Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปรับจิตปรับใจอย่างไร ให้การควบคุมอาหารกลายเป็นเรื่องง่าย ติดต่อทีมงาน

Anthony Robins เคยบอกไว้ว่า คนที่ทำงานสำเร็จลุล่วงส่วนใหญ่มีมาตรฐานเป็นของตัวเองที่ฝ่าฝืนไม่ได้ เราว่าทุกคนมีมาตรฐานในตัวเองอยู่แล้วค่ะทุกคนในที่นี้คงมีมาตรฐานที่ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยุ่งกับยาเสพติดเด็ดขาดหรือไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่กอดจูบกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน

ถามว่าสองอย่างนี้ยากที่จะทำมั้ยคะ ทุกคนคงตอบว่า ไม่ยากเลย เราไม่ได้อยากทำแบบนั้น มันไม่ใช่เรา ไม่สอดคล้องกับค่านิยมนิสัยใจคอและความชอบของเรา(ใครที่ชอบทำสองอย่างข้างต้น เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณคงคิดถึงมาตรฐานเรื่อง่ายๆ อื่นๆ ออก) มาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างง่ายถ้าเราตกจากมาตรฐานแปลว่าเราเหลวไหลมาก เลวร้ายมาก(คิดถึงภาพตัวเองนั่นเมายาบ้าสิคะ) ปล่อยตัวปล่อยใจมากจนเกินไปแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานที่สูง เช่น เด็กที่เรียนเก่งก็อาจคิดว่า ชั้นจะไม่มีทางเรียนได้เกรดบีเป็นอันขาด สำหรับคนอื่นที่เรียนไม่เก่งอาจจะยาก แต่สำหรับตัวเขาเองเพียงแค่ไม่เที่ยวเล่นเหลวแหลกจนเกินพอดี ก็คว้าเกรดเอมาได้สบายๆ

เรื่องการกินและการลดความอ้วน ทุกคนก็คงจะมีมาตรฐานของตัวเอง มาตรฐานที่พวกเราคงมีร่วมกัน เช่น จะไม่ทานอาหารแย่ๆ ปริมาณมากๆ คือไม่ว่าอย่างไร ชีวิตนี้ชั้นคงไม่ยัดข้าวขาหมูสามจานในมื้อเดียว หรือไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองอ้วนจนเดินไม่ได้ ถ้าถึงขั้นนั้นคือสติแตกไปแล้ว บ้าไปแล้ว ในขณะที่บางคนก็มีมาตรฐานเรื่องอาหารสูงมาก ไม่ทานคาร์บ ไม่ทานไขมัน ไม่ทานเนื้อสัตว์ ไม่ทานเวลานั้นเวลานี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ บางทีคนธรรมดาอย่างเราๆ คิดว่า ชั้นไม่มีทางทำได้ ชั้นไม่มีทางห้ามใจได้ ชั้นชอบขนม อดใจไม่ไหวหรอก หรือคิดว่าคนที่ต้องทำอย่างนั้นคงเครียดมาก คงไม่มีความสุข แต่ถ้าคิดถึงในแง่มาตรฐานแล้ว คนที่มีมาตรฐานสูงเหล่านั้นเขาก็เห็นมาตรฐานของเขาเป็นเรื่องง่ายๆ เหมือนอย่างที่เรามองมาตรฐานของเรานั่นแหละค่ะ อย่างนักกีฬา เช่นพวกที่แข่งวิ่งมาราธอน วันนึงใช้พลังงานถึง 5000 แคลอรี่ วิ่งเป็นชั่วโมงทุกวัน เราเชื่อว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นอย่างทรมาน แต่มาตรฐานของเขาคือต้องออกกำลังกายเป็นเวลาเท่านี้ ทุกวัน เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการแข่งขัน เขาไม่ได้เห็นว่าการวิ่งเยอะๆ เป็นปัญหา แต่ถ้าไม่ได้วิ่งต่างหากถึงจะเรียกว่าเป็นนักกีฬาที่เหลวไหล

Anthony Robins เลยแนะนำว่า ให้ค่อยๆ ยกมาตรฐานของตัวคุณเองค่ะ กฎเหล็กสักข้อที่ทำได้ง่ายๆ และยึดสิ่งนั้นเป็นมาตรฐาน พอเราเห็นมาตรฐานใหม่เป็นเรื่องง่ายๆ แล้ว ค่อยยกตัวไปสู่มาตรฐานต่อไป มันก็ง่ายขึ้น
บางคนบอกว่าโอย อยากจะทานให้น้อยลง ทำไมทำไม่ได้สักที บางทีคนเหล่านั้นมองการเปลี่ยนตัวเองในแง่มุมที่ผิด ลองเปรียบเทียบการคิดแบบผิดๆ กับความคิดแบบเปลี่ยนมาตรฐานดูนะคะ

คิดแบบผิดๆ : ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ชั้นจะไม่กินเยอะอีกแล้ว

คิดแบบเปลี่ยนมาตรฐาน : โอเค ตอนนี้เรากินเยอะสัปดาห์ละ 4 วัน อาทิตย์หน้าจะลดเหลือสัปดาห์ละ 3 วัน แค่นี้ทำได้แน่ๆ ทำไปสักระยะ แล้วค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 2 วันหรือ 1 วัน เป็นเดือนละ 2 วัน ไปอย่างช้าๆ แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้ว ผ่านไปสักพักหนึ่ง ถ้าคุณอยู่จุดที่ได้ทานเยอะสักหนึ่งวันต่อสัปดาห์ก็พอใจแล้ว การทานเยอะๆ 4 วันต่อสัปดาห์จะกลายเป็นอะไรที่มากเกินไปจริงๆ หลุดมาตรฐาน หลุดโลกไปเลย

คิดแบบผิดๆ : จะจริงจังกับการควบคุมคุณภาพอาหาร อาทิตย์หน้าจะไม่กินของอ้วนๆ กินผักกับปลาเท่านั้น

คิดแบบเปลี่ยนมาตรฐาน : อาหารแย่ๆ อะไรที่เราตัดออกจากชีวิตได้ง่ายๆ เอาล่ะ เริ่มจากน้ำหวานน้ำอัดลมก่อน ง่ายดี พอเคยชินกับการไม่ทานน้ำหวานน้ำอัดลมก็ไปตัดของทอด พอเคยชินกับการไม่ทานของทอดก็ไปตัดน้ำตาล แบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือ อาทิตย์นี้ทานน้ำหวานทุกวัน อาทิตย์หน้าจะลดเหลือ 5 วัน พอเคยชินรู้สึกโอเคกับมันค่อยเปลี่ยนเป็น 3 วัน ลดไปเรื่อยๆ สักระยะหนึ่ง ก็จะเริ่มเห็นการดื่มน้ำอัดลมเป็นเรื่องเหลวไหลไปเลย คุณอาจจะคิดเลยด้วยว่า “จะบ้าเหรอ เอาน้ำผสมน้ำตาลแล้วอัดแก๊ส มาขายชั้น” ไม่ดีต่อสุขภาพและไม่ได้อร่อยถึงขนาดจะไปยอมซื้อกิน

ขอเน้นว่ามาตรฐานต้องเป็นอะไรที่โคตรง่าย(นึกถึงตัวอย่างยาบ้าต้องง่ายพอๆ กับไม่ยุ่งเกี่ยวยาบ้า) เลือกมาตรฐานที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้สูญเสียอะไรไปมากมายนัก แต่ข้อดีคือทำให้เราเข้าใกล้ความเพอร์เฟ็คมากขึ้น นอกจากนี้มันยังทำให้เรารู้ว่า เออ เราก็ทำได้ ทำไปแล้วนี่นา ขั้นต่อไปก็จะยิ่งง่ายใหญ่ บางคนมองว่าการจำกัดอาหารนั้นเป็นการกดดันตัวเอง คนเราไม่ควรกดดันตัวเอง เดี๋ยวเครียด คือ ปกติเราจะคิดว่า ถ้าปล่อยกินตามสบาย เราก็สบายใจแต่ถ้าจำกัดบังคับให้ทานน้อย เราจะทุกข์ใจ แต่ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งที่วางใจเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการเปลี่ยนมาตรฐานแบบนี้ มันกลับกันนะคะ คือรู้สึกสบายใจเวลาทานดีๆ อยู่ในมาตรฐาน แต่รู้สึกทุกข์ร้อนเหลวไหลเวลาทานไม่ดี หรือออกจากมาตรฐาน

แน่นอนว่า ยิ่งมาตรฐานสูงขึ้นมากเท่าไหร่ การรักษามาตรฐานก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะพลาดท่าตกมาตรฐานบ่อยแต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า เราใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ภายในกรอบที่กำหนด ที่ออกนอกกรอบนั้นเป็นส่วนน้อย แบบนี้การจำกัดอาหารก็เป็นเรื่องง้ายง่าย

ขอขอบคุณ http://shining-coral.บล็อกสปอต.com/ (ผู้เขียน)
..........................................................................................................................................
หมายเหตุ จะเข้าลิ้งค์ ต้องเปลี่ยนคำว่าบล็อกสปอต ให้เป็นภาษาอังกฤษก่อนค่ะ

จากคุณ : Love in the mist
เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 16:33:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com