ความคิดเห็นที่ 1 เรื่อง จิตใต้สำนึก ลึก ๆ พี่เดาๆ เอาของตัวเองนะ มันคงเป็นความรู้สึก อยากผอม มาตลอด เพราะเวลาพี่อ้วน พี่อ้วนมากๆ ความจริงถ้าพี่หนัก 80-90 พี่อาจจะไม่อยากผอมเท่าไรก็ได้  แต่พี่อ้วนแบบ 139 จะ 140 เงี้ย และมีทีท่าว่าจะ 150 ได้ในอนาคต ไม่ลดตายแน่ ตายไม่น่ากลัว กลัวไม่ตายนอนแบบอยู่ พ่อแม่แทนที่เราจะได้ดูแล เค้าต้องมาดูแลเรา และคิดงี้แล้วจี๊ด เอากระทู้ครบปีพี่ไปแล้วกันนะคะ พี่ไม่รู้จะบอกอย่างไร ลองวิจัยที พี่เป็นอย่างไร และอัจจากการที่เห็นพี่กินๆ อยู่ใน FF อ่ะ คือ พี่ก็ไม่มีความรู้วิทยาศาสตร์เลย เน้นใจเพียว ๆ **หางานให้น้อง 5555   http://topicstock.pantip.com/lumpini/topicstock/2011/04/L10485785/L10485785.html + กระทู้ ที่สลัดผัก เมื่อปีที่แล้ว ปีพอดีเลยนะ ไม่รู้จะมีประโยชน์มั้ย  จะเอาภาพไปประกอบด้วยก็ได้ http://www.saladpuk.com/home/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=10&id=703&Itemid=110 ได้ผลวิจัยอย่างไร เอามาบอกพี่บ้างนะ พี่อยากรู้ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 11:31:24 จากคุณ : meawki8 เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 11:21:52

ความคิดเห็นที่ 2 จิตใต้สำนึกของเราเริ่มจาก 'แฟน(เก่า)' ค่ะ เพราะเขาด่าเราว่า 'อีอ้วน' หลังจากเลิกกันไป ซึ่งมันเจ็บมาก ๆ เลยค่ะ เราเลยเริ่มลดน้ำหนักเพื่อจะไปตอกหน้าเขาว่า ฉันก็ผอมได้นะย่ะ : ) ปล. สู้ ๆ ค่ะ  ตำว่า 'ผอม' รอเราอยู่ จากคุณ : จริยาณัฐ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 12:05:21

ความคิดเห็นที่ 3 ของเราก็มีผลมากๆ เหมือนสะกดจิตตัวเอง เรื่องกิน เเละออกกำลังกาย เวลาตื่นนอน เเละเวลาที่ต้องทำให้หลับ ดังนั้น ส่วนตัวเรา มันมีผลในระยะสั้นในการกดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว เเละระยะยาว เพื่อการรักษาพฤติกรรม และคุมน้ำหนักตัว จากคุณ : เจ๊ใหญ่ลานนา เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 12:10:28

ความคิดเห็นที่ 4 จิตใต้สำนึกนี้มันอันเดียวกับจุดเริ่มหรือว่าแรงบันดาลใจไหมค่ะ ถ้าใช่นะ ... ของไมยก็มาจากกระแสสังคมเป็นหลัก เสื้อผ้าที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดทั้งแบรนด์และไม่แบรนด์โดยส่วนใหญ่มักเป็นเสื้อผ้าไซน์ปกติ พวกที่เกินปกติมาหน่อย (สาวอวบระยะปลาย ๆ ) ก็จะหาซื้อเสื้อผ้ายากหน่อย (แม้จะไม่ตามแฟชั่นก็เถอะ) คือ บางตัวใส่แล้วใหญ่ไปบ้าง บางตัวใส่แล้วคับไปบ้าง ติดนมมั้ง ติดพุงมั้ง เราเจอปัญหาแบบนี้บ่อยแล้วชักจะรำคาญ รวมทั้งชอบมีคนบอกว่า ลดอีกนิดสวยเลย เราก็อยากรู้ว่าเอ๊ะ ตัวเองจะสวยสุดได้แค่ไหนนะ ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความอ้วน แต่ก็ดีแต่ปากมาหลายครั้งเหมือนกัน เพราะเวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ก็กลับมาใช้กิจวัตรเหมือนเดิม (กินเยอะ ไม่ออกกำลังกาย) ช่วง 1-2 เดือนนี้ คือช่วงที่จริงจังได้นานที่สุดแล้ว โดยปรับวิธีการสะกดจิตตัวเองระยะสั้นเช่น อาทิตย์นี้จะทำอย่างนี้อย่างนั้น เพื่อให้ได้ผลในระยะยาวค่ะ (ช่วยได้บ้างไหมเนี่ย >..<) จากคุณ : ไมยราพโปร่งแสง เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 14:01:41

ความคิดเห็นที่ 5 เเรงบันดาลใจที่สำคัญมากๆ  โดนดูถูกถากถาง  เยาะเย้ย เหน็บเเนมจากผู้หญิงกันเองคนใกล้ตัวนี่ล่ะ พูดบ่อยจนเราจิตตกกินข้าวไม่ลงไปหลายวัน   หลังจากเริ่มฮึดหน่อยเเน่ะชั้นจะผอมเเละสวยกว่าเธอให้ได้จะได้หุบปากว่าเราซะที   พอเราผอมลงลดได้เกือบสิบโลไม่เคยทักเลยว่าผอมลงหรืออะไรก็ตาม     เเต่ก็ขอบคุณที่ด่าเราจนเราผอมลงนะ อิอิอิ จากคุณ : น้ำขิงกับเต้าฮวย เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 15:31:42

ความคิดเห็นที่ 6 ของเราอาจจะแปลกกว่าคนอื่นหน่อย ไม่รู้จะเอาเป็นเคสได้มั้ย คือมันไม่เชิงแรงจูงใจในการลดความอ้วนนะ แต่เป็นแรงจูงใจในการออกกำลังให้ได้เยอะๆ คือเราเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์นะ สามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้เยอะแยะ แต่คนสมัยนี้ละเลยความสามารถพิเศษเหล่านี้ที่ซ่อนอยู่ในตัว เมื่อไม่ได้ฝึกฝนก็ทำไม่ได้ พอเจอคนที่ทำได้เลยคิดว่าเป็นคนมีความสามารถพิเศษไป นั่นคือความเชื่อหรือจะเรียกว่าแรงบันดาลใจส่วนตัวก็คงได้ ดังนั้น เราจะบอกตัวเองว่ามนุษย์เราทำได้ทั้งนั้นถ้าอยากทำ ปัญหาคือไม่ยอมทำซะมากกว่า เมื่อเราเชื่อว่าวันนึงเราจะทำได้ วันนึง ไม่รู้นานแค่ไหนนะ แต่ถ้าไม่เลิกไป ไอ้วันนึงวันนั้นมันก็จะมาถึงเอง เมื่อคิดแบบนี้ได้มันก็จะไม่ท้อไปเองค่ะ ดังนั้น ความเห็นเรานะ แรงจูงใจ และความเข้มแข็งของจิตใจเราเองสำคัญที่สุดค่ะ ส่วนตัวเรา เคยเขียนในนี้ไปแล้วค่ะเรื่องแรงจูงใจของเราเองคือเริ่มจากไปวิ่งที่สวนลุมแล้วเจอคุณลุงกลุ่มนึงวิ่งน๊อครอบ ไอ้เราสาวๆวิ่งนิดเดียวก็ลิ้นห้อย อายตัวเอง คิดแค่ว่าถ้าวันนึงเราอายุเท่าคุณลุงเหล่านั้น เราอยากจะแข็งแรงได้อย่างพวกท่านบ้าง โรคภัยไข้เจ็บไม่มี สุขภาพดีสร้างได้ด้วยตัวเอง พอเริ่มอ่าน เริ่มศึกษามากขึ้น เจอตัวอย่างน่าทึ่งเยอะแยะ เจอข่าวคุณยายวัยเก้าสิบวิ่งเข้าเส้นชัยที่งานวิ่งมาราธอนที่ฮอโนลูลู เจอข่าวอากงชาวไต้หวันวิ่งขึ้นยอดตึดร้อยกว่าชั้นได้สำเร็จในขณะที่คนหนุ่มๆหลายคนทำไม่ได้ อ่านข่าวคนแข่งไตรกีฬา ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน แถมว่ายน้ำเป็นสิบๆกิโล ทึ่งว่าเค้าทำได้ยังไงกัน พอดูข่าวเรื่องแนวๆนี้มากๆเข้า ความทึ่งในกลุ่มบุคคลเหล่านี้คงไปสะสมอยู่ในจิตใต้สำนึกเรามั้งคะ เราเลยคิดว่าเราเองนั่นแหละที่ละเลยความสามารถมหัศจรรย์ในตนเอง ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์แข็งแรงแต่พวกเราเลือกที่จะเป็นคนอ่อนแอกันเอง (คือคนสมัยนี้สบายกันเกินไป ว่างั้นเถอะ) ดังนั้นพอไปออกกำลังทีไร ลึกๆจะนึกอยู่ตลอดเวลาถึงกลุ่มคนที่ออกกำลังกายเก่งๆกลุ่มนี้ค่ะ คิดในใจว่า"เฮ้ย เราอยากทำได้มั่งอะ"(อาจจะอิจฉาที่คนอื่นทำได้ก็ได้มั้ง )แล้วมันจะเป็นแรงจูงใจแบบอัตโนมัติไปเอง ข้อมูลแบบเนี้ย พอไหวมั้ยคะ จากคุณ : เจค่ะ (The Starry Night) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 16:07:16

ความคิดเห็นที่ 7 (แรงจูงใจหลักคือแฟนเก่า แรงจูงใจรองคือสุขภาพที่ดีขึ้น) >>เพราะแฟนเก่าจริงๆ ตอนคบกันหนักอย่างมากก็ 52 ถึงเราก้นจะใหญ่ สะโพกจะบานแขนจะใหญ่ยังไงก็ไม่เคยทัก ไม่เคยติ หลังจากที่เลิกกัน 3 เดือน น้ำหนักพุ่งมาเป็น 57 ( ตรอมใจเลยกินดะ ) (น้ำหนักขึ้น หน้าก็บานขึ้น พุงก็หนาขึ้น ต้นก็ขาใหญ่ขึ้น TT) เจอกันที่อีก คำพูดที่มันฟังแล้วแค้นที่สุดคือ เมื่อก่อนไม่ย้วยขนาดนี้นะ TT ปรี๊ดแตกเลยค่ะ พูดว่าอ้วนยังรู้สึกดีกว่า แต่นี่เจอคำว่าย้วยเข้าไปบรรยายตัวเองไม่ออกจริงๆ เช้าอีกวันรีบบึ่งไปสมัครฟิตเนสหน้าปากซอย ออกกำลังกาย+คุมอาหาร(บ้าง) มาเกือบ 3 สัปดาห์ ตอนนี้ลดมาแล้ว 1 กิโลฯ แต่คำว่าย้วยยังสถิตอยู่ในโสตเลยต้องออกกำลังกาย+คุมอาหารกันต่อไป ประกอบกับมีปัญหาเรื่องเข่าอยู่บ้างเลยไม่ลังเลที่จะออกจากบ้านไปออกกำลังกาย เพราะออกกำลังกายครั้งเดียวได้กำไรหลายต่อ 1.สุขภาพดีขึ้น   2.หุ่นเข้าที่ขึ้น   3.มั่นใจมากขึ้น   4.ประหยัดมากขึ้น (ขนเสื้อผ้าเก่าๆมาใส่ได้) 5.สายตาดีขึ้น (เนื่องจากได้เหล่เหนุ่มๆที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ ) 6.etc. จากคุณ : กล้วยไส้ข้าวเหนียว เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 21:12:55

ความคิดเห็นที่ 8 แรงบันดาลใจของพี่ ปล.พี่ก็อยุ่ปี 4 สายวิทย์สุขภาพนะคะ ยินดีที่ได้รุ้จักค่ะ มันมี 2 อย่างค่ะ อย่างแรกเลยเนี่ย เราคนเรียนสายวิทย์สุขภาพคงรู้ๆกันอยู่เรื่อง โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายใช่ไหมค่ะ รุ้ดีกว่าคนทั่วไปค่ะ ไอ้ความที่รู้มากนี่แหละมัน เลยกลัวค่ะ กลัวตาย กลัวเจ็บ กลัวโรค พี่จำได้ว่าวันที่เริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง มันเป็นหลังจากคาบที่เรียนเรื่องโรคหลอดเลือดสมอง โอ้แม่เจ้า!! มันน่ากลัว มากค่ะ ประกอบกับแม่พี่ก็เคยเป็นโรคนี้ แล้วก็เป็นความดันโลหิตสูง พี่ก็กลัวจะได้ รับมรดกนี้มาค่ะ พี่เลยตั้งใจจะออกกำลังกายและคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก แต่ก็ ยังไม่ถึงเป้าหมายหรอกค่ะ เพิ่งเริ่มได้ 3-4 เดือน ส่วนประการที่ 2 จะเกี่ยวกับ คำพูดของคนนี่แหละค่ะ เศษคำพูดของคนบางคนมันบาดใจซะจริงๆ อย่างเช่น ว่า นางยักษ์ อิช้างน้ำ อิอ้วน กินอ้อยไหม อะไรประมาณนี้ มันเกิดจากความเก็บ กดภายในจิตใจค่ะ คำพูดเหล่านี้สำหรับบางคนมันก็เป็นแรงฮึดนะคะ แต่สำหรับ บางคนที่อ่อนแอเช่นพี่(เมื่อก่อน) มันเสียใจ เสียความรู้สึก ระบายกับใครไม่ได้ ก็กินมันซะเลย กินประชดความเครียด แต่ช่วงหลังนี้เริ่มแก่กร้านโลก เอาคำพูด เหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันค่ะ ของพี่ก็มีเพียงเท่านี้ ไม่รู้จะยาวไปหรือเปล่า ถ้าผลออกมาเป็นยังไงก็บอกพี่ด้วยนะจ๊ะ ......^^ จากคุณ : นินนิน (LABIATAEZ) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 21:39:38

ความคิดเห็นที่ 9 "จิตใต้สำนึกของคุณสำคัญกับการลดน้ำหนักแค่ไหน ประโยคนี้หมายถึง กำลังใจที่มาจากสมองตัวเองมีส่วนสำคัญมากไม๊ค่ะ" สำหรับเราก็สำคัญพอควรเลย เพราะเวลาจะกิน จะคิดว่าจะกินอะไร เช่น อยู่ร้านข้าวแกง ก็คิดว่ากินไข่พะโล้ดีกว่าไข่ดาว กินแกงส้มดีกว่าแกงเขียวหวาน ไรงีั้อ่ะ ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาที่จะกิน ถึงจะกินขนม สองคำเถอะพอแล้ว รู้แล้วว่าอร่อยมั๊ย สำหรับเรานะ เราว่า ใจ นี่ก็สำคัญ ใจต้องสู้นะ ไม่งั้นไปไม่ถึง เหมือนเราตอนนี้ หยุดอยู่ที่ครึ่งทาง ตอนนี้กำลังจะไปให้สุดทางค่ะ จากคุณ : gAmgOng เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 21:40:50

ความคิดเห็นที่ 10 กลับไปใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ที่อยู่เต็มตู้ จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 09:14:48

ความคิดเห็นที่ 11 เเรงบันดาลใจของผม คือ รูป ครับ รูปที่ผมร่วมถ่ายกับเพื่อนๆ ตอนสัมยมัธยม ถ้าในรุปนั้นมีผมร่วมอยู่ด้วย ผมจะเป็นคนที่เด่นที่สุด ไม่ใช่เพราะดูดี หน้าตาดี คาเเร๊กเตอร์ชัดเจน อะไร เเต่ดูบวมใหญ่มากที่สุดนั้นเอง ทุกอย่างมันกลมไปหมด ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นๆ เค้าหุ่นปกติถ่ายรูปขึ้น เเต่งตัวหล่อก็หล่อเลย เเต่ผมไม่ ผมต้องถ่ายรูปเเบบฝืนๆ เพราะผมรู้ตัวดีว่า ผมไม่เหมือนคนอื่นๆ ผมไม่ชอบเล่นกีฬา ผมไม่ชอบกินข้าวจานเดียว ผมไม่ชอบเต้น ไม่ชอบอะไรที่มันได้ขยับตัว เพราะผมขี้เกียจไงครับ ผมเคยลองเปิดพวกนิตยสารดาราดู พวกนักร้องที่อายุมากกว่าผม เค้าหุ่นดี เเละ หน้าเด็กกว่าผมมาก ในใจผมคิดว่าเค้าโชคดีจังที่เกิดมา มีหุ่นเท่ห์ หน้าตาอ่อนเยาว์สมวัย เอาง่ายๆคือ ดูดี จนผมเคยพูดกับตัวเองว่า เรามีดีอะไรวะเนี่ย เรื่องรูปลักษณ์ ไม่ ไม่มีดีเลย นอกจาก อ้วน ดำ ใหญ่ อย่างเดียวฉะนั้นผมจึงหาวิธีที่จะลดน้ำหนักลงให้ได้ ผมเคยลองหลายวิธี อย่างเช่นเดินเร็วบนลู่วิ่ง หมุนฮูลลาฮูป เเต่เเค่นั้นมันก็ยังไม่เพัยงพอต่อการเอาไขมันออกไป ตราบใดถ้าผมยังกินฟันโอ1ห่อ เเละ น้ำเเข็งใสใส่กระทิเป็นของหวานทิ้งทายมื้อเที่ยงอยู่ ผมเลยหาวิธีลดน้ำหนักเเบบมีรีวิว จากคลับนี้เเหละครับ สูตรที่กินเเตงโมลดความอ้วน วันที่ 13 มีนาคม 2553 ในตู้เย็นของผมเต็มไปด้วย ผลไม้เปลือกลายสีเขียวเข้มสลับอ่อน มันตั้งเรียงรายอยู่ในตู้เย็นของผมเหมือนลูกวอลเล่ย์บอล เเตงโม5ลูก ขนาดไม่ใหญ่มากนักถูกซื้อมาจากตลาดในตอนเ้ช้า มาวางไว้ เท่านั้นเเหละ ในใจผมก็เกิดความคิดว่า วันนี้เเหละั เป็นวันเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เเละทุกวันนี้จากเด็กผู้ชายตัวอ้วนไซส์XXL ดำ ใส่เเว่น พอสิ่งเหลวๆงี่เง่าที่เรีัยกว่าไขมัน สลายหายไปกว่า 31 กิโล ก็กลายเป็นคนที่ถูกผู้คนถามมามากที่สุดว่า ลดได้ไง กินอะไรถึงผอม ต้นเเขนใหญ่ลดยังไง ลดพุงลดเเก้มลดไง ผมกลายเป็นที่ปรึกษาด้านการลดน้ำหนักไปเลยครับ การลดน้ำหนักของผมนอกจากจะทำให้ผมมีรูปลักษณ์ที่ดีขึ้นเเล้ว ยังทำให้ผมรู้จักดูเเลตัวเองมากขึ้น เสียเงินซื้อพวก ครีม โลชั่น กันเเดด อาหารเสริม มากขึ้น ในตัวของผม ความมั่นใจมันเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองเคย กลัว เเละ ในวันนี้ผมก็เป็นผมคนเดิมเเต่ ไม่ใช่อีกเเล้วที่อยู่ในสถานะ อ้วน จากคุณ : นิกกี้ มิน่าหล่ะ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 17:03:49

ความคิดเห็นที่ 12 1. การเห็นรูปถ่ายตัวเอง หรือเงาในกระจก 2. เหตุผลที่ดี และ 3. การทดลองทำแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี และดีเกินคาด สามอย่างนี้ทำให้ลด นน.ได้และรักษา นน. และสัดส่วนที่พอใจได้นานค่ะ ถ่ายรูปแล้วเห็นหน้าตัวเองบาน บวม ตาเหมือนเล็กลงแต่แก้มใหญ่ขึ้น เสื้อผ้าก็ตึงๆ แขนใหญ่ ฯลฯ เกิดความสลดใจตัวเองค่ะ ไม่มีใครว่าอ้วนหรอก เพราะ น้ำหนักไม่ได้มากเกินไปแต่อวบขั้นกลาง ความไม่พอใจก็มีบ้างเพราะใส่เสื้อผ้าแล้วมันไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ คือส่องกระจกแล้วมันไม่เหมือนที่คิดไว้น่ะค่ะ มันต้องมีจินตนาการด้วยนะคะ ว่าถ้าเอวลดลง 2 นิ้ว และช่วงตัวดูยาวขึ้นต้องสวยแน่ ๆ นึกภาพให้แจ่มชัดเลยน่ะค่ะ ก็เลยนำไปสู่เหตุผล เหตุผลก็คือ การที่เราผอมลงพอดี ๆ จะทำให้ใส่เสื้อผ้าแล้วดูดีขึ้น (เราเคยใส่แล้วมันไม่ได้เป็นแบบตัน ๆ อย่างนี้นี่นา...ประมาณนั้น) การที่เราผอมลง มันจะทำให้เราดูดีขึ้นอย่างแน่นอน อันนี้เป็นเหตุผลและคอยตอกย้ำในจิตใจค่ะ และเหตุผลอีกข้อก็คือ หน้าตาจะต้องดูสดใสขึ้น ห้ามโทรม จะทำอย่างไรจึงไม่โทรม กลัวเหี่ยว ยิ่งแก่อยู่ด้วย นำไปสู่วิธีการที่เลือกสรรแล้ว และต้องเป็นวิธีการที่ดีที่สุดคือ ได้ผลลัพธ์ที่ดีทัั้งรูปร่างและความไม่โทรม มีผลระยะยาว การทดลองวิธีการ หาได้จากความรู้ทางการแพทย์ในยูทูปเยอะแยะ ในเว็บก็มี ต้องดูเหตุผลด้วยว่า ทำไมเค้าถึงว่าวิธีนี้ดี เสร็จแล้วก็มาลองทำ พอทำได้แล้วผลลัพธ์ที่ดีก็มีกำลังใจทำอย่างต่อเนื่อง ทำไปเดือนนึงสำรวจแล้วหน้าตาไม่โทรม ผิวไม่เหี่ยว สัดส่วนลดลงอย่างสมเหตุสมผล ไม่หิวโหย กินของที่ชอบได้ ส่วนผลที่ดีเกินคาดถือเป็นรางวัลพิเศษค่ะ ได้แก่ สุขภาพดีขึ้น คลอเรสเตอรอลลดลง สิวหาย ขับถ่ายดี โรคที่เคยเป็นเช่น ปวดหัว หายไป ก็จะมั่นใจในวิถีชีวิตของตนเอง ไม่ต้องไปคอยดูคนอื่น ดูตัวเอง ภูมิใจ กลายเป็นนิสัยการดำเนอนชีวิต ก็อยู่ได้เรื่อย ๆ ค่ะ  ไม่ได้เครียด   ทุกวันนี้ดูแลจิตใจตัวเอง เตือนตัวเองว่าเรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะ คือไม่ใช่เอะอะ เอะอะ ก้อไปร้านอาหาร นัดใครก็ไปร้านอาหาร/ร้านกาแฟ... คิดตอนจะทานน้ำตาล/แป้งขัดขาว/อาหารรสจัด ทีนึงคือคิดว่าทานบ่อยหรือยัง ถ้าสัปดาห์นี้ยังไม่ได้ทานเลยก้อทานได้ค่ะ ข้อดีอีกอย่างคือได้ซื้อผลไม้ราคาถูกค่ะ อิอิ เพราะผลไม้ราคาถูก เช่น แตงโมลูกละ 10 บาทมันไม่หวานดีต่อสุขภาพ ฝรั่งถูกก็จืด ๆ ดีอีกแล้ว! ชมพูก็จืด เยี่ยมไปเลยอิมท้องได้ไฟเบอร์! จากคุณ : Suomi เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 22:47:04

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบช้าไปไหมนี่ แรงบันดาลใจ เกิดจากการที่เป็นคนชอบกินมาก ทานของอร่อยๆ สรรหาของกินแปลกๆมาทานแล้วมันมีความสุขเป็นที่สุด ร้านไหนเขาว่าดีเป็นต้องลอง ชอบของทอดกับแป้งเป็นพิเศษ รูปร่างอยู่กลางๆ ไม่อ้วนไม่ผอม เมื่อก่อนตอนวัยรุ่น ทานเยอะก็ไม่อ้วน ยังเท่าเดิมตลอด  พออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญน้อยลง มีช่วงนึงน้ำหนึงขึ้นเอาๆจนตกใจ เลยเริ่มออกกำลังกาย กะว่าออกให้ร่างกายมีการเผาผลาญบ้าง อยากกินเท่าเดิมแต่น้ำหนักไม่ขึ้น ตอนนี้ก็ ok นะ ออกกำลังอาทิตย์ละ 3-4 วัน น้ำหนักก็เท่าเดิม ที่ขึ้นมาก็ยังไม่ลดลง แต่คิดว่าไม่เพิ่มขึ้นก็บุญแล้ว เพราะไม่ได้ควบคุมอาหารเลย ทานเยอะ+แป้ง+ของทอดเป็นปกติ จากคุณ : +ปลาทอง+ เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 12:07:41

ความคิดเห็นที่ 14 ของเราอยู่ที่ มันรู้สึกอึดอัด มองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกคับไปหมด สุขภาพเริ่มไม่ไหว ก็เลยลดอะคะ จากคุณ : ฉันไม่ใช่นางสาวไทย (sulvaja) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 54 16:34:18

ความคิดเห็นที่ 15 เหมือนกับ คหที่ 14 ค่ะ จากคุณ : kanjana (malee2006) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 12:57:11