ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากสังคมต่างจังหวัดเรื่องมันจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมาก ไม่เข้าไปรับยาต้านไวรัส ไม่ไปรักษา เจ็บป่วยก็รักษาตามอาการ ที่สำคัญว่าหลังจากสามีคนแรกเสีย เธอก็มีสามีคนที่2 เฮ้ออออออ ไม่แน่ใจนะคะว่าสามีคนที2นี่ เป็นผู้ติดเชื้ออยู่แล้ว หรือว่ามาติดจากน้องแจนคนนี้ เพราะปัจจุบันสามีคนที่2ก็เป็นผู้ป่วยเช่นกันค่ะ และยิ่งแน่นอนเข้าไปอีกว่า มีลูกกับสามีคนที่2 นี้อีก1คน เป็นผู้หญิงอีกเช่นกัน ปัจจุบันอายุประมาณ7-8ขวบ เพิ่งเข้าประถม ส่วนตัวค่อนข้างแน่ใจว่าเด็กคนนี้ก็น่าจะเป็นผู้ติดเชื้อซึ่งไม่มีโอกาสทราบว่าตัวเองเป็นอยู่เลย เพราะครอบครัวมิได้มีการพาไปตรวจ หรือรักษา หรือว่าแม่จะมีการป้องกันใดๆ ที่ค่อนข้างแน่ใจว่าน้องน่าจะติดเชื้อ ก็เพราะน้องค่อนข้างสุขภาพแย่ค่ะ ป่วยบ่อยมาก หยุดเรียนบ่อยๆตามอาการ อาชีพของน้องแจนผู้เป็นแม่ของเด็ก2คนนี้ก่อนเข้ารพ.ยาวก็คือร้อยดอกไม้ขาย รับงานตามวัด ตามงานมงคลต่างๆแล้วแต่จะมีคนจ้างค่ะ ส่วนสามีคนปัจจุบัน ก็เป็นพนักงานรปภ.ที่โรงแรมในตัวจังหวัด อาการที่แสดงออกของสามีปัจจุบันคือ มีตุ่มแผลพุพองตามลำตัวค่อนข้างเยอะ ป่วยบ่อยมาก ต้องหยุดงานเป็นประจำ ส่วนน้องแจนนั้น ขณะที่พิมพ์ นี้ น้องยังอยู่ที่ไอซียู รพ.ประจำจังหวัดค่ะ เรียกว่าเป็นระยะสุดท้ายของชีวิตเธอแล้ว พ่อ และแม่เลี้ยงของน้องแจน แรกๆก็บอกชาวบ้านในละแวกนั้นว่า มันไม่ค่อยแข็งแรงเป็นปอดบวมมั่ง เป็นวัณโรคมั่ง ล่าสุดก็ยอมบอกชาวบ้านแถวๆนั้นแล้วว่าเป็นเอดส์ค่ะ จากคุณ : littlelion13 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:46:34

ความคิดเห็นที่ 2 ที่สำคัญอีกอย่างคือ ลูกสาวคนโตของเธอ ปัจจุบันอายุประมาณ 15-16ปี ประกอบอาชีพขายบริการค่ะ โดยที่เธอก็คงไม่บอกใครๆหรอกว่าเธอเป็นผู้ติดเชื้อ ยังคงอาศัยว่ายังอายุน้อย ยังไม่มีอาการเจ็บป่วยแสดงออก ก็ยังมีคนใช้บริการเธออยู่ค่ะ นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวในการเป็นผู้แพร่เชื้อต่อโดยเธอไม่สนใจ ขอให้ได้เงินมาเลี้ยงชีพเป็นพอค่ะ น้องสาวของเธอตอนนี้ผู้เป็นตากับยายรับผิดชอบเลี้ยงดูอยู่ค่ะ อยากสรุปเตือนทุกๆท่านในหลายๆแง่มุมนะคะว่า ยังมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ยอมเข้ารับการรักษา ไม่รับยาต้าน และยังแพร่เชื้อต่อไป หนุ่มๆทั้งหลายระมัดระวังตัวกันนะคะ อย่าเห็นว่ายังเป็นเด็กสาวๆยังไม่น่ามีเชื้อ ไว้ใจไม่ได้ค่ะ คุณผู้หญิงทั้งหลายก็ระมัดระวัง คุณสามีที่จะนำเชื้อมาติดยังเราด้วยนะคะ ที่สำคัญ หากติดเชื้อแล้วอย่าแพร่เชื้อไปยังเด็กๆที่จะเกิดมา โดยมิได้รับรู้ชะตากรรมของตัวเองเลย เกิดมาก็มีเชื้อจากแม่ที่ไม่รับผิดชอบ ทุกข์ก็จะติดตัวเด็กไปจนตลอดชีวิตของเค๊า อันนี้น่าเห็นใจที่สุดเลยค่ะ และสำหรับคนที่ติดเชื้ออยู่แล้ว ก็ขออย่าได้แพร่เชื้อต่อโดยไม่สนใจชีวิตคนอื่นเลยค่ะ หวังว่าข้อมูลในกระทู้นี้จะเป็นความรู้และเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ขออภัยหากการเรียบเรียงไม่สละสลวยเท่าไหร่ ขอบคุณที่อ่านจนจบ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : littlelion13 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:47:23

ความคิดเห็นที่ 3 เฮ้อออออ จากคุณ : มะหมาฮาเฮ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:16:51

ความคิดเห็นที่ 4 น่ากลัวมาก จากคุณ : กระจ่างเนตร เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:28:35

ความคิดเห็นที่ 5 เฮ้ออออ ด้วยคนค่ะ ไม่รู้จะคอมเม้นท์อะไร - -" จากคุณ : fulllove4ever เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:29:25

ความคิดเห็นที่ 6 มา เฮ้อออออออออออออ... อีกคนครับ จากคุณ : Jeremizz เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:34:52

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตเรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : Lexon เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:35:35

ความคิดเห็นที่ 8 ร่วม เฮ้อ!!! อีกสักคน จากคุณ : tanH2O เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:41:04

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนที่ท้อง ไม่ได้ฝากท้อง ด้วยมั้ง เพราะว่าถ้าฝากท้องหมอจะต้องตรวจเจอ หรือว่าเมื่อก่อนต่างจากตอนนี้ เห็นน้องสาวไปฝากท้อง หมอตรวจเลือด ทั้ง ภรรยา+สามี จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:09:02

ความคิดเห็นที่ 10 เศร้าใจครับ...ที่จริงถ้าเธอยอมเข้าพบแพทย์ตรวจรักษาก็คงไม่เป็นแบบนี้ จากคุณ : นพ (Namtao08) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:20:42

ความคิดเห็นที่ 11 นี่แหละปัญหาสังคม ที่อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาดูแล เรื่องแรกคือเรื่องการศึกษา ถ้าคนมีการศึกษามากขึ้น ปัญหาสังคมแบบนี้ก็จะลดน้อยลง โหวตครับ จากคุณ : หนุ่ม ณ เมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:34:52

ความคิดเห็นที่ 12 มุมมองครอบครัว ส่วนตัวรู้สึกสงสารอะค่ะ  ไม่มีใครเลือกเกิดได้นะ สิ่งเร้าภายนอกมากมาย ทั้งที่ดี และไม่ดี มุมมองสังคม  ก็รู้สึกว่านับวันน่ากลัวมากนะ เดี๋ยวนี้โรคเอดส์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเข้าไปทุกทีแล้วสิ.... ยังไงก็อยากให้เพื่อนๆทุกคน..ดูแลตัวเองดีๆๆแล้วกันนะค่ะ จากคุณ : porpong เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:41:05

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ จากคุณ : ฮอนด้าสตรีม เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 11:02:30

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาโหวตให้ จากคุณ : Decemberka เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 11:05:53

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตให้่ค่ะ จากคุณ : BlackJaker เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 11:34:43

ความคิดเห็นที่ 16 สงสารเด็ก จากคุณ : หนูหมิงหมิง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 11:35:14

ความคิดเห็นที่ 17 เหตุเกิดเพราะจาก "ความไม่รู้" ต้องยอมรับว่าการศึกษาสำหรับสังคมไทยยังไม่ทั่วถึง ยังคงอาศัยหลักความเชื่อกันอยู่ (โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดและชนบท...บางพื้นที่) ถ้าทุกบ้านมีความรู้ ความรับผิดชอบต่อสังคม เหตุการณ์จำพวกนี้คงยากที่จะเกิด ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า พวกผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาของไทยทุกยุคทุกสมัยทำอะไรกันบ้าง อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับกระทู้และอาจไม่ถูกใจบางคน ก็ต้องขออภัย จากคุณ : GiRLZ_MANiA เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 13:33:11

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านแล้วรู้สึกว่าน่ากลัวมากอ่ะ สมมุติว่าถ้ามีสามี แล้วสามีไปใช้บริการคนเป็นเอดส์แล้วนำมาติดเราจะทำยังไงดีเนี่ย จากคุณ : blue hawaii_paradise เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 13:33:42

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ... จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 13:47:23

ความคิดเห็นที่ 20 พูดไม่ออก จากคุณ : p3024 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 14:43:55

ความคิดเห็นที่ 21 เฮ้อ....ไม่รู้จะสงสารใครดี...? จากคุณ : send2u เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 14:48:58

ความคิดเห็นที่ 22 ถึงแม่จะมีเชื้อ HIV ลูกก็ไม่จำเป็นต้องได้รับเชื้อ HIV แต่จะดีที่สุดถ้าแม่รีบไปพบแพทย์ เพราะมีหลายวิธีลดโอกาสติดเชื้อของลูกในครรภ์ได้ครับ "การติดเชื้อในเด็ก  เกิดในช่วงที่อยู่ในครรภ์มารดา  หรือระหว่างคลอด สำหรับประเทศไทยไม่แนะนำให้ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อกินนมแม่   จึงไม่พบการติดเชื้อภายหลังการคลอด  ส่วนการติดเชื้อในบิดาจะไม่มีการติดต่อมายังบุตร         หากมารดาไม่ได้รับยาต้านไวรัสใด ๆ  แต่ทารกไม่ได้กินนมมารดา   ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อจากมารดาประมาณ  1  ใน  4  หรือ  25 %   แต่ถ้ามารดาได้รับยาต้านไวรัส  Zidovudine (AZT)  เพียงตัวเดียวในช่วงไม่นานก่อนคลอด   และทารกได้รับยา  AZT  ด้วย  พบว่าจะลดการติดเชื้อเหลือประมาณ  7 - 8 %   แต่หากมารดาได้รับยา  2  ตัวเช่น  zidovudine  ( AZT)+ lamivudine  (3TC) หรือได้รับ  AZT  ตั้งแต่ครรภ์  28  สัปดาห์  ร่วมกับ  Nepirapine (NVP) 1 ครั้งตอนคลอด   และทารกได้อีก  1  ครั้ง  จะลดการติดเชื้อเหลือเพียงไม่เกิน  3 %   และถ้าหากมารดาได้รับยา  3  ขนาน นานกว่า  4  สัปดาห์ก่อนคลอด   ทารกจะติดเชื้อประมาณ  1 - 2 % เท่านั้น   นอกจากนี้การคลอดโดยการผ่าตัดทางหน้าท้อง  (Caesaren  section)  ก่อนจะเจ็บครรภ์หรือมีน้ำเดิน   จะช่วยลดอันตรายการเกิดเชื้อในทารกลงไปได้อีก" จากเว็บ www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=702 จากคุณ : Lost Soul Forever เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:08:08

ความคิดเห็นที่ 23 ภาคเหนือมีเคสอย่างนี้เยอะค่ะ  บางคนติดเชื้อคนก็รับรู้กันทั่ว  แต่ก็ยังมีสามีหรือภรรยาใหม่ได้อีก  ยิ่งปัจจุบันยารักษาเอดส์มีประสิทธิภาพมาก  เมื่อก่อนจะเห็นคนป่วยที่ผอม ดำ  มีแผลพุพองตามตัว   จะพบเป็นประจำ  แต่นานแล้วที่ไม่เห็นคนป่วยสภาพนี้  เพราะได้รับยา  แต่ข้อเสียคือทำให้คนประมาทและไม่กลัวโรคนี้ จากคุณ : aicm เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:08:28

ความคิดเห็นที่ 24 - - จากคุณ : Aqualela เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:13:53

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาอ่านแล้วจิตตก - -" แต่ก็เป็นเรื่องจริงในสังคมที่ต้องยอมรับ จากคุณ : มาคุโนอุจิ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:20:09

ความคิดเห็นที่ 26 ที่เล่ามาเนี่ย เป็นเรื่องปกติในประเทศนี้เลยครับ แต่คนไทยมัวแต่หลอกตัวเอง ไม่รับรู้ปัญหาเรื่องนี้กัน รับรองว่า 10% up ของ population เป็นผู้ติดเชื้อแน่นอน เกิดขึ้นในช่วงชีวิตนี้ของคุณๆด้วย จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:31:48

ความคิดเห็นที่ 27 จขกท  รีแจ้งตำรวจเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองเพ็ด เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:32:06

ความคิดเห็นที่ 28 ขอเล่าต่อสักหน่อยนะคะ จขกท.รู้สึกไม่สบายใจในตัวลูกสาวคนโตของเธอมากที่สุดน่ะค่ะ อันที่จริงบ้านแม่ของจขกท.เองก็อยู่ในตัวเมืองนะคะ ไม่ได้ห่างไกลระบบสาธารณสุขใดๆเลย แต่น้องเค๊าไม่ยอมรับการรักษาเอง กลัวคนรู้ว่าเป็น กลัวคนรังเกียจ กลัวไม่มีงานทำ เรื่องเลยไปกันใหญ่ ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือลูกสาวคนโตของเธอ ที่ก็น่าจะรับรู้ในเรื่องพวกนี้ กลับยังประกอบอาชีพที่แพร่เชื้ออีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ไปเฝ้าแม่ที่รพ. ก็ยังไปหาลูกค้าหนุ่มๆแก่ๆแถวรพ.เลย ที่ทราบเรื่องนี้ เพราะญาติทำงานที่รพ.นั้นด้วยค่ะ เลยเห็นพฤติกรรมของเธอ ว่ายังหาลูกค้าตลอดเวลา เขาก็มาเล่าให้ฟัง อีกอย่าง เนื่องจากที่บ้านแม่ของจขกท.เป็นหอพักด้วยค่ะ ติดกับบ้านของเธอ เวลามีชายหนุ่มที่ไม่มีครอบครัวมาพัก หากเธอเห็น ก็จะเข้ามาพูดคุยหลอกล่อ หาแขกกันเห็นๆเลย แม่ของจขกท.เอง เวลาเห็นแบบนี้ ก็จะเข้าไปพูดอ้อมๆ เผื่อหนุ่มที่กำลังจะโชคร้ายนั้นรู้ตัว เราก็ถามว่า ทำไม่แม่ไม่แอบบอกตรงๆเลยล่ะ แม่ก็บอกว่า ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของมันก็แล้วกัน ถ้าอยากนัก แล้วไม่ป้องกันเองก็ซวยไป ถือว่าเข้าไปเตือนแล้ว เราเองก็ไม่รู้ว่ามีคนหลงเป็นลูกค้าเธอไปบ้างหรือเปล่า ขอเฮ้ออออออีกทีนะคะ จากคุณ : littlelion13 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:51:59

ความคิดเห็นที่ 29 เคยทำงานเกี่ยวกับโรคนี้ เลยขอ เฮ้อ...เฮ้อ...ด้วยคน จากคุณ : jinandjoy เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:15:20

ความคิดเห็นที่ 30 มันไม่ไกลตัวเลยนะครับ ผมคุยกับแฟนบ่อยๆ ถ้าสมมติผู้ชายหรือผู้หญิงคนนึงมีแฟน แล้วแฟนมีกิ๊ก แล้วกิ๊กมีแฟน แฟนมีกิ๊กไปเรื่อยๆจนถึงคนที่เป็น มันโยงมาถึงคนแรกได้เลยนะนี่... ออกกฎหมายบังคับไปเลย ผู้มีบัตรประชาชนทุกคนให้มีการตรวจเลือดก่อนทำบัตรทุกครั้ง แล้วแปะผลไว้บนบัตรเลยนี่แหละ ลดอายุการใช้งานของบัตรลงมาก็ได้ ไม่ได้เป็นเรื่องน่าอายเลยโรคเอดส์เนี่ย มันก็แค่โรคๆนึง (ส่วนตัวเชื่อว่ามียารักษาที่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว แต่จะนำมาขายทำไม ก็ในเมื่อยาตัวเดิมก็ยังเลี้ยงๆไว้ขายได้อยู่ เปรียบคล้ายๆไวรัสคอมพิวเตอร์นั่นล่ะ บริษัทตัวแม่ผลิตเอง แล้วก็ออกแอนตี้ไวรัสเอง ลูกค้าก็ต้องจำใจซื้อไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว...) จากคุณ : The Blister Exists เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:34:40

ความคิดเห็นที่ 31 เศร้าใจจังค่ะ สงสารน้องด้วย จากคุณ : FBlock เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:55:49

ความคิดเห็นที่ 32 สัตว์ โลก ย่อมเป็นไปตามกรรมที่ก่อไว้ครับ การเป็นผู้ติดเชื่อ ก็คงเป็นผลกรรม ที่เคยก่อไว้ครับ ข้อแนะนำ ที่ดีที่สุด ก็ คือ ใครติดเชื่อแล้ว อย่า สร้างกรรมให้ กับ คนอื่นเลยครับ เพราะ คนที่เป็นโรคนี้ บางคน ก็ ไม่มีอาการใด ๆ เลย ครับ ถ้าเขา รักษาสุขภาพอย่างดีครับ จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 17:04:16

ความคิดเห็นที่ 33 FYI, 1) โดยปกติผู้ป่วยจะ develop AIDS แบบ full blown เมื่อเวลาผ่านไป 10-11 ปีหลังการได้รับเชื้อ 2) มารดาที่มีเชื้อ HIV และไม่ได้รับยาต้านจะมีโอกาส Transmitted เชื้อไวรัสสู่ลูกด้วยโอกาสประมาณ 25% เข้าใจว่าหากลูกสาวเป็นผู้ติดเชื้อตั้งแต่กำเนิดและมีอายุถึง 16 ปีโดยไม่เคยรับยาต้านฯ และไม่มีอาการแสดงออกเลย ก็อาจเป็นไปได้ว่าลูกสาวคนโตผู้นี้อาจจะไม่ได้รับเชื้อจากมารดาแต่กำเนิดก็ได้ครับ? จากคุณ : O (- Calabrese -) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 18:48:46

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านแล้วน่ากลัวมาก จากคุณ : Toon16 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 19:29:59

ความคิดเห็นที่ 35 ^^^ขอบคุณข้อมูลคุณO (- Calabrese -)ค่ะ ลูกสาวคนโตเท่าที่เห็นด้วยสายตา ก็ดูแข็งแรงดีค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเชื้อหรือไม่ เพียงแต่อาชีพที่เธอทำมันเสี่ยงไป อายุก็ยังน้อย ไม่น่าเลือกทางเดินนี้ค่ะ ส่วนคนเล็กเท่าที่เห็นด้วยสายตา สุขภาพไม่ค่อยดีค่ะ เหมือนเด็กขี้โรคค่ะ เลยคิดว่าคงจะติดเชื้อจากแม่น่ะค่ะ ทั้ง2ลูกสาว ไม่ได้มีการไปตรวจเลือดแต่อย่างใดค่ะ ตาและยายไม่สนใจพาไปตรวจ อาจจะเพราะอายุมาก(70กว่าๆ) ไม่มีเงิน เป็นก็ช่างมัน ป่วยทีก็รักษาตามอาการ ทำมาหากินไปวันๆอย่างเดียวค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 19:35:02 จากคุณ : littlelion13 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 19:34:24

ความคิดเห็นที่ 36 สังคมแห่งความเป็นจริง... จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 21:10:57

ความคิดเห็นที่ 37 มันเป็นเรื่องน่าเศร้า T^T จากคุณ : JKLjoker เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 21:17:00

ความคิดเห็นที่ 38 เฮ้อ ยังมีผู้ชายอีกมากมายที่จะยังรอน้องคนนี้อีกต่อไปค่ะ อืมๆ จากคุณ : คิโนะคุนิยะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 22:05:15

ความคิดเห็นที่ 39 สังคมทราม จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 22:07:52

ความคิดเห็นที่ 40 อึ้งค่ะ โหวต จากคุณ : เด็กหญิงสีเหลือง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 22:11:24

ความคิดเห็นที่ 41 ดีนะหายแล้ว จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 22:18:35

ความคิดเห็นที่ 42 จากคุณ : peanuch เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 23:16:54

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมยังซิง แต่ไม่ไปซื้อกิน จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 23:59:31

ความคิดเห็นที่ 44 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 33ค่ะ ไม่ทราบว่าจขกท.จะพอพูดคุยให้ความรู้เรื่องการป้องกันโรคแก่ลูกสาวคนโตของผู้ป่วยได้มั้ยค่ะ ถ้าน้องยังไม่ติดเชื้อก็จะได้ป้องกันไม่รับเชื้อ ถ้าติดเชื้อเเล้วจะได้ไม่แพร่เชื้ออีกค่ะ    เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่พูดยากพอสมควร แต่เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องนี้เตือนใจผู้่อ่านค่ะ จากคุณ : นสพ...ยามเช้า (นสพ...ยามเช้า) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 00:45:22

ความคิดเห็นที่ 45 สงสารเด็ก พ่อแม่รังแกฉัน จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 03:18:15

ความคิดเห็นที่ 46 บ่งบอกถึง ระบบการศึกษาของบ้านเรา ทั้งๆ ที่รู้ แต่ไม่มีใคร คิดจะจัดการ อย่างจริงจัง เฮ้อออออออออ จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 05:27:33

ความคิดเห็นที่ 47 ......เฮ้อ จากคุณ : Keep Smiling เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 10:44:13

ความคิดเห็นที่ 48 เฮ้ออออ (ด้วยคน) จากคุณ : newonly เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 11:36:45

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้ออออออออออ ดังๆ อ่านแล้วสะเทือนใจค่ะ สงสารคนที่ไม่รู้ เฮ้ออออออออออออออออ จากคุณ : ผุดผ่องเป็นยองใย เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 14:26:14

ความคิดเห็นที่ 50 มาเฮ้ออออออออ ดังๆช่วยอีกคนครับ จากคุณ : สันปันน้ำ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 14:42:14

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นปัญหาระดับชาติ ที่ละเอียดอ่อนในแง่ของความรู้สึกของคนที่ปกติ และคนที่ได้รับเชื้อ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากติดเชื้อ  แต่เมื่อติดแล้วก็ต้องพยายามอยู่ต่อให้ได้ ซึ่งเท่าที่พบเจอพูดคุย พวกเค้าไม่ค่อยมีความสุข เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งจากตัวผู้ติดเชื้อเองและสังคมรอบข้าง ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อ ส่วนใหญ่กลัวและระแวงไปต่างๆนานา หากมีการให้ความรู้ และข้อมูลที่ถูกต้อง ถึงระยะปลอดภัยระหว่างคนปกติกับผู้ติดเชื้อ เชื่อว่าช่องว่างระหว่างคนสองกลุ่มนี้จะลดลง และอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่ใคร และกลุ่มใดจะสามารถจัดการปัญหาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้ คงต้องเริ่มให้ความรู้ที่ตัวเราเองก่อน ศึกษาทั้งในแง่ชีววิทยา จิตวิทยา อย่างน้อยเราเองก็จะได้ช่วยให้สังคมไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้ เอาใจเขามาใส่ใจเรา และรู้จักป้องกันตนเองให้ปลอดภัย จากคุณ : Lonely_Mod เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 15:19:46

ความคิดเห็นที่ 52 เฮ้อออออ T T จากคุณ : allabouteve_guava เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 16:10:56

ความคิดเห็นที่ 53 คนรู้จักของเราคนนึงเป็นผู้หญิง ติดเชื้อ มาจากแฟน ฐานะดี การศึกษาสูง เมื่อรู้แล้ว ก็มีเพศสัมพันธ์ไปเรื่อย ไม่ได้มั่ว แต่ก็มีอะไรกับแฟนทุกคน และผู้ชายพวกนั้นไม่รู้เลยว่าคนนี้ติดเชื้อ บาปมากๆ บาปโคตรๆ จากคุณ : มายาทาส เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 16:13:50

ความคิดเห็นที่ 54 เหวอเลยค่ะ ... ไม่คิดว่ามันจะเป็นลูกโซ่ขนาดนี้ เฮ้ออ ก็คนมันคิดได้แค่นี้น้ออ จากคุณ : จ่อย (นู๋เมล์จ้ะ) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 17:02:49

ความคิดเห็นที่ 55 เธอน่าจะรู้ตัวว่าเสี่ยงตั้งแต่มีสามีคนแรกแล้วนะคะ เฮ้อ... จากคุณ : โกโก เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 17:39:23

ความคิดเห็นที่ 56 เราว่าส่วนหนึ่งที่เป็นแบบนี้เพราะสังคมด้วยค่ะ  ถ้าคนแถวนั้นรู้ว่าติดเอดส์รังเกียจยิ่งสังคมตจว.ใกล้ชิดกันมาก  ถึงขนาดว่าคนไหนเป็นเอดส์ห้ามไปซื้อของร้านนั้นเลยก็มีค่ะ  ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกันเลย  คนที่เป็นเลยไม่ยอมเปิดเผยค่ะ  บางคนไม่มีความรู้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเสี่ยง จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 18:16:06

ความคิดเห็นที่ 57 ตรวจคลินิกฝากครรภ์ก็เจออยู่เรื่อยๆค่ะที่ฝ่ายหญิงติดเชื้อแล้วเก็บเป็นความลับ แฟนใหม่ไม่รู้ น่าสงสาร :( จากคุณ : j o y z เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 18:18:42

ความคิดเห็นที่ 58 เศร้าใจด้วยคน เอดส์มันใกล้ตัวมาก จากคุณ : อิมาอิซัง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 19:30:17

ความคิดเห็นที่ 59 เฮ้ออ = = จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 19:38:45

ความคิดเห็นที่ 60 พออ่านถึงเรื่องที่ลูกสาวคนโตแพร่เชื้อ เรานึกถึงหนังแนว ซอมบี้ เลยค่ะ  น่ากลัวกว่าซอมบี้อีกนะคะเนี่ย = = หวังว่าน้องเค้าจะไม่ได้ติดเชื้อจากแม่แล้วกัน สงสารคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เฮ้ออออ จากคุณ : HaKucHOu เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 22:03:12

ความคิดเห็นที่ 61 ช่วยดันครับ จากคุณ : คนมีตังค์ เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 23:16:06

ความคิดเห็นที่ 62 มันก็เป็นเรื่องจริงๆ ที่น่ากลัวอีกเรื่องในโลกใบนี้  บางคนเขาก็เกิดมาแบบไม่รู้จริงๆว่าต้องใช้ชีวิตยังไง  แม้แต่เราเอง  บางครั้งก็ไม่รู้ในบางเรื่อง เช่นกัน ความตาย  เป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุดที่มีสำหรับทุกคน  ที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานทางกายในวันที่ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคตัวเล็กๆไม่ได้ แต่ทุกอย่างสามารถป้องกันได้ถ้าเรามีความรู้  และที่ดีที่สุด พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ การยึดมั่นในศีลในธรรม  จะช่วยปกป้องเราจากสิ่งที่ไม่ปลอดภัยต่างๆได้  จนกว่าจะถึงวาระอันสมควร จากคุณ : jaijam_jam เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 23:33:00

ความคิดเห็นที่ 63 เคยอ่านเรื่องทำนองนี้มาบ้างแล้ว อ่านแล้ว ไม่ชอบเลย พวกที่รู้ว่าตัวเองติดโรค แล้วยังพร้อมปล่อยเชื้อให้คนอื่นต่ออีก นี่ถ้าสามีคนที่สอง ไม่ได้เป็นเอดส์แต่แรกนี่  ยัยผู้หญิงคนนี้นี่คงสุดๆ ไม่รู้ว่าตกลง คนที่ปล่อยตัวแบบนี้ เค้าไม่มีความรู้ หรือว่า จงใจ รู้แล้วแต่ไม่แคร์ ถ้าไม่มีความรู้ นี่ก็แย่เลยนะ T.T แบบนี้ก็โทษเค้าไม่ได้ อ่านเรื่องแบบนี้แล้วเครียดเนอะ เครียดทุกครั้งที่อ่านเลย -0- จากคุณ : เหมียวอ้วนนึ่งมะนาว เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 23:47:32

ความคิดเห็นที่ 64 พูดได้คำเดียวว่า === ส ะ เ ทื อ น ใ จ === จากคุณ : Iris_me_cat เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 02:23:43

ความคิดเห็นที่ 65 ตั้งแต่ผมทำธุรกิจประกันชีวิตมาสามปีบอกได้เลยว่า "เอดส์อยู่ใกล้ตัวมาก" จากคุณ : jomnalists เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 11:26:54

ความคิดเห็นที่ 66 ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้หนอ เราจะรักษาความซิงเราไว้ค้ะ ถ้าจะแต่งงาน  ก็ไม่ให้สามี...เอ๊ะยังไง แบบว่ากลัววๆๆ จากคุณ : อ้วนเจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 11:27:16

ความคิดเห็นที่ 67 แง๊ ๆ ๆ ปวดใจ จากคุณ : gang (skhonchom) เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 13:31:31

ความคิดเห็นที่ 68 น่ากลัว น่าสงสาร สะเทือนใจ หลากหลายอารมณ์มากค่ะ จากคุณ : ไลแลคสีม่วง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 13:45:39

ความคิดเห็นที่ 69 กระทู้ "เฮ้อออออ...." จริงๆนะคะเนี่ย อ่านแล้วเราได้แต่อึ้ง พูดอะไรไม่ออกเลย นอกจาก ขอให้พระคุ้มครองครอบครัวข้างบ้านของ จขกท ด้วยเถอะ เศร้าจริงๆนะเนี่ย T_T จากคุณ : pasteque เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 14:01:17

ความคิดเห็นที่ 70 เฮ้ออ... จริง ๆ ค่ะ เอดส์นี่ รับยาฟรีใช่มัียคะ? ทำไมถึงไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง ไม่คิดถึงชีวิตคนอื่น คนที่เรารัก เฮ้อ เฮ้อ เฮ้ออ จากคุณ : ยูหยู่ยู่ยู้หยูว์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 15:21:31

ความคิดเห็นที่ 71 สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวมากเลยค่ะ ขอบคุณ จขกท.ที่นำเรื่องมาเล่ให้ฟังนะค่ะ จากคุณ : เสือน้อยดีที่สุด เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 15:47:09

ความคิดเห็นที่ 72 สงสารเด็กนะคะ เกิดมาไม่รู่อิโหน่อิเหน่ มารับกรรมเพราะแม่ตัวเองแท้ๆ จากคุณ : ลูกกาหยูของแม่นก เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 17:02:30

ความคิดเห็นที่ 73 มันเศร้ายังไงก็ไม่รู้ ที่ต้องคิดว่า มีชาวบ้านหลายคนที่ยังมีวิถีชีวิตเช่นนี้ สามีของเพื่อนแม่เราคนนึงก็ประมาณว่าไม่ค่อยมีการศึกษาเท่าไหร่อ่ะค่ะ แต่เพื่อนแม่เราแนวคนจีนรวยๆ หน่อย น่าสงสารมาก สามีเค้าชอบไปเที่ยวผู้หญิง มีเมียน้อย แล้วยังมาพูดอีกว่า "โรคเอดส์ไม่มีจริงหรอก พวกหมอโกหก ไม่อยากให้คนอื่นมีความสุข..." เราฟังแล้วก็อึ้ง ว่าแบบ คิดได้ยังไง -*- เฮ้อ...... จากคุณ : Piyako เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 17:58:01

ความคิดเห็นที่ 74 วันนี้โทรกลับไปคุยกับแม่ จขกท.กลับมากทม.แล้วค่ะหนีน้องน้ำไปเกือบเดือน เลยสอบถามอาการเธอว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม่บอกว่าเห็นพ่อเธอบอกว่าดีขึ้น รับเลือดได้แล้ว เหมือนตอนแรกร่างกายเธอไม่ยอมรับเลือด พ่อของเธอก็บอกใครต่อใครในซอยไว้ว่า คงไม่รอดแน่ วันนี้เห็นบอกว่าเหมือนจะดีขึ้น ก็รอดูต่อไปค่ะว่าจะกลับมาใช้ชีวิตต่ออย่างไร เมื่อผู้คนรอบๆบ้านรับรู้แล้วว่าเธอเป็นโรคอะไร ส่วนตัวไม่เคยรังเกียจคนเป็นโรคนี้นะคะ เพียงแต่ชาวบ้านคนอื่นๆรอบๆนั้นไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไรกัน หากเธอยอมรับยา ตามปกติ ก็น่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนาน หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะคนที่จะลำบากที่สุด ก็คือคนแก่2คน ที่อาจจะต้องมาเลี้ยงดูตัวเองในวัยชรา เพราะว่าทั้งลูกและหลานมาจากไปก่อนวัยอันควร ด้วยโรคที่ถ้ามีการดูแลตัวเองให้ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หวังว่าเธอจะรอดนะคะ จากคุณ : littlelion13 เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 19:00:56

ความคิดเห็นที่ 75 เศร้าใจ เราเคยดูโฆษณาเตือนใจเกี่ยวกับโรคเอดส์ของเมืองนอกอันนึง เค้าให้ภาพว่าคนเป็นเอดส์ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ เหมือนคุณลุกจากเตียงแล้วหยิบปืนมายิงคู่นอนคุณทิ้งอย่างเลือดเย็น ยังไงก็หวังว่าเธอจะรอดและเตือนลูกๆของเธอก่อนจะสายเกินไป จากคุณ : แววจ้า เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 20:13:05

ความคิดเห็นที่ 76 สงสารทุกคน จากคุณ : ลงต่อรถป้ายหน้าเลยน้อง เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 10:28:14

ความคิดเห็นที่ 77 หดหู่จริงๆ จากคุณ : ปลาโลมา_:P เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 11:11:57

ความคิดเห็นที่ 78 ตอนคลอดหมอไม่ตรวจเหรอ จากคุณ : JieBoJai เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 14:01:26

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่องเหลือเชื่อพวกนี้มันมีอยู่ตามหย่อมหญ้าในสังคมบ้านนอกต่างจังหวัดที่การศึกษาเข้าไปไม่ถึง อย่าปล่อยไว้ แจ้งปวีณาดีกว่า เนี่ยละน่าคือเห็นผลที่ผมยังคงความบริสุทธิ์ไว้อยู่ (ตรูเอาด้วย) จากคุณ : ปลาแมน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 23:11:05 A:124.122.247.33 X: TicketID:148264

ความคิดเห็นที่ 80 ฝากแม่ของ จขกท บอกตรงๆเลยได้ไหมคะ เราสงสารเค้าอะคะ T__T จากคุณ : msh เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:24:35

ความคิดเห็นที่ 81 จริงๆค่ะ อาจเป็นเพราะเป็นโรคที่สังคมรังเกียจด้วยมั้งค่ะ แล้วก็ความเชื่อจากเมื่อก่อนที่ยังไม่มียารักษาโรคทำให้คนเชื่อว่าเป็นแล้วต้องตาย หรือทานยาต้านแล้วร่างกายจะผอมโซ ซึ่งความจริงในปัจจุบันการรักษามีวิวัฒนาการขึ้นเยอะ ครอบครัวเราก็เพิ่งรู้ว่าพี่สาวติดเชื่้อเอดส์ไม่นานนี้เหมือนกันค่ะ ติดมานานหลายปีไม่ยอมกินยาเพราะความเชื่ออย่างที่บอก จนเป็นมากเกิดโรคแทรกซ้อนจนเชื้อราขึ้นสมอง เกือบตายเหมือนกันค่ะ แต่นอนนี้ดีขึ้นแล้ว >> สังคมสมัยนี้การมีอะไรกันเป็นเรื่องปกติ แต่ยังไงก็อยากให้ทุกคู่ที่จะมีอะไรกันป้องกันตัวเองไว้ก่อน ไม่ว่าจะมีอะไรกับแฟนหรือคนอื่นก็ตาม ดีทั้งกับตัวเราเองและกับคนใกล้ชิดด้วยค่ะ ^_^ จากคุณ : ticket เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:58:57 A:49.230.207.198 X: TicketID:334568

ความคิดเห็นที่ 82 อืม... สลด หดหู่ สงสาร ปนเห็นใจ จากคุณ : คนจะใหญ่ไม่ต้องเบ่ง เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 11:12:03

ความคิดเห็นที่ 83 อ่านแล้วปวดใจ จากคุณ : Eastern Far away เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 11:34:58

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านแล้วแบบ ถ้าเค้าไม่คิดถึงตัวเองก็น่าจะคิดถึงลูกที่จะเกิดมาบ้าง นี่แหละสังคมไทย จากคุณ : costarica เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 13:27:45

ความคิดเห็นที่ 85 จะปีใหม่แล้วขอให้ครอบครัวนี้เจอแต่เรื่องดีๆเข้ามาละกันนะคะ จากคุณ : ฮิปโปกระโดด เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 14:21:13

ความคิดเห็นที่ 86 เชื่อเถอะค่ะว่าโรคนี้อยู่รอบตัวเราจริงๆ มีผู้หญิงมากมายที่มารู้ตัวอีกทีตอนฝากท้อง แทนที่จะดีใจที่กำลังจาเป็นแม่คนกลับต้องมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแทน (เดี๋ยวนี้ดูไม่ได้จากน่าตาและท่าทาง เลยจริงๆค่ะ) จากคุณ : Rollercoster เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 17:32:45

ความคิดเห็นที่ 87 ข้างบ้านดิฉันก็ มีเด็กที่ติดเชื้อ HIV จากพ่อแม่ กำลังเข้าสู่วัยรุ่น  เป็นผู้หญิงฝาแฝด  หน้าตาดีทั้งคู่   เฮ้อออออ.........  ไม่อยากจะคิดต่อจริงๆ จากคุณ : อยากจะหมุนเวลา เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 19:52:17

ความคิดเห็นที่ 88 สงสารแต่เด็กอะนะ เฮ้ออออออออออออ จากคุณ : แค่เหงา (kikicity96) เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 20:16:25

ความคิดเห็นที่ 89 อยากให้มียารักษาโรคเอดส์ได้เร็วๆจังเลย แบบโรคหวัดอ่ะ เป็นๆหายๆได้ แบบนี้เค้ากลัววว จากคุณ : เนเมซิส เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 20:31:12

ความคิดเห็นที่ 90 คนติด HIV ไม่น่ารังเกียจหรอก คนประเภทนี้ตะหากที่น่ารังเกียจ จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 22:13:25

ความคิดเห็นที่ 91 เหนื่อยใจจัง จากคุณ : เหมง เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 54 23:30:28