้าเจอคนไข้แย่บ่อยๆ กำลังใจคงถอยเหมือนกัน      จากคุณ : น้ำตาลกะข้าวตัง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:06:35

ความคิดเห็นที่ 104 เราไม่ได้เป็นหมอ แต่เข้าใจและรับทราบได้ถึงความเหนื่อยยากของหมอค่ะ ขอให้กำลังใจหมอที่ทำงานหนักทุกคนนะคะ มีอีกหลายๆ คนที่คอยให้กำลังใจหมออยู่ แต่ไม่ได้แสดงออก เราว่ายังไงก็ตาม คนรักหมอมีมากกว่าคนที่ไม่ชอบหมอแน่ๆ ค่ะ จากคุณ : SmilingDoggy เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 12:31:02

ความคิดเห็นที่ 105 รู้คะว่าหมอเหนื่อย แต่คนไข้เค้าต้องพึ่งพิงหมอ คุณลองไปร้องเรียนกับหน่อยงานที่เกี่ยวข้องดูน่าจะเหมาะกว่านะคะ เพราะไม่รู้สิคะ ลองมุมกลับกันของคนไข้บ้างก็แล้วกันไม่มีใครอยากไปหาหมอที่โรงพยาบาลหรอกถ้าตัวเองไม่ป่วยนะ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 15:16:29 จากคุณ : Octobie เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 15:16:08

ความคิดเห็นที่ 106 เข้าใจค่ะเมื่อวานก็มีเรื่องกับคนไข้ เพราะว่าที่ทำงาน คนไข้ ERเยอะมากเพราะต้องตรวจ OPDร่วมด้วยเพื่อประหยัดงบตามหลัก ผอ             สรุปมีคนไข้คนหนึ่งอายุมากแล้วแต่งตัวดีแต่ก็ตะโกนขึ้นมาว่า "รอมา ชั่วโมง สองชั่วโมงแล้วเมื่อไหรจะได้ตรวจ " ตอนนั้นในห้องฉุกเฉินมีคนไข้ประมาณ 30 คนหมอ 2 คน              ลูกสาวเค้ามาด้วยอาการไอมาสามวัน ไข้ไม่สูงปวดท้องประจำเดือน              เรายอมรับค่ะว่าหงุดหงิด ก็เลยสวนกลับ"ถ้ารอไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาลเอกชน"  เค้าก็โกรธมากถามชื่อเรา รวมทั้งลูกสาวก็ด่าว่า "เรียนมาสูงมีEQ แค่นี้เหรอ" เราก็เข้าใจว่าทำงานบริการและหลุดปากพูดไม่ดี เลย ต้องไปยกมือขอโทษ ทั้งแม่และลูกแต่แม่กับลูกเค้าก็ยังไม่หยุดด่า                 ทำให้รู้ว่าหมอเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติมากเลยค่ะเพราะจะหาคนเคารพนั้นแทบไม่มีแล้ว  แต่ยังไงก็ตัดสินใจล่ะ ปีหน้าคงลาออกไม่มีกำลังใจทำงาน               คงต้องปล่อยให้ระบบ เป็นตามนโยบายนักการเมืองเพื่อเอาใจประชาชน ชั้นรากหญ้า โดยต้องรวดเร็ว รัดกุม รอบคอบ  ก็ขอให้ระบบสาธารณสุขไทยเป็นไปในทางที่เจริญขึ้นต่อไปนะค่ะ จากคุณ : maytharat16     -------------------------------------------------------------------------------------- เห็นใจครับ อยากให้กิ๊ฟต์เป็นกำลังใจ แต่พอเจอประโยคสุดท้ายผมก็เปลี่ยนใจ จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 16:26:10

ความคิดเห็นที่ 107 ทำงานแล้วอย่าลืมดูแลคนที่คุณรัก พ่อแม่ผู้มีพระคุณด้วยนะค่ะ เห็นหมอบางคนทำงานจนไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ตัวเอง จนท่านจากไปมาเสียใจภายหลัง จากคุณ : JUM-RAY เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 17:59:04