ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าหมอท่าน แรก ก็วินิฉัย ได้ เข้าประเด็น แล้ว ล่ะ ครับ ความเครียด  ฆ่า คนได้   เพราะ มันสะสม  และ กัดกร่อน ไปทีละน้อย จริงๆ นะ  คนอายุขนาด นั้น  ต้องมาตรากตรำ เลี้ยงเด็กเล็กๆ มันหนัก นะ ครับ จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 08:38:51

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากๆครับที่มาเล่าใหฟัง นับเป็นเคสที่ประหลาดไม่เคยได้ยินมาก่อน โชคที่ที่คุณพ่อช่วยไว้ทัน ถ้าดูในทีวี มักจะมีฉากนี้บ่อยๆ คือจะมีการเจาะปอดเพื่อให้ลมเข้าออกได้ แต่นั่นเป็นภาพยนตร์ ซึ่งในความเป็นจริงยังต้องคำนึงความปลอดภัยและการติดเชื้อหลังจากนั้นอีก ขอบคุณมากๆและสวัสดีครับ จากคุณ : nordcapp เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 08:57:07

ความคิดเห็นที่ 3 ควรให้ท่านได้พักผ่อนเพราะอันตรายมากเลยน่ะค่ะ อาการมันเกิดได้ตลอดเวลา อาจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ก็ได้น่ะค่ะ ชีวิตซื้อด้วยเงินไม่ได้น่ะค่ะหาพี่เลี้ยงมาคอยดูแลลูกคุณในตอนกลางคืน แล้วแม่เด็กล่ะค่ะ ทำไมไม่ดูแลลููกเอง จากคุณ : คุณนู๋เคยรวย (คุณนู๋เคยรวย) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 09:02:34

ความคิดเห็นที่ 4 คห.1 และ จขกท. อาจจะเป็นอาการที่ซ่อนอยู่โดยที่ไม่รู้ก็ได้ครับ...  เนื่องจากผมก็มีอาการคล้ายๆกัน แบบนี้แต่ของผมจะเป็นแบบสำลักน้ำ คือถ้าเกิดกินน้ำหรืออาหาร หรือกลืนน้ำลาย แล้วมีการเริ่มที่จะสำลักขึ้นมาแล้ว   จะเกิดการสำลักจากนั้นจะหายใจได้ลำบากมากๆ หายใจไม่ได้เหมือนมีอะไรมาปิดทางเดินหายใจและรู้สึกเลยว่ามีการเกร็งปิดตรง หลอดลม มันทุนรนทุรายพยายามหายใจให้ได้ขนาดทุบอกตัวเองแรงๆก็ไม่ได้ผล ต้องออกแรงพยายามหายใจเต็มที่สุดตัวนั่นแหละจึงเริ่มรู้สึกว่ามีอากาศเข้า  จึงค่อยๆมี อากาศเข้ามากขึ้นเรื่อยๆถึงได้หลุดออกไปได้  ผมกลัวมากๆเลยกับอาการนี้ เคยถามหมอก็จะได้คำตอบแบบ จขกท. ปกตินี่! วิตกเครียดไปมั้ง หลังๆมาต้องระวังตัวอย่างมากๆเลยถ้ากำลังกินน้ำหรืออาหารแล้วเริ่มมีอาการสะดุด สำลักเมื่อไหร่ต้องหยุดการกินคายออกทันที เรียกว่าถ้ากินน้ำอยู่ต้องพ่นออกทันที หายใจก่อนเลย.... พอจะช่วยได้ไม่ทรมานมากนัก  แต่ถ้าเกิดเป็นตอนกำลังจะนอน แล้วเกิดสำลักน้ำลายก็...เจอแน่ทำอะไรไม่ทัน หลังๆนี้เริ่มจะน้อยลงหน่อยหลังจากที่พบวิธีการระวังตัว แต่ใช่ว่าจะหายขาดนะครับ อาการที่เล่ามานี้ตอนที่เป็นอยู่ๆมันก็มาเลย ไม่ใช่เป็นมาแต่เกิด จากคุณ : บู้บี้ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 09:04:30

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อจากข้างบนอีกนิด..... ประเด็นของผมคือพยายาม....อย่าให้เกิดการสำลักขึ้นมา มันจะรู้ตัวก่อนว่าจะสำลักแล้ว ต้องไม่ให้เกิดการสำลักขึ้นมา ( น้ำ,น้ำลาย,อาหาร ) ต้องทำให้ทันก่อนเกิดอาการ จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ จากคุณ : บู้บี้ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 09:17:16

ความคิดเห็นที่ 6 คุณแม่เด็กก็ทำงานต่างประเทศกับผมครับ ทำที่เดียวกัน  โดนส่งมาเป็นแพคคู่.... ตอนนี้เครียดมากทั้งคู่ครับ...  เด็กส่งไปให้คุณพ่อกะคุณแม่ของแฟนผมดูแลแล้วครับ... ส่งคุณพ่อกะคุณแม่ผมให้พักอย่างเดียวครับ... ผู้ใหญ่ไม่ยอมให้ส่งเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กครับ... จากคุณ : King For Freedom เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 09:48:51

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีไรเลยครับ ง่ายๆ ก็แค่สำลักน้ำเข้าหลอดลม แล้วกล่องเสียง ตีบตัวฉับพลัน acute laryngeal spasm แล้วมันคลายเอง เลยรอดตายมาได้ หมอคนที่สอง น่าจะเพ้อเจ้อนะครับ แต่งนิทาน จินตนาการไปไกล ถ้าลิ้นปิดเปิด ที่ปิดหลอดลมเวลากลืน มันทำหน้าที่ผิดปกติ มันเป็นมานานแล้วครับ ไม่มาเสียหน้าที่กระทันหันตอนอายุห้าหกสิบนะครับ หรือถ้าเป็นโรค เช่นเนื้องอกบริเวณนี้ หรือเส้นประสาทมาเลี้ยงเสียหายฉับพลัน อาการจะไม่หายไป แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยนะครับ วันนี้ พรุ้งนี้ กลืนทุกที ก็สำลักทุกทีนะครับ ไม่หายเองซะดื้อๆแบบนั้น สรุป ต่อไป กลืนหรือดื่มกินอะไรช้าๆนะครับ อย่าพูด อย่าไอ เวลากลืนดื่ม กิน ^_____^ จากคุณ : รปภ.บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า (GMPLS) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 10:43:35

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ รปภ.บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 10:49:34

ความคิดเห็นที่ 9 อยากให้ กีบ   คห.7   หมอคานู เอาไปแทน ละ กัน ครับ   จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 11:46:08

ความคิดเห็นที่ 10 รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ... ขอบคุณ คห.ที่7 ครับ จากคุณ : King For Freedom เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 13:21:29

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับ คห.7 ครับ และแถมนิดนึง การพยายามฝืนให้กลืนในขณะที่ไม่รู้ตัวอาจฆ่าคนนั้นๆได้ครับโชคดีที่คราวนี้ตัวปิดกั้นมันปิดไว้ไม่งั้นสำลักลงปอดแย่ได้ครับ จากคุณ : oncodog เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 54 18:04:36

ความคิดเห็นที่ 12 ขอแนะนำเพิ่มเติมนิดหนึ่งครับ สำหรับวิธีแก้ พอดีตัวเองเคยเป็น ก็เลยศึกษาเรื่องนี้มาถึงวิธีแก้ด้วยตัวเอง หรือการช่วยคนอื่น คือ 1  ตัวคนไข้เอง ต้องอย่าตกใจ และพยายามหายหายใจ ช้าๆ ทางจมูก อย่าพยายามหายใจทางปาก 2  วิธีกดให้คลายตัว เพื่อให้หายใจได้ คือ ให้กดตรงหลังติ่งหู ที่เป็นหลุมๆลงไป ใต้กระดูก Mastoid หลังหูน่ะ ให้กดแรงๆทั้งสองข้าง เค้าเรียกวิธีนี้ว่าอะไร ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน จำแต่วิธีทำมา  แต่ก็ยังไม่เคยทำกับตัวเองเหมือนกัน  ถ้าใครเป็นอีก หรือจะช่วยใคร ก็ลองวิธีนี้ได้ครับ เป็นเทคนิคของหมอที่ตอบคำถามในเวปของต่างประเทศน่ะครับ จากคุณ : bearhug เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 16:09:04

ความคิดเห็นที่ 13 ได้วิธีแก้ด้วยตัวเองแบบ คห. 12 ข้อที่ 2 เพิ่มขึ้นมาล่ะอีกวิธีหนึ่ง เอาไว้จะลองดูเวลามีอาการขึ้นมาอีก.... ยอมรับเลยว่ากลัวมันมากเวลาเป็น ขอบคุณ คห.12ด้วยครับ จากคุณ : บู้บี้ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 07:56:37