|
ขอบคุณคำตอบของคุณคนไข้ไม่แฮปปี้ครับ พอจะเข้าใจเหตุการณ์มากขึ้นบ้างแล้ว
เรื่องอายุของคุณหมอ คงจะดูเด็กจริงตามความเห็นของคุณครับ เพราะคุณหมอที่ใส่เสื้อกาวน์ในศิริราช มีเฉพาะนักเรียนแพทย์ปี 4 และ ปี 5 อายุเพียง 22 - 23 ปีเท่านั้นเอง เป็นไปได้ว่าวุฒิภาวะทางอารมณ์ยังไม่ดีพอ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทางศิริราชไม่อนุญาตให้นักเรียนแพทย์ปี 4 และ 5 ให้คำแนะนำแก่ญาติเพียงลำพัง โดยเฉพาะในห้องพิเศษนั้นยิ่งไม่มีสิทธิ์เลย
เรื่องอินเทิร์น ไม่ความสำคัญในศิริราชจริงๆ ครับ เพราะศิริราชเป็นโรงเรียนแพทย์ จึงไม่มีอินเทิร์น (ในความหมายของแพทย์เพิ่งจบที่ทำงานใช้ทุนตามโรงพยาบาล/หอผู้ป่วย) จะมีก็แต่นักเรียนแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน แพทย์ประจำบ้านต่อยอด และอาจารย์แพทย์ครับ
กระทู้นี้ช่วยให้ผม, ซึ่งเป็นหมอ, ได้เข้าใจมุมมองของคนไข้มากขึ้นครับ และได้ทบทวนประสบการณ์ด้วยว่า พื้นฐานความคิดที่แตกต่างกันระหว่างหมอกับคนไข้ส่งผลกระทบอย่างไร คำพูดที่เราถือกันว่าเป็นเรื่องปกติ และพูดด้วยความหวังดี ในบางครั้ง/บางสถานการณ์ก็อาจถูกตีความเป็นอื่นไปได้เหมือนกัน นอกจากนี้ การแสดง/ไม่แสดงกริยาบางอย่าง ก็อาจมีความหมายแตกต่างไปตามความเชื่อของแต่ละคนเช่นเดียวกัน - ความแตกต่างนี้คงไม่ได้หมายถึงว่าใครผิดหรือถูก เป็นแต่เพียงการตีความที่ไม่ตรงกันเท่านั้นเอง
เรื่องนี้ ผมคงต้องเก็บไว้บอกเล่าแก่นักเรียนแพทย์เพิ่มเติมครับ, สำคัญมาก, เพราะเขาต้องตระหนักแล้วว่า ลำพังการเรียนรู้เรื่องการสื่อสารกับคนไข้นั้นคงไม่พอ ต้องเข้าใจความแตกต่างด้านความคิด ความเชื่อ อคติและการตีความของคนไข้/ญาติด้วย จึงจะครบสมบูรณ์ - อย่างน้อยเมื่อจะพูดจาก็ควรมีหางเสียงทุกครั้ง อย่าทึกทักไปเองว่าไม่สำคัญ หรือเวลาจะแนะนำการปฏิบัติตัว ก็ไม่ควรวางฟอร์มว่าเป็นหมอ - แม้เราจำเป็นต้องทำ แต่คนไข้ไม่ชอบ - ไม่ควรสั่ง "ห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้" แต่ให้แนะนำว่า "ไม่ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้" แทน ส่วนจะมีน้ำหนักมากพอให้คนไข้เชื่อถือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่สุด คือ กระทู้ชี้ช่วยเน้นย้ำมุมมองของคนทั่วไปต่อวิชาชีพแพทย์ครับ; คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยยังเลือกที่จะมองหมอแบบแยกส่วน (ที่บอกว่าเลือกมองนี้ คือเลือกมองตามความจำเป็น ตามสถานการณ์) กล่าวคือ มองว่าหมอเป็นกลุ่มก้อนที่แยกต่างหากจากสังคมของคนมั่วไป หมอไม่ได้อยู่ในสังคม และหมอไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีนิยาม มีวิถีชีวิต มีระเบียบข้อบังคับเฉพาะของกลุ่ม หมอจะต้องอยู่ในสังคมอุดมคติ เหนือกว่าปุถุชนทั่วไป บ่อยครั้งที่คนทั่วไปคาดหวังให้หมอเป็นอรหันต์เสียด้วยซ้ำไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ หมอจึงไม่ควรประพฤติตนอย่างคนทั่วไป เพราะ "หมอเป็นหมอ" และการกระทำอย่างปุถุชนเป็นสิ่งอันไม่สมควรแก่สถานะของหมอ ด้วยเหตุผลประการทั้งปวง
เมื่อผมได้รับทราบความจริงในเรื่องนี้ ผมรู้สึกขอบคุณความเห็นนี้มากครับ แต่นึกละอายใจอยู่ว่า แม้ตัวเองจะเป็นหมอ และพยายามเดินตามอุดมคติที่สังคมทั่วไปวางไว้ (ทั้งที่สังคมนั้นขับหมอให้ออกมาอยู่นอกวง) แต่บ่อยครั้งก็ไม่อาจทำได้ทั้งหมด ยังมีบางเสี้ยวเวลาที่เป็นคนธรรมดาบ้างเหมือนกัน จะให้เป็นพระอรหันต์คงไม่ได้เลย หรือถ้าเป็นได้จริงก็คงไม่เอาหรอกครับ ผมกลัวคนทั่วไปจะเป็นบาปเสีย หากยังครหาหมอกันอยู่ทุกวันอย่างนี้
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็จะพยายามครับ และจะแนะนำให้นักเรียนแพทย์เด็กๆ พยายามทำตามสิ่งที่สังคมคาดหวังเช่นเดียวกัน แม้เรา, ในฐานะหมอ, จะไม่มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมในฐานะของคนทั่วไปก็ตาม
ผมขอพูดซ้ำคำพูดเดิมนะครับว่า ที่ศิริราชนั้น อาจารย์ท่านสอนเสมอว่า "ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา" - เหมือนที่ผมและคุณหมอท่านอื่นๆ พยายามเข้าใจความรู้สึกของคุณคนไข้ไม่แฮปปี้นั่นแหละครับ (แม้ว่ามันจะยากอยู่บ้างก็ตามที) - และเราก็หวังเช่นกันว่า ความรู้สึกนี้จะไม่จำกัดอยู่แต่กับหมอเพียงเท่านั้น
ขอให้คุณคนไข้ไม่แฮปปี้กลับมาแฮปปี้ไวๆ นะครับ
จากคุณ |
:
รัตนาดิศร
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ส.ค. 54 04:02:33
|
|
|
|
|