ความคิดเห็นที่ 1 ผลวิจัยพบบัตรทอง30บาทดีกว่าจ่ายปนระกันสังคมเดือนละ750บาท          เมื่อไวๆนี้เอง นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข และนักวิจัยเรื่องความแตกต่างสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพระหว่างระบบประกันสังคมและระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เปิดเผยผลวิจัยว่า หลักประกันสุขภาพทั้งสองระบบของไทยเกิดความเหลื่อมล้ำ โดยระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองที่บริหารโดยสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีสิทธิประโยชน์ดีกว่าระบบประกันสังคมของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ทั้งเงื่อนไขการคุ้มครองที่สะดวกต่อผู้รับบริการมากกว่า มีสิทธิประโยชน์มากกว่า และมีการบริหารจัดการเฉพาะเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพดีกว่า            จึงเกิดคำถามว่าทำไมผู้ประกันตนที่มีอยู่ในเวลานี้เกือบ 10 ล้านคนในปัจจุบันต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่กลับได้สิทธิประโยชน์ด้อยกว่ากลุ่มคนที่ไม่ต้องจ่ายเงิน          นพ.พงศธร เปิดเผยผลวิจัยว่า งานวิจัยนี้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 18 เดือน มีเนื้อหา 4 ด้าน คือ            1.สิทธิประโยชน์          2.การบริหารจัดการ          3.กรณีศึกษา          และ 4.ผลการรักษาทั้งสองระบบแตกต่างกันอย่างไร            ขณะนี้มี ข้อมูลเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ทั้งสองระบบ พบว่าแตกต่างกันหลายรายการ เช่น            -กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ประกันสังคมให้สิทธิไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี บัตรทองไม่จำกัดจำนวนครั้ง          -กรณีโรคไตวายเฉียบพลัน ประกันสังคมคุ้มครองไม่เกิน 60 วัน บัตรทองคุ้มครองไม่จำกัดเวลา          -กรณีรักษาตัวแบบพักฟื้นและบริการหลังผู้ป่วยกลับบ้าน ประกันสังคมไม่คุ้มครอง บัตรทองคุ้มครอง          -กรณีทันตกรรม ประกันสังคมไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี บัตรทองไม่จำกัดจำนวนครั้ง          -และยังมีอุปกรณ์และอวัยวะเทียมในการบำบัดโรคที่แตกต่างกัน ประกันสังคมมี 81 รายการ บัตรทองมี 207 รายการ          -กรณีการบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย โรคที่เกี่ยวกับการอุดตันของหลอดเลือดในสมอง โรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ โรคหืด วัณโรค เบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นต้น สิทธิประโยชน์ดังกล่าว ระบบประกันสังคมไม่มีการจัดการเฉพาะ ในขณะที่บัตรทองมีการจัดการเฉพาะ          -สำหรับกรณีผ่าตัดสมองเป็นรายการเดียวที่ประกันสังคมมี แต่บัตรทองไม่มี          -นอกจากนี้ กรณีเจ็บป่วย ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน จึงจะได้รับสิทธิคุ้มครองรักษา แต่บัตรทองได้รับสิทธิทันทีที่ลงทะเบียน          นพ.พงศธรกล่าวว่า กฎหมายประกันสังคมเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2533 ช่วงนั้นประเทศไทยยังไม่มีระบบหลักประกันสุขภาพที่ครอบคลุม จึงถือว่าประกันสังคมเป็นนวัตกรรมสวัสดิการรักษาพยาบาลที่ก้าวหน้าของสังคม แต่เมื่อประเทศไทยมีพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพ 2545 ที่ดูแลคนไทย ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เวลานี้กฎหมายประกันสังคมจึงล้าหลัง และถึงเวลาแล้วต้องยกเครื่อง            โดยขอเรียกร้องให้ผู้ประกันตนทั้งเกือบ 10 ล้านคนช่วยกัน แสดงความคิดเห็นว่า ต้องปรับปรุงระบบประกันสังคมอย่างไรให้มีสิทธิประโยชน์ดีขึ้น เช่น การรักษาพยาบาลโรคต่างๆ และสิทธิประโยชน์ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตระยะยาว จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 00:52:16

ความคิดเห็นที่ 2 โรงพยาบาลได้ทีขอขึ้นค่ารักษาต่อหัวมากกว่าบัตรทอง          ไม่รู้ว่าเพราะมีผลวิจัยออกมาแบบนี้หรือเปล่า ทำให้ไปเข้าทางหมอซะได้ เพราะตอนนี้แพทย์และสถานพยาบาลออกมาเคลื่้อนไหวขอเพิ่มค่ารักษาพยาบาลต่อหัว จากเดิมหัวละ2,108บาท เพิ่มเป็น2,526บาท อ้างว่าอัตราเดิมโรงพยาบาลเจ๊ง( แต่ไม่ได้บอกนะว่าหากได้เพิ่มแล้ว บริการจะดีขึ้นไหม...?)          โดย ศ.นพ.เหลือพร ปุณณกันต์ กรรมการการแพทย์ของประกันสังคม และอนุกรรมการพัฒนาระบบบริการประกันสังคม เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สปส. มีงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนถอนตัวออกจากระบบประกันสังคมถึง 13 แห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถแบกรับต้นทุนค่ารักษาพยาบาลได้            เนื่องจากอัตราที่ สปส. จ่ายให้แก่สถานพยาบาลหัวละ 2,108 บาทต่อปีได้ไม่เพียงพอ ทำให้ประสบภาวะขาดทุน จึงได้ถอนตัว            ในปี 2553 มีผู้ประกันตนกว่า 9.6 ล้านคน และมีค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในอยู่ที่ 10,065 ล้านบาท และผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 16,320 ล้านบาท โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเข้าร่วมประกันสังคม 242 แห่ง ในจำนวนนี้มีโรงพยาบาลได้กำไร 163 แห่ง ขาดทุน 79 แห่ง          ผลการศึกษาพบว่า ปีหน้า 2555 จะมีผู้ประกันตนเพิ่มเป็น 10.4 ล้านคน ทางสถานพยาบาลจึงจะเสนอให้ สปส. ปรับอัตราเหมาจ่ายรายหัวค่ารักษาพยาบาลให้แก่สถานพยาบาลในระบบประกันสังคมจากเดิมหัวละ 2,108 บาทต่อปี เพิ่มเป็น 2,526 บาทต่อปี ซึ่งต้นทุนค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น 23% รวมทั้งปรับระบบการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจากเดิมจ่ายอัตราเดียวกันหมดตามสิทธิประโยชน์ที่กำหนดไว้ไปเป็นจ่ายตามกลุ่มโรคร่วมและตามมาตรฐานการให้บริการของโรงพยาบาล 4 กลุ่ม ได้แก่ โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยรัฐ โรงพยาบาลสังกัดอื่นๆ และโรงพยาบาลเอกชนเพื่อช่วยลดภาวะขาดทุนของโรงพยาบาล ทั้งนี้ เรื่องนี้จะประชาพิจารณ์โรงพยาบาลรัฐและเอกชนแล้วนำผลประชาพิจารณ์เสนอต่อคณะกรรมการการแพทย์ของ สปส. จากนั้นเสนอบอร์ด สปส. ต่อไป ศ.นพ.เหลือพรกล่าว จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 00:53:37

ความคิดเห็นที่ 3 เก็บจากผู้ประกันตนกว่า10ล้านคนทุกเดือนขัดรธน.          ก่อนหน้านี้นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยภายหลังการเชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลผู้ประกันตน อาทิ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สภาองค์การนายจ้าง และชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน มาชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่มีการร้องเรียนว่าการจัดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาพยาบาล ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ผลการหารือได้ข้อสรุปว่า กฎหมายประกันสังคมในส่วนของการเก็บเงินสมทบจากผู้ประกันตนไปเป็นค่าดูแลสุขภาพ เป็นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 30            โดยมาตรา 30 ระบุถึงการได้รับความเสมอภาคทางด้านสุขภาพของบุคคล เพราะในขณะที่สำนักงานประกันสังคม หรือ สปส. เก็บเงินส่วนหนึ่งของผู้ประกันตนไปเป็นค่ารักษาพยาบาล แต่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.ดูแลสุขภาพคนทั้งประเทศในมาตรฐานเดียวกันโดยไม่ต้องจ่าย บัตรทองมั่นใจดีกว่าประกันสังคม          การที่ผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาสรุปดังกล่าวข้างต้นทำให้มีการตอบโต้ครับว่า ประกันสังคมดีกว่าบัตรทอง แต่ดูเหมือนหมอที่ดูแลรับผิดชอบบัตรทองจะออกมายันว่า บัตรทองดีกว่า...          นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง 30 บาท เป็นระบบที่มีการวางการบริหารจัดการผู้ป่วย ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถดูแลผู้ป่วย 45 ล้านคนทั่วประเทศ แต่ยังเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ มีทั้งที่ผู้ขึ้นทะเบียนในสิทธิใน รพ. โรงเรียนแพทย์ เช่นเดียวกับ สปส. ไม่ได้มีแต่เฉพาะในคลินิกชุมชนเท่านั้น          นอกจากนี้ เลขาธิการ สปสช.ยังกล่าวยืนยันว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีการจัดการที่ดีและเหมาะสม เพราะได้มีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบเรามีหมอทำงานกว่า 50 คน ทั้งบุคลากรด้านสาธารณสุขในวิชาชีพต่างๆ ทำให้เข้าใจปัญหาระบบได้ดี ต่างจากบางระบบที่มีหมอทำงานเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลือเป็นคนภายนอกที่ไม่เข้าใจ จึงทำให้ระบบเกิดปัญหาการจัดการ          มุมมองของคนใช้บริการประกันสังคม โดนบังคับจ่ายแต่ได้รับการรักษาแย่ ชวนกันเลิกจ่าย ก็นี่แหละครับเลยมีความเคลื่อนไหวจากประชาชนผู้บริโภค โดยช่วงวันแรงงานของปีนี้คุณสารี อ๋องสมหวัง โฆษกชมรมพิทักษ์สิทธิผู้ประกันตน กล่าวว่า เดินทางมากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อยื่นหนังสือผ่านนายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ สธ.ในฐานะตัวแทน รัฐมนตรีว่าการ สธ.          เพื่อเรียกร้องสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในการให้บริการแก่ผู้ประกันตน ตามมาตรา 5 ที่กำหนดให้บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ          ขณะเดียวกันในมาตรา 10 ยังให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เตรียมความพร้อมในการให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และเสนอรัฐบาล เพื่อตราพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาการเริ่มการให้บริการแก่ผู้ประกันตน          คุณสารี ยังกล่าวว่า โดยกฎหมายยังได้กำหนดในมาตรา 66 ให้ตราพระราชกฤษฎีกาภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ใช้บังคับคือ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ทั้ง สปสช. และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ต้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสาธารณะ เพื่อทราบ แต่ในความเป็นจริงเวลาล่วงเลยมากว่า 8 ปี กลับไม่มีการดำเนินการใดจากทั้ง 2 หน่วยงาน          ทั้งนี้ หากพบว่าทางกระทรวงฯ และ สปสช. รวมทั้ง สปส.ยังเพิกเฉย ไม่มีการแก้ไข และยังเก็บเงินสมทบกับผู้ประกันตน ก็จะเดินหน้าฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และยังจะเดินหน้าฟ้องศาลแรงงาน เรียกร้องให้ สปส.คืนเงินกับผู้ประกันตน หลังจากวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 ด้วย จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 00:54:16

ความคิดเห็นที่ 4 ทางออกของผู้ป่วยประกันสังคม หากทำดีกว่าบัตรทองไม่ได้ก็ยุบรวมซะ          เรื่องนี้ผมว่ามีทางออกง่ายๆเพียงแค่ใช้สามัญสำนึกนี่แหละครับคือ ผู้ป่วยประกันสังคมต้องได้รับการดูแลรักษาพยาบาลที่ดีกว่าคนป่วยบัตรทอง(แต่ไม่ได้หมายความว่าบัตรทองจะปล่้อยไปตามมีตามเกิด ทำให้ดีๆขึ้นเถิด แล้วให้ประกันสังคมทำให้ดีกว่าอีกหน่อย เพราะโดนบังคับหักเงินสมทบทุกเดือน)          อันไหนที่เป็นจุดด้อยกว่าตามที่มีผลวิจัยออกมาแล้วก็แก้ซะโดยไว แต่การแก้ให้ดีขึ้นนั้นมีเงื่อนไขสำคัญว่า อย่าผลักภาระมาให้ผู้ประกันตน เช่น เก็บเงินเพิ่ม เพราะคงไม่มีใครยอมแน่          หนทางหนึ่งที่ผมอยากเสนอก็คือ อยากให้มีโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่เน้นรับดูแลรักษาเฉพาะผู้ป่วยประกันตน หรือเรียกว่าโรงพยบาลประกันสังคมขึ้นมาโดยเฉพาะ เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อร้องเรียนมากกว่า สถานพยาบาลจำนวนมากที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมนั้น ได้แยกแผนกประกันสังคมออกไปเฉพาะ แล้วให้บริการต่ำกว่ามาตรฐานปกติของสถานบาลนั้นๆเป็นอย่างมาก จนทำให้คนป่้วยประกันสังคมเป็นพลเมืองชั้นสอง หรือชั้นสาม(เพราะแย่กว่าผู้ป่วยที่มีเงินรักษาเอง หรือเบิกราชการ เบิกประกันเอกชนได้ แถมยังแย่กว่าบัตรทองอีก)          หากมีโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลผู้ประกันตนที่ดีมีมาตรฐานให้การรักษาพยาบาลได้ไม่แพ้โรงพยาบาลเอกชน หรือที่ดูแลสวัสดิการราชการ หรือประกันเอกชนได้ ผมเชื่อแน่ว่าจะเป็นที่ยอมรับของผู้ประกันตนได้ แม้ต้องจ่ายรายเดือนเพิ่มอีกนิดๆหน่อยๆก็คงมีแต่คนแห่เข้า แทนที่จะสาปส่งแห่ออกอย่างในเวลานี้่          ผมว่าปฏิรูปใหญ่ซักยกนะครับเรื่องนี้ คน 10 ล้านคนโดนมัดมือชกกันทุกสิ้นเดือน โดนบริการแย่ๆมาต่อเนื่อง 20 ปี แถมมาแย่กว่าบัตรทอง 30 บาทให้เจ็บช้ำน้ำใจกันอีก ทนได้ก็ทนไป ทนไม่ได้ก็ต้องทน หลังๆทนไม่ไหวเขามีปากก็ต้องโวยกันมั่ง จะไม่ดูดายกันเลยหรือไรก็ใจจืดไปหน่อยแล้ว ลองผ่าตัดใหญ่ให้ดีขึ้นซักที          แต่หากเก็บเงินคนตั้ง10ล้านคนมาแล้ว ก็ปล่อยไว้สภาพนี้ ยังมีสภาพไม่ต่างจากโรงฆ่าสัตว์ ไม่พยายามแก้ไขอะไรให้ดีขึ้น ก็เลิกเถอะครับ ปลดปล่อย10ล้านคนออกจากโซ่ตรวนที่ผูกมัดนี้ไปใช้บัตรทองจะเวิร์กกว่า ...................... (หมายเหตุ : 'ปลดแอกผู้ป่วยประกันสังคม 10 ล้านคนดีกว่า หากยังชุ่ยกว่าบัตรทอง' โดย 'นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ' อดีตประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร) จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 00:55:22

ความคิดเห็นที่ 5 ลองอ่านดูนะครับ ...  อย่างน้อย ก็ได้ัรับรู้ถึงระบบสุขภาพบ้านเรา ที่มีปัญหาอยู่ แต่ก็อย่าพึ่งเชื่อตามข่าวไปทั้งหมด ... ด้านที่ดี ก็ประกันสังคม ก็มี ... ด้านที่ไม่ดี ของ บัตรสุขภาพ (บัตรทอง) ก็มี เช่นกัน ... แม้กระทั่งระบบสวัสดิการ ราชการ  ก็มีปัญหา มีข้อเสีย ... ที่ผม ไม่เห็นด้้วยอย่างยิ่ง ก็คือ " โรงพยาบาล สำหรับ ประกันสังคม "  ...  มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ ที่เป็นรพ.เฉพาะสิทธิ์ นอกจากซ้ำซ้อน ยุ่งยากให้การบริหารจัดการ ฯลฯ ก็ยังไม่ได้รับรองว่า ประสิทธิภาพ คุณภาพ จะดีกว่า อีกด้วย ไหน ๆ จะอ้างงานวิจัยแล้ว ..  คุณหมอเปรมศักดิ์  ก็น่าจะลองหาข้อมูล หางานวิจัยเรื่องนี้ มาอ่านเล่น ๆ ได้ไม่ยากนัก .. อ้อ .. เรื่องนี้ คุยกันตั้งแต่ตอนเริ่มก่อตั้งโครงการประกันสังคม เลยนะครับ  นานมากแล้ว ยังจะกลับไปคิดแบบนั้นอีกหรือครับ ??? จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 01:01:47

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับท่านที่ใช้สิทธิประกันสังคม .. แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ครับ .. คุณ นักอ่านตัวยง เขียนไว้ ละเอียดดีมาก ๆ ครับ นำลงบางส่วนให้อ่านกันเล่น ๆ ก่อน ... ****** เคล็ดลับในการใช้ประกันสังคมให้คุ้ม!!!! ****** http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2009/07/L8067388/L8067388.html ผมมีความเชื่อว่า หลาย ๆ คนในบอร์ดนี้อยู่ในระบบประกันสังคมครับ ซึ่งแต่ละเดือนนั้น จะต้องถูกหัก 5% ของรายได้ (ไม่เกิน 15,000 บาท) พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้ามีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาท ขึ้นไป ก็จะถูกหักเดือนละ 750 บาทครับ หรือปีละ 9,000 บาท แม้ว่าขณะนี้จะมีการปรับลดเงินสมทบลงเหลือ 3% ตั้งแต่เดือน ก.ค. - ธ.ค. 52 แต่ 3% = 450 บาทต่อเดือน หรือปีละ 5,400 บาท ซึ่งวงเงิน 5,400 บาท หรือ 9,000 บาทต่อปี นั้นเป็นเงินที่สูงมาก ๆ ครับ ซึ่งเราไปซื้อประกันจากบริษัทประกันต่าง ๆ ได้เลยครับ หลาย ๆ คนที่เคยใช้ประกันสังคม มักจะบ่น ๆ ๆ ๆ ว่าบริการไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ผมมีเคล็ดลับในการใช้ประกันสังคม ในแง่มุมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่มุมของการรักษาพยาบาล และดูแลรักษาสุขภาพ ดังนี้ครับ เรา รู้หรือเปล่าครับ เวลาที่เราเลือกโรงพยาบาลประกันสังคม ตามบัตรรับรองสิทธินั้น โรงพยาบาลที่เราเลือกจะได้รับเงินเหมารายหัวจากประกันสังคม หัวละ 1,938 บาทต่อปีครับ ดังนั้นถ้าเราเลือกโรงพยาบาลเอกชน ที่มุ่งแสวงหากำไร เพราะเป็นธุรกิจนั่นหมายความว่า ถ้าเราไม่มารักษาเลยในปีนั้น หรือมีจิตใจที่มุ่งมั่นว่าจะไม่ใช้ประกันสังคมเด็ดขาดนั้น จะเท่ากับว่าโรงพยาบาลนั้นจะได้รับเงินกินเปล่า 1,938 บาท ต่อปีทันทีครับ แต่ถ้าเกิดเราไปใช้นั่นก็หมายความว่า ถ้าค่ารักษาพยาบาลที่เรามารักษามีมูลค่ามากกว่า 1,938 บาท ก็เท่ากับว่าโรงพยาบาลขาดทุนทันทีใช่ไหมครับ *** หลาย ๆ คน ที่มีจิตใจมุ่งมั่น แน่วแน่วว่ายังไงก็ไม่เข้ารับรักษาตามสิทธิประกันสังคมแน่ ๆ ผมก็ขอแนะนำให้เลือกโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ เป็น "โรงพยาบาลของรัฐ" ครับ เพื่อให้เงินทองของเราตกไปสู่โรงพยาบาลรัฐ ซึ่งจะได้นำเงินนี้ไปรักษาคนที่เขาขาดแคลนครับผม ถือว่าเป็นการทำบุญทางอ้อม ซึ่งเราช่วยได้ง่าย ๆ เลยครับ *** ดังนั้นบางโรงพยาบาลก็ต้องมีการควบคุมค่าใช้จ่าย กับคนไข้ประกันสังคมอย่างใกล้ชิดครับ เพื่อให้โรงพยาบาลยังคงผลกำไรอยู่ได้ เช่น - การจ่ายยาที่มีราคาไม่แพงนัก - ให้พบแพทย์ทั่วไป (General Physician: GP) จนคิดว่าไม่ไหวจริง ๆ จึงค่อยส่งต่อให้แพทย์เฉพาะทาง - ที่สำคัญที่สุด กรณีเราเจ็บป่วยหนัก ๆ ที่ต้องมีการผ่าตัดโดยแพทย์เฉพาะทาง เช่น หัวใจ ปอด ตับ ลำไส้ ฯลฯ ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนที่เราเลือกเป็นโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ ไม่มีเครื่องมือเพียงพอ หรือไม่มีแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เขาก็อาจจะดิ้นรนรักษา โดยไม่ยอมส่งต่อครับ เพราะสมมติว่าเขาส่งต่อโรงพยาบาลที่เป็นศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์ ศิริราชพยาบาล หรือรามาธิบดี โรงพยาบาลเอกชนตามบัตรรับรองสิทธิ จะต้องตามไปชำระค่ารักษาพยาบาลให้เราครับ คิดแบบเข้าใจนะครับ (แต่อย่าเหมารวมทุก ๆ โรงพยาบาลนะครับ) เขาคงไม่ทำอะไรที่ทำให้เขา "ขาดทุน" อยู่แล้วใช่ไหมครับ หรือถ้าจะยอมก็ต้องคิดว่า "ไม่ไหวจริง ๆ" ซึ่งบางครั้งเวลาส่งต่อไปโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ คุณหมอก็มักจะบอกว่า "น่าจะมาให้เร็วกว่านี้" นี่คือปัญหา จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 01:09:27

ความคิดเห็นที่ 7 แฟนใช้สิทธิประกันสังคม เข้าผ่าตัดที่ รพ. รัฐฯ  ได้ใบรับรองแพทย์หยุดงาน  30  วัน ติดต่อ ประกันสังคมฯ เพื่อขอค่าหยุดงานตามใบรับรองแพทย์   จนท.  แจ้งว่า ตามกฎหมาย บลา บลา บลา  นายจ้างจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบจ่าย  50 % ถามว่า เงินส่วนนี้ผู้ประกันตนไม่ได้เงินของประกันสังคม เหมือนกรณีที่ทำประกันกับ บ. เอกชน หรือครับ (แอบเห็นใจนายจ้างครับ) จากคุณ : dae9 (dae9) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 07:22:20

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ว่ายังไง  ให้คนเค้าทำแบบสมัครใจเถอะ ประกันสังคม  จะบังคับลูกจ้างทำไม แย่ จากคุณ : เบค่อนไข่ดาว เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 09:31:35

ความคิดเห็นที่ 9 มาเป็นกำลังใจให้ครับ ยุบไปเลยแล้วเอาเงินผม ที่ส่งไปคืนมาครับ จากคุณ : อินทวารี เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 11:49:12

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆคะ ขอให้ยกระดับการรักษาให้ดีกว่านี้ได้จริงๆเถอะคะ เคยเลือกร.พ.เอกชนอยู่รอบนึง ด้วยเหตุผลว่า ใกล้บ้านและมีหมอที่รักษาประจำอยู่ แต่พอไปรักษาจริง เจอการตรวจแบบที่เรียกว่า พลเมือง ชั้น 2 ชั้น3 นั่นแหละ ปวดวันนี้ตอนนี้ หมอเรียกเข้าสอบสัมภาษณ์ปากเปล่าเฉยเลย เรียกว่า สอบสัมภาษณ์เพราะ ถามประวัติส่วนตัว ทุกอย่างไปถึงพ่อ แม่ สมรสหรือยัง มีลูกกี่คน อายุเท่าไหร่ แต่ไม่ยักจะดูอาการ ไม่แตะตัวเลยทั้งๆที่มีประวัติการรักษาที่รพ.นี้มานับสิบครั้ง จนสุดท้าย ค่อยนัดมาพบหมอเฉพาะทาง สัปดาห์หน้า ออกจากห้องตรว พยาบาลเรียกไปคุยว่า ปวดท้อง(น้อย)มากไหม รอถึงคิวได้ไหม อีก 4-5วัน หรือถ้าจะพบหมอเฉพาะทางวันนี้ก็ต้องจ่ายเงินเอง บอกว่า ต้องเข้าใจร.พ.ด้วย รับเงินต่อหัวมาแค่นี้ ในที่สุดพอเราบอกจะจ่ายเอง พยาบาลแทบจะประคองเราไปส่งถึงหน้าห้องตรวจ ซึ่งอยู่อีกตึกหนึ่ง กลายเป็น วีไอพีขึ้นมาทันที เดี๋ยวนี้ใช้บริการ จากร.พ.รัฐ มีความเท่าเทียมกันมากกว่า จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 13:16:15

ความคิดเห็นที่ 11 ลองยกเลิกระบบใบรับรองแพทย์สิ คิวจะสั้นลงเยอะเลย จากคุณ : จริงๆนะ (WanderingPace) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 13:59:07

ความคิดเห็นที่ 12 ศึกษาดีๆ ว่าเงินประกันสังคมจะต้องเอาไปจ่ายอะไรบ้าง จะต้องมีภาระไปอีกกี่ปี ไม่ใช่เห็นกองทุนมันเยอะก็ตั้งหน้าจะเอามาใช้ให้หมดในวันนี้ แล้วเงินชดเชยอื่นๆ เช่นกรณีตกงานจะทำยังไง กรณีเกษียณจะทำยังไง การบริหารกองทุนแบบนี้เขาต้องคิดถึงภาระในอนาคต ในวันที่คนหนุ่มสาวอย่างเราๆ นี่ถึงวัยชรา ถึงตอนนั้นเงินจะไหลออกจากกองทุนอย่างมหาศาล หากไม่รู้จักบริหารดีๆ คิดการณ์ไกล ในวันข้างหน้าตอนเราแก่เราเองนั่นแหละจะเดือดร้อน กองทุนประกันสังคมของเราถือว่าเป็นกองทุนที่ยังอายุน้อย คนจ่ายสมทบมากกว่าคนใช้เงิน มันก็ดูว่ากองทุนรวยเละ แต่เมื่อไหร่ที่สมดุลย์มันเปลี่ยนมันจะไม่ใช่อย่างนี้นะครับ หวังว่าหลายท่านคงเข้าใจมากขึ้นไม่มากก็น้อยครับ อย่าไปฟังพวกนักการเมืองมาก พวกนั้นน่ะอยากให้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนออกมามากๆ จนน้ำลายสอแล้วล่ะครับ จากคุณ : xxx เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 16:22:58 A:58.11.70.98 X: TicketID:102477

ความคิดเห็นที่ 13 ประกันสังคม หรือนายหน้าประกันเจ็บป่วย? ที่จริงประกันสังคมต้องทำตัวเป็นบริษัทประกัน  คือคนไข้ป่วยก็ตามไปจ่ายค่ารักษา จะยกเว้นส่วนไหนก็ใส่เว็ปไว้ให้โรงบาลเขารู้ แต่ที่ทำอยู่คือเป็นนายหน้ากินหัวคิว เอาภาระไปไว้ที่โรงบาล พอเขาขาดทุนเขาก็ถอนตัว เรื่องปกติ สปสช 30บาทก็เหมือนกัน โถจ่ายให้โรงบาลสองพันกว่า โฆษณาว่ารักษาทุกอย่าง  โรงบาลเจ๊งแต่ไม่รู้จะลาออกยังไง เก่งจริงทำตัวเป็นบริษทประกันสิ รักษาเท่าไรไปตามจ่ายให้หมด ดูซิจะกล้าโม้อีกไหม จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 16:46:45

ความคิดเห็นที่ 14 เราทำประกันสังคมที่ศิริราช สำหรับเราโอเคมากเลยนะคะ ไม่เคยใช้บัตรทองเลยไม่แน่ใจว่าอันไหนดีกว่ากัน แต่ประกันสัีงคมนี่มันครอบคลุมเรื่องการจ่ายค่าชดเชยเมื่อตกงานและได้บำนาญยามเราแก่ด้วยนี่คะ ถ้ายกเลิกไปก็น่าเสียดายออก จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 54 23:02:17

ความคิดเห็นที่ 15 โคตรห่วยเลยครับ จำไว้นะครับ นักการเมือง ไม่ว่าพรรคใด หรือว่าใคร อยู่ๆมีไอเดียใดขึ้นมา อยากช่วยเหลือประชาชน ทุกอย่างมีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งสิ้น อันนี้ก็เช่นกัน เป็นการเอาเงินแสนล้านของประกันสังคม เอามายึดไว้กับตน คุณคิดว่า จะได้นำไปปรับปรุงการรักษา ช่วยคนปีละเท่าไหร่ครับ แล้วจะเข้ากระเป๋าผู้มีอำนาจเท่าไหร่ครับ คงจำได้นะครับ สมัยนึง จะยุบประกันสังคม มารวมกับ 30 บาท โดนคนด่าทั้งเมือง เพราะตอนนั้น 30บาท ทำ รพ เน่ากันทั่วประเทศ คนด่ามาก และโดนยึดอำนาจ เรื่องเลยเงียบไป ตอนนี้ กลับมามีอำนาจอีก หาเรื่องเอาเงินแสนล้านมาบริหารเอง ร่ำรวยเองอีก เอาการศึกษาที่อยากให้ออกมาแบบใดก็ได้ มาอ้าง อยากยุบ ปกส เพื่อมาปรับปรุง30บาท อยากจะอ้วก คนไทยทุกคน เค้าเจอนักการเมืองโกงกินมาทั้งชีวิตของเค้าแล้วนะครับ ดังนั้น จะทำอะไร อย่ามาอ้างนู้นนี่เลยครับ ปล้น ยึด ขโมยกันสดๆเลยดีกว่า อย่ามาแต่งเรื่องน่าสมเพช คำว่านักการเมือง เวลาได้ยิน สำหรับคนไทยแล้ว รีเฟล็กอัตโนมัติ ของคำว่าคอรัปชั่น โผล่ออกมาคำแรกครับ หรือว่าไม่จริง ^_____^ จากคุณ : รปภ.บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า (GMPLS) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 08:19:15

ความคิดเห็นที่ 16 ไป รพ.มา 2 ครั้ง 2 แห่ง 2 พื้นที่ ผู้ป่วยมาใช้สิทธประกันสังคมเยอะมากกกกก เลยกลับดีกว่า คิดว่าร่างกายน่าจะรักษาตัวเองให้หายได้เร็วกว่ามานั่งรอ สงสารตัวเอง เสียปีละเป็นหมื่น - -" จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 09:11:10

ความคิดเห็นที่ 17 ผมในฐานะเคยส่งเงินประกันสังคมมาก่อน (จ่ายอัตราสูงสุด) ประมาณ 10 ปี เมื่อกลางปี 52 ผมป่วยเป็นลิ่มเลือดอุดตันในสมองซีกซ้าย ทำให้พิการซีกขวา ถามว่าตอนนี้ได้รับประโยชน์อะไรจาก ปกส. บ้าง 1. ผมได้รับเงินเดือนจาก ปกส. เดือนละ 7,500 บาท ตลอด "ชีวิต" ครับเขียนไม่ผิด 2. ขอค่าเหมาจ่ายเป็นค่าเดินทางได้อีก 500 บาท 3. ไปหาหมอที่ รพ.รัฐ ฟรีทุก รพ. 4. หาหมอที่ รพ.เอกชน สามารถเบิกได้อีก เดือนละ 2,000 บาท 5. ได้ค่าชราภาพอีก 6. ได้ค่าทำศพด้วย ผมอยากจะรู้ว่าที่พวกคุณอ่านหนะ มันก็แค่นักการเมืองคนนึง แต่ผม คนพิการ ได้รับจาก ปกส. มาช่วยให้ชีวิตยังดำรงอยู่ได้ อยากให้เห็นใจพวกผมบ้าง อย่าคิดแต่เพียงว่าไม่ครอบคลุมโรค ไม่คุ้มที่เสียไป มันยังมีค่าใช้จ่ายให้หลังจากเลิกทำงานแล้ว ตายยังได้อีก ไม่เป็นคนพิการบ้างไม่รู้สึกหรอก ว่าชีวิตมันลำบากแค่ไหน ขอบคุณครับ จากคุณ : tor (torsuriya) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 10:23:04

ความคิดเห็นที่ 18 จะมี หรือไม่มี หน่วยงานนี้ไม่ว่า  แต่ให้คนเค้าทำแบบสมัครใจดิ ที่ผมทำงานอยู่ กฏหมายเพิ่งบังคับ ในต้องเข้าระบบประกันสังคม เมื่อ มิย. กว่า ประกันสังคมจะแจ้งมา เรื่อง กฏหมายใหม่ ก็ สค. เดือนนี้ กย. พอเงินเดือนออกมา ดันเก็บย้อนหลังด้วย รวมสองพันกว่าบาท ถามว่า......ไอ้ช่วง มิย - สค. สิทธิก็ยังไม่ได้รับ มีหน้ามาเก็บย้อนหลัง เกลียดหน่วยงานนี้มากครับ เอาแต่เงิน ป่านนี้ บัตรก็ยังไม่ได้รับเลย  เช็กในระบบก็ยังไม่มี เซ็ง จากคุณ : เบค่อนไข่ดาว เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 11:16:57

ความคิดเห็นที่ 19 ทำงานมาจ่ายไปจะแสนแล้วไม่เคยได้ไรกลับมาเลย ได้โปรดเถอะเลิกบังคับให้ทำที เอาความสมัครใจ เราจะออกคนแรกเลย จากคุณ : KS_SK เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:33:06

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับ คคห 13 ครับ ส่วน คคห 15 ครับ  ตอนนั้น เขาไม่ได้ยุบรวมเงินกองทุน นะครับ แต่เป็นการรวมศูนย์ การเบิกจ่ายของทุกระบบ คือ ถ้า คนไข้ มีประกันเอกชน ศูนย์นี้จะเรียกเก็บค่ารักษาจาก เอกชนมาให้โรงพยาบาล ถ้าไม่มี ก็จะดูสิทธิ์ต่อไป เช่น ราชการ  ไม่มีก็ดู ประกันสังคม ถ้าไม่มีอะไรเลยถึงจะเข้า ๓๐บาท ครับ  เพราะในตอนนั้น คนไข้ใช้สิทธิ์ ๓๐ บาทมาก ทั้งๆที่มีสิทธิ์อย่างอื่น แต่เบิกยุ่งยากกว่า เช่น ประกันสังคม  ทำให้ค่าใช้จ่ายของแต่ละ สิทธิ์ของโรงพยาบาลไม่ตรงตามจริง  การประเมินผลงานของแต่ละโครงการจึงไม่ตรง การบริหารจัดการทำได้ยากครับ เอ่อ  แต่ถ้าคุณจะโจมตีพรรคที่คุณไม่ชอบ ก็ตามสบายครับ   แหะ  แหะ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:59:20

ความคิดเห็นที่ 21 อยากบอกว่า อย่าเอาการเมืองมายุ่งเลยครับ ปวดหัว แล้วใครดีกว่าใคร ก็ยังพูดยาก คนที่เจอประสบการณ์ดีๆ ก็จะบอกว่า อีกอย่างดีกว่าอีกอย่าง คนที่เจอไม่ดีแม้เพียงครั้งเดียว ก็จะเหมารวมว่าอีกอย่างไม่ดีกว่าอีกอย่าง ....เรื่องเงินสมทบของกองทุนประกันสังคมนั้น เรียกเก็บ 5 เปอร์เซ็นต์จากค่าจ้างนั้นจริงครับ แต่ "เงินนั้นมิได้เป็นไปเพื่อการดูแลและคุ้มครองกรณีเจ็บป่วย" เพียงเรื่องเดียว ..... กองทุนประกันสังคม ดูแลและคุ้มครองผู้ประกันตนถึง 7 เรื่อง นั่นคือ และในแต่ละกรณีก็แยกย่อยเงินสมทบที่เรียกเก็บมาในการจัดการคุ้มครองดูแลอีก นั่นคือ 1. กรณีเจ็บป่วย (รวมถึงขาดรายได้และทันตกรรม) 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีตาย 4. กรณีคลอดบุตร 5. กรณีสงเคราะห์บุตร 6. กรณีชราภาพ และ 7. กรณีว่างงาน ใน 5 % นี้จะแยกย่อยการจัดการเงินสมทบแต่ละกรณีต่างกันไป คือ กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตายและคลอดบุตร ใช้ 1.5 % กรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ ใช้ 3% กรณีว่างงาน อีก 0.5 % รวมทั้ง 7 กรณีคุ้มครอง ก็จะเท่ากับ 5 % ตามที่ผปต. สมทบ เข้ากองทุนฯมา และถ้าผมจำไม่ผิด ลงไปในรายละเอียดอีก จะพบว่า กรณีเจ็บป่วย ใช้เงินสมทบเพียง 0.88 % ในการบริหารจัดการเท่านั้น ดังนั้นหากเทียบกับบัตรทอง จะพบว่า ผปต.ถูกหักเงินในกรณีเจ็บป่วย สูงสุดเพียง (15000*.88%)*12 = 1,584 บาทเท่านั้น ยิ่งหากมองลงไปในฐานเฉลี่ย หรือค่าจ้างรายวันสูงๆในหลายจังหวัดๆ เช่น กทม. ภูเกต สมุทรสาคร สมุทรปราการ ก็จะต่ำลงไปอีก เช่น ในกทม มีค่าจ้างรายวันสูงสุดที่ 215 บาทต่อวัน หากนายจ้างจ่ายแค่ค่าจ้างขั้นต่ำ (ซึ่งกลุ่มผู้ประกันตนกลุ่มนี้ จะมีสัดส่วนมากกว่ากลุ่มที่รับเงินเดือนมาก) ก็จะเป็น ((215*26วัน)*.88%)*12 = 590.30 บาท เท่านั้น .... ขอถามครับว่า มีประกันภัยที่ไหนที่เก็บเบี้ยประกันสุขภาพทั้งปีแค่ 590.30 บาท ในขณะที่ สปส. ต้องจ่ายรายเหมาหัวในอัตรา 2 พันกว่าบาทต่อคนต่อปี ให้กับ รพ. และให้อิสระในการบริหารจัดการเม็ดเงินกับรพ.เต็มที่่ โดย สปส. เพียงทำหน้าที่ควบคุมดูแลมาตรฐานให้อยู่ในมาตรฐานที่ สปส.กำหนด ในข้อตกลง เท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับเรื่องหนึ่งนะครับว่า สปส. ดูแลผปต. ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ใช่เรื่องเจ็บป่วยอย่างเดียว ถ้าจะเทียบกับ สปสช ที่ดูแลเรื่องเจ็บป่วยอย่างเดียว ก็ต้องเอาเฉพาะกรณีเจ็บป่วย มาเทียบกัน ไม่ใช่เพียงพูดว่า โดนหักเงิน แต่ไม่คุ้มในการรักษาเลย ถ้าท่านไม่พอใจการรักษาของ รพ.ตามบัตรรับรองสิทธิ ท่านก็มีช่องทางร้องเรียนหลายช่องทางในบริการต่างๆ  อย่างไรก็ดี สปส. เองก็ต้องยอมรับในขีดความสามารถที่จำกัดของตนในการบริหารจัดการ และต้องเอามาพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยผ่านเฉยๆ ...... เงินกองทุนประกันสังคม เป็นเงินของผปต.และนายจ้างรวมถึงรัฐ ช่วยกันสมทบ มี กม. กำหนดชัดเจนว่าต้องนำเงินจำนวนนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ของผปต.เท่านั้น จะนำไปใช้อย่างอื่นมิได้ นักการเมืองจึงเข้ามาแตะต้องเงินกองนี้ได้ค่อนข้างยาก แต่ก็พยายามกันเหลือเกิน.. ...... ถ้า สปส. จะสู้ต่อ ก็ต้องพัฒนางานของตนให้ดีกว่านี้ครับ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ควรคืนเงินสมทบส่วนของกรณีเจ็บป่วยให้กับผู้ประกันตน และโอนงานเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ ให้หน่วยงานอื่นที่เค้าพร้อมกว่า ทำได้ดีกว่า เอาไปทำเลย (สปส. ก็สบายด้วย งานน้อยลงมาก ปัญหาน้อยลงมากมาย เมื่อเทียบกับสัดส่วนเงินสมทบกรณีเจ็บป่วยกระจิดริด ที่ .88%ของค่าจ้าง) จากคุณ : ประสงค์ (KTHAI) เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 12:59:36

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ รู้จริง อะไรจริง อยากให้คนอื่นลองมอง "ให้รอบด้าน" ก่อนจะพูดด้วยครับ แยกเป็นกรณีๆ ไป สุคยอดครับ อยากกด Like สักพันครั้ง แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 13:14:38 จากคุณ : torsuriya เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 13:13:14

ความคิดเห็นที่ 23 ดีไม่ดีอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่า ตั้งแต่ส่งปกส. มาสิบกว่าปี เข้าใช้บริการครั้งเดียว แล้วไม่ใช้มันอีกเลย เฮงซว... สุด ๆ ตอนนี้ยังไม่ตายหรือพิการ ขอจ่ายตังค์ดีกว่า จากคุณ : ชายไร้เงา เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:08:09 A:202.57.188.3 X: TicketID:326546

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านยากอ่ะ จากคุณ : ปฎิทินบินได้ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 14:31:02

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เคยใช้สิทธิ์เลย เพราะไม่อยากโดนบริการอย่างพลเมืองชั้น 2 อีกอย่าง ที่ทำงานก็มีสวัสดิการเบิกค่าพยาบาลได้จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว จากคุณ : NaMeMo เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 16:09:31

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ว่าประกันสังคมที่เราๆท่านจ่ายเงินกันไปนั้น ควรจะต้องนำไปปรับปรุงการให้บริการให้ดีมากกว่านี้ เพราะต้องยอมรับจริงๆ ว่าเป็นผู้ประกันตนมา 10 กว่าปี ตัวเองก็ยังไม่กล้าใช้บริการอยู่ดี เพราะกลัวว่าจะเอายาอะไรมาให้กินก็ไม่รู้ ส่วนที่บอกว่าให้ไปสมัครประกันสังคมที่โรงพยาบาลรัฐนั้น ใจจริงอยากสมัครค่ะ แต่เค้าบอกว่าเต็มรับเพิ่มไม่ได้ซะงั้น.....!! เลยต้องไปสมัครใช้สิทธิตามโรงพยาบาลเอกชนแทน และต้องบอกว่าภาพของการได้รับบริการตามโรงพยาบาลของผู้ประกันตนนั้น (คำเล่าปากต่อปาก) ส่งผลเสียอย่างมากกับภาพพจน์ของประกันสังคมค่ะ ซึ่งคิดว่าผู้บริหารของประกันสังคมควรจะเอาไปพิจารณานะค่ะ ว่าผู้ประกันตนนั้นเค้าคิดอย่างไรกับประกันสังคมบ้าง ไม่ใช่ฟังแล้วไม่ทำอะไรเลย (อย่างนี้ทำให้คิดว่า" แล้วฉันจะเสียตังค์ไปทำไมเนี่ย!" อยากให้ระบบที่ดูแลสุขภาพของพื้นฐานของประเทศทำให้มันดีๆ สูงเท่าต่างชาติเค้าได้บ้างนะคะ ถึงได้เข้ามาพูด เพราะต้องบอกว่าอัดอั๋นตันใจเหลือเกินค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 17:21:56 จากคุณ : aeky เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 17:20:37

ความคิดเห็นที่ 27 ขออนุญาตแทรกกระทู้หมอหมูครับ เห็นว่า เนื้อเรื่องออกมาทำนองเดียวกัน                  ปัญหาสวัสดิการการรักษาพยาบาลควรแก้ไขทั้งระบบครับ   รวมทั้งระบบประกันสุขภาพ บัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการการรักษาค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการด้วยครับ   ผมอยากเสนอนักการเมือง และผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องพิจารณา                        1.พวกที่ใช้สิทธิของข้าราชการเช่น ยกตัวอย่างง่าย ๆ  ที่เข้าใจได้ง่าย ๆ    กรณีคู่สมรสเป็นข้าราชการ  เช่น สามีรับราชการ  ภรรยารับจ้าง มีสิทธิประกันสังคม  ตามพระราชกฤษฏีกา เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล  มาตรา 10 วรรคสอง ที่เขียนไว้ว่า ในกรณีที่บุคคลในครอบครัวมีสิทธิได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิของตนเองจากหน่วยงานอื่น           ผู้มีสิทธิไม่มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับบุคคลในครอบครัวตามพระราชกฤษฎีกานี้   เว้นแต่ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับต่ำกว่าเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่มีสิทธิจะได้รับตามพระราชกฤษฎีกานี้อยู่  ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับบุคคลในครอบครัวเฉพาะส่วนที่ขาดอยู่                             จึงเห็นว่า กรณีตัวอย่าง  นายดำสามีรับราชการ    นางแดงรับจ้างมีสิทธิประกันสังคม  เลือกโรงพยาบาลเอกชนเอในการใช้สิทธิประกันสังคม    นางแดงจะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนเอที่เลือกเท่านั้น  นางแดงไม่สามารถไปเข้าโรงพยาบาลอื่นเช่น โรงพยาบาลรัฐที่มีชื่อเสียงมีอาจารย์หมอ  สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้   เพราะไม่สามารถเบิกราชการได้ เว้นแต่ โรงเอกชนเอส่งตัวต่อ หรือกรณีฉุกเฉิน เช่นเกิดอุบัติเหตุ           ตามมาตรา 10  วรรคสองนี้  หลายคนเข้าใจว่าหมายถึงเฉพาะโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษา ว่า นางแดงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬา   นางแดงไม่ได้เลือกโรงพยาบาลจุฬาตามสิทธิประกันสังคม นางแดงย่อมสามารถเบิกราชการโดยใช้สิทธินายดำสามีได้                      แต่กรมบัญชีกลางหรือต้นสังกัดข้าราชการเห็นไปทางเดียวกัน ( เพราะกรมบัญชีกลางเป็นผู้เปิดอบรมหรือทำความเข้าใจหน่วยงานราชการอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว   )  ว่า  กรณีนางแดงหมดสิทธิเบิกจากราชการ  เพราะนางแดงมีสิทธิประกันสังคม ต้องไปใช้สิทธิประกันสังคมก่อน ( สามารถเข้าไปดูคำถามที่พบบ่อย จากเวปไซต์กรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับสวัสดิการการรักษาพยาบาล )                             ในขณะเดียวกัน นางแดงจะย้อนกลับไปเบิกจากประกันสังคมก็ไม่ได้  เพราะไม่ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอที่ตัวเองเลือกไว้ เป็นการผิดเงื่อนไข กรณีไม่เข้าเหตุฉุกเฉินที่สามารถจะเบิกจากประกันสังคมได้    กรณีนี้นางแดงไม่มีสิทธิเลือกโรงพยาบาล หากตัวเองเป็นโรคที่ต้องเชื่อใจหมอ เช่นมะเร็ง  เนื้องอกในสมอง ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเออย่างเดียว  เว้นแต่โรงพยาบาลเอส่งต่อไปที่โรงพยาบาลอื่น               นางแดงรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีสิทธิเลือกโรงพยาบาล   อันนี้จะขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่นางแดงตอบไม่ได้ เพราะไม่หน้าที่วินิจฉัย     รู้สึกว่า กรณีคู่สมรสข้าราชการที่ไม่มีสิทธิประกันสังคม  มีสิทธิดีกว่าตัวเองจะเข้าโรงพยาบาลอะไรก็ได้                    เป็นที่รู้อยู่ทั่ว ๆ ไปว่า สิทธิประกันสังคมกับสิทธิในการเบิกราชการ สิทธิในการเบิกราชการจะดีกว่า       ถ้าต่อไปสิทธิประกันสังคมดีเท่าราชการ หรือดีกว่าราชการ  ก็คงจะดีกว่าไม่น้อย     ( ใครเห็นว่าสิทธิประกันสังคมดีกว่าราชการให้โต้แย้ง แสดงเหตุผลเข้ามาได้ ) กรณีดังกล่าวข้างต้น  หากนางแดงเลือกโรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัดเช่น จังหวัดเชียงราย ต่อมาอยากเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐเช่น  ศิริราช จุฬา  สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ก็ไม่สามารถมาได้ เพราะใช้สิทธิเบิกราชการไม่ได้ เว้นแต่จะไม่เบิก หรือทางโรงพยาบาลที่เชียงรายส่งตัวมารักษาก็จะสามารถเบิกราชการได้ แต่ต้องใช้สิทธิประกันสังคมก่อน  ส่วนที่เหลือไปใช้สิทธิเบิกจากราชการ แล้วถามว่าจะสละสิทธิประกันสังคมได้หรือไม่   ประกันสังคมก็บอกสละสิทธิไม่ได้ เพราะการสละสิทธิประกันสังคม มีตาย กับลาออกงาน ( หลังลาออกงาน 6 เดือนจึงจะหมดสิทธิประกันสังคม )   เว้นแต่ตัวข้าราชการสละสิทธิซ้ำซ้อนได้  มาตรา 10 ววรคแรก  ส่วนเงินประกันสังคมก็สละไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะกฏหมายบังคับ อาจจะมีคนถามว่า แล้วทำไม ไม่เลือกโรงพยาบาลรัฐ เช่นศิริราช เป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม  โรงพยาบาลเหล่านั้น ไม่รับประกันสังคมเพิ่มแล้วครับ ( รับประกันสังคมไปบางส่วนแล้ว )  เพราะรับไม่ได้ ข้อเสนอแนะ    ทำได้ ไม่ได้ไม่ว่ากัน          1. ให้รัฐบาล     พิจารณาสิทธิของบุคคลในครอบครัวข้าราชการที่มีสิทธิประกันสังคม   เขาสามารถเลือกเข้าโรงพยาบาลรัฐที่ไม่ได้เลือกเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมได้หรือไม่   ไม่ใช่บังคับเขาทางอ้อมให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่เลือกใช้สิทธิประกันสังคม ตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล          เพราะหากเจ็บป่วยธรรมดา เช่นไข้ ไข้หวัด ก็ยังพอทำเนา หากป่วยหนัก มีค่าใช้จ่ายสูง หรือต้องการเลือก หมอเลือกโรงพยาบาล เข้ามีสิทธิเลือกเช่นบุคคลในครอบครัวข้าราชการที่ไม่มีสิทธิประกันสังคมหรือไม่                    ตามมาตรา 10 วรรคสอง สามารถตีความได้ไหมว่า  เฉพาะโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาว่ามีสิทธิประกันสังคมหรือไม่  ถ้ามีก็ใช้สิทธิประกันสังคมก่อน  แล้วไปใช้สิทธิส่วนที่เหลือจากราชการ                 หากไม่มีสิทธิประกันสังคม ก็สามารถใช้สิทธิเบิกราชการได้  แต่เท่าที่ทราบทุกวันนี้ตีความว่า หากบุคคลในครอบครัวมีสิทธิประกันสังคม ต้องใช้สิทธิประกันสังคมก่อน หากไม่ใช้ ก็เบิกไม่ได้ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้น           2. หากแก้กฏหมายไม่ได้ หรือไม่สามารถตีความ ตามมาตรา 10 วรรคสองได้  มีนโยบายให้โรงพยาบาลรัฐ เช่นศิริราช จุฬา  พิจารณาให้บุคคลในครอบครัวข้าราชการที่มีสิทธิประกันสังคมสามารถเลือกโรงพยาบาลเหล่านี้ตามสิทธิประกันสังคม        เพื่อให้เขาสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมก่อน เหลือเท่าใด สามารถไปเบิกจากราชการได้ ตามมาตรา 10 วรรคสอง         3. ยกระดับการเบิกค่ารักษาประกันสังคมให้สามารถทัดเทียมข้าราชการ  ทำง่าย ๆ  อยู่แล้ว ยกตัวยา ยกตัวอย่างมาเทียบกันเลย       อันนี้เป็นความเห็นของผมเท่าที่ผมสอบถามมา หากใครเห็นว่า สิทธิประกันสังคมดีกว่าราชการก็ให้แสดงเหตุผลคัดค้านเข้ามาได้         4. แก้กฏหมายประกันสังคม หรือพระราชกฤษฏีการเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการให้บุคคลในครอบครัวข้าราชการสามารถสละสิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมได้ เว้นแต่สิทธิอื่นเช่น กรณีค่าทดแทน ชดเชย  แล้วให้มาใช้สิทธิเบิกจากราชการได้          หากกรณีสละสิทธิให้พิจารณาว่าแก้กฏหมายให้ส่งเงินให้ประกันสังคมในอัตราใด  เช่นกรณีปรกติส่ง 800  บาท  หากสละสิทธิ อาจส่ง 400 บาท หรืออัตราที่เหมาะสม อัตราเงินส่งประกันสังคมนี้ แม้ไม่ได้ลดลงแต่ให้ส่งเท่าเดิม แต่แก้กฏหมายให้บุคคลในครอบครัวข้าราชการสละสิทธิประกันสังคม เพื่อมาเบิกจากราชการ ผมก็คิดว่าคงมีคนสละสิทธิ์มากแน่ ๆ  หากเขาเห็นว่าสิทธิเบิกราชการดีกว่าประกันสังคม  หรือแม้ผู้มีสิทธิประกันสังคมที่ใช่บุคคลในครอบครัวข้าราชการ หากให้เขาสละสิทธิ์ โดยไม่ต้องส่งเงิน ก็คงมีคนสละสิทธิ์มาก ๆ แน่ ๆ  ทุกวันนี้ บังคับให้เขาส่งเงิน เขาก็เลยต้องไปรักษา แม้บางคนอาจจะเห็นว่าสิทธิในการรักษาไม่ค่อยดีเหมือนสิทธิบัตรทอง หรือผู้ใช้สิทธิจากราชการ                      ปัญหาที่ผมเสนอมานี้ เป็นปัญหาของบุคคลในครอบครัวของข้าราชการที่มีสิทธิประกันสังคม ที่เขารู้สึกว่า เขาไม่มีสิทธิในการเลือกโรงพยาบาลที่เขาเห็นว่าดี หรือ เขาเห็นว่าสิทธิในการเบิกราชการดีกว่าสิทธิประกันสังคม แต่ไม่สามารถใช้สิทธิได้ตามเหตุผลข้างต้น   สิทธิของเขาด้อยกว่าสิทธิของบุคคลในครอบครัวข้าราชการที่ไม่มีสิทธิประกันสังคม              หากรัฐบาลหรือบุคคลอื่นเห็นว่า คุณมีสิทธิเข้าโรงพยาบาลที่เลือกตามสิทธิประกันสังคมอยู่แล้ว            เมื่อไม่ใช้สิทธิก็หมดสิทธิมาเบิกราชการ ก็ไม่ว่า กัน ตามเหตุผล   อำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ คือ ผู้มีสิทธิออกกฏหมาย และตีความกฏหมาย แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:22:50 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:21:08 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:18:43 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:10:02 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 23:08:46 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 10:38:11 แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 10:30:53 จากคุณ : gho เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 17:36:02

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ได้อยากทำเลย มันห่วย แต่โดนบังคับ เซ็งๆ จากคุณ : lovehappiness เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 19:29:53

ความคิดเห็นที่ 29 บางคห.รู้จักแยกประเด็นมั้ยครับ เขามองกันเรื่องการรักษาพยาบาลครับ ผมลองยกตัวอย่าง เรื่องยากดภูมิ สำหรับผู้เปลี่ยนอวัยวะ บัตรทองรักษาฟรีได้ค่ายาในวงเงิน15000/เดือน ประกันสังคม ได้ค่ายา10000/เดือน ทำไมเป็นอย่างนี้ละครับ?? อย่ามาตอบผมว่าให้ไปดู กรณีทุพพลภาพ กรณีคลอดบุตร กรณีชราภาพ กรณีว่างงาน นะครับ ผู้ประกันตน เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินที่ส่งไป ว่าได้อะไรบ้าง แต่เขาสงสัยว่าสิทธิในการรักษาพยาบาลของเขาทำไมมันด้อยกว่าบัตรทอง เขาก็ถือบัตรประชาชนในฐานะคนไทย ที่ควรได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่หรือครับ???? แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 21:06:40 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 21:04:49 จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 21:03:30

ความคิดเห็นที่ 30 ทำฟันไม่เกิน 600 บาท/ปี ได้ครั้งละ 300 บาท แล้วสมัยนี้ทำฟันแพงแค่ไหน เซงค่ะบอกได้คำเดียว ทั้งๆที่เราจ่ายเงินรายเดือนแทบจะมากกว่าอีก ล่าสุดเลยไม่สบาย ไอ หมอจ่ายยาโรเป็กมาให้ พอมารับยาปรากฎว่าต้องเสียเงินเองเป็นยานอกบัญชี คือมันไม่ได้แพงอะไรหรอกจ่ายได้ แต่งงว่าประกันสังคมนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลยค่ายา 90 บาทยังต้องเสียเอง แล้วที่เราต้องจ่ายทุกเดือนคืออะไร? จากคุณ : The SeCreT oF Loving Room เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 21:13:31

ความคิดเห็นที่ 31 แน่จริงอย่าบังคับทำสิ ให้สมัครใจทำ ลูกจ้างเลือกเองได้ว่าจะทำกับประกันสังคม หรือประกันเอกชน รับรองลูกจ้างหนีไปทำประกันเอกชนหมดแน่ ตราบใดที่ประกันสังคมยังบริการห่วยๆอยู่แบบนี้ เสือนอนกินชัดๆ จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 21:24:07

ความคิดเห็นที่ 32 เปิดหนังสือของประกันสังคมที่ส่งมาที่ออฟฟิส เห็นมีไปดูงานต่างประเทศ โก้ซะไม่มีอะ ไปดูทำไมไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะพัฒนาเลย เราจ่ายให้เดือนละ 750 บาท รักษาห่วย ยาห่วย คิวก็ยาวไปเช้าบางทีได้ตรวจบ่าย อุปกรณ์การตรวจไม่มี คุณพระ ทุกวันนี้เลยตัดปัญหาจ่ายตังค์ก็ได้วะึคะ จากคุณ : Angel in Big City เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 21:28:50

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่อยากจ่ายประกันสังคมเลย!!!! ใช้บัตรทองยังจะดีซะกว่า ประกันชีวิตก็มี ไม่รู้จะบังคับทำ 5 อะไร น่าจะให้สิทธิเลือกว่าใครใช้สิทธิอะไร จากคุณ : น้ำค้างเดือนเก้า เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 21:58:50

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาอ่าน จากคุณ : ผู้หญิงกลัวฝน เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 22:11:18

ความคิดเห็นที่ 35 น่าจะให้ทำ แบบสมัครใจมากกว่า ใครอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ส่วนตัวเรา ไม่ทำหรอก ไปทีไร ยังกับเป็นแรงงานต่างด้าว ขอไปทำประกันสุขภาพดีกว่า จ่ายเดือนละเจ็ดร้อย เสียดายย จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 22:34:36

ความคิดเห็นที่ 36 มาโหวตให้ยุบไปเลยดีกว่าครับ ใช้ 30 บาทดีกว่า ไม่ต้องเสียรายเดือนหลายร้อยครับ ไม่น่ามาบังคับให้ทำเลยนะครับ จากคุณ : nenemon เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 22:39:14

ความคิดเห็นที่ 37 เอาเงินผมคืนมาเถอะ คุณเอาไปถลุงเล่นกันอย่างสบายใจแต่ผมกลับได้แค่การรักษาเล็กๆน้อยๆ ปล เงินที่คุณเอาไปผมซื้อประกันสุขภาพยังสบายใจกว่าประกันสังคมเยอะ จากคุณ : ItrusYOU เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 54 23:41:30

ความคิดเห็นที่ 38 โรงบาลแบ่งเป็นโซนเลยแทบทุกโรงบาล ประกันสังคมมันคนชั้น2ชั้น3จริงๆ จากคุณ : takai1987 เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 01:59:18

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าให้เลือกได้ ขอเลือก ไม่ทำค่ะ ถ้ายกเลิกได้ ขอออกเสียง ด้วยคนค่ะ จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 06:21:21

ความคิดเห็นที่ 40 ยุบครับ สนับสนุน... มีเรื่องเล่าเสริม แฟนผมตกถนนตอนสามทุ่มหน้าห้างเซนทรัลพระรามสอง ผล กระดูกร้าว ต้องเข้าเฝือก รพ.ที่อยู่ใกล้สุด นครธน ก็เลยเรียกรถไป หมอให้เข้าเฝือก กินยา หยุดงานไปสามอาทิตย์ ค่าใช้จ่าย 5500 เอาวะ ลองไปเคลมประกันสังคมดู ประกันสังคมบอกว่า ต้องเข้ารับการรักษากับรพ.ที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ถึงจะเบิกได้ตามการรักษาจริง ซึ่ง รพ.ที่เลือกไว้คือ เลิศสิน..ไกลมาก จึงได้ให้เบิกได้แค่ 1000 บาท ที่เหลือ เอาใบไป..ใบฟ้อง..จริงๆครับ เขายื่นใบ คำร้องให้ไปฟ้องร้องเอาเอง โดยมิต้องร้องขอ สุดท้าย ก็ต้องยอมรับ 1000 บาท ทั้งๆที่โดนเก็บไปเดือนละหลายพัน หักตรงจากเงินเดือนมาเป็นเวลาหลายสิบปี... แย่กว่านั้น พอไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนที่ทำงานเป็นฝ่ายบุคคลฟัง เขาว่า ตามกฏหมายประกันสังคม ผู้ป่วยฉุกเฉินสามารถเลือกเข้ารับบริการ รพ.ที่ใกล้ที่สุดได้ก่อน แล้วมาเรียกเอาคืนทีหลังได้ คำคมที่พี่เค้าบอกก็คือ ไม่มีเจ้าหน้าที่ประกันสังคมคนไหนรู้กฏหมายข้อนี้หรอก เจ็บปรื๊ดดด แล้วมันเอาตังเราไปไหน ซื้อประกันเอกชนดีกว่าไหม จากคุณ : Eakiji Onisuka เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 10:13:43

ความคิดเห็นที่ 41 หมอบางคน ก็ให้ยาผู้ป่วยประกันสังคม ดีกว่า ผู้ป่วยทั่วไปนะ จากคุณ : จำง่าย ลืมยาก คิดมาก คิดไปเอง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:07:20

ความคิดเห็นที่ 42 เคยคิดว่าเงินประกันสังคมถือเป็นเงินเสียเปล่าไปละกัน..ค่าหมอนิดหน่อยเราเบิกได้อยู่แล้ว มาปีนี้เข้าผ่าตัดไส้เลื่อนที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง รู้สึกว่าคุ้มค่าขึ้นมาเลย การบริการดี และน่าประทับใจ.. ยอมเสียเงินตรวจปกติจะได้ไม่ต้องเข้าแถวประกันสังคม แต่ตอนผ่าบอกหมอว่ามีประกันสังคม หากมีส่วนต่างก็บอกมาได้เลย รพ.ก็ทำเรื่องให้.. สุดท้ายจ่ายเพิ่มหลักร้อยบาท คุ้มทั้งตัวเอง คุ้มทั้งบริษัทที่ทำงาน ไม่ต้องควักตังค์จ่าย.. มีประสบการณ์ที่ดีๆ เลยมาแชร์ให้ฟังครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 16:28:29 จากคุณ : Metroman เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 16:23:56

ความคิดเห็นที่ 43 @ความเห็นที่ 29 ไม่แน่ใจว่ากล่าวถึงผมหรือไม่ แต่คอมเม้นต์ทั้งหมด ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่ยกเลือก "สิทธิที่ได้จากประกันสังคม" มากล่าวอ้าง พื้นฐานที่มาของ "การประกันสังคม" ทราบมั้ยครับว่ามาจากแนวคิดใด? เงินสมทบที่ผปต.+นายจ้าง+รัฐ ส่งเข้ากองทุน ทราบมั้ยครับว่าใช้เพื่อการใดบ้าง และการที่คุณมาเป็นผู้ประกันตน ภาคบังคับ หรือ ภาคสมัครใจก็แล้วแต่ คุณจะไม่มีความรู้สึกอยากรู้เลยหรือ ว่าฉันมีสิทธิ หรือได้ประโยชน์อะไรบ้าง จากเงินที่ฉันถูกนายจ้างหักจากค่าจ้างทุกๆเดือน ดังนั้น ที่บอกว่า ผู้ประกันตนเค้าไม่สนใจว่าเงินที่ส่งไป ได้อะไรบ้าง จริงหรือครับ คุณถูกหักเงินค่าจ้างของตัวเอง โดยไม่อยากรู้เลยหรือว่าจะได้อะไรบ้างจากเงินที่ถูกหักไป????  หรือคุณคิดของคุณคนเดียว.... ส่วนเรื่องที่ว่า สิทธิในการรักษาด้อยกว่าบัตรทอง ขอถามว่าในทุกๆเรื่องหรือไม่ครับ บัตรทองเลือกรพ. นอกเขตพื้นที่ได้หรือไม่ครับ เอาแค่เรื่องนี้ก่อน แต่ละโครงการ ไม่ว่าจะโครงการประกันสังคม หรือของ สปสช. มันก็ล้วนมีจุดเด่น จุดด้อย ทั้งนั้น ประเด็นคือ จุดเด่นจะรักษาไว้ได้แค่ไหน จุดด้อยจะปรับปรุงไหม ต่างหาก ถ้าหากคุณจะยกเรื่องเหล่านี้ ว่าบัตรทองมีอย่างนั้น ทำไมของประกันสังคมไม่มี หรือมีน้อยกว่า คงว่ากันอีกยาว(มาก) ครับ  เพราะที่ประกันสังคมมี บัตรทองไม่มีก็มีมากอยู่เช่นกัน  และเพราะเห็นว่า ยกมาในเรื่องของการรักษา ซึ่งในสิทธิประกันสังคม ก็คือ กรณีเจ็บป่วย เรียกเก็บเงินสมทบแยกตามกรณีเพียง .88% (จะให้ถูกต้อง ควรเป็น กรณีเจ็บป่วย ทุพ ตาย คลอดบุตร เรียกเก็บในอัตรา 1.5%ของค่าจ้าง) ผมจึงยกเรื่องเงินสมทบขึ้นมาพูด เพราะหลายๆคน มักพูดว่า โดนหักเงินแล้วไม่ได้ไปใช้สิทธิเลย จึงอยากให้เข้าใจตรงกันว่า "ประกันสังคมไม่ได้ดูแลเรื่องการรักษาพยาบาล" เพียงอย่างเดียว แต่ประกันสังคม นำเงินสมทบจากกองทุน มาดูแลและคุ้มครองผปต. ใน 7 กรณีคุ้มครอง ตั้งแต่เกิดจนตาย กันเลยทีเดียว       ถ้าโดนหักเงิน แล้วบริการที่ได้รับยังไม่ดีเช่นปัจจุบันในหลายๆ รพ. ผมก็คงโวยเช่นกัน... และที่บอกว่า ถือบัตรประชาชนคนไทย ก็ควรได้รับสิทธิเท่าเทียมกัน งั้นกลุ่มของข้าราชการ ลูกจ้างประจำล่ะครับ คิดว่าเค้ามีสวัสดิการการรักษาเทียบกับสปสช และประกันสังคม เป็นอย่างไร คิดว่าเท่าเทียมไหมครับ...   แต่กับความเห็นที่ 27 ผมเห็นด้วยนะครับ แต่หลักๆ คงต้องให้ทั้ง 2 หน่วยงาน คือ กรมบัญชีกลาง และ สปส. มาพิจารณาร่วมกัน อย่างไรก็ดี โดยหลักของกม. พื้นฐานแล้ว กม. แต่ละฉบับ ต้องไม่รอนสิทธิ กันและกัน โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า กรมบัญชีกลาง ควรเป็นผู้แก้ไขปัญหาระเบียบของตนมากกว่า เพราะดูไปแล้ว พรบ.ประกันสังคม มิได้มีการบัญญัติในมาตราใด ในทางที่จะไปรอนสิทธิบุคคลอื่นเลย...    ส่วนเรื่องทำไมต้องเป็นผู้ประกันตนภาคบังคับ เรื่องนี้น่าจะเป็นไปเพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการกองทุน การแยกประเภทผู้ประกันตน เสถียรถาพของกองทุนประกันสังคม การทำให้กองทุนมีเสถียรภาพที่เพียงพอ แต่ทั้งหลายเหล่านี้ ก้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวผมเท่านั้น ประเด็นแท้จริงจะยังไงคงต้องถาม สปส.    อีกเรื่องนะครับ เงินที่เอามาบริหารจัดการเรื่องของกรณีเจ็บป่วยของประกันสังคมนั้น มีเพียงเงินจากกองทุนฯที่เรียกเก็บ 3 ฝ่ายเท่านั้น ซึ่งเงินเหล่านี้ก็ต้องเอาไปใช้บริหารจัดการประโยชน์ทดแทนกรณีอื่นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีชราภาพ ซึ่งก็ยังกังวลกันมากว่า จะสามารถคงความเสถียรภาพของกองทุนไปได้นานเท่าใด โดยคงระดับเงินสมทบในอัตราเดิม หากบำนาญชราภาพเกิดขึ้น เพราะปัจจุบัน ที่จ่ายออกยังเป็นเพียงบำเหน็จชราภาพ บำนาญชราภาพยังมิได้มีการจ่ายออกไปเลย...    ผมไม่ได้อยากดราม่ากับผู้ใดนะครับ แค่อยากชี้แจงในประเด็นว่า "ประกันสังคม ไม่ใช่เพียงเรื่องของการรักษาพยาบาล" เท่านั้นเอง และ พื้นฐานของการประกันสังคมนั้นก็มีที่มาจากคำว่า "เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข" ถ้าทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ ก็น่าจะเข้าใจการประกันสังคมได้มากขึ้น..... แต่ก็หวังนะครับ ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพัฒนาคุณภาพงานของตนเอง ให้อยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้ แต่เรื่องพวกนี้ จะสำเร้จได้ ก็ต้องช่วยกันทุกฝ่ายทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ประกันตนหรือบุคคลทั่วไปก็ตาม.. จากคุณ : KTHAI เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 17:18:32

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ KTHAI คงคิดมากเกินไปแล้วมั้งครับ การที่ผมสื่อว่า ไม่สนใจนั้น ผมไม่ได้มองกว้างเกินกว่าเรื่องในกระทู้นี้ จนไปถึงทั้งหมดของสิทธิ แต่กำลังจะสื่อถึงเรื่องการรักษาพยาบาล เพียงเรื่องเดียว การที่คุณKTHAI มานั้งแจกแจงสิทธิ บวกเลขให้ดู แถมบอกว่าเงินสมทบกรณีเจ็บป่วยอันกระจิดริด.88%ของค่าจ้าง นั้นมันเกี่ยวอะไรกับการรักษาพยาบาล ของประกันสังคมเมื่อเทียบกับบัตรทอง(รักษาฟรี)ละครับ??? คุณKTHAIลองโฟกัสที่เรื่องเดียวนะครับ(จะยากไปมั้ย) คนไทยเกิดมาควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษาพยาบาลจากรัฐทุกคน(บัตรทอง สปสช)ใช่มั้ยครับ แต่คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในภาคแรงงานลูกจ้างหรือจะสมัครใจก็แล้วแต่ ได้สมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม และแน่นอนครับเขาเหล่านั้นยังเป็นคนไทยและมีบัตรปชช. เขาเหล่านั้นที่ส่งเงินอันกระจิดริดไป ควรได้รับการรักษาเท่ากับบัตรทองที่ไม่ได้ส่งเงินมั้ยครับ? แต่ไม่เป็นไรครับหยวนกันได้คนไทยใจกว้างเสมอ แต่แล้วข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนั้นมั้ยครับ กลับเป็นว่าคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม จ่ายเงินอันกระจิดริดเพื่อแลกกับการรักษาที่ด้อยกว่าบัตรทองซะอีก ผมทราบดีครับเงินอันกระจิดริดนี้ อาจเป็นภาระและเพิ่มงานของคนในประกันสังคม แต่ทำไงได้ละครับ รัฐไม่ได้มีช่องทางให้เลือกซะด้วย การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เป็นเรื่องดีครับ แต่สปส.และรัฐควรออกมาพูดซิครับว่า "ขอเถอะเงินไม่ได้เยอะอะไรแล้วจะเอาอะไรกันมาก" แต่คนสปส.เวลาพูดเรื่องนี้ทีไร ก็เหมือนคุณKTHAI เนี่ยละครับอ้างสิทธิโนน่นี้ไปเรื่อย ทำไมไม่ยอมรับว่ามันไม่ถูกต้องแล้วคิดแก้ปัญหา. ปล.คำถามที่ว่า บัตรทองเลือกรพ.นอกเขตพื้นที่ได้หรือไม่     ตอบว่าในกรณีจุกเฉิน บัตรทองเข้าได้ทุกที่ครับรพ.รัฐข้อมูลถึงกันหมด แต่ประกันสังคม จุกเฉินคงต้องสำรองจ่ายไปก่อน. แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 54 20:23:49 จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 20:07:01

ความคิดเห็นที่ 45 ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมไม่มีสิทธิใช้ 30 บาท เรอะครับ ทั้งที่ก็เป็นประชาชนชาวไทยเช่นกัน จากคุณ : carbomb เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 54 23:46:39 A:182.52.170.23 X: TicketID:318772

ความคิดเห็นที่ 46 ส่งมาตั้งแต่เริ่มมีการบังคับ แต่ไม่เคยไปใช้สิทธิ์เลยค่ะ จากคุณ : armearn เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 10:29:53

ความคิดเห็นที่ 47 ผมกลับคิดว่าประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นจุดอ่อนของระบบสาธารณสุขเมืองไทย และเป็นระบบที่จะลากระบบอื่นๆลงเหวไปด้วย เพราะมันผิดหลักการที่สุดที่จะรักษาคนฟรีๆโดยที่ไม่ต้องจ่ายสักบาทหรือจ่ายแค่ 30 บาท ถ้าประกันสังคมมีปัญหา ต้องไปแก้ปัญหาที่ประกันสังคม ยกเครื่องให้มันดีกว่านี้ ไม่ใช่เอาของฟรีมาทำแข่ง แล้วมันก็ไม่ได้ฟรีจริง เพราะคนที่ต้องแบกรับภาระคือคนที่จ่ายภาษี จากคุณ : ม้าหงอย เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 11:08:45

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ ประสงค์ (KTHAI) ใช่ครับ คงไม่มีบริษัท ประกันใด ยอมจ่ายเบี้ยสุขภาพ ได้แค่600 บาทต่อปี แต่กรุณาเทียบกับคุณภาพการรักษาความคุ้มครอง ทั้งหมด ตอนนี้ผมเสียค่าเบี้ยประกันชีวิต + สุขภาพ ปีละ 12,000 เพราะผม นนเกิน ตอนนี้ลด นนได้เข้าเกณแล้วครับ อีก 6 เดือนจะขอเสียค่าเบี้ยตามปกติ คือ 8600 กว่าบาท ถึงค่าเบี้ยอาจจะมากขึ้นตามอายุก้ตามที แต่ผมก็ยอมเสียครับ คุณภาพจาก ปกส กับ ประกันสุขภาพ มันคนละเรื่องเลยครับ ผมเป็นผีเม็ดใหญ่มากที่รักแร้ ปกส คุณหมอ ที่รพ ปกส ไม่ยอมผ่าให้ บอกว่า ทานยาแก้อักเสบก็หาย โดนไม่จับไม่คลำใดๆ เอาไฟฉายส่องไกลๆ - - ผมกินยาแก้อักเสบครบชุดหมดไป 1 เดือนก็ไม่หายถึงจะไม่เจ็บ แต่น้ำเหลืองไม่ยุบ จึงไปหาอีกรอบก็ให้ยาแก้อักเสบมาอีก - -ก็ไม่หาย จนมันบวมขึ้น พอกันที ปกส -*- ตัดสินใจ ใช้ประกันสุขภาพ ไปพบแพทย์ อีกรพ ทันทีที่ไป เขาจัดให้พบแพทยศัลยกรรมทันที !! ปกส ก็ได้พบแต่แพทย์ทั่วไปเอาใจผมไปเลยครับ แพทย์ศัลยกรรม ตอนแรกก็จะให้ยาทาน ก็บอกทานสองรอบยังไม่หายครับ ไปหาปกส เท่านั้นแหละครับ หมอก็ให้ผ่าทันที ขึ้นเขียงผ่าๆ จึ๊กๆ ล้างแผลๆ บิลออกมา 6พัน อึ้งครับ อีฝีเม็ดเดียว 6พัน แต่ค่าใช้จ่ายเยอะทั้งค่าหมอค่ายาชา สารพัด รพ เอกชนด้วย แต่คนที่ผมทำประกันด้วย จากเว็บพันทิพเนีย่ละ ขับรถมา จากมีน มาถึง พระรามสอง โอ้โห ค่าเบี้ยก้น้อยนิด - -ถือว่าผมโชคดีมาก พี่เขามีส่วนลดค่ายา ให้ ไปๆมาๆ เหลือ 3500 สรุปออกเอง 500 ลดไป 3พัน จริงๆ เคยมีฝีเม็ดเก่ๆาอีกครับ ไปหาปกส ก็ให้แต่ยาแก้อักเสบ ก็ไม่หายจนมันแตกเองล้างแผลเอง กว่าจะหายช้ำไปหมด ให้หมอผ่าแปปเดียวแผลหายเร็ว และอีกหลายเรื่องๆ ไข้หวัดใหญ่ ให้กินยาหนักกว่าเดิม ท้องผูกให้กินยาโรคกะเพาะ นี่มันเป้นประสบการณ์ส่วนตัว ในกรณีที่คุณเป็นโรคร้าย ปกส ก็คงใช้ยาตามมาตรฐาน แต่เดี๋ยวก่อน ประกันสุขภาพ ถ้าดูดีๆจะมีวงเงินให้โรคร้าย และ ถ้าทำโรคร้ายพิเศษเพิ่มอย่างของผม วงเงินโรคร้าย 2 แสน ถ้าตรวจพบ อีก 40 โรคร้ายเอาเงินไปเลยสองแสน สรุปผมมีเงินในมือรักษาสูงสุด 4 แสน กับไอ้ 5 เปอเซน ถึง จะมีเงินเก็บ ไม่กี่หมื่น ถึงเวลาเป้นโรคร้าย คุณะจเลิกเอาเงินเก้บมาใช้รักษาตัว หรือจะรักษาตามมีตามเกิดไป จากคุณ : mumonza041 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 13:15:02

ความคิดเห็นที่ 49 เรามีโรคประจำตัว ทุกวันนี้ใช้ประกันสังคม รับยา หาหมอ ตรวจประจำปี บริการไม่ดีบ้าง ก็เข้าใจเพราะหมอเมืองไทยมันน้อย คนป่วยมันเยอะ ตอนสินามิ ตกงาน ก็ไปขึ้นทะเบียนว่างงาน ได้เงินทดแทน เนี่ย เดือนหน้า ลาออก จากงาน ว่าจะทำเรื่อง ว่างงาน เอาเงินทดแทนมาจ่ายเป็นค่าเช่าห้องก่อน จนกว่าจะหางานใหม่ได้ วันก่อน เพื่อนผ่าตัดใส้ติ่ง มีประกันส่วนตัว ไปผ่าที่โรงพยาบาลเอกชน เขาบอกราคามา แต่เกินวงเกินประกัน พอดีมีประกันสังคม ก็เลยไปผ่าที่โรงพยาบาลที่มีประกันสังคม ไม่ต้องจ่ายสักบาท หลังจากนั้นก็มานอนรักษาตัวที่เอกชน ใช้วงเงิน ของประกันส่วนตัวสบายๆ คนที่บอกว่า ประกันสังคม มันห่วย ไม่ดี อยากให้ดูหลายๆ ด้าน มันไม่ได้เฉพาะเรื่องรักษาพยาบาลเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาทดแทนให้ เงินมันอาจไม่เยอะ สำหรับคนที่มีรายได้มาก แต่คนที่ืทำงานแรงงาน รายได้แค่วันละ 250 บาท เงินทดแทนยังพอไปซื้อข้าวสารมาหุงกินได้หลายมื้อ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง อเมริกา อังกฤษ ก็ใช้ตัวนี้เช่นกัน แต่ระบบการจัดการเขาดีมาก อีกหน่อยประกันสังคมเราก็คงพัฒนา จากคุณ : Lovin (SEAPATCHA) เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 14:13:37

ความคิดเห็นที่ 50 คห.47 ถูกต้องเลยครับ แต่การประกันสุขภาพทั่วหน้าทุกวันนี้ กลายเป็นเรื่องการเมืองไปหมด ไม่มีใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลแล้วกล้าลดหรอกครับ ประชานิยมจนเสียสมดุล ที่นี้ทางด้านประกันสังคมกับทางรัฐบาลต้องคุยกันครับ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ประกันตนกลับกลายเป็น คนที่ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลขั้นต่ำสุดของประเทศ ทั้งที่จ่ายเงินสมทบ แต่การแก้ปัญหาที่จะดึงคนอื่นให้แย่กว่า เพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้น นั้นทำไม่ได้อยู่แล้ว ผมคิดว่าที่ถูกคือ ผู้ประกันตนควรได้รับสิทธิการรักษาแบบบัตรทองเพิ่มไปด้วย หรือประกันสังคมจะยกเลิกในส่วนนี้ไปเลยก็สุดแล้วแต่. คห.49 ใช่ครับด้านอื่นที่ดีก็มีครับ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 54 14:19:17 จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 14:15:46

ความคิดเห็นที่ 51 @คณ metung  เอาเป็นว่า ท่านสื่อถึงเรื่องการรักษาพยาบาลเรื่องเดียวนะครับ ผมอาจจะผิดจริงๆก็ได้ ผมขอโทษนะครับ .... แต่ผมยังยืนยันว่า การที่ผมแจกแจงสิทธิของประกันสังคม ในกระทู้นี้นั้น เป็นเรื่องที่ผปต.พึงรับทราบและรับรู้สิทธิของตนตามที่ผมเคยโพสไว้ว่า โดนหักเงินค่าจ้างทุกๆเดือน จะไม่อยากรู้เลยหรือว่าโดนหักเงินไปแล้ว จะได้สิทธิอะไรบ้าง ดังนั้นหากทราบว่า ในแต่ละกรณี แต่ละเรื่อง ใช้เงินในการบริหารจัดการต่างกัน อาจจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าต้นทุนการบริหารจัดการต่างๆมันต่างกัน ต้นทุนต่ำ จะให้หรูเลิศดั่งใจ นั้นคงยาก ....ส่วนเรื่องที่ผมใช้คำว่า เงินสมทบกรณีเจ็บป่วยกระจิดริดนั้น ผมเทียบจาก .88% จาก 5% คุณคิดว่ามันต่างกันเยอะไหมครับ กว่า 5 เท่าเชียวนะครับ อีกทั้งมีกลุ่มคนอ้างว่าจ่ายเดือนละ 750 ไม่เห็นได้ใช้ประโยชน์จากสิทธิประกันสังคมเลย ก็อยากให้เค้าได้ทราบว่า เงินในส่วนการรักษาพยาบาลนั้น นำมาเป็นต้นทุนยังไม่ถึง 1 ส่วนจากที่ส่งมาเลย ส่วนสิทธิที่เหลืออีก 6 สิทธินั้น เค้าก็ยังได้รับตลอดตราบที่ยังเป็นผู้ประกันตนหรือผู้มีสิทธิ ซึ่งประโยชน์ที่เค้าจะได้นั้นก็จะเป็นไปตามสิทธิ ซึ่งมีทั้งประโยชน์ที่เป็นตัวเงิน และที่ไม่ใช่ตัวเงิน หาก ผปต. มีความเข้าใจในการใช้สิทธิจากประกันสังคม เค้าจะพบว่า การประกันสังคม มันมีดีมากเกินกว่าที่จะมาโฟกัสเฉพาะเรื่องของการรักษาพยาบาลเพียงเรื่องเดียว และหากกลุ่มผปตที่มีค่าจ้างสูง ไม่ได้ใช้สิทธิ เงินสมทบของท่านก็ได้เฉลี่ยไปถึงมวลหมู่สมาชิกที่เค้าได้ใช้สิทธิ ตามแนวคิด "การเฉลี่ยทุกข์ เแลี่ยสุข" นะครับ ดังนั้นเงินสมทบท่านไม่เสียปล่าวแน่นอน (ขออนุญาตนะครับ ทำไมผมมีความรู้สึกครับว่าคุณย้ำคำ "กระจิดริด" เหลือเกินครับ) .......แล้วคุณก็ยังใช้คำว่า "คนที่อยู่ในระบบประกันสังคม จ่ายเงินอันกระจิดริดเพื่อแลกกับการรักษาที่ด้อยกว่าบัตรทองซะอีก" ซึ่งผมก็ได้บอกแล้วในโพสก่อนหน้าว่า บัตรทองไม่ได้ดีกว่าประกันสังคมซะทุกเรื่อง ในหลายๆเรื่อง บัตรทองก็ด้อยกว่าประกันสังคมมาก ที่สำคัญคุณต้องทำความเข้าใจกับที่มาของเงินในการบริหารจัดการด้วย ประกันสังคม ใช้เงินจากกองทุนประกันสังคม ซึ่งเรียกเก็บเงินสมทบจาก 3 ฝ่าย โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินมาเพื่อใช้ในการนี้แม้สตางค์เดียว ในขณะที่ สปสช. ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆปี ไม่พอก็ขอเพิ่มตลอด ในขณะที่การบริการ การรักษาต่างๆของบัตรทองก็ไม่ได้ดีขึ้นตามเงินงบประมาณที่ต้องจัดสรรเพิ่มให้ในทุกปี (ไม่เชื่อผมสิ ไม่เป็นไรครับ ไม่บังคับกัน) ในขณะที่ ประกันสังคม กี่สิบปีแล้วครับ ที่ไม่เคยปรับอัตราเงินสมทบขึ้นเลย  อีกทั้งเมื่อภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังลดเงินอัตราสมทบให้อีกต่างหาก แล้วคุณคิดว่า สปส.ไม่ใส่ใจ ผปต เลยหรือ ดังนั้น ผมก็ยังยืนยันว่าสิทธิของประกันสังคม ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ครับ... ....... งั้นว่าไปตามที่คุณถามผมมาแล้วกันนะครับ......... คนไทยเกิดมาควรได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษาพยาบาลจากรัฐทุกคน(บัตรทอง สปสช)ใช่มั้ยครับ ----> เห็นด้วยครับในเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานฯ แต่ไม่จำเป็นต้องยึดติดที่บัตรทอง หรือ สปสช. เพียงอย่างเดียวครับ... แต่คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในภาคแรงงานลูกจ้างหรือจะสมัครใจก็แล้วแต่ ได้สมทบเงินเข้ากองทุนประกันสังคม และแน่นอนครับเขาเหล่านั้นยังเป็นคนไทยและมีบัตรปชช. เขาเหล่านั้นที่ส่งเงินอันกระจิดริดไป ควรได้รับการรักษาเท่ากับบัตรทองที่ไม่ได้ส่งเงินมั้ยครับ? ----> ควรครับ อย่างน้อยควรเท่าเทียมหรือดีกว่าด้วย แต่ไม่เป็นไรครับหยวนกันได้คนไทยใจกว้างเสมอ แต่แล้วข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนั้นมั้ยครับ ----> มันเกี่ยวอะไรกับใจกว้าง ใจแคบครับ แล้วข้อเท็จจริงที่ว่ามันคืออะไร??? กลับเป็นว่าคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม จ่ายเงินอันกระจิดริดเพื่อแลกกับการรักษาที่ด้อยกว่าบัตรทองซะอีก ----> ผมให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้ด้านบนแล้วนะครับ ผมทราบดีครับเงินอันกระจิดริดนี้ อาจเป็นภาระและเพิ่มงานของคนในประกันสังคม แต่ทำไงได้ละครับ รัฐไม่ได้มีช่องทางให้เลือกซะด้วย การเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข เป็นเรื่องดีครับ แต่สปส.และรัฐควรออกมาพูดซิครับว่า "ขอเถอะเงินไม่ได้เยอะอะไรแล้วจะเอาอะไรกันมาก" แต่คนสปส.เวลาพูดเรื่องนี้ทีไร ก็เหมือนคุณKTHAI เนี่ยละครับอ้างสิทธิโนน่นี้ไปเรื่อย ทำไมไม่ยอมรับว่ามันไม่ถูกต้องแล้วคิดแก้ปัญหา ----> เงินสมทบคงไม่ทำให้เกิดภาระและเพิ่มงานของคนสปส. หรอกมั้งครับ แต่มันน่าจะเป็นเรื่องของ "หน้าที่" ที่ส่วนราชการที่รับผิดชอบต้องทำการบริหารจัดการ และทำหน้าที่ของตนให้ดี ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนซะมากกว่ามั้งครับ (ผมก็คนนอก ตรงนี้พูดแทนยากอยู่) แต่...ผมก็ยินดีนะครับ ที่อย่างน้อย คุณก็ยังเห็นด้วยว่าเรื่องของการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขเป็นเรื่องดี ส่วนกรณีสปส.หรือรัฐ ควรจะออกมาพูดอะไรนั้นในส่วนนี้ ผมคงไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่สำหรับผม ถ้าพูดถึงการประกันสังคม ก็ต้องพูดถึงทุกกรณี จะมาแยกเรื่องนั้นไม่สมควร เพราะที่มาของสิทธิคือเงินสมทบนำส่ง ซึ่งมันไม่ได้ก่อสิทธิแค่ กรณีเจ็บป่วยอย่างเดียว แต่มันก่อสิทธิอื่นๆด้วย แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ สปส.จะเอามาอ้างว่า กรณีอื่นๆดีแล้ว กรณีนี้ไม่ดี แล้วปล่อยผ่าน ไม่แก้ไขไม่พัฒนานั้น ไม่ใช่เรื่อง และเมื่อสปส. รับทราบในข้อด้อยของตน ก็ควรปรับปรุงและแก้ไขพัฒนา มิใช่โต้แย้งเป็นการโต้วาทีเหมือนคุณกับผม เพราะคุณกับผมอาจมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือทั้งคุณและผมไม่มีอำนาจโดยตรงในการแก้ไขข้อบกพร่องทั้งบัตรทองสปสช และบัตรรับรองสิทธิประกันสังคม แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมเห็นด้วยที่ทั้งบัตรทองและปกส. ล้วนแต่มีปัญหาในส่วนของตน ขอเพียงปรับปรุงแก้ไข หรือให้ดี ทั้ง 2 ส่วนงาน มานั่งคุยทำความเข้าใจกัน ปรับปรุงจุดแข็งตนเอง แก้ไขจุดด้อยของตน อะไรๆก็น่าจะดีขึ้นมาบ้าง    (จริงๆ เรื่องนี้ ผมกล่าวไว้ตั้งแต่โพสแรกแล้วนะครับ) ปล. ผมไม่ได้พูดถึงฉุกเฉินครับ เพราะในกรณีฉุกเฉิน ผปต.ก็สามารถเข้ารับการรักษาจากรพ."ทั้งของรัฐและเอกชน" ที่อยู่ใกล้เคียงได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องเป็นของรัฐครับ และก็ไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายด้วยในกรณีคนไข้ใน เพราะรพ.สามารถตั้งเบิกกรณี 72 ชม.มาเบิกกับสปส.ได้โดยตรง แต่ผมพูดถึงการเลือก รพ. ซึ่งปรกติ บัตรทองจะเลือกได้ ต้องเฉพาะโรงพยาบาล"รัฐ" ที่ตั้งในภูมิลำเนา ถ้ามาอยู่ที่อื่น แล้วไม่มีประกันสังคม ก็ต้องไปหาเจ้าบ้านในพื้นที่มายืนยันถึงเลือกรพ.นอกภูมิลำเนาได้ ในขณะที่ ผปต. สามารถเลือก รพ. ทุกรพ. ที่อยู่ในโครงการประกันสังคมได้ทุกรพ. ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน และสามารถเปลี่ยน รพ.ได้แบบไม่มีเงื่อนไขได้ในทุกๆต้นปีอีกด้วย , ผมถึงบอกว่า หากจะมาโต้วาทีกันว่า ใครดี ใครเด่นกว่าใคร คงจะเป็นเรื่องยาวมากเลยครับ อย่างที่ผมบอก หลายอย่างบัตรทองดีกว่าประกันสังคมจริงๆ และหลายอย่างที่บัตรทองสู้ประกันสังคมไม่ได้เลยเช่นกัน .......ก็คงต้องรอดูแนวทางของรัฐบาลต่อไปครับ ว่าเค้าจะเอายังไงกับเงื่อนไขบัตรทองปัจจุบัน จะฟรี หรือ 30 บาทอีกครั้งหนึ่ง แล้วมันจะดีขึ้นจริงๆหรือ ส่วนของประกันสังคมก็ต้องดูว่า สปส. จะควบคุมมาตรฐานการรักษาของ รพ. ในโครงการได้ดีแค่ไหน เพราะการเข้าโครงการของรพ. ที่ไม่ใช่ รพ.ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข  เป็นการเข้าโครงการแบบสมัครใจ  รพ.ไม่พอใจก็ยื่นเรื่องขอออกโครงการได้ จะว่าไป ถ้า สปส.สามารถควบคุม ดูแล และมีอำนาจให้คุณ ให้โทษกับสถานพยาบาลมากกว่านี้ การรักษาพยาบาลในสิทธิประกันสังคม อาจดีกว่าปัจจุบันก็ได้ @ ความเห็น48 คนไทยทุกคนไม่มีความสามารถเช่นคุณครับ ที่จะจ่ายเบี้ยประกันขนาดนั้นได้ สิ่งที่มีอยู่ทุกวันนี้คือสวัสดิการทางสังคม ซึ่ง สปส. ดูแลหลายเรื่องตั้งแต่เกิดจนตาย สปสช.ดูในเรื่องการรักษาพยาบาลในอีกกลุ่มคน และยังมีหน่วยงานอื่นๆอีกที่ดูแลเรื่องสวัสดิการทางสังคมนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราหวัง คือ สวัสดิการทางสังคม ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และเชื่อถือได้ของประชาชนครับ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือกัน ปรับปรุงพัฒนา และแก้ไขจุดอ่อนของตน ไม่ใช่มาหาเรื่องโจมตีใครดีกว่าใคร โต้วาทีกันไปมาแบบเช่นทุกวันนี้ครับ และสุดท้าย "การประกันสังคมไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาพยาบาลนะครับ" อ้อ กรณีที่คุณเล่ามา มันเป็นประสบการณ์ในการพบแพทย์ครับ ผมก็มีทั้งที่ดี และไม่ดี ประเด็นคือ จะทำให้มันดีได้ตลอดหรือไม่ และถ้าพบที่ไม่ดี จะแก้ไขปัญหาอย่างไรให้ตรงจุดมากกว่านะครับ จากคุณ : KTHAI เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 17:35:42

ความคิดเห็นที่ 52 ทันตกรรม ใช้ได้แค่ 300 บาท สองครั้งนี่น้อยมากค่ะ ขูดหินปูนทุก 6 เดือน ขูดที่ ร.พ.รัฐ ราคา 280 บาท ค่าบริการ 50 บาท แค่นี้ปีนึงก็หมดแล้วค่ะ แล้วอุดฟัน ถอนฟัน อีกล่ะ ในขณะที่บัตรทอง อุด ขูด ถอน ฟรี กี่ครั้งก็ได้ ฟันเทียมทำฟรี (ประกันสังคมเบิกได้บางส่วน) รู้สึกไม่คุ้มอย่างรุนแรงค่ะ เห็นใจคนใช้ประกันสังคมมากๆ จากคุณ : เบื่อมากมาย เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 21:10:20

ความคิดเห็นที่ 53 ไปโรงบาลเอกชนรับประกันสังคม จ่ายยาเหมือนกันทุกครั้ง para/amoxy จากคุณ : ชาร์มมิ่ง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 54 22:23:48

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นเงินที่เสียไปเปล่าๆ ทุกเดือน จากคุณ : GameLover เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 02:31:17

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วย กับการเลิกระบบประกันสังคม ไม่พบจุดที่น่าสนใจหรือเด่นกว่าบัตรทอง จะได้เงินคืนก็ไม่ง่าย มีรายละเอียดข้อจุกจิก จำกัดมาก ฟันปลอมถ้าจะเบิก ก็ต้องเดินทางไปโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดู... ที่น่าสนใจก็บำนาญที่จะได้หลังจ่ายไป 15 ปี ตอนอายุ 55 ปีและไม่ทำงานแล้ว แต่ข้องใจว่าทำไมต้องเป็นบำนาญ ทีคนจ่ายไม่ครบ15ปีให้เป็นบำเหน็จ น่าจะให้สิทธิ์ในการเลือกกับผู้ประกันเอง จากคุณ : spherulite เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 06:36:31

ความคิดเห็นที่ 56 คุณKTHAIครับ ผมก็รอว่าคุณจะอธิบายว่าบัตรทองด้อยกว่าประกันสังคมอย่างไรบ้าง แต่คุณกลับไปพูดเงินสมทบ3ฝ่าย แต่เอาละครับผมขอไม่แย้งกับคุณKTHAIอีก ความเห็นต่างบางเรื่องก็ปล่อยมันไปเถอะครับ เพราะอย่างน้อยคุณKTHAI กับผมก็มีจุดรวมกันคือ ประกันสังคมยังมีจุดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น จากคุณ : metung เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 10:21:44

ความคิดเห็นที่ 57 การรักษาพยาบาลนั้น มันขึ้นอยู่กะโรงพยาบาลหรือเปล่า เพราะเราก็ประกันกะโรงพยาบาลเอกชน บริการดีมาก แต่เห็นด้วยเรื่องสิทธิ์ได้น้อยจริงๆ น้อยกว่า 30 บาทอ่ะ จากคุณ : moonoy@moomam เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 16:50:59

ความคิดเห็นที่ 58 ผมใช้ประกันสังคม เลือก รพ.เอกชน ตอนป่วยไปรักษา ก็ได้ยาธรรมดา ๆ มา นอกจากจะไม่หยสักที หมอถึงจะค่อย ๆ เปลี่ยนยาที่ดีขึ้นให้ แต่จนวันนึง ต้องผ่าตัดไส้เลื่อน ไปหาหมอที่ รพ.ที่ใช้สิทธิประกันสังคมอยู่ ตกลงผ่าเรียบร้อย ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียเงินสักบาท จะจ่ายก็แค่ส่วนต่างค่าห้องที่ขอเปลี่ยนเป็นห้องเดี่ยวพิเศษ และเมื่อ 2 ปีก่อน ผมตกงาน ก็ได้ประกันสังคมจ่ายให้ 7,500 บาท ต่อเดือน นาน 8 เดือน ก่อนหน้านั้น ผมยังเคยด่าเลย เงินชดเชยตกงานแค่เดือนละ 7,500 บาท (50% ของ 15,000) จะไปพอกินอะไร แต่พอมาได้เองจริง ๆ ในสถานการณ์แบบนั้น ตกงาน หางานไม่ได้ เงิน 7,500 บาท มันมีค่ามากครับ ตอนนี้เลยเปลี่ยนทัศนคติไปเลยครับ และผมก็ยังเลือกส่งเงินสมทบประกันตนเอง มาตรา 39 ต่อด้วยครับ ทั้ง ๆ ที่ตอนผมตกงาน ผมมีสิทธิเลือกที่จะไปใช้สิทธิบัตรทองได้ แต่ก็ไม่เลือกครับ จากคุณ : zaxofone เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 54 17:34:37

ความคิดเห็นที่ 59 เป็นข้อมูลที่ดีมากๆทั้งสองด้าน..ปัจจุบันใช้ปกส.มาตรา39และเลือกรพ.เอกชนใกล้บ้าน ได้รับการบริการดี..แต่รพ.ประกาศว่าจะออกจากระบบ..ทำให้ต้องเลือกรพ.ใหม่ซึ่งอยู่ไกลบ้าน-รพ.ที่ใกล้ๆทั้งของรัฐและเอกชนก็เต็มหมดแล้ว กำลังคิดว่าจะเลิกส่งปกส. แล้วไปขอใช้สิทธิบัตรทอง..ดีหรือไม่ ยังคิดไม่ตกเลย.. จากคุณ : อายุ64แล้ว (LAO-HOO-YIN) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 11:51:45

ความคิดเห็นที่ 60 ปล่อยให้ทุกคนมีสิทธิืเลือกเถอะค่ะ ว่าอยากใช้ประกันสุขภาพแบบไหน การมีให้เลือกหลากหลายจะทำให้บริการต่างๆ ความครอบคลุมของสิทธิ์ และอะไรหลายๆอย่างดีมากขึ้น เหมือนสินค้าในท้องตลาดไงคะ เมื่อมีคู่แข่งคนขายก็ต้องพัฒนาสินค้า ประโยชน์ก็จะตกเป็นของผู้บริโภค เราก็เป็นคนนึงที่เคยใช้ประกันสังคมตอนจบใหม่ๆ แต่เจอประสบการณ์เหมือนที่หลายๆท่านเคยเจอมา คือเป็นพลเมืองชั้น 2-3 ปัจจุบันเลือกที่จะทำบัตรทองมาได้ 2 ปีกว่าๆ และซื้อประกันสุขภาพเพิ่มอีกนิดหน่อยตามกำลังทรัพย์ (ซึ่งน้อยกว่า ปีละ 8-9 พันแน่นอน )รู้สึกสบายใจและตอบโจทย์ความต้องการมากกว่า จากคุณ : แอบโสดทุกทีที่เธอไม่อยู่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 15:53:09

ความคิดเห็นที่ 61 เรามีประกันสังคม /ประกันอุบัติเหตุส่วนตัว / ประกันสุขภาพบริษัท เราเจออุบัติเหตุบ่อย ล่าสุด เพิ่งได้ประกันสังคม (เพิ่งทำงาน) แล้วเดินล้ม ต้นขาช้ำเท่าฝ่ามือ ก็เลยไปลองใช้ดู ปกส. ดูที่โรงพยาบาลแถวพระราม 7 ซึ่งเราก็รู้ว่า คงได้แค่ยาแก้บวม คลายกล้ามเนื้อ และแก้อักเสบแน่ๆ (ใช่จริงๆ) ........................ แล้วก่อนหน้าทำงาน มีบัตรทอง ก็ใช้ผ่าเข่าแตกที่โรงพยาบาลกลางมา บริการดี เราชอบมากเลย ฟรีเลย ส่วนค่า MRI ก็เบิกกับประกันสุขภาพของมหาลัย แต่พอทำงานเขาก็ให้ทำ ปกส. ซึ่งใครมี ปกส.จะใช้บัตรทองไม่ได้ ก็ได้แต่ยอมรับ .......................... สุดท้าย อยากบอกว่า เราก็คงสรรหาประกันส่วนตัวไว้เหมือนเดิม เพราะบริการรวดเร็ว ไม่ต้องคอยเป็นวันๆ   ไม่ใช่ว่า ปกส. ไม่ดีนะ เผื่อมีเหตุให้เจ็บป่วยนาน หรือว่า แก่เฒ่าชราภาพ ตกงาน คงได้เงินชดเชยบ้างแหละ ป.ล. การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จากคุณ : lessimol เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:03:04

ความคิดเห็นที่ 62 คนไข้บัตรทอง ออกจะสบาย ป่วยมาดึกๆ หอบมา ตอนแรกก็ว่าจะฟรี พอเช็คสิทธิ์ ปรากฏว่าทะเบียนบ้านนอกเขต(พวกสก๊อยหนีจากบ้านตามผู้ชาย) ไม่มีตังค์จ่าย อ้อนวอนหมอ พยาบาล ขอใช้สิทธิ์ฉุกเฉิน เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายตังค์ ประเมินแล้วว่ามันไม่จำเป็น เลยบอกว่าให้ไม่ได้เพราะ ไม่ได้ฉุกเฉินมาก จริงๆ พี่แก ก็เดินออกไปจาก ER เลย ไม่มี ไม่จ่ายเว๊ย ดีจริงๆ ประเทศไทย ปล ถ้าเคสต้องผ่าตัดจริงๆ ผมให้ฉุกเฉินนะ จากคุณ : vkp_nirvana เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:08:09

ความคิดเห็นที่ 63 ลาออกจากงานสองรอบ ห่างกันประมาณ 7 เดือน ยื่นขอเงินประกันตนช่วงว่างงาน มันก้พอให้เราอยุ่ได้นะ เงิน 4,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน อย่างน้อยๆๆๆก้ไม่ต้องควักเงินเก็บเราออกมาใช้ บางอย่างอาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราทุกคนมีสิทธิ์เลือก ม มีสิทธิ์ในการพิจารณาอะไรดีๆๆกับตัวเอง จากคุณ : ใบไม้เดือนห้า เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 21:19:12

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าเค้าให้เลือกได้ว่าจะทำ หรือไม่ทำ เราก็ยังเลือกที่จะทำ เพียงแค่ขอให้คุณภาพในการให้บริการจากสถานพยาบาลดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ก็พอ ทั้งๆ ที่ถ้ายอมจ่ายเงินเพิ่มอีกสามพัน เราจะได้ประกันชีวิตของเอกชน ซึ่งบริการต่างกันราวฟ้ากับเหว ถามว่า...ถ้าประกันสังคมขอให้จ่ายเพิ่มอีกสามพันจะยอมมั๊ย ตอบได้เลยว่า "ไม่" ถ้าทำให้สถานพยาบาลบริการดีกว่านี้ไม่ได้...ก็เก็บเงินน้อยลงเถอะ (ปัจจุบันหัก 5% ค่ะ) จะได้เอาเงินส่วนที่ลดให้นั้นไปทำประกันชีวิตกับบริษัทเอกชน ปล...เบื่อมากค่ะ คนไข้ที่เข้าไปหาหมอเพราะต้องการใบรับรองเพื่อหยุดงาน ทั้งๆ ที่เป็นโรคขี้เกียจไปทำงาน... จากคุณ : จะงอนฯ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 23:59:15

ความคิดเห็นที่ 65 หลักการของประกันสังคมคือเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข ดังนั้นการที่ลูกจ้าง หรือก็คือคนมีงานทำ จะขอไม่จ่ายประกันสังคมนี่ฟังดูเห็นแก่ตัวไปค่ะ ส่วนบัตรทองนี่ให้ กี่บาท/หัว/ปี ตอนนี้ไม่ได้ตามข่าว  แต่มันก็เงินหลวงทั้งนั้น หมายความว่าประชากร 60 กว่าล้านคนทั่วประเทศนี่รัฐต้องเลี้ยงค่ารักษาพยาบาลให้ทุกท่านเลยหรือ แล้วประเทศเราไม่ได้เป็นประเทศร่ำรวยที่รัฐมีเงินมากพอที่จะทำเช่นนั้น หรือว่าควรเก็บภาษีเงินได้ ที่ท่านๆ จ่ายทุกวันนี้ เพิ่มขึ้น เพื่อให้รัฐมีรายได้มากขึ้น แล้วก็ไม่ต้องจ่ายประกันสังคมเพิ่ม  แต่หลังจากนี้ทุกคนรักษาฟรีที่ รพ.รัฐ อย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวว่าใครเป็นลูกจ้าง นายจ้าง แต่ผู้มีรายได้(รวมผู้ประกอบกิจการอิสระ)ถูกเก็บภาษีมากขึ้นหมด เพื่อเอามาเป็นค่าบริการทางการแพทย์ของคนทั้งประเทศ  คิดว่ายุติธรรมมั้ยคะอย่างนี้? ส่วนตัวแล้วอยากให้ทางประกันสังคมยกระดับของตัวเองเป็นแบบขั้นบันได   ใครอยากจ่ายมากขึ้นก็จะได้รับสิทธิที่ดีขึ้น ใครอยากจ่ายน้อยเพราะอยากประกันกับเอกชนพอถึงเวลาคุณก็ใช้สิทธิกับเอกชน เคยมีคนใน สปส เสนอเหมือนกัน แต่น่าจะยุ่งยากทำให้ต้องเพิ่มขนาดองค์กรเพื่อการจัดการ ก็มาถึงเรื่องที่ว่า สปส ควรจะออกนอกระบบหรือป่าว  คุยกันมาหลายปีแล้วเนี่ย แต่รัฐบาลที่แล้วไม่เห็นด้วย รอดูกันไปค่ะ จากคุณ : Parody เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 15:53:10

ความคิดเห็นที่ 66 ขอใช้สิทธิ 30 บาทแทนประกันสังคมได้ไหม มีสิทธิเลือกไหม ... เฮ่อ จากคุณ : แอนด้า เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 18:59:38

ความคิดเห็นที่ 67 เก็บประกันสังคมไว้เวลาเจ็บป่วยมากๆ ค่ะ แบบต้องผ่าตัด อุบัติเหตุรุนแรง ที่ต้องนอน รพ. หลายวัน เราจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะ ตอนนี้พวกคุณยังอยู่วัยหนุ่มสาว ไม่เคยเจ็บหนักอาจเห็นว่ามันด้อยค่า สำหรับเรา เจ็บป่วยเล็กน้อย ก็จ่ายเองไปก่อน จากคุณ : X_cite เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 54 22:28:34