บทที่ 3 ความดัน............(ทุรัง) สูง (ภาคสองสิคะ)

ใจความสำคัญของเรื่องนี้ : โรคความดันโลหิตสูง
Hypertension                              
                   
                  เอาละๆครับ ครั้งที่แล้วก็ว่ากันไปละเรื่องใครเป็นใครไม่เป็น โรคนี้มีกี่แบบวินิจฉัยอย่างไร คราวนี้เรามาดูเรื่องของอาการของโรคนี้กันบ้าง เรื่องของอาการนั้นง่ายมากครับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาด้วยเรื่องโรคความดันโลหิตสูงนั้นเริ่มแรกมักจะมาด้วยอาการ แตน แตนแต๊น................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. (พอเถอะ)

     ไม่มีอาการครับ !!!!!!!!!!! ส่วนใหญ่นั้นผู้ป่วยมักจะรู้ว่าตัวเองเป็นจากการตรวจร่างกายประจำปี มาตรวจด้วยเรื่องอื่นแล้วพบว่ามีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย หรืออาจจะมาด้วยเวียนศีรษะเล็กน้อยบ้างก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่  
     ไม่มีอาการครับ !!!!!!!!!!!!!!!!!! อ้าวแล้วยังงั้นจะรู้ได้ยังไงละว่าเป็นหรือไม่เป็น ในเมื่อไม่มีอาการ คุณหมอจะให้ดิฉันมานั่งพารานอยด์(ระทึก)ทั้งวันเหรอคะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ เพียงแต่ว่าคุณอาจจะต้องมีการตรวจสุขภาพประจำปีบ้าง และคุณควรไปตรวจเป็นประจำถ้าคุณมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้

   อายุมากขึ้น 35ปี ขึ้นไปก็ควรเริ่มไปตรวจบ้างได้แล้วครับ

   น้ำหนักมาก โดยเฉพาะผู้ที่มี BMI หรือดัชนีมวลกายสูง เช่น มากกว่า 27 เป็นต้น ( BMI ก็คำนวณจาก นน.เป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตร2รอบนะจ๊ะ)

   ผู้ที่ชอบทานเค็ม (นิสัยเค็มไม่ค่อยเกี่ยวครับ อันนั้นงก)

   สูบบุหรี่จัด หรือบรรดาสิงห์อมควันทั้งหลายนั่นเอง
   เวียนศีรษะบ่อยๆ ปวดตลอดกินยาตลอด
   คนที่คนในครอบครัวเป็นความดันโลหิตสูง
   มีความเครียดบ่อยๆ
   เป็นโรคเบาหวาน หรือไขมันในเส้นเลือดสูง โรคเหล่านี้มักจะมาด้วยกันครับ เป็น แฝด 3 กันเลยทีเดียว

·           และในกรณีที่คุณเป็นโรคความดันโลหิตชนิดที่มีสาเหตุ ก็มักจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วยครับ เช่นความดันโลหิตสูง ใจสั่น ร่วมกับปวดศีรษะมากบ่อยๆ หรืออาจจะมีอาการอ่อนแรงกล้ามเนื้อเป็นบางครั้ง หรืออาจจะมีอาการปัสสาวะผิดปกติ
·      
            ในบางครั้งในผู้ป่วยที่ไม่ค่อยเข้าโรงพยาบาล ไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปี แต่มีความเสี่ยงดังกล่าวมาแล้ว อาจจะเป็นโรคนี้แล้วไม่รู้ตัว จึงไม่เคยกินยา หลายๆคนอาจจะมาด้วยอาการของผลแทรกซ้อนจากการเป็นโรคความดันโลหิตสูงนานๆได้เลย เช่น โรคเส้นเลือดในสมองทั้งตีบหรือแตก (จะมีอาการอัมพาต อ่อนแรง ชาเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หมดสติ พูดคุยไม่รู้เรื่อง ปากเบี้ยว) โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (จะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีของมาทับ มารัดแน่นๆ หัวใจเต้นเร็วรัว เหนื่อยมาก หายใจไม่อิ่ม)  ไตวาย (ตัวบวม หนังตาบวม ปัสสาวะไม่ค่อยออก เหนื่อยง่าย ซีด) หรือเส้นเลือดที่จอประสาทตาเสีย (ตามัว) เป็นต้น


            นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งครับ ทางที่ดีผมว่าถ้าอายุมากขึ้นแล้ว ไปตรวจสุขภาพประจำปีสักครั้ง เหมือนรถที่ใช้มานานแล้วไปเช็คสภาพบ้างก็ไม่เสียหลายนะครับ อาการจากตัวโรคไม่ค่อยน่ากลัวครับ นั่นยิ่งทำให้โรคนี้น่ากลัว (อ้าวววววววว) เพราะคนส่วนใหญ่(ทั้งที่เป็นและไม่เป็น) จะคิดว่าไม่เป็นไรหรอก ถึงเป็นก็ไม่เป็นไรไม่กินยาก็ได้ เพราะไม่มีอาการอะไรมาทำให้กวนใจด้วย คริคริ (ภาษา facebook)  แต่ปัญหาคือมันจะคริไม่ออกนะสิครับ เมื่อโรคนี้มันทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้นั่นคือ
·      
         เส้นเลือดสมอง ไม่ว่าจะเส้นเลือดสมองตีบ หรือแตกจะทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตขยับไม่ได้ครึ่งซีก เช่นแขนขาซ้าย ปากเบี้ยวเป็นต้น ถ้าคุมความดันได้ไม่ดี
·      
         มีภาวะหัวใจวาย ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการเจ็บแน่นหน้าอก เจ็บแน่นมากจนทำอะไรไม่ได้ และอาจมีภาวะหัวใจล้มเหลวซึ่งจะทำให้หอบตามมาด้วย
·      
         ภาวะไตวาย (ตายไว) มาด้วยอาจจะมีอาการหรือไม่มีก็ได้  อาจจะมีหนังตาบวม ตัวบวม ปัสสาวะไม่ค่อยออก นอกจากนี้อาจจะส่งผลไปถึงการผลิตเลือดในร่างกายทำให้ซีดตามมา หรือค่าเกลือแร่ในร่างกายที่ผิดปกติไปมาก ซึ่งมีผลต่อร่างกายอย่างรุนแรง (เช่นโพแทสเซียม) อาจรุนแรงจนหัวใจหยุดเต้นไปเลยก็ได้นะครับ
·      
          จอประสาทตาเสื่อม จะทำให้ตามัวมาก มองอะไรไม่เห็นเหมือนเดิม

       อย่างที่เห็นครับโรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวกว่าที่คิด คือด้วยตัวโรคเองไม่ได้มีอาการที่แสดงหรือก่อให้เกิดความไม่สบายตัวให้ผู้ป่วย (ในบางกรณีถ้าความดันโลหิตสูงมาก หลายๆคนจะบอกว่ารู้สึกตัวหนักๆและเวียนศีรษะ)  แต่ผลแทรกซ้อนของมันนี่แหละครับที่น่ากลัวบางคนเป็นอัมพาต เป็นแล้วเป็นเลยนะครับ รักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ยาก ต้องใช้การกายภาพบำบัดเป็นเดือนเป็นปี บางคนที่เป็นโรคไตวายบางคนอาจจะเลวร้ายถึงขั้นต้องฟอกไตเลยก็ได้

         ดังนั้นอย่างที่บอกครับ หากคุณๆทั้งหลายมีความเสี่ยงดังกล่าว รีบไปตรวจพบแพทย์สักครั้งก็จะดีครับ ตรวจสุขภาพร่างกายนี่แหละเป็นการดูแลตัวเองที่ดีมากๆอย่างหนึ่ง เป็นการให้รางวัลที่ดีกับตัวเองอย่างดีเยี่ยม (รถเองยังต้องมีเช็คสภาพเลยครับ แต่ถ้ารถเสียยังเปลี่ยนอะไหล่ได้เลย แต่คนเรามันทำอย่างนั้นไม่ได้นะสิครับ บางอวัยวะเช่น ไต มันเปลี่ยนยากมากกกกกกกกกกกกกเพราะฉะนั้นบำรุงรักษามันไว้จะดีกว่าครับ)

           ผมขออนุญาตอู้ด้วยการจบแค่นี้ก่อนนะครับ ครั้งหน้าภาคสุดท้ายมาว่าด้วยเรื่องของการป้องกัน รักษา และการดูแลของโรคนี้กัน

by หมอใหม่หัวใจแนว (small-doctor)

บทที่ 3 ความดัน............(ทุรัง) สูง (ภาคแรก)
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10998799/L10998799.html

จากคุณ	: small-doctor
เขียนเมื่อ	: 7 ก.ย. 54 19:58:09