ความคิดเห็นที่ 1 ทางภาควิชา โดยหัวหน้าภาคฯ ได้ทำหนังสือราชการ ลงวันที่ 19 ธค 2554 ถึงคุณอาของ จขกท โดยแจ้งว่าการที่มีการมาตั้งกระทู้ถาม ทำให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ศิริราชเสียหาย จึงจะคืนร่างคุณย่าให้ พร้อมเงิน 6500 บาทค่าน้ำมันรถและเบี้ยเลี้ยง รวมถึงโลงศพและใบเสร็จรับเงินค่าโลง 7500 บาทให้   ซึ่งรวมค่าน้ำยา 16 ลิตร มูลค่า 5000 บาทที่ฉีดคุณย่าไปแล้วด้วย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย   ให้คุณอานัดวันเวลาเพื่อส่งมอบร่างคุณย่าคืน สรุปง่ายๆ จะคืนเงินและร่างคุณย่า ไม่ต้องการรับร่างคุณย่าไว้ ส่วนโลงศพที่เรียกเงินไป จะส่งให้พร้อมร่างและใบเสร็จด้วย แถมฉีดน้ำยาฟรีให้ด้วย   นี่คือวิธีการที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เลือกใช้ในการแก้ปัญหานี้ครับ แก้ไขตัวเลข จาก 14 เป็น 19 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 02:06:39 จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 04:39:53

ความคิดเห็นที่ 2 หลังอ่านหนังสือตอบกลับจากศิริราชแล้ว ความคิดผมมีอย่างเดียว คือ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ โดยเฉพาะหัวหน้าภาควิชาฯที่เป็นคนลงนามในหนังสือ ไม่คิดจะชี้แจงขอสงสัยต่างๆ ต่อสังคมเลยแม้แต่น้อย และเลือกที่จะบอกว่า ทางญาติเสนอจะให้เงินเอง เพราะเป็นการมารับนอกเขต แต่พอให้แล้ว กลับมาทวงถาม โดยไม่มองว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องความโปร่งใสต่างหาก ทางญาติสงสัยแค่ว่า ทำไมไม่มีใบเสร็จ ภาควิชาเลือกแก้ปัญหา โดยการคืนร่าง น่าจะเล็งเห็นผลได้อยูแล้ว ว่านั่นคือการส่งแรงกดดันให้คุณ จขกท นั้นกลายเป็นคนผิดในหมู่ญาติ กลายเป็นตัวปัญหา ทำให้ญาติไม่สามารถรักษาเจตนาคุณย่าได้ เป็นการแก้ไขและการแก้ปัญหาที่....มากครับ หัวหน้าภาควิชาครับ นี่ถ้าอาจารย์สุด แสงวิเชียร ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะว่ายังไงกับวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ครับ เอาธูปไปจุดเล่าหน้าโครงกระดูกท่าน เล่าวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ให้ท่านฟังด้วยนะครับ หัวหน้าภาคฯครับ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 04:49:00

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาลงชื่ออ่าน พอดียังไม่เคยบริจาคอะไรนอกจากเลือด ก็คิดอยู่ว่าจะบริจาคร่างกาย แต่ก็ได้แค่คิด จากคุณ : เด็กโคราชเด้อ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 05:00:51

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาติดตามเหมือนกันครับ จากคุณ : ผมล๊อกอินน้องมาใช้ (เทียมฟ้าหน้าใส) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 05:28:17

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าหัวหน้าภาค ไม่เข้าใจว่าสังคมสงสัยอะไร ผมจะชี้แจงให้ทีละข้อนะครับ จะได้ตอบถูก 1. ระเบียบการเรื่องค่าใช้จ่ายในการออกไปรับร่างนอกเขตเป็นอย่างไร มีการวางระเบียบไว้ไหม เช่นถ้าระยะทางเกิน 100 กม. มีการวางระเบียบค่าใช้จ่ายหรือไม่ เช่น กม. ละเท่าไหร่ หรือปล่อยให้ จนท เรียกเก็บตามอัธยาสัย รวมถึงค่าเบี้ยเลี้ยง กำหนดไว้วันละเท่าไหร่   เรื่องจำนวนเงินไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือมันต้องระบุจำนวนเงินที่แน่ชัด มีการออกใบเสร็จ หรือใบสำคัญรับเงินด้วย  มีระเบียบการวางไว้ไหม ส่วนทางญาติจะมีสินน้ำใจนอกเหนือจากนั้นให้ จนท หรือไม่ เป็นเรื่องของทางญาติ แต่ไม่ใช่ไปหลอกเรียกรับเงินแบบนี้ 2. อันนี้ผมถามเอง  จขกท นั้นไม่ได้ถาม คือทำไมมีค่าโลงศพ ในเมื่อกระบวนการต่างๆ ในการรักษาศพไม่ต้องใช้โลง การขนร่างไปศิริราช ก็ไม่จำเป็นต้องใส่โลง นี่คือการปล่อยให้ จนท ไปหลอกขายโลงศพกับญาติชัดๆ หรือทางศิริราชรู้ล่วงหน้าว่า case นี้ต้องคืนร่าง เลยให้ จนท เรียกค่าโลงไว้ล่วงหน้าเลย?   ภาควิชาต้องตอบประเด็นนี้ให้เคลียร์ โลงศพ ใช้ในขั้นตอนไหน? 3. การลงโทษเจ้าหน้าที่ มีการลงโทษจริงหรือไม่ ลงโทษตามระเบียบข้อไหน แล้วผู้บริหารที่หละหลวม มีความผิดหรือไม่ มีการสอบวินัยไหม เช่น ทำไมรถหลวง จนท ขับออกไปได้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง หนภ แล้วถ้าไปเกิดอุบัติเหตุ ใครรับผิดชอบ? 4. ทำไมต้องคืนร่าง ทางญาติไม่ได้ทะเลาะกัน แย่งร่างกัน หรือไม่เห็นด้วยกับการบริจาค เค้าแค่สงสัยเรื่องเงินไม่มีใบเสร็จ ทำไมภาควิชาจะคืนร่างให้  นี่ไม่ได้แก้ปัญหาใดๆ เลย แต่กลับสร้างปัญหาให้ลุกลามไปอีก วุฒิภาวะของหัวหน้าภาควิชา คิดได้แค่นี้หรือ? อายุกี่ขวบแล้ว ทำยังกับเด็กๆ ขี้งอน ไม่ได้ดั่งใจก็ประชดซะ น่าผิดหวังมาก ชาวบ้านเค้าถามหาความโปร่งใส  ไม่ได้เรียกร้องขอเงินคืน เงินหมื่นกว่าบาทหนะเล็กน้อยมาก แต่เราไม่ต้องการให้มีการใช้ช่องว่างของระบบ ที่ปล่อยให้ จนท เรียกรับเงิน หรือหาผลประโยชน์ใดจากผู้บริจาค ที่ทุกคนทำด้วยเจตนาดีทั้งสิ้น ทุกคนต้องการให้ร่างตัวเอง เป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลัง ไม่ได้ขายศพ สมควรหรือที่พวกเค้าเหล่านั้นต้องมาเจอเรื่องเหล่านี้ สำนึกในหน้าที่ สำนึกในคุณธรรม  คนทั้งภาควิชาไม่มีหรือ ทำไมปล่อยปะละเลยเฉยเมยได้เยี่ยงนี้ คุณไม่อายหรือ ที่เงียบเฉยกันได้ขนาดนี้ และแน่นอนครับ ผมไม่บริจาคร่างผม แม่ผม ให้ศิริราชอีกต่อไปแล้ว ผมจะไปบริจาคที่อื่นแทน ทางภาควิชาอาจจะไม่สะดุ้งสะเทือน เพราะคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ยังมีเจตนาดีบริจาค ยังมีอีกมาก แต่ขอให้ภาควิชารับรู้ไว้ด้วยเถอะ ว่าชื่อเสียงจะเสียหายหรือไม่ ทุกอย่างมาจากเนื้อเน่าภายในของภาควิชาเองทั้งนั้น ไม่ใช่จากคนนอกเลย แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 05:41:56 จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 05:32:03

ความคิดเห็นที่ 6 โหวตค่ะ คุณตัดสินปัญหาได้โหดร้ายมาก จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 05:43:00

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตด้วยอีกคน เหนใจมาก อย่างเน้ต้องไปขอความเปนธรรมจากช่อง3 คับ สื่อนี่แหล่ะเปนปากเสียงแทนประชาชนตาดำๆ อย่างเราได้ จากคุณ : mootoawlex เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 06:13:10

ความคิดเห็นที่ 8 หรือว่าเขามีผลประโยชน์ร่วมกับคนกลุ่มนั้น การแก้ปัญหาแบบนี้ไม่เหมาะกับคนที่ร่ำเรียนมาสูงๆ ทำแบบนี้ก็เหมือนกับโยนความผิดให้ คุณจขกท ทั้งๆที่คุณจขกท ทำในสิ่งที่ถูกต้องและต้องการความโปร่งใส ถ้ากลัวภาคเสียชื่อ ก็ต้องตั้งกฏระเบียบขึ้นมาเป็นบรรทัดฐาน  คนผิดก็ควรลงโทษถ้าลงโทษไม่ได้เพราะปล่อยปละมานานก็ควรต้องปรับปรุงมาตราฐานไม่ให้เหลือบลิ้นมาหากินกับครูใหญ่ จากคุณ : LiLLa_JoY เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 06:24:11

ความคิดเห็นที่ 9 เจอเรื่องนี้เข้าไป นึกเสียดายแทนพี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ที่อยากบริจาคร่างกายแถมสมัครทำเรื่องไปเป็นสิบปีแล้ว ถ้ารู้จะผิดหวังแค่ไหน จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 06:28:51

ความคิดเห็นที่ 10 ว่ากันไปตามเนื้อผ้าเจ้าคะ เกาะชิดติดจอ  เรื่องนี้น่าสนใจมากเจ้าคะ แวะเวียนมาอัพเดทเรื่อยๆ นะเจ้าคะ รู้สึกเป็นห่วงเจ้าของเรื่องเดิมจริงๆ เจ้าคะ  คงได้รับแรงกดดันไม่น้อย จากคุณ : pantipapa เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 07:04:58

ความคิดเห็นที่ 11 ภาควิชาเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ นอกจากจะเป็นการปฏิเสธเจตนาสุดท้ายของคุณยายแล้ว ยังถือเป็นการทำลายจิตใจญาติพี่น้องคุณยายอย่างเจ็บปวดที่สุด จากคุณ : เป็ดเสรี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 07:30:12

ความคิดเห็นที่ 12 หน ภาค เขามองว่าเป็นการซื้อขายเหรอ เหมือนทางญาติจ่ายเงินซื้อสิทธิการเป็นอาจารย์ใหญ่ พอตกลงกันไม่ได้ ก็คืนเงินกับร่างให้ ไหนๆก็จะคืนเงินแล้ว ทำไมต้องคืนร่างด้วย ออกหนังสือขออภัย พร้อมคืนเงิน และชี้แจง แนวทางการดำเนินงาน ไม่ดีกว่าหรือ ต่อไปถ้าไกลแล้วจะไม่รับ ก็แจ้งญาติไว้ ตั้งแต่ตอนที่เขาโทรบอกการเสียชีวิต ถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียน ทำอย่างนี้เหมือนประชดเลย จากคุณ : cpom เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 07:42:49

ความคิดเห็นที่ 13 ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ผิดหวังกับอาจารย์หัวหน้าภาคจริงๆ แสดงว่าขาดวิสัยทัศน์และ"ละเลย"นโยบาลคณะฯในเรื่องอาจารย์ใหญ่ล่ะสิ...... ทำแบบนี้มันเหมือนจะทำลายภาพลักษณ์คณะฯกันเลย ท่างคณบดีฯ น่าจะจัดการด้วยตัวท่านเองในกรณีนี้..... จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 07:50:25

ความคิดเห็นที่ 14 สลดและเห็นใจฝ่ายญาติมากค่ะ จากคุณ : อย่าเอาความงงมาลงที่ฉัน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 07:55:54

ความคิดเห็นที่ 15 คนอย่างนี้มาเป็นหัวหน้าภาควิชาได้ยังไง ทำอย่างเด็กสาวงอนแฟนตัวเองซะ อย่างนั้น ผมว่าถ้าไม่อยากเป็นอาจารย์ก็ลา ๆ ออกไปเหอะ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามีคนแบบ นี้อยู่ ไม่มีความคิด ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย จากคุณ : กมล เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:04:29 A:223.206.49.238 X: TicketID:017649

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านแล้วรู้สึกอึ้งในอก เห็นใจคุณย่าและญาติๆมากๆ แอบหมดศรัทธาในภาควิชานี้และที่นี่จริงๆ วิธีการแก้ปัญหาดีกว่านี้ไม่มีแล้วเหรอ ปัดความรับผิดชอบ โยนความผิด ทำตัวเหมือนคนไม่มีวุฒิภาวะ เฮ้อ จากคุณ : สาวน้อยถอย Jazz เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:08:03

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาโหวตและมารับรู้วิธีแก้ปัญหาแบบปัดขี้ให้พ้นตัว จากคุณ : กิ่ง&อ๊อด เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:22:28

ความคิดเห็นที่ 18 ทีแรกคิดว่า เรื่องนี้ จัดการกันในระดับคณะ ก็น่าจะเรียบร้อย แต่ถ้าผลออกมาเป็นแบบนี้ เสนอให้สรุปเรื่องทั้งหมด ส่งไปที่อธิการบดี (คิดว่า คณบดีคงรับทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว และอาจอนุญาตให้หัวหน้าภาคดำเนินการไปตามที่แจ้ง) เรื่องนี้มันกระทบกับชื่อเสียงของศิริราชโดยตรง กระทบกับศรัทธาของคนที่มีต่อศิริราช และสำคัญที่สุด กระทบต่อจิตใจของญาติคุณย่าและ โยนให้เป็นความผิดของ จขกท ผู้ซึ่งต้องการแค่ใบเสร็จรับเงินและความโปร่งใสในการทำงาน นี่หรือ คือวิธีการของศิริราช?????? การทำงานให้โปร่งใส และชี้แจงได้ คงยากเกินไปสำหรับศิริราชไปสักหน่อย ปล. ที่ให้เสนอต่ออธิการบดีน่ะ ไม่ใช่ให้มาจัดการเรื่องนี้อีกนะคะ มันจบไปแล้ว เสียหายไปแล้ว ท่านหัวหน้าภาคได้ขุดหลุมฝังตัวเอง พร้อมด้วยภาควิชาฯ ไปแล้ว แต่อยากให้ส่งคนลงมาดูแลเรื่องการทำงานของบุคลากรค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 08:36:27 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 08:32:48 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:24:46

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นการแก้ปัญหาที่ %^^T&*TGYGF^&T^& มากครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:25:48

ความคิดเห็นที่ 20 แบบนี้เขาเรียก "ประชด" ครับ บ้่านเมืองนี้ มันไร้หลักเกณฑ์ลงไปทุกวัน มีแต่หลัก กรุ นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ มโนสำนึก หายไปหมด อะไร อะไร ก็ "...ทำให้....เสียหาย..." อ้าว..ทีทำให้ชาวบ้านชาวช่องเสียหายมั่ง  ทำไมไม่พูด.. ผมเองก็บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลเหมือนกัน สงสัยต้องเขียนพินัยกรรมไว้ หากเกิดเคสคืนศพแบบนี้ ไม่ต้องเอากลับ เผามันหน้าโรงพยาบาลเลย ท่าจะดี จากคุณ : เฒ่าน้อย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:26:10

ความคิดเห็นที่ 21 อยากเรียนท่านหัวหน้าภาควิชาว่า ถ้าชื่อเสียงของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เสียหายไป ไม่ใช่เพราะ จขกท นำเรื่องมาแจ้งต่อสาธารณชนในเวปบอร์ด แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของบุคลากรในภาควิชา และวิธีการแก้ปัญหาของภาควิชาฯ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 08:30:38

ความคิดเห็นที่ 22 อยากทราบเหตุผล ว่าคืนร่างเพราะ ?????????????? โกรธที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผยสู่สาธารณชนอย่างนั้นหรือ มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องและไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกก็ถูกแล้วที่นำออกมาเผยแผ่ให้ทราบกัน เจตนาคือปัดความรับผิดชอบ คืนเงินไป คืนร่างไป เจตนาที่จะมอบร่างกายก็ไม่สามารถทำได้ตามนั้น อย่างนี้ถ้าญาติๆไม่เข้าใจอาจไม่ปัญหาได้ หมดศรัทธากับ จนท.ที่เกี่ยวข้อง  จากคุณ : บ่าบี๋ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:00:25

ความคิดเห็นที่ 23 โหวต ครับผม / แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดครับ สำหรับ หน.ภาควิชา จากคุณ : กัปตันกะลูกเรือ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:20:08

ความคิดเห็นที่ 24 แก้ปัญหาด้วยการคืนร่าง ชุ่ยที่สุดที่ผมได้ยินมา รับไม่ได้ ใช้หัวคิดหรืออะไรคิด จากคุณ : ลึกลับซับ_tui เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:21:58

ความคิดเห็นที่ 25 ผมอยากว่า หน.ภาควิชาท่านนี้มี จรรยาบรรณรึเปล่าถ้าเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้นมา คุณจะหาคำตอบอะไรมาให้สังคม อย่าทำให้ศิริราช ต้องเสื่อมเสียเลยครับ หน.ภาค จากคุณ : เมาคลีกับลูกหมาป่า เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:29:16

ความคิดเห็นที่ 26 อย่าพึ่งดราม่ากันเยอะซิครับ ตอนนี้อย่าพึ่งด่ากันเอามันส์เลยครับ รอฟังเหตุผลจากทางศิริราชก่อนจะดีมั้ยครับว่า 1. ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้ 2. ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้แต่แรก บอกตรงๆ ว่าการแก้ปัญหาแบบนี้ค่อนข้างแปลก แต่มันอาจจะมีเหตุผลรองรับก็ได้ ส่วนเหตุผลที่ว่านั้นจะสมเหตุสมผลก็อีกเรื่องนึง แต่ตอนนี้น่าจะรอฟังเหตุผลจากศิริราชก่อนก็น่าจะดีนะครับ จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:33:22

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าภาควิชาจะชี้แจง ข้อ 2 ควรชี้แจงมาตั้งนานแล้วนะ ส่วนข้อ 1 ถ้าชี้แจงมา จะเป็นพระคุณยิ่ง อยากทราบจริงๆ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 09:42:22

ความคิดเห็นที่ 28 อืม...เหมือนทฤษฎีสมคบคิดแต่ถูกเปิดเผย ขอให้กำลังใจคุณdeerjaและวงศาคณาญาติแล้วกันครับ จากคุณ : เด็กท้ายรถ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:13:30

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าสรุปออกมาว่าคืนร่างจริง.. รูสึก "อนาถ" และ "สิ้นหวัง" ในวุฒิภาวะในการตัดสินใจของ หน.ภาควิชาฯมากมาย อย่างที่ คคห.บนๆว่าน่ะแหละครับ อย่างกับเด็ก "งอน" เลยเกิดอาการ "ประชด" จากคุณ : Ta_Pe เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:38:31

ความคิดเห็นที่ 30 ป่านนี้ จขกท นั้น คงโดน ลูก หรือ ญาติ เกลียดแน่ๆ บทสรุปคือ พังกันหมด ชื่อ ศิริราช ก็พัง ศพคุณย่าก็ไม่ได้ตามที่ต้องการ ต้องนำกลับมาเผาอีก เจ้าหน้าที่ก็โดนพักงาน หัวหน้าภาค ก็โดนด่า จขกท โดนญาติตำหนิ แน่ๆ พ่อ จขกท โดนพี่น้องไม่พอใจ ที่ได้ก็คือ รักษาความถูกต้องเอาไว้ จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:42:48

ความคิดเห็นที่ 31 ถามจริงๆ  ไม่มีใบเสร็จหลักฐาน  คุณจะให้ลงโทษอย่างไร    สอบสวนทวนความได้  แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่รับจะทำอะไรได้   ทางภาคฯก็รับเรื่องไว้หาทางป้องกันต่อไป ............ดินแดนแห่งมนุษยธรรมและน้ำใจ  มหาวิทยาลัยเพื่อปวงชน............. จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:47:05

ความคิดเห็นที่ 32 ทำไมทำอย่างนี้ละคะ คุณหัวหน้าภาค  แล้วชื่อเสียงของศิริราชที่สั่งสมกันมานาน ใครจะรับผิดชอบ สังคมจะมองเหตุการณ์ยังไง  เราเป็นเด็กยังไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ดีเลย ทั้ง ๆ ที่เราคิดว่า ศิริราชมีแต่บุคคลากรทีมีคุณภาพ ....ช้ำใจจริง ๆ จากคุณ : moopoo_1008 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:47:44

ความคิดเห็นที่ 33 อึ้งค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ออกมาชี้แจงสังคมให้ชัดเจน เซ็งแทนผู้บริจาคจริงๆ จากคุณ : บางสิ่งบนโลกที่เรียกว่าความรัก เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:54:10

ความคิดเห็นที่ 34 คืนร่างกลับให้ญาติ  เพราะ ถามถึงใบเสร็จ.... ไม่ได้คืนเปล่านะ คืนเงิน ที่จ่ายทั้งหมด แถมฉีดยาให้ฟรีไม่คิดเงินด้วย มูลค่า ตั้ง ห้าพัน.. เหมือนจะดีเลย... แต่ คิดหรือเปล่าว่าผู้จากไปต้องการอะไร มีเจตนาอะไร  ..แล้วหัวหน้า ภาคทำแบบนี้ คิดดีๆ ก่อนทำหรือเปล่า มันก็อดคิดไม่ได้นะว่า เป็นเรื่องที่ทำกันมาจนปกติ เก็บเงินไม่มีใบเสร็จ เอามาแบ่งกัน..ไม่รู้ใครจะได้กันบ้าง  ..แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้ ศิริราช ดูไม่ดีเลย จากคุณ : nano&bible เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:10:04

ความคิดเห็นที่ 35 ช่วยโหวตครับ ส่วนเรื่องภาคฯไม่ขออกความเห็นครับ ของแบบนี้มันอยู่ที่วุฒิภาวะครับ IQ ช่วยไม่ได้ จากคุณ : ภานุพงษ์ (panupong_see) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:13:40

ความคิดเห็นที่ 36 ดีนะที่เราบริจาคที่ สภากาชาดไทย จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:14:16

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าทางนั้นคืนร่างมา ผมแนะนำให้ไปบริจาคร่างที่รพ.โรงเรียนแพทย์อื่นๆ เข้าใจว่ายังขาดแคลนอาจารย์ใหญ่จำนวนมาก เพื่อจะได้ทำตามเจตนาของผู้ตายครับ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:27:12

ความคิดเห็นที่ 38 ผิดหวังกับศิริราชมากค่ะ :( จากคุณ : pukkies เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:37:20

ความคิดเห็นที่ 39 วิสัยทัศน์ ต่ำมากกกกก มาเป็นถึงหัวหน้าภาคได้เยี่ยงไร จับฉลากมาเหรอ จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:17:06

ความคิดเห็นที่ 40 ฤา  นี่จะเป็น วิธีการแก้ปัญหาที่ยั่ง ยืน เฮ้อ... จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:20:20

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นการแก้ปัญหาที่.....จริงๆครับ จากคุณ : Future is on my hand เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:24:44

ความคิดเห็นที่ 42 เรียนสูงซะป่าว เห้อ.......เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้ เป็นหัวหน้าภาคได้ไงว่ะ จากคุณ : tonky96 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:39:17

ความคิดเห็นที่ 43 ตามมาช่วยโหวต. จากคนที่ลงชื่อบริจาคไว้เช่นกัน จากคุณ : saengchot เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:59:14

ความคิดเห็นที่ 44 รอฟังจากทางศิริราชก่อนดีกว่า แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 13:00:43 จากคุณ : คุณหลอกดาว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:00:02

ความคิดเห็นที่ 45 อยากเรียนท่านหัวหน้าภาคว่า การปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง นั่นต่างหากที่ทำลายชื่อเสียงของศิริราช จากคุณ : third arrow เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:05:10

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเป็นเรื่องจริง ... ...... ........  ......:  .......:  ...... ..  ........ .  ...... .  .........:  ........ .. จากคุณ : Are Yoi เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:10:31

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ต้นเรื่องด้วยค่ะ  ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง  ญาติพี่น้องเข้าใจในสิ่งที่คุณกระทำอยู่หรือเปล่า  ว่าคุณแค่ถามถึงความโปร่งใส  คุณไม่ได้เป็นตัวปัญหา  เป็นกำลังใจให้นะคะ   ส่วนตัวก็บริจาคร่างกายเหมือนกันค่ะ  ทำเรื่องนานมากแล้ว  น่าจะเกิน ๒๐ ปีค่ะ  ที่ รพ.มหาราชเชียงใหม่  บ้านอยู่ห่าง รพ. ๒๐ กม. (ไม่แน่เหมือนกันว่าวันสุดท้ายของชีวิตอาจอยู่ที่ รพ.เลยก็ได้) คิดว่าไม่น่ามีปัญหาค้างคาใจเหมือนเคสคุณย่า จากคุณ : aicm เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:25:48

ความคิดเห็นที่ 48 การปฏิบัติงานที่ไม่มีใบเสร็จ ไม่ว่าวงการไหนก็ไม่ต่างกันเลย... จากคุณ : Conservative_Progressive เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:29:19

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาช่วยตอบคำถามในคห 5 นะครับ (อ้างอิงจาก http://www.si.mahidol.ac.th/th/department/anatomy/dept_news_detail.asp?n_id=29&dept_id=1) 1. พื้นที่ที่รับบริจาคร่างกาย รับเฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นครปฐม สุพรรณบุรี (ไม่รับ อ.ด่านช้าง, อ.หนองหญ้าไซ, อ.เดิมบางนางบวช,อ.สามชุก) พระนครศรีอยุธยา (ไม่รับ อ.ท่าเรือ) ราชบุรี (ไม่รับ อ.สวนผึ้ง, อ.จอมบึง) กาญจนบุรี (รับเฉพาะ อ.เมือง, อ.ท่าม่วง, อ.พนมทวน, อ.ท่ามะกา) ถ้าแปลกันตามนี้ก็น่าจะประมาณว่า นอกเขตที่ว่าไม่รับ หรือต้องดำเนินการมาเอง ซึ่งก็คงเป็นช่องทางให้จนท.เก็บเงิน หรือช่วยเหลือญาติ ก็แล้วแต่จะมอง 2. ญาติเป็นผู้ดำเนินการเรื่องใบมรณบัตร และจัดหาหีบศพเอง สรุปว่า มีการใช้หีบศพครับ  แต่ใช้ตอนไหนนี่ไม่แน่ใจ แต่ก็น่าจะเป็นตอนที่ร่างผู้บริจาคยังอยู่กับญาติและตอนขนย้ายนะครับ 3.อันนี้ไม่ทราบครับ 4. ผมคิดว่าอาจจะเป็นเพราะร่างที่ได้รับมาไม่ถูกต้องตามระเบียบหรือเปล่าครับ ทำให้ไม่สามารถใช้ได้หรือไม่กล้าใช้ ยืมคำจากข้อ 3 "...แล้วถ้า(ใช้)ไปเกิดอุบัติเหตุ(มีคนร้องเรียน) ใครรับผิดชอบ?" ตามความเห็นของผมคิดว่าทางศิริราชเองก็ไม่สามารถรับร่างฯ ได้ทั่วประเทศด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ก็เลยต้องให้ญาติตกลง "จ้าง/ช่วยเหลือ" กันเองกับจนท.น่ะครับ ซึ่งถ้าไม่ต้องการเป็นแบบนี้ก็คงต้องสั่งลูกหลานไว้ก่อนน่ะครับ ปล. ทั้งหมดเป็นความเห็นของผมเองซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการใด ๆ กับศิริราชนะครับ เคยแต่ใช้บริการของทางศิริราชบ้างเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 13:44:24 แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 13:43:57 จากคุณ : น้องเอยแก้มอ้วน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:39:21

ความคิดเห็นที่ 50 เราก็บริจาคร่างกายค่ะ ไม่เห็นรู้เลยว่า ต้องเสีย คชจ. มากขนาดนี้ จากคุณ : lovejustinkung เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 14:05:20

ความคิดเห็นที่ 51 ตามมาอ่านครับ จากคุณ : ตี๋น้อย (jukgru) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 14:36:18

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าผมเป็นญาติที่ได้รับศพกลับมาเนี่ย ผมคงอึ้งนึกอะไรไม่ออกเลย ตายก็ตายไปแล้ว จะมากลับจัดงานเผาก็กระไรอยู่ ถ้าจะไม่จัดก็กระไรอยู่ สงสัยต้องน้ำไปเผาหน้าศิริราชกระมั้งครับ จากคุณ : กบน้อยจากกะลา เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 15:36:20

ความคิดเห็นที่ 53 อึ้งมากกับวิธีการแก้ปัญหา ถ้าคุณ จขกท.(ต้นเรื่อง)ไม่ได้มีการขอร่างคุณย่าคืน แล้วมาคืนให้แบบนี้ ทำเหมือนกับร่างคุณย่าเป็นแค่สิ่งของ ที่มีคนให้มา พอเกิดปัญหาไม่พอใจกัน ก็โยนคืนให้(เหมือนประชด)  อึ้งค่ะ ไม่อยากเชื่อ จากคุณ : Doraemon no fushigi na POKKE เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 15:47:01

ความคิดเห็นที่ 54 Vote จากคุณ : nig (nigfoto) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 16:05:58

ความคิดเห็นที่ 55 ตามอ่านมานาน สุดท้ายแล้วต้องขอบอกว่า ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ ไม่ทราบวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือคะ? เป็นถึงหัวหน้าภาคแล้ว? หรือเป็นได้เพราะอยู่นาน ไม่ใช่มีวิจารณญาณ? จากคุณ : Beauty&Stupid เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 16:15:34

ความคิดเห็นที่ 56 บอกตรง ๆ ว่าอ่านแล้วละเหี่ยใจครับ โทษฐานที่เป็นผลผลิตเล็ก ๆ น้อย ๆ จากศิริราชเช่นกัน ผมอยากให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบแสดงความจริงใจมากกว่านี้  ก่อนที่ความดีในอดีตกาลมันจะถูกลืม :( จากคุณ : rafaelo เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 16:42:22

ความคิดเห็นที่ 57 เรื่องนี้เป็นคำเตือน ให้ผู้บริจาคร่างกาย และอวัยวะ ทุกท่าน รีบให้ลูกหลาน อ่านระเบียบ และ ข้อกำหนด ให้ฟังชัดเจน เพื่อนำไปเป็นแนวทางการสั่งเสีย ว่าถ้าเกิดนอกเกณฑ์ไปแล้ว จะให้ทำอย่างไรกับร่างของท่าน จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 16:44:41

ความคิดเห็นที่ 59 สงสารคุณย่า ผิดหวังกับศิริราชที่แก้ปัญหาอย่างนี้ จากคุณ : ta_sri เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 17:12:40

ความคิดเห็นที่ 62 เป็นกำลังให้ จขกท.ค่ะถือว่าทำบุญนะคะไม่รู้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บกับญาติๆศพอื่นเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว ถ้าคนเหล่านั้นเค้าไม่มีให้ล่ะน่าสงสารแย่อ่ะ ขอให้เป็นกรณีตัวอย่างและอยากให้เป็นคนสุดท้ายที่โดนเรียกเก็บเงินแบบนี้ค่ะ จากคุณ : ก้านดอกบัว เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 17:27:21

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบคุณบัตรผ่าน 343190 >>ทำไม จขกท ถึงมาลงโพสแบบนี้ในเมื่อคุณไม่ใช่ผู้เดือดร้อน ผมยื่นเจตจำนงบริจาคร่างกายไว้ที่นี่ ด้วยเจตนาที่ต้องการให้ร่างกายเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นหลังการตาย   แต่ผมไม่ต้องการให้คนอื่นฉกฉวยผลประโยชน์จากเจตนาดีของผม ดังนั้น ผมจึงเดือดร้อนและทนไม่ได้ ว่าองค์กรที่ผมศรัทธา เชื่อมั่น ปล่อยให้เจ้าหน้าที่หาผลประโยชน์จากเจตนาดีของผู้บริจาคเยี่ยงนี้ >>(คนที่เขาเดือดร้อน เขาอาจจะได้รับคำตอบจนเข้าใจแล้วก็ได้) คำตอบที่เค้าได้รับ คือจะคืนร่างไงครับ เจตนาดีของผู้บริจาคไม่สำคัญเท่าการประชดจากภาควิชา เข้าใจหรือยังครับ >>คุณโพสด้วยความมีอคติ หลักฐานก็ไม่มีและไม่ใช่ผู้เดือดร้อน post email คุณมาสิครับ ผมจะส่งหนังสือที่ภาควิชานี้ตอบมาไปให้คุณอ่าน ผมไปตื๊อแกมบังคับขอจากคุณ จขกท นั้นมาครับ ที่ผมยังไม่ post เอกสารนี้ เพราะเนื้อหาถ้อยคำมันแย่ยิ่งกว่าที่ผมสรุปไว้ด้านบนมาก มันจะยิ่งเสียหายต่อภาควิชานี้ยิ่งกว่านี้หนะสิ มันบ่งบอกวุฒิภาวะ ทัศนคติของผู้บริหารหมด >>จขกท เองที่เดือดร้อนเอาเรื่องตัวเองที่ตัวเองรู้เรื่องดีที่สุดมาโพสไม่ดีกว่าหรือครับ ผมบอกไปกับคุณ จขกท นั้นว่าผมจะมาตั้งกระทู้ใหม่เอง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวระหว่างญาติกับภาควิชาแล้ว ผมไม่ต้องการให้ทางศิริราชมองว่านี่เป็นปัญหาระหว่างญาติ หรือ จขกท นั้น กับทางภาควิชาฯเท่านั้น แต่นี่เป็นเรื่องสาธารณะ ที่สังคมต้องรับรู้ เพราะมันเกี่ยวพันกับผู้บริจาคทั้งในอดีต และในอนาคตครับ ผมไม่ต้องการให้มีการใช้ช่องโหว่ของระเบียบ ให้ จนท หลอกเอาเงินจากญาติผู้บริจาค เพราะรู้ว่าญาติต้องยอมจ่าย เพื่อรักษาเจตจำนงผู้บริจาคไว้ เพราะวันนึง อาจเป็นลูกหลานผมก็ได้ที่ต้องยอมจ่าย >>แล้วใครเสียหายครับ โรงพยาบาล และถ้าเรื่องมันเรียบร้อยไปแล้วเป็นเรื่องที่อธิบายได้ >>คนที่แสดงความเห็นว่าเขาหล่ะครับ ก็คงรู้สึกเสียใจ ประหนึ่งคุณกำลังยืมมือคนอื่นเพื่อให้สาสมใจอะไรบางอย่างของคุณ เพราะมันยังไม่เรียบร้อย และแก้ปัญหาแบบไร้วุฒิภาวะ   แถมไม่มีคำอธิบายต่อสังคมไงครับ ผมถึงออกมาตั้งกระทู้ สิ่งที่ผมต้องการ  คือหน่วยงานต้องกำจัดเหลือบไรแบบนี้ทิ้งครับ ผู้บริหารเองก็ต้องรับผิดชอบต่อบุคลากรของตัว และออกมาชี้แจงสิ่งที่สังคมคลางแคลงใจ ไม่ใช่ประชดประชัน รอให้เรื่องเงียบ แล้วเน่ากันต่อไป โรงพยาบาลเสียหาย ศิริราชเสียหายจริงครับในกรณีนี้ แต่คุณว่าใคร คือต้นเหตุของความเสียหายหละ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 17:33:36

ความคิดเห็นที่ 64 หลังจากไปเดินรดน้ำต้นไม้รอบบ้านมาหนึ่งรอบ เราคิดว่า เราอธิบายเหตุผลของท่านหัวหน้าภาควิชาได้ดังนี้ (ผิดหรือไม่ ท่านหัวหน้าภาคคงทราบ) ********* สิ่งที่คนข้องใจกันมากคือ ทำไมไม่มีใบเสร็จ คำตอบก็คือ มันมีไม่ได้ ไม่มีใครสามารถเซนต์ชื่อในใบเสร็จรับเงินเหล่านั้นได้ เพราะไม่เคยมีระเบียบของมหิดล ที่อนุญาตให้มีการรับเงินค่ารับส่งศพ หรือเบี้ยเลี้่ยง หรือค่าน้ำมัน ดังนั้น ใครก็ตามที่เซนต์ใบเสร็จในรายการต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นภาควิชาฯ หรือมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ตัวคนรับเงินจริงๆ ก็จะมีความผิด ตามหลักฐานนั้นทันที เนื่องจากมันจะเป็นหลักฐานชั้นดีในการมัดตัวเองที่รับเงินที่ไม่มีระบุไว้ระเบียบ ถ้ามีคนร้องเรียน ก็ถูกสอบวินัยแน่นอน คำถามต่อไปคือ ในเมื่อไม่มีใบเสร็จ ทำไมถึงมีคนรับเงิน จ่ายเงิน ทางภาควิชาอาจจะมองว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย ภาควิชาไม่ได้รับทราบด้วย ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเพื่อให้ทำตามวัตถุประสงค์เฉพาะ คือ ศิริราชไม่รับศพนอกเขตที่ระบุ ถ้าต้องการบริจาคตามความประสงค์ผู้ตาย ญาติต้องจัดการนำศพส่งเอง ดังนั้น การจ้างบุคคลคนหนึ่งให้นำศพมาส่ง ถือเป็นสิ่งที่ญาติผู้ตายสามารถทำเพื่อนำส่งศพตามข้อกำหนดของศิริราช บังเอิญว่า คนคนนั้น เป็น จนท ศิริราช (แต่อาจรับทำเป็นจ๊อบพิเศษนอกเวลางาน) การที่คนคนนั้นต้องเป็น จนท ศิริราช (หรือเป็นคนของภาควิชากายวิภาคศาสตร์) เพราะคนคนนั้นต้องรู้วิธีจัดการเตรียมร่างอาจารย์ใหญ่อย่างถูกต้อง ปัญหาอยู่เพียงว่า ญาติเป็นคนเสนอจ้าง (ทางโทรศัพท์ เมื่อมีการแจ้งการเสียชีวิตและรับทราบเงื่อนไขของศิริราชแล้ว) ...หรือ.. เจ้าหน้าที่เป็นคนเรียกเงิน เมื่อได้เดินทางไปถึงสถานที่รับศพแล้ว โดยที่ทางญาติไม่ได้ทราบมาก่อน การที่จะรู้ความจริงเรื่องนี้ เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่สองคน คือ ญาติคนที่โทรศัพท์ติดต่อในครั้งแรก และคนที่รับโทรศัพท์เพื่อตกลงเรื่องการไปรับศพคุณย่า ในเมื่อภาควิชาฯทำทีว่า ไม่รู้เรื่องการตกลงนั้นๆมาก่อน (ภาควิชาฯไม่เคยรับทราบว่า เคยมีหรือได้มีการทำผิดระเบียบโดยการไปรับศพนอกเขตเล้ยยยยย) เมื่อมีคนแจ้งร้องเรียนเรื่องรับเงิน ท่านหัวหน้าภาคฯ ก็คงต้องการให้สถานะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนมีเรื่อง ก็คือ ไม่มีการรับศพ และไม่มีการรับเงิน ทำเหมือนทุกอย่างเป็นอากาศธาตุที่ผ่านมาและผ่านไป ******* ทั้งหมดนี้ เป็นการเดาของข้าพเจ้าทั้งสิ้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับทุกฝ่าย ******** ท่านหัวหน้าภาคฯคงลืมไปอย่างหนึ่งว่า การทำผิดนั้นเกิดขึ้นแล้ว และไม่มีทางที่จะแก้อดีตให้เป็นอย่างอื่น และก็คงลืมไปด้วยว่า ร่างนั้น เป็นร่างของคนที่เคยมีชีวิตที่มีความประสงค์จะช่วยศิริราชอย่างสุดหัวใจ การคืนร่าง เป็นการทำร้ายทั้งผู้วายชนม์ และญาติ (และสังคม เช่นในกรณีนี้) อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 17:44:45

ความคิดเห็นที่ 65 ขอให้กำลังใจทุก ๆ ท่าน ให้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และอย่าเสียกำลังใจในการทำความดีครับ ผู้ที่ต้องการบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ ก็ "อย่าเปลี่ยนใจ" เลยครับ ในฐานะที่เป็นแพทย์คนหนึ่ง ขอยืนยันว่า อาจารย์ใหญ่ มีความสำคัญต่อการเรียนแพทย์อย่างมาก ถ้าไม่มีอาจารย์ใหญ่ จะไม่สามารถเป็นแพทย์ที่สมบูรณ์ได้เลย พวกเราจึงนับถืออาจารย์ใหญ่ กราบ ไหว้ และบูชา เหมือนกับเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา เพราะการเรียนกายวิภาค ต้องเรียนจากของจริงเท่านั้น เราจึงเรียกท่านว่า "อาจารย์ใหญ่" ไงครับ "แพทย์ทุกคน ล้วนสำนึกในบุญคุณของอาจารย์ใหญ่เสมอ ไม่เคยลืม" ผมขอกราบขอบคุณอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน ที่สอนพวกผมมา ท่านทำให้ผมมีวันนี้ วันที่ผมมีความรู้ ความสามารถในการรักษาผู้ป่วย ทำให้ได้ช่วยชีวิตคน หรือแก้ไขความทุกข์ทรมาน นอกจากอาจารย์ใหญ่แล้ว แพทย์เราก็ถือว่า คนไข้ทุก ๆ คน ก็มีฐานะเป็นอาจารย์ของเราเช่นกัน ผมขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านมา ณ ที่นี้ด้วย ผมยังประทับใจ คุณป้าคนหนึ่งกับคำพูดในวันที่มาบริจาคร่างกายว่า "ตอนมีชีิวิต ไม่ได้เป็นครูสอนใคร แต่ตอนเสียชีวิต อยากเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ จะได้มีหมอเก่ง ๆ ไปรักษาคน" ขอทุก ๆ ท่าน "อย่าหมดศรัทธาในความดี" ทั้งของตนเอง และผู้อื่นนะครับ จากคุณ : Dr.Peter98 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 17:45:24

ความคิดเห็นที่ 66 หมดศรัทธาเลย กำลังจะทำบริจาคอยู่ถอยดีกว่า ปกติก็ศรัทธา รพ.ศิริราชมากที่สุด จากคุณ : วัดสิ้นศรัทธาทำ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 18:12:17 A:180.210.216.74 X: TicketID:293245

ความคิดเห็นที่ 67 ปกติ เวลาเกิดปัญหา เค้าก็มีการทำRCAกันนะ มันน่าจะมีแนวทางแก้ปัญหามาบอกด้วยสิ ว่าเกิดอะไร แล้วลงโทษยังไง หรือถ้าไม่ลงโทษเพราะอะไร แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วนะ ไม่น่าจะอึมๆแบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำเลยนะเนี่ย ติดตามมาตลอด ก็จะติดตามต่อไปนะ ว่าบทสรุปที่สุดแล้ว มันจะออกมาในรูปไหนกันแน่ จากคุณ : คนธรรมดาคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 18:35:47

ความคิดเห็นที่ 68 น่าเสียใจมากเจ้าคะ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความรู้มาก และเป็นบุคลากรที่สำคัญคนนึง แต่แก้ไขปัญหาคล้ายกับเด็ก เรื่องนี้คอมมอนเซ็นต์มันผิดตั้งแต่เริ่มต้นเลยเจ้าคะ  ไม่มีใครท้วงติงก่อนจะคืนศพเลยเหรอเจ้าคะ หรือจิตใจสามัญชนอย่างพวกเราจะไม่หยั่งลึกพอ รักศิริราชเจ้าคะ อีชั้นแยกแยะได้ ผิดถูกว่าตามเนื้อผ้า เคสนี้ชี้เป้าไปที่ กายวิภาคฯ อย่างเดียว ไม่เหมารวมเจ้าคะ ...................................................................................................................... จากคุณ : pantipapa เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 19:15:32

ความคิดเห็นที่ 69 ตามมาตั้งแต่ต้น จนถึงตอนนี้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเช่นนี้ มัน...มากๆเลย ปล. สังเกตมั๊ยครับ ว่าเวลาคนพูดถึง เค้าจะพูดถึงตัวศิริราช ไม่ค่อยจะพูดถึง จนท.ต้นเรื่อง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปลาเน่าฝูงเดียว เหม็นทั้งแม่น้ำ **เห็นใจ จขกท.ต้นเรื่องนะครับ คงได้รับแรงกดดันถ้วนหน้าทั้งจากศิริราช รวมถึงญาติเองด้วย อย่างน้อยพวกเราเข้าใจคุณครับ คุณทำถูกต้องแล้ว ขอให้วิญญาณคุณย่า จขกท.เดิม ไปสู่สุขคติ และผมมั่นใจว่า ร่างคุณย่าในครั้งนี้ ทำประโยชน์ให้ผู้คน มากเสียกว่าการเป็นอาจารย์ใหญ่เสียอีกครับ จากคุณ : Coppich เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 20:17:19

ความคิดเห็นที่ 70 การที่จะได้รู้ว่า ภาควิชารับทราบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนี้หรือไม่ อย่างไร จะดูได้จาก "รถ" ที่นำไปรับร่าง ถ้าเป็นรถส่วนตัวของ จนท ผู้นั้น ก็จะเป็นกรณีที่เป็นการรับจ้างส่วนบุคคลนอกเวลาราชการ (เท่าที่จำได้แว๊บๆ คือ ไปรับตอนที่เป็นนอกเวลาราชการ เพราะคุณย่าเสียตอนบ่ายเกือบเย็นแล้ว) ถ้าเป็นรถของภาควิชา หรือรถราชการ ภาควิชาปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลยว่า ไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้อนุญาตให้เดินทางไปรับร่างที่จังหวัดจันทบุรี เพราะเขาจะนำรถราชการออกไปใช้ไม่ได้เป็นอันขาด ...และ.... ถ้าบอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัว แล้วเอา "รถราชการ" ไปรับ ไปใช้ในการนี้ ...เป็นเรื่องที่ต้องถูกสอบสวนกราวรูดแน่นอน.... ปล. แม้ว่ารถราชการ จะถูกนำไปใช้นอกเวลาราชการได้ก็จริง เช่นกรณีนี้ที่ต้องมีการจัดการร่างอย่างดีและถูกต้องให้ทันกับเวลา แต่ก็ต้องเป็นภารกิจที่ได้รับอนุมัติจากต้นสังกัด แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 20:43:00 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 20:38:38

ความคิดเห็นที่ 71 เราจะโหวตกระทู้นี้จนกว่าศิริราชมาชี้แจง จากคุณ : dreamin เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 21:42:45

ความคิดเห็นที่ 72 น่าสงสาร จขกท เก่า มาก ๆ ป่านนี้คงเสียใจสุด ๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : นภันต์-สุดขอบฟ้า เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 21:50:23

ความคิดเห็นที่ 73 Vote ka เจตนารมณ์ของคุณย่า ถึงแม้ท่านจะเสียไปแล้ว ควรรักษาไว้ การคืนเงินเป็นสิ่งสมควร แต่การคืนร่างคุณย่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะเป็นการเล่นแง่จิตวิทยากันเกินไป พูดง่ายๆ คือ กดดันคุณ จขกท. และ เป็นการทำให้คุณ จขกท. รู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำตามเจตนารมย์ของคุณย่าได้ จากคุณ : Florist Blossom เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 21:55:11

ความคิดเห็นที่ 74 กากมากครับ สำหรับการแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ น่าเสียดายชื่อเสียงครับ จากคุณ : tuwattua เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 22:44:10

ความคิดเห็นที่ 75 ก็ในเมื่อนี่เป็นการแก้ปัญหาของเขา เราก็ต้องยอมรับ แต่ส่วนหนึ่งหวังว่า ทางภาควิชาเองคงจะมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการไปรับอาจารย์ใหญ่ ก้เท่ากับว่ากลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ คือ ร่างคุณย่าอยู่จันทบุรี ซึ่งในระเบียบกำหนดไว้แล้วว่า ไม่สามารถที่จะรับมาเป็นอาจารย์ใหญ่ได้ เพราะอยู่ไกลรัศมีที่กำหนด ก็คงลงเอยกันเช่นนี้ แต่จุดที่ภาควิชาควรทำให้เป็นระบบเข้มงวดมากขึ้นได้แก่ ขั้นตอนการไปรับร่างที่เป็นกรณี พิเศษ ว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากใครบ้าง เพราะถ้าเป็นเคสปกติ ก็มีระเบียบแน่นอน ว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว กรณีที่ต้องรับนอกเหนือจากข้อกำหนด ควรมีผู้มีอำนาจอนุมัติ เขียนค่าใช้จ่ายต่างๆให้ชัดเจน และให้ญาติรับทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ถ้าพอใจกันทั้งสองฝ่าย ก็ออกไปรับได้ เรื่องโลงศพ ปกติญาติหาเอง แต่บางทีก็มีคนเสนอว่าจะใช้ของทางที่เค้ามีอยู่มั๊ย ราคาเท่านั้น เท่านี้ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องตกลง ความเห็นส่วนตัวของดิฉัน ถ้าคิดจะทำบุญแล้วก็ทำไปเถิด อย่าได้ขุ่นข้องหมองใจอะไรเลย จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 23:03:39

ความคิดเห็นที่ 76 หวังว่าจะมีใครคาบข่าวไปแจ้งอีกฝ่ายนะครับ จะได้มีชี้แจงให้เห็นกันชัดๆ จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 23:05:23

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าในระเบียบการบอกไม่มีการเรียกเก็บเงิน...ทำไมถึงยังมีเรียกเก็บเงินค่านู่นค่านี่อีกคะ? ถ้ามีแต่ค่าเสียเวลาจนท.เพราะอยู่นอกเขต+นอกเวลาราชการยังพอเข้าใจ(และราคาต้องสมเหตุสมผลด้วย) แต่แบบนี้ ในฐานะที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ไม่เข้าใจค่ะ อยากให้ผู้ที่โต้แย้งช่วยมาอธิบายเพิ่มเติมทีได้มั้ยคะ? อยากรู้ค่ะ จากคุณ : Chunsa เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 23:32:24

ความคิดเห็นที่ 78 เพราะกรณีนี้อยู่นอกเขตไงคะ หมายถึงว่าตามระเบียบการ เค้ารับร่างเฉพาะคนที่อยู่ในเขตรอบๆกรุงเทพเท่านั้นค่ะ ถ้ารับร่างในเขตที่กำหนด ไม่ต้องเสียค่าอะไร แล้วในระเบียบก็กำหนดอีกว่า โลงศพ ญาติต้องจัดหาเอง แต่ตามการปฏิบัติแล้ว ฝ่ายจัดการร่างอาจารย์ใหญ่มักจะมีการเสนอว่าจะเอาที่เค้ามั๊ย ราคา เท่านั้นเท่านี้ก็ว่าไป (คุณแม่สามีดิฉันก็ใช้โลงของที่เค้าเสนอมาเหมือนกัน เพราะเห็นว่าสะดวกดี แต่เข้าใจว่าส่วนนี้ไม่ได้เป็นของหน่วยงาน แต่เป็นของคนจัดการร่างเอง) ดังนั้นกรณีที่เป็นปัญหาอยู่นี้เป็นกรณีที่พิเศษ แตกต่างออกไป ก็มีการเก็บค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ 5 คน ค่าโลงศพ ซึ่งในเบื้องต้น ญาติที่ดีลอยู่ด้วยก็โอเคกับค่าใช้จ่ายนี้ แต่ญาติบางคนก็เห็นว่าเรียกเก็บเกินจริง ก็เลยมาโพสต์ถาม แล้วก็มีการร้องเรียนไปที่ภาควิชากายวิภาค จริงๆแล้วการมีประโยชน์แอบแฝงกับการจัดการร่างก็คงมีในลักษณะโลงศพ ซึ่งอาจจะแพงกว่าข้างนอก แต่ไม่ได้เป็นการบังคับว่าต้องซื้อของเค้าเท่านั้น ถ้าจะไปหาเอาที่อื่นก็ได้ อย่างคุณแม่สามีดิฉันเสียในโรงพยาบาล เอาร่างท่านไปสวดก่อน ก็ใช้โลงที่คนขับรถเค้าเสนอมานั้นแหละ เพราะจะได้ช่วยลดขั้นตอนลงได้ จะได้มีเวลาจัดการอย่างอื่น หรืออย่างเจ้าหน้าที่ที่ไปรับส่งเอง ถึงแม้จะในเขต ก็ให้ค่าตอบแทนสินน้ำใจเค้าเหมือนกัน เพราะปกติ เวลาคนมาช่วยทำนั่นนี่แล้ว คุณแม่เค้ามักจะมีสินน้ำใจให้เสมอ ก็คิดว่าทำบุญเผื่อคุณแม่ ในกรณีพิเศษแบบนี้ คิดว่าภาควิชาเองไม่ได้กำหนดตายตัวว่า ต้องจ่ายค่าอะไรเท่าไหร่ เพราะในระเบียบเค้ากำหนดไว้ ว่าไม่รับนอกเขต ดังนั้น คงเป็นการใช้วิจารณญาณของผู้ที่อยู่เวรในวันนั้น จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 00:14:27

ความคิดเห็นที่ 79 คนแบบจขกท.นี่แหละค่ะที่สังคมต้องการ คนที่ออกมายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง โปร่งใส จขกท.นี้ไม่ผิด จขกท.ที่แล้วที่ออกมาเรียกร้องก็ไม่ได้ผิด คนผิดคือเจ้าหน้าที่กับหัวหน้าภาควิชา เรื่องร่างของผ้บริจาคอยู่นอกพื้นที่แต่มารับโดยเรียกเก็บเงินแบบไม่มีใบเสร็จ แถมตอบคำถามไม่ได้ว่าค่าโลงมันมาจากไหนทั้งที่ไม่ได้ใช้ คงทำให้หลายคนที่อ่านเกิดความคลางแคลงใจ แล้วก็คงมีหลายคนที่ยกเลิกความตั้งใจที่จะบริจาคร่างกายให้กับทางศิริราช ถ้าจะแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนี้ คงห้ามให้หลายๆคนคิดไม่ได้ว่านอกจากเจ้าหน้าที่ที่มารับศพแล้วยังมีคนอื่นที่ได้ผลประโยชน์ด้วย จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 01:04:55

ความคิดเห็นที่ 81 บางท่านก็เหมือนไม่เข้าใจประเด็น จะอธิบายให้ฟังครับ 1  เรื่องที่ว่าเพราะไปรับนอกเขต จึงต้องมีค่าใช้จ่าย  อันนี้ทางญาติไม่ได้ติดใจอะไร เข้าใจดีว่าต้องมี   แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ค่าใช้จ่ายนี้มันไม่มีใบเสร็จให้ ซึ่งมันแปลก เพราะรถที่มารับก็รถภาควิชา น้ำมันหลวงหรือคนขับเติมเองเราคงไม่อาจทราบได้ มีค่าเบี้ยเลี้ยงอีก ซึ่งก่อนมารับ จนท ไม่ได้บอกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้เข้ากระเป๋าใคร จึงมีประเด็น เพราะญาติเข้าใจว่าเงินที่จ่ายนี้ เป็นการจ่ายให้ภาควิชา เป็นค่าใช้จ่ายในการมานอกเขต แล้ว จนท ค่อยไปตั้งเบิกเบี้ยเลี้ยงตอนหลังจากเงินก้อนนี้ แต่เมื่อไม่มีใบเสร็จจึงมาถาม  ถึงรู้ว่าเงินทั้งหมดเข้ากระเป๋า จนท ไม่ใช่เข้าภาควิชา 2  เรื่องหลอกขายโลงศพ   ตามระเบียบที่บอกให้ญาติจัดหาโลงศพเองนั้น น่าจะเป็นในกรณีที่ญาติต้องการนำศพกลับมาสวดทำพิธีก่อน หลังจากภาควิชาฉีดน้ำยาให้ หลังจากนั้นก็ส่งศพกลับไปยังภาควิชา เพื่อเตรียมเป็นอาจารย์ใหญ่ต่อไป แต่ในกรณีนี้ เข้าใจว่าญาติได้ตัดเล็บตัดผมคุณย่าสำหรับทำพิธีแล้ว ส่วนร่างหลังจากบริจาคไป ไม่จำเป็นต้องนำกลับมาทำพิธีแล้ว แต่ จนท ก็ยังหลอกขายโลงศพ  ซึ่งทางญาติไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ญาติที่จ่ายก็คงไม่ทราบว่าทำไมต้องมีโลงอีก แต่ก็จ่ายไป โดยเลือกแบบถูกสุดที่ จนท เสนอมา ทั้งที่ในการส่งร่าง ระยะเวลาขับรถแค่ไม่กี่ ชม ไม่จำเป็นต้องนอนในโลงก็ได้ และเข้าใจว่า จนท ที่มารับ ก็คงไม่ได้เตรียมโลงมา แต่พูดเสมือนกับโลงจะใช้หลังจากศพไปถึงภาควิชาแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงในกระบวนการหลังจากศพไปถึงแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้โลงอีก ดังนั้นเรื่องเรียกค่าโลง  จุดประสงค์หลักน่าจะเพื่อเรียกเงินให้มากขึ้นไปอีกมากกว่า แต่เนื่องจากผมก็ไม่แน่ใจกรณี จึงถามไป ว่าใช้โลงขั้นตอนไหนอีก แต่ไม่มีใครในภาควิชามาตอบในประเด็นนี้ คาดว่าเพราะตอบไม่ได้ 3  การคืนร่าง ท่านที่บอกว่านี่เป็นการแก้ปัญหาของเขา  ต้องยอมรับ ผมเชื่อในเจตนาดีของท่านที่มาแนะนำ และเชื่อว่าท่านคงไม่ใช่ร่างแปลงของคนในหน่วยงานนั้น แต่สำหรับคนนอกเช่นผม การแก้ปัญหาในลักษณะนี้ ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร มีแต่ทำให้ปัญหาลุกลาม และไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับได้   การทำบุญก็เช่นกัน ต้องเลือกทำอย่างมีสติ  ไม่ใช่ทำบุญกับคนทุจริต คนโกง หรือคนหลอกลวง หรือทำแล้วปล่อยเลยตามเลย ไม่เช่นนั้น ก็เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่ง ในการส่งเสริมคนชั่ว และเป็นการทำลายเจตนาทำบุญของคนดีอื่นๆ ด้วย แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 02:03:44 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 01:40:16 จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 01:38:57

ความคิดเห็นที่ 82 ปัญหามันจะไม่เกิดถ้า คุณบริจาคร่างและเป็นไปตามกำหนด เช่น จขกท บริจาคร่างและอยู่ในเขตที่ภาควิชากำหนด ถ้ามีการเรียกเก็บเงินเกิดขึ้น อันนี้ผิดเต็มๆค่ะ เพราะฉะนั้น ใครที่บอกว่า บริจาคร่างแล้ว ตายไปจะมีค่าใช้จ่ายอะไรไหม จะมีเงินจ่ายมั๊ย ก็คือไม่มีค่ะ ถ้าคุณเป็นไปตามข้อกำหนดเขา แต่ ถ้าคุณไม่เข้าข่ายนี้ เช่นอยู่ไกลเกินไป คุณอาจถูกปฏิเสธได้ (คิดว่าจากกรณ๊นี้ ศิริราชน่าจะปฏิเสธเคสที่ไม่เข้าข่ายอย่างจริงจัง)  แต่ถ้าญาติๆของคุณรู้สึกว่า ไม่ได้ยังไงก็ต้องบริจาคร่างตามเจตนารมณ์ของคุณให้ได้ มันก็จะเกิดเหมือนกับกรณีนี้ ที่มีการเรียกเก็บเงินที่มันไม่ได้กำหนดไว้เป็นระเบียบแน่นอน ดิฉันมองว่ากรณีนี้ที่เกิดขึ้นก็เพราะคำว่า ทำบุญ ค่ะ การทำบุญบางทีมันไม่มีเหตุผล บางคนเสียเงินเป็นหมื่น เป็นแสน เพียงเพราะอยากทำบุญ ถวายพระมั่ง อะไรมั่ง (โดยที่เราก็ไม่รู้ว่าพระเอาไปทำอะไร) เราก็ว่าอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าเค้าศรัทธา และนั่นเป็นเงินของเค้า กรณีนี้ก็เช่นกัน เมื่อญาติยอมรับว่าจะจ่ายเงิน ด้วยหวังว่าจะทำตามเจตนารมณ์ของผู้ตาย เพียงแต่อาจจะรู้สึกว่า ทำไมมันแพงจัง แต่นั่นก็เป็นความยินยอมของญาติเอง เมื่อมีการฟ้องร้อง ร้องเรียนเกิดขึ้น ก็เท่ากับว่า มีญาติที่ไม่ยินยอมพร้อมใจให้มันเป็นไปในลักษณะนี้ เพราะฉะนั้น ทางศิริราชก็ต้องมีการทบทวนว่าจะทำอะไรได้ในกรณีแบบนี้ (เดาเอานะคะ สำหรับเหตุผลที่เค้าส่งร่างคืน เนื่องจากญาติมีปัญหา) เห็นและรับรู้ค่ะ ว่ามันอาจจะมีช่องทางให้ทำมาหากินได้ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเรายินยอมให้เค้าไปแล้วในกรณีนี้  การที่ญาติได้สอบถามไปที่ศิริราชนั้น ดิฉันก็ว่าถูกต้องแล้ว และคิดว่าคงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับหนึ่ง ส่วนการตัดสินใจคืนร่าง ก็เป็นการตัดสินใจของภาควิชา ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียคือ ภาควิชาและญาติ หากเค้ายอมรับข้อเสนอ เงื่อนไขต่างๆนี้แล้ว เราจะทำอะไรได้ สิ่งที่เราต้องตระหนักก็คือ ถ้ามันจะเกิดกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับเราหรือคนใกล้ชิด ก็ควรจะมีการพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบถึงเงื่อนไขต่างๆ ให้ดีก่อน สอบถามให้เข้าใจก่อน เพราะการสอบถามทีหลัง มันอาจไม่เกิดประโยชน์มากนัก ป ล ดิฉันไม่ใช่ร่างแปลง แปลงร่าง ใดๆทั้งสิ้น คิดและเขียนตามความคิดอ่านของตัวเอง จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 02:32:23

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่มีเหตุผล ที่จะต้องมี "โลงศพ"   เห็นแล้วอนาถใจจริงๆ ใบเสร็จไม่มี  แต่พยานบุคคลมีไม่ใช่หรือครับ  และห้องสืบสวนของตำรวจก็มี จากคุณ : HODEมั๊กๆ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 06:26:45

ความคิดเห็นที่ 84 ไม่ไหวอะ ตั้งกะกระทู้ก่อนๆล่ะ ทางศิริราชเขียนมาแนวว่า คนบริจาคเยอะ เราอ่านกะอึ้งไปทีนึง เหมือนว่าคนบริจาคไม่สำคัญหรือยังไง พอมากระทู้นี้ถึงกับคืนร่างให้เลย ก็น่าจะรู้นี่มันเป็นเจตนารมย์ของผู้ตายและทางญาติก็ไม่ได้ขัดข้อง เพียงแค่ทำไมเก็บเงินไม่มีใบเสร็จ เขาไม่มีปัญหากับค่าใช้จ่าย แต่เขาอยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายนั้น "ถูกต้องไหม" เรื่องแค่นี้ทำไมศิริราชถึงไม่เข้าใจอะ แค่จัดการภายในให้ดีและชี้แจงถึงกรณีที่ไม่มีใบเสร็จก็น่าจะพอแล้ว แต่กลับเลือกประชดครอบครัวผู้บริจาค มันไม่ใช่เรื่องที่ซื้อได้ด้วยเงิน หรือ สินค้าไม่พอใจยินดีเปลี่ยนได้ซักหน่อย ทำกับร่างผู้บริจาคแบบนี้ ระบบการรับร่างก็ดูมีนอกมีใน แล้วต่อไปใครอยากจะบริจาคให้ ไม่พอใจก็มาส่งคืนเนี่ย ขนาดเราทำเรื่องบริจาคร่างกายไว้ บอกเลยว่า ไม่ปลื้มกับวิธีการแก้ปัญหามาก และวิธีแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ศิริราชไม่ปกป้องครอบครัวผู้บริจาคเลย ทั้งที่ปัญหากินเล็กกินน้อยก็มาจากระบบภายในทั้งนั้น จะบอกว่า คุณจะทำยังไงกับร่างก็ได้ ไม่พอใจก็ส่งคืน เอ่อ ถ้าบริจาคให้แล้วคุณมีความคิดแบบนี้ เราว่าเสื่อมมาก คนบริจาคเขาก็อยากให้ร่างเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ไม่ได้ให้เป็นประโยชน์ต่อเหลือบไร หรือ เอาไว้เล่นเกมส์ผลประโยชน์ แทนที่ศิริราชจะรักษาเจตนารมย์ผู้บริจาคอย่างเต็มความสามารถ แต่กลับไม่ทำ เราว่า ศิริราชก็รู้ทั้งรู้นะว่า ทางญาติ จขกท. จะต้องว่ายังไง และ จขกท.จะเป็นยังไง แต่ก็ยังเลือกทำแบบนี้ ทำให้ทางครอบครัว จขกท. ต้องมีปัญหาภายในกันเอง นี่เป็นสิ่งที่ศิริราชทำกับครอบครัวผู้บริจาคหรอ เหมือนแค่โยนปัญหาให้พ้นฝ่ายตัวเองก็พอ คนอื่นเป็นไงก็ช่าง ส่วนคุณ ดวงเด่นเดือน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้บริจาคหรอกค่ะ คนจะตายเขาไม่ได้เลือกที่จะมาตายหน้า รพ.ที่บริจาคได้ทุกคนหรอกนะ ถ้าหากใช้ไม่ได้คนที่ควรปฏิเสธแต่ต้น คือ ศิริราช และหากมีค่าใช้จ่ายก็ควรมี "ใบเสร็จ" แต่นี่ไม่มีและไม่เป็นระบบ   ปัญหา จขกท. คนเก่าไม่ได้อยู่ที่ค่าใช้จ่ายที่สูง แต่อยู่ที่เงินที่จ่ายไป มันถูกต้องหรือเปล่า ทำไมถึงไม่มีใบเสร็จ เงินที่จ่ายไปมันไปไหน ทางศิริราชเองก็เคยออกมาชี้แจงว่า มีการร้องเรียนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่สรุปสุดท้าย ก็จัดการกันแบบนี้ ตอบข้อสงสัยของสังคมไม่ได้เลย หวังว่าทางสถาบันแพทย์อื่นๆคงไม่ทำแบบนี้นะ จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 06:37:28

ความคิดเห็นที่ 85 ผมก็บริจาค ร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็แล้ววันหนึ่ง  หากผมลาจากหมดลมหายใจ  แล้ว เค้าจะคืนร่างผม กลับไปให้ทางบ้านผมมั้ย ก็ผมพูดไม่ได้แล้ว นี่น่า  รอแต่เน่า และก็เผาทิ้ง เจตนารมณ์ ที่ทำมาชั่วชีวิต เจตนารมณ์ที่เฝ้ารอ  สุดท้าย ไม่เป็นอย่างที่คิด จากคุณ : น่ารักม่ะเหมียวผม เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:16:11

ความคิดเห็นที่ 86 เลือกวิธีแก้ไขปัญหาได้ไร้หัวใจมาก ไม่เคารพเจตนารมณ์ของผู้ตายเลย เสียใจแทนครอบครัวเจ้าของร่างจริง ๆ ในกระทู้ต้นเรื่อง นึกว่า จนท. ปลอมตัวเป็นอาจารย์มาตอบกระทู้ เพราะการใช้เหตุผลทำให้ศิริราชดูแย่มาก ได้แต่ถอนใจ เมื่อรู้ว่าเป็นอาจารย์จริง ๆ การตัดสินใจคืนร่างมาให้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริง ๆ มีแต่คนไร้หัวใจเท่านั้นแหละ ที่จะทำอย่างนี้ได้ อยากให้ทางมหาวิทยาลัยทบทวนเถอะ อาจารย์ที่มีท่าทีอย่างนี้ มีแต่ผลเสียต่อทางมหาวิทยาลัย จากคุณ : หมูอ้วน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:16:47 A:180.183.71.80 X: TicketID:330431

ความคิดเห็นที่ 87 ถ้าเป็นเรื่องจริง เป็นถีงหัวหน้าภาค แก้ปัญหาได้ กลาก มากกกกก น่าจะมีใครส่งเรื่องการแก้ปัญหา ไปหา คนต่ำแหน่งที่สูงกว่านี้ น่าจะทำให้เด้ง จากคุณ : เป็นภารโรงแทนเถอะ (agngy) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:34:00

ความคิดเห็นที่ 88 Vote จากคุณ : Cybil เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:41:41

ความคิดเห็นที่ 89 จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่เราจะส่งเรื่องไปยังกระทรวง หรือหน่วยงานที่ศิริราชขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้นน่ะค่ะ เผื่อผู้ใหญ่ในหน่วยที่สูงกว่าจะให้ความสำคัญและมีวิสัยทัศน์มากกว่านี้ค่ะ ใจอยากให้ออกสื่อด้วย  แต่คิดว่าเจ้าของกระทู้ท่านแรกจะยิ่งมีปัญหาทำให้ลำบากใจมากกว่าเก่า ขอเป็นกำลังใจให้กับทั้งเจ้าของกระทู้ต้นเรื่องและเจ้าของกระทู้นี้นะคะ ^_^ จากคุณ : พู่กันกะจานสี เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:36:54

ความคิดเห็นที่ 90 ไม่เห็นด้วยที่ทาง รพ.คืนร่างเพื่อแก้ปัญหา ไม่ถูกต้องคะ จากคุณ : ผู้หญิงกลัวฝน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:59:14

ความคิดเห็นที่ 91 รู้สึกคุณดวงเด่นเดือนจะเข้าใจผิดไปเยอะ ในกรณีของคุณย่าจขกท.ก่อน เสียชีวิตอยู่นอกเขต ถ้าเจ้าหน้าที่และทางศิริราชทำตามระเบียบชัดเจน ก็คงแจ้งกลับไปแล้วว่าไม่ไปรับร่างเพราะอยู่นอกเขต แต่นี่กลับมารับร่างเฉยๆ โดยรถของทางหน่วยงาน แล้วมาถึงก็เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่น่าสงสัยอย่างค่าโลง(7,500) ค่าเบี้ยเลี้ยงพนง.(2,500) ค่าน้ำมัน (4,000) ในการเรียกเก็บเงินจนท.เป็นคนบอกตัวเลขนะคะ ไม่ใช่ญาติผู้ตาย ค่าโลงนี่ไม่ได้ใช้แต่ดันเรียกเงิน ผิดเต็มๆ ส่วนค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าน้ำมัน จะพยายามคิดในแง่ดีละกันว่าคนต้องกินต้องใช้ น้ำมันรถก็ต้องเติมถึงจะเป็นรถของหน่วยงานไม่ใช่รถส่วนตัวก็เถอะ แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนสงสัยคือ "ใบเสร็จ" ถ้ามันถูกต้อง เงินเข้าส่วนกลางไม่ใช่กระเป๋าใครมันก็ต้องมีใบเสร็จ ในเมื่อไม่มีให้ก็แปลว่ามีการทุจริตใช่ไหม แล้วทางศิริราชจะปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆหรือ ญาติอ.ใหญ่คนไหนไม่ร้องเรียนก็เงียบ คนไหนร้องเรียนก็คืนเงินคืนร่างให้มันจบๆไป กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทำบุญ แต่เกิดขึ้นเพราะมีเจ้าหน้าที่อาศัยช่องทางในการทุจริต ถ้ายังไม่กำจัดปัญหานี้ที่ต้นเหตุ แต่ทำแบบประชดประชันแบบนี้ ถ้าจำนวนผู้บริจาคร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้กับศิริราชน้อยลงก็อย่าแปลกใจนะคะว่าทำไม มันไม่ใช่เพราะคนอยากทำความดีน้อยลงหรอก แต่กลัวกรณีเรียกเก็บเงินแบบไม่มีใบเสร็จต่างหาก จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:13:06

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่ได้ตามมานาน อ่านหลายความเห็น เห็นบอกว่ายังไม่แก้ที่ต้นเหตุ สรุปว่าเจ้าหน้าที่คนที่ทำผิดกฏนั่น ยังไม่โดนลงโทษหรือโดนลงโทษอย่างไรคะ? เนื้อความในจดหมายราชการ หรือว่าการติดต่อส่วนตัว ยังไม่มีการขอโทษครอบครัวผู้เสียหายใช่หรือไม่คะ ? ตอนนี้ภาควิชามีการออกมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้รึยังคะ ? เพราะเราคิดว่าต้นเหตุจริงๆ อยู่ที่ เจ้าหน้าที่ ที่อาศัยช่องโหว่ไปรีดเงินจากผู้บริจาคร่าง ซึ่งนำความเสื่อมเสียมาให้กับต้นสังกัด ส่วนมาตรการเยียวยาก็น่าจะขอโทษ คืนเงิน ให้กับญาติผู้เสียหาย ส่วนมาตรการป้องกันก็ควรเข้มงวดยิ่งขึ้นค่ะ (แต่เชื่อว่าเดิมก็คงมีบทลงโทษอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีการลงโทษอย่างจริงจัง) --- ขอโทษที่แก้ไขหลายครั้งค่ะ ใช้เน็ตบุ๊คพิมพ์ไม่สะดวกเลย แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 14:50:39 แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 14:49:14 จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:44:16

ความคิดเห็นที่ 93 ตอบ #92 - เจ้าหน้าที่ถูกภาคทัณฑ์ - จดหมายราชการ ลงนามโดยหัวหน้าภาคฯ แจ้งคืนเงินทั้งหมด และให้ญาตินำรถมารับคุณย่ากลับ - ทำระเบียบใหม่ และห้ามออกไปรับนอกเขตโดยเด็ดขาด จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:49:21

ความคิดเห็นที่ 94 *93 ขอบคุณค่ะ สงสัยเจ้าหน้าที่คนนี้จะเส้นใหญ่จริงจัง ถึงยังไม่โดนไล่ออก น่าคิดว่าเรื่องยังคิดอยู่ที่ระดับภาควิชา (จากจดหมายลงนามแค่หัวหน้าภาควิชา) แสดงว่ามีการกั้นไม่ให้เรื่องขึ้นไประดับสูงกว่านั้น หรือ บอร์ดผู้บริหารโรงพยาบาลค่ะ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:57:12

ความคิดเห็นที่ 95 ถ้าคิดจะสู้ก็คงต้องเอาให้ถึงที่สุดเลยใช่ไหมครับ ลองติดต่อดูทางนี้ไหมครับ สำนักงานผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช Office of the Director http://www.si.mahidol.ac.th/th/division/shdi/ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.op.mahidol.ac.th/index.php?option=com_contact&view=contact&id=1&Itemid=49&lang=th จากคุณ : vkp_nirvana เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:08:30

ความคิดเห็นที่ 96 สำหรับเรา.... คำว่า "โรงพยาบาลศิริราช" ยิ่งใหญ่นะ ไม่ว่าจะทำอะไร หรือขอความร่วมมือสิ่งใด ไม่นานเกินรอ ทางศิริราชน่าจะประกาศ เวลารับผู้บริจาคทั้งร่างกายและอวัยวะ ว่าเฉพาะกรุงเทพ และปริมณฑล หรือมีจังหวัดอื่นด้วยก็ว่าไป ถ้านอกจากนี้ไม่ต้องมาบริจาค ไปตายที่อื่นก็ไม่ไปรับ น่าจะถูกต้อง ต่อไปเวลารับบริจาคเงิน ก็ต้องบอกด้วยว่าเฉพาะบุคคลอยู่จังหวัดใหนจึงจะบริจาคได้ เวลาโรงพยาบาลศิริราช จุฬา รามา เชียงใหม่ ศรีนครินทร์ (ขอนแก่น) ประกาศรับบริจาค เราก็ช่วยไปทุกครั้ง มากน้อยตามแต่กำลังทรัพย์ ทั้งๆ ที่บาง รพ.เราเห็นแต่ในทีวี แต่นั่นคือศรัทธา งานนี้ทำเหมือนเด็กทะเลาะกันจริงๆ แต่ผลที่ได้รับยิ่งกว่าเด็ก เพราะเป็นการที่สาธารณชนรับทราบ ทางคุณทราบว่ามีผู้ประพฤติไม่ถูกต้อง ทำไมไม่ชี้แจง ลงโทษ ขอโทษ จะปรับปรุงการทำงานใหม่ให้รัดกุม เรื่องก็จะไม่เป็นเรื่องใหญ่ไปมากมายในความรู้สึกของผู้ที่รับทราบ ศิริราชเป็นสถาบัน เป็นราชการ เราเสียเงินแล้ว ต้องมีใบเสร็จทุกครั้ง ถึงเงินไม่เข้าหลวง คุณจะนำไปเข้าสวัสดิการ คุณก็ต้องมีใบรับเงิน แหม เราก็อยู่ รพ.เล็กๆ แค่เงินที่ญาติบริจาคไม่กี่บาท ยังต้องออกใบเสร็จเป็นใบอนุโมทนา นอกจากไปหย่อนใส่ตู้ รพ.  หรือว่าจะมีระเบียบใหม่ที่รับเงินเองได้ กรณีนี้ถ้าเป็นหน่วยงานเรา ออกสถานเดียวค่ะ เข้าใจความรู้สึกของคนโพสต์ก่อนหน้า น้องเขาสงสัยค่ะ เขาสงสัยว่าทำไมต้องจ่ายตังค์ตั้ง 14,000 ถ้าจ่ายแล้วได้ใบเสร็จ (เป็นเรา เราก็จะสงสัย) ก็เป็นอีกกรณี คุณเล่นบอกว่าจะคืนร่างคุณย่าเขา คิดบ้างไหม ว่าจิตใจคนทั้งตระกูลเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรา บอกว่าจะคืนร่างคุณย่า พ่อเรา พี่ป้า น้า อา จะว่าเราอย่างไร แหม อยากอ่านจดหมายเต็มฉบับจังเลยค่ะ โรงพยาบาลศิริราช ชื่อเสียงดีมาตลอดค่ะ เป็นร่มไม้ให้หลายคนพักพิงอาศัย ที่หายป่วย หายไข้ มากมายทั้งประเทศ ชื่อเสียงศิริราชไม่เสียหายค่ะ ถ้า คุณ หน.ภาควิชาฯ จะทำให้ทุกอย่างโปร่งใส  ขอโทษ ลงโทษ คืนเงิน จะปรับเปลี่ยนระบบใหม่ แต่นี่คุณทำเหมือนคนทะเลาะกัน โกรธกัน เอาของเธอคืนไป เหมือนไม่บรรลุนิติภาวะทางอารมณ์ (เหมือนเราทะเลาะกับแฟนเล้ย  จริงๆ) โกรธกันก็คืนของ ไม่ทราบว่าทั้งภาควิชาเขาเห็นด้วยกับคุณหรือไม่ จากคุณ : ฟ้า (ฟ้ากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:50:05

ความคิดเห็นที่ 97 คืนร่างกันเลยทีเดียว นี่หรือคือการแก้ปัญหา ?? ถ้าจำไม่ผิดพ่อผมบริจาคไว้แล้วด้วย...ยังไงดี จะเอายกเลิกหรือจะรอให้ศริริาชเอามาคืน เศร้าใจ... จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 16:51:57

ความคิดเห็นที่ 98 ขอถามหน่อยครับ ทำไมต้องคุณเจ้าของกระทู้นั้น ได้รับแรงกดดันทั้งจากทางศิริราช รวมถึงญาติๆ เองด้วย สงสัยตรงแรงกดดันจากญาติ ๆ อะครับ แล้วสุดท้ายคุณประกอบ ต้องการให้ลงเอยอย่างไรครับ แล้วปัจจุบันคุณเจ้าของกระทู้นั้น มีความสุขดีหรือไม่ บางครั้งถ้าเรื่องมันจบลงไปแล้ว ถ้าญาติ ๆ ทราบเรื่องกระทู้นี้ อาจจะทำให้คุณเจ้าของกระทู้นั้น มีปัญหากับญาติ ๆ ก็ได้นะครับ ปล.1 อยากให้ไล่ออกเจ้าหน้าที่คนนั้น ครับ ปล.2 บทลงโทษคงถูกกลั่นกรองมาอย่างดีที่สุดแล้วครับ จากคุณ : อยากให้จบด้วยดี เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 18:42:45 A:115.87.238.87 X: TicketID:343114

ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้มีหนังสือตอบเป็นทางการ แจ้งผลการวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว กระบวนการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ก็จะมีต่อไป และจะมีขึ้นอย่างแน่นอน แต่คงไม่เหมาะสม และยังไม่สามารถกล่าวในทีนี้ได้ ก็ขอผู้อ่านให้กำลังใจ และร่วมติดตามกันต่อไปนะครับ จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 19:04:14

ความคิดเห็นที่ 100 คห.98 ที่ว่าได้รับแรงกดดันจากญาติๆก็คือ ถ้ารับร่างคุณย่าไปแล้วก็จะเกิดกรณีถกเถียงในหมู่วงศาคณาญาติครับ ว่า ไปตั้งกระทู้ทำไม เงินจำนวน 14000 จ่ายได้ การทำเช่นนี้ทำให้ไม่เป็นประสงค์ของผู้เสียชีวิต แบบประมาณว่า เสียชีวิตไปแล้วก็ทำความหวังสุดท้ายของท่านไม่ได้ รวมถึงน่าจะเรื่องความยุ่งยากของการนำศพกลับเพื่อนำไปประกอบพิธีอีกครั้งครับ ผมว่าน่าจะประมาณนี้น่ะครับ จากคุณ : Coppich เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 19:09:24

ความคิดเห็นที่ 101 ถ้าการตัดสินใจของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ เป็นอย่างที่คุณประกอบกล่าวจริง ขอยืนไว้อาลัยกับการกระทำของผู้บริหาร "ชื่อเสียงของสถาบันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะให้ผู้บริหารอย่างพวกคุณมาย่ำยีได้"   Quality Assurance ของมหาวิทยาลัยได้รับการยอมรับในระดับสากล แต่ต้องมามีจุดด่างเพราะการตัดสินใจของผู้บริหาร...... ขอส่งเรื่องนี้ให้หน่วยงานประเมินคุณภาพพิจารณา จากคุณ : อยู่ อย่าง แมว เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 19:27:41

ความคิดเห็นที่ 102 # 98 ก่อนที่เรื่องมาถึงขั้นตอนนี้ ญาติของ จขกท. ได้รับโทรศัพท์กดดันจากนายเอกว่าภาควิชาจะคืนร่างคุณย่า และยังใช้คำพูดไม่เหมาะสมอีกหลายประการ ทั้งยังอ้างถึงสิ่งที่ไม่ควรนำมากล่าวอ้าง เพื่อให้กดดันให้ จขกท. ยุติเรื่องนี้ค่ะ ทางญาติๆ จึงโทรมาหา จขกท. เพื่อให้ยุติเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าร่างของคุณย่าจะถูกส่งคืนทำให้ไม่ได้ทำตามเจตนารมณ์ของคุณย่า อีกทั้งเกรงว่าจะเป็นการระคายเคืองฯ ตามที่นายเอกกล่าวอ้าง เรื่องควรจะลงเอยอย่างไร คุณประกอบได้ให้แนวทางการแก้ปัญหาไว้ชัดเจนแล้ว อ่านและพยายามทำความเข้าใจนะคะ ไม่ได้ยากเกินไป เชื่อว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวไหน ก็คงไม่มีใครที่จะมีความสุขไปได้หรอกค่ะ เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ เพราะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น แค่ลงโทษผู้กระทำผิด และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เรื่องพ้นตัวไปยังไม่พอค่ะ ควรต้องมาตรการป้องการทุจริตคอรัปชั่นด้วย และองค์กรเองก็ไม่ควรมีส่วนร่วมส่งเสริมให้มีการทุจริตคอรัปชั่นต่อไป การแก้ปัญหาของ หน. ภาค ทำทุกอย่างให้กลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนหลับตาข้างนึงเพื่อเปิดช่องให้ จนท. กระทำผิดได้ต่อไปค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 19:50:32 จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 19:43:18

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณ คห.100 ครับ ^ ^ ผมขอเชื่อและศรัทธาใน คห.99 นะครับ ขอให้ทุกท่านในนี้ใจร่ม ๆ นะครับ เพราะผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ พวกเรากำลังผิดหวังในระบบการบริจาคร่างกาย เห็นใจเจ้าของกระทู้ เห็นใจเจตนารมณ์ของคุณย่า เห็นใจท่านหัวหน้าภาคฯ (ประหนึ่งท่านตัดสินใจเพียงผู้เดียว) ผมว่า เราน่าจะช่วยหาทางออก ระดมความคิดกันอย่างจริงจัง บ้างครั้ง สิ่งที่เรากำลังคิด อาจเป็นสิ่งที่ผู้บริหาร มองข้ามไป หรือจริง ๆ แล้วไม่สามารถทำตามได้เนื่องจากกฏระเบียบใด ๆ ก็ตาม(เดาล้วน ๆ) สังคมจะดีขึ้น ถ้าพวกเราร่วมมือกัน เหมือนที่คุณประกอบบอก "ช่วยแนะนำเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นทางออกที่ดีให้กับทุกฝ่ายด้วย" ปล.1 "ปลาเน่า" ตัวเดียวเดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่ก็ทำให้สังคมเรากำลังก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน ปล.2 เพราะอะไรญาติ ๆ ถึงรับร่างคืนโดยไม่ทักท้วง มันเลยทำให้ผมกลับไม่ติดใจเรื่องคืนร่างนะครับ (แต่คิดว่าไม่ยุติธรรมกับเจตนารมณ์ของคุณย่าเลย) ฝากคุณประกอบกับคุณ คห.99 ติดตามผลด้วยนะครับ แล้วจะแวะมาให้กำลังใจบ่อย ๆ (ธรรมดาอ่านเฉลิมไทย) ^ ^ จากคุณ : อยากให้จบด้วยดี เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 19:58:14 A:115.87.238.87 X: TicketID:343114

ความคิดเห็นที่ 104 คคห 91 อันนี้จากญาติคุณย่า เจ้าของเรื่อง     เช้านี้            โทรปรึกษาคุณอีกท่านก่อน  คุณอาแนะนำว่า ถ้าจะโทรเข้าไป ให้โทรเข้าไปแนวๆขอคำปรึกษา   พูดกับเค้าดีๆ   ให้เราคิด  ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวนมันเกิดไปแล้ว  คุณย่าท่านจะไม่สบายใจถ้าลูกหลานไม่สบายกันแบบบนี้  จากที่อาคิดว่า   เพราะคุณย่า ณ. ขณะนั้น     อยู่นอกเหนือหลักเกณฑ์ของทาง ร.พ.แล้ว     ในส่วนค่าใช้จ่ายตรงนี้  อาจเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับญาติ  ก็เป็นได้   อาไม่อยากให้เป็นการไปถามแบบเอาเรื่อง  คุณย่าก็ไปสบายแล้ว  เราจึงได้เย็นลง และ ตั้งสติ เวลา 8.56 น. โทรเข้าไปที่  เบอร์ 02-411 2007 โดยขอเรียนสาย คุณเอก จิตเที่ยง ปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย  หันไปถามคนรอบข้าง ว่าเอก จิตเที่ยง มาหรือยัง หันมาแจ้งเราว่า ยังไม่มา   ให้โทรเข้ามือถือ  เบอร์.... แต่เราบอกว่าเรา มี เบอร์มือถือเค้าแล้ว  งั้นขอคำปรึกษา คุณก่อนเลย  ละกัน คุณเองก็เป็น จนท .  ตรงนี้ใช่ไหมคะ ครับ จึงขอเรียนว่า    ในกรณีบริจาคร่างกาย แต่ ณ. ขณะนี้ ไม่ได้อยู่ในหลักเกณฑ์ของทาง ร.พ.  แล้ว  แต่อยู่ ตจว.  คือว่า... เป็น หลานน่ะค่ะ   พอดีที่บ้านสงสัยเลยให้ขอข้อมูล    กรณีของคุณย่า ที่บริจาคไป แล้วมีค่าใช้จ่ายเนี้ย  ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เกิดจากอะไร   ปลายสาย  หากร่างที่บริจาคอยู่นอกหลักเกณฑ์แล้วมีค่าใช้จ่าย     ทางคนรับงานจะต้องตกลงกันเองกับทางฝ่ายญาติ    ว่าถ้ามีค่าใช้จ่ายแบบนี้ๆ  เท่านี้ๆ จะโอเคไหม        สรุปว่า  มันเป็นการตกลงกันเองของทั้งสองฝ่าย เราถามต่อว่า  เงิน จำนวนพวกนี้ เข้าโรงพยาบาลไหม  ข้อนี้ตอบมาดูเหมือนอึกอักเล็กๆ  แต่ก็ตอบว่า   ใช่คับ        เราถามต่อว่า  เป็นการตกลงกันเอง  ระหว่างญาติกับคนรับงาน  จึงไม่มีใบเสร็จให้ ถูกต้องไหมคะ        ปลายสาย ครับ เราถามต่อว่า    ร่างที่บริจาค ไปอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชจริง สามารถติดตาม  ว่าขณะนี้  ถึงขั้นตอนไหน   ยังไงแล้ว  ถึงบ่อใหญ่หรือยัง  สามารถขอข้อมูลกับทาง ร.พ.ได้   ถูกต้องไหมคะ   ปลายสาย ครับ เราจึงขอบคุณและวางสาย     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  เป็นเพราะคนจ่ายเงินเป็นญาติ  แล้วมาแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายให้พ่อทราบ    คุณพ่อท่านสงสัยเรื่อง ค่าใช้จ่ายที่เสียไป  คืออะไร  จึงให้เราหาข้อมูล     โดยส่วนคิดเหมือนกับคุณอาบอก อาจจะอีกจ๊อปนึงของคนในนั้น  ที่ทำตรงส่วนนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกกับญาติ  และเค้าตกลงกันเองกับญาติแล้ว                                 สรุป    มันเป็นข้อตกลงกันเองขอทั้งสองฝ่าย ขอบคุณทุกความเห็น  และกำลังใจทุกแรงใจค่ะ จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 20:14:57

ความคิดเห็นที่ 105 อ่า สรุปว่าถ้าเสียชีวิตนอกพื้นที่จะต้องเสียเงินค่าจิปาถะให้ รพ. เองแล้วแต่จะตกลงเหรอคะนี่ แย่แระ ยังไงก็ขอบคุณเรื่องราวที่นำมาเสนอค่ะ เดี๋ยวไปถาม รพ.ตรงๆก่อนบริจาคดีกว่า (แต่ว่าไม่ใช่ที่ศิริราชนะ) จากคุณ : ginjung เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 20:42:54

ความคิดเห็นที่ 106 ตกลงว่าคุณเด่นดวงเดือนนี่เป็นใครกันแน่ เป็นญาติเลยใช่ไหม ข้อความที่ยกมา คือนำมาจากไหน ต้องการจะบอกว่า ญาติยินยอมจ่ายเงินไปแบบส่วนตัวเอง ว่างั้นเถอะ คณะฯ จะมีหน่วบงานที่อำนวยความสะดวก โดยเงินไม่เข้าคณะฯ ได้อย่างไร อ่านกลับไปกลับมาอย่างไรก็ได้ความว่าเงินเข้าส่วนตัว แม้จะตกลงกันหรือไม่ตกลงกัน ก็เบียดบังเวลาราชการ และใฃ้รถหลวง แต่เงินรับมาส่วนตัว ทำได้ด้วยหรือครับ เป็นหน่วยงานราชการที่ดีจัง จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 20:44:44

ความคิดเห็นที่ 107 จาก คห 104 ตรงนี้แหละที่เป็นประเด็น และอาจเป็นข้อมูลบิดเบือน ...เราถามต่อว่า  เงิน จำนวนพวกนี้ เข้าโรงพยาบาลไหม  ข้อนี้ตอบมาดูเหมือนอึกอักเล็กๆ  แต่ก็ตอบว่า   ใช่คับ... เงินที่เข้า รพ ทุกรายการ ต้องสามารถออกใบเสร็จรับเงินได้ กรณีนี้มีปัญหา เพราะดูเหมือนว่า เงินจะไม่ได้เข้า รพ พอ จขกท ท้วงเรื่องทำไมไม่มีใบเสร็จ เท่านั้นแหละ...เป็นเรื่องใหญ่ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 20:51:30 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 20:50:59

ความคิดเห็นที่ 108 เรื่องโลงศพ ดิฉันไม่ทราบว่า มีโลงมารับศพคุณย่าของ จขกท ต้นเรื่องหรือไม่ แต่ในกรณีคุณแม่สามีดิฉัน ซื้อโลงจาก รพ นำกลับมาสวด แล้วตอนนำร่างไป รพ ก็ใส่โลงนั่นแหละไป ทราบค่ะ ว่าหลังจากนั้นก็คงเอาร่างไปดอง โลงก็คงไม่ได้ใช้ ซึ่งมันอาจจะไปอยู่ที่ไหนซักแห่งก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ จะเอาคืนหรือ? (คุณแม่สามีดิฉันเสียที่ รพ พระมงกุฏค่ะ ไม่ใช่ศิริราช) โลงนี้ไม่ได้ถูกขายโดย รพ แต่เจ้าหน้าที่ถามว่าจะให้ติดต่อให้หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าจะมีใบเสร็จก็คงต้องออกโดยคนขายโลง ส่วนในกรณีนี้ ดิฉันไม่ทราบว่ามีความจำเป็นต้องใช้โลงมากน้อยขนาดไหน แต่หากเป็นเรา ก็คงอยากทำอะไรให้ผู้ที่เสียชีวิตอย่างดีที่สุด เมื่อมีคนที่ดูจะรู้กว่าเสนอว่า ใส่โลงไปมั๊ย ดิฉันก็คงทำ ดีกว่าให้ร่างคลุมผ้าขาวไปแบบนั้น ดิฉันมองเห็นค่ะ การที่เป็นเคสที่ไม่ได้มีระเบียบกำหนดไว้แน่นอน จะเป็นช่องโหว่ ที่ทำให้เกิดผลประโยชน์แอบแฝงได้ สิ่งที่ จขกท ต้นเรื่องได้ทำไปคือ การสอบถามร้องเรียน ซึ่งดิฉันก็คิดว่าถูกต้องแล้ว เพราะคงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น หรือเป็นการกำหราบ จนท ที่คิดจะใช้ช่องทางนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน มาตรการก็คงเข้มงวดขึ้น แต่จากการอ่านในกระทู้ หลายๆความคิดเห็นก็จะบอกว่า บริจาคร่างแล้วต้องเสียเงิน ตายแล้วจะเอาที่ไหนไปเสีย มันคนละกรณีกับที่เกิดขึ้นเลยค่ะ บางคนบอกเลือกที่ตายไม่ได้ ใช่ค่ะ ถ้าคุณตายไกล ที่บริจาคมาก คุณก็คงไม่ได้บริจาคร่างนั้น มันก็แค่นั้น แต่ถ้าคุณมีจิตตั้งมั่น แค่จิตตั้งมั่นในการทำความดีของคุณก็คงส่งผลบุญไม่มากก็น้อย กรณีการดำเนินการของศิริราช เท่าที่อ่านพอปะติปะต่อได้ว่า เจ้าหน้าที่ถูกลงโทษ ส่วนมาตรการต่างๆอะไรอย่างไร เราไม่รับทราบเพราะมันเป็นเรื่องภายในภาควิชา เค้าอาจจะมีหรือไม่มี แต่เรื่องของเราคือ เราต้องรับผิดชอบตัวเอง ต่อแต่นี้ ถ้าคุณหรือญาติมาบริจาคร่างไว้ ตายในเขต ไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อไหร่มีอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ให้ฉุกคิดไว้เลยว่าผิดปกติ ถ้าอยู่นอกเขต ศิริราช คุณอาจต้องโดนปฏิเสธ หรือถ้ามีการเสนอมา ต้องดูและคิดให้รอบคอบ การตัดสินใจของทางภาควิชาที่คืนร่าง เราเองก็ไม่อาจทราบว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไร ทั้งนี้ทั้งนั้น บุคคลที่ได้รับผลกระทบนั้นๆ ถ้าคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เหมาะสม ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:29:10

ความคิดเห็นที่ 109 ผมเข้าใจว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้  ตามระเบียบแล้ว ถือว่า ทางร.พ.ไม่สามารถจัดรถไปรับร่างของอาจารย์ใหญ่ได้ (นอกเขต) นั่นคือ ถ้าทางญาติต้องการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ก็ต้องนำส่งร่างเอง แต่ญาติได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ โดยมีค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งตามที่ตกลง จึงน่าจะเป็นว่า ค่าใช้จ่ายนั้น ไม่ได้เข้าร.พ. เพราะไม่ได้เป็นไปตามระเบียบปกติอยู่แล้ว ร.พ.จึงไม่มีใบเสร็จให้ ขอให้ทำความเข้าใจกันได้ และจบลงด้วยความพอใจทุกฝ่ายนะครับ เอาใจช่วยครับ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 06:24:43 จากคุณ : Dr.Peter98 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:45:35

ความคิดเห็นที่ 110 สุดยอดเลย อีคิวสูงมากนะ คืนร่าง คืนเงิน พร้อมไม่คิดค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม 555 ความคิดระดับห้าดาวเลยค่ะ ทำไปได้ เรื่องค่าใช้จ่าย ถ้ามันถูกระบุมาในระเบียบการรับบริจาคร่างกาย รับรองว่าจะไม่มีใครมาตั้งคำถามว่าทำไมต้องจ่าย ก็ในเมื่อระเบียบบอกไม่มีแต่มันเกิดขึ้น ก็หาคนผิด หาต้นเหตุ แล้วมาตอบข้อสงสัย ใครมันจะด่ารพ.ตะพึดตะพือ ไม่ฟังเหตุฟังผลหล่ะ การนิ่งเฉย หรือการคืนร่างนี่สิ มันน่าด่ามั้ยหล่ะ จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:46:44

ความคิดเห็นที่ 111 อ่านแล้วดราม่าสุดๆอ่ะ  มีความคิดอยากบริจาคร่างกายเหมือนกัน ตอนนี้ผิดหวังเลยค่ะ จากคุณ : จ่อย (นู๋เมล์จ้ะ) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:03:19

ความคิดเห็นที่ 112 คุณ ดวงเด่นเดือน คะ ขอยอมรับว่า ข้อความที่คุณ นำมาแปะให้ได้อ่านเนี้ย ถูกต้อง เป็นความจริง และถ้าอ่านต่อๆ ไป จนหมด  ไม่ใช่หยุด แค่ตรงนั้น ดิฉันต้องไปหาหญ้าฟาง รับทานต่อแบบ งง ๆ ต่อไป จนตลอดชีวิต  ใช่ไม๊คะ จนมีแสงสว่างเปิดทาง หรือสะกิด ให้ คิด เฮ้ยย..มันไม่ใช้แล้วนะ แบบนั้น มันผิด คุณเข้าใจความรู้สึกของดิฉันไม๊ค่ะ (อ่านดูแล้ว คิดว่าคงไม่) ที่โทรไปเข้าใจประเด็นไม๊คะ  ถ้าเกิดเงินจำนวนนั้น เข้า ร.พ. จริง  เป็นเงินที่สามารถไปทำประโยชน์กับทาง ร.พ . ไม่ได้ไปเข้ากระเป๋าใคร หรือกลุ่มคนใดคนนึง  กล้าสาบาน ไม๊คะ ใครจะไปว่าอะไร  มีใบเสร็จแจกแจงมา ก็จบ จริงๆ แล้วดิฉัน วางสายไป แบบ เออ ตูโง่เอง บัฟเอง ญาติไปตกลงกับเค้าเอง เค้าเรียกมาเท่าไหร่ก็ไปจ่ายเค้าเอง มันเป็นจ๊อบนอกของเค้ากันเอง  เค้าเอารถหลวงมารับจ๊อบนอกกันเอง เค้าเสนอค่าโลง ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าน้ำมัน ก็ไปสมยอมกับเค้าเอง ดิฉันกล้าสาบาน  ว่าญาติมิได้ไปอ้อนวอน ร้องขอ ให้ จนท. เหล่านั้นมารับ แต่อย่างใด ,,,,,,, หลังจากที่คุณเขียว สะกิคแรงๆ และ เพื่อนๆท่านอื่น ช่วยเปิดตา เปิดกะโหลก เปิดกะลา เฮ้ยย  ความถูกต้องละ    สิ่งที่ถูกต้องละ ..... ดิฉันเจออะไรมาหรอ อาจารย์บุญส่ง ที่ครั้งแรก จากการพูดคุย โอ้วว แม่เจ้า ท่านช่างใจดี อธิบาย นั้นนี่ ปลื้มค่ะ  ยอมรับ .... จากที่คุยไป  ท่านไม่ได้เข้าข้างคนของท่านเลย ยอมรับอยูว่าทางนั้นก็ผิด สรุป แค่รอเอกสาร ตอบกลับนะ  ท่านก็รับปาก จะคืนค่านั้นนี่ให้  จะจัดการให้  ไอเราก็อืม รอ  อย่างที่มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง สะหน่อย  ไม่เท่าไหร่   มี จนท หญิงท่านนึงโทรมา แนะนำตัวว่า เป็นหัวหน้า ของนายเอก ดิฉันโดนตำนิก่อนเลย  ที่ว่านำเรื่องนี้มาถามหาข้อมูลกับเพื่อนๆในนี้ สร้างความเสื่มเสียให้กับทาง ร.พ. ให้เราหยุด ปิดกระทู้ เสีย ขอเจอ นัดเวลา ไอเราก็ ยังอึกอัก แต่ ชี พยายาม จะให้นัดให้ได้ เราก็บอกเราต้องลางานไป  ชีก็บอก เสาร์ อาทิตย์ก็ได้ พี่จะสละเวลาไปเจอ จนเราก็ยอม นัดเป็นวันอาทิตย์   ไปเจอเพื่ออะไรรู้ไม๊คะ เพื่อนๆ   ชีบอกว่า  ชีจะเอาเงินส่วนตัวที่ได้จากเงินช่วยเหลือค่าน้ำท่วมที่รัฐจ่ายให้ 5000บาท ให้เรา (มีถามก่อนว่า น้องจะเอาเงินคืนเท่าไหร่ละ ไอเราก็มึนๆอยูบอกไม่ทราบคะ ต้องปรึกษาญาติก่อน แล้วชีก็รีบเสนอมา )   ไม่นานห่างกันไม่เกิน ชัวโมง อาจารย์บุญส่งท่านโทรมา ขอให้ลบข้อมูลให้หมดเลย แต่ดิฉันก็บอกไปว่าจะลบตรงความผิดที่ไม่เกี่ยวกับความผิดในครั้งนี้เท่านั้น ดิฉันก็แจ้ง อาจารย์ไปว่า เมื่อกี้นี้มี จนท หญิงท่านนึงโทรมา ตำนิ ดิฉัน แกก็ว่า  อ้าวโทรได้ไง เมื่อกี้ยังนั้งประชุมกันอยู่เลย จะโทรไปได้ยังไง ?? ดิฉันว่าไม่ทราบ  และขออนุญาตวางสายไปก่อน  เพราะไม่ไหวที่จะคุยต่อ จากตอนแรกที่ว่าจะไป พบ จนท.หญิง ท่านนั้น  แต่พอได้ปรึกษาท่านผู้รู้ทั้งหลาย  สรุปว่าไม่ไปดีกว่า เลยโทรไปบอก ชี จขกท ...พี่ค่ะ หนูไม่ไปแล้วนะค่ะ ชี.....ทำไมละ   จขกท.....หนูว่าไม่ไปดีกว่า หนูรู้แล้วว่า หนูไป หนูจะเจออะไรบ้าง ชี.......ทำไมละ ก็ เจอพี่นี่ไง จขกท......ไม่ละค่ะ ชี.......ตามใจ  (น้ำเสียงไม่แยแสมากกกกก ) สวัสดีค่ะ ล่าสุด หัวหน้าภาคโทรมา น่าจะเป็นท่านเดียวกับที่ส่ง เอกสารไปให้ ญาติของ ดิฉัน ทั้งๆที่ดิฉันส่งเอกสาร ไปด้วยตัวเองที ศิริราช หัวหนังสือ ก็บอกให้ตอบกลับมาที่ดิฉัน  แต่ท่านกลับส่งไปที่ญาติ  เอกสารของดิฉัน ส่งถึง คณบดี ไม่ใช่ ถึงแค่หัวหน้าภาค (ตอนนี้ญาติกับดิฉันเข้าใจกันแล้วนะคะ เพื่อนๆไม่ต้องห่วง) เอ่ย คำแรก มาว่า จนท หญิงท่านนั้น โทรไปขอนัดเจอแล้วไม่ใช่หรอ คุณไม่ไปเจอเค้าเอง ????? โทรมา อธิบาย ถึงหลักขั้นตอนการบริจาค  (ทราบแล้ว) คุยไปคุยมาก็ว่าจะคืนเงินนั้นนี่ให้ เราบอกว่าขอการตอบกลับมาเป็นเอกสาร เรื่องค่าใช้จ่ายขอเป็นใบเสร็จ จะคืนให้เท่าไหร่ก็แจกแจงมาในเอกสารได้เลย จะรอรับ แต่ สุดท้าย การตอบกลับ มา ก็เป็นอย่างที่เพื่อน ๆ ได้รับทราบ ตอนนี้ นี่แหละค่ะ จากคุณ : deerja เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:17:24

ความคิดเห็นที่ 113 ประเด็นทางกฎหมายที่ต้องทำความเข้าใจ น่าจะมีว่า คำว่า "ตกลง" ที่คุยกัน หมายถึง ตกลงอะไร 1. ตกลง ตามที่เค้าเสนอมา เพราะ จนท. แจ้งว่ามีค่าอะไรบ้าง 2. ตกลง เพราะเราไปกราบกราน เสนอค่าตอบแทนให้เค้าเอง เห็นไหมว่า "ตกลง" เหมือนกัน แต่ "เนื้อหา" สาระของการตกลง ต่างกัน ถ้าตกลง ตามแบบที่ 1 เป็นผม ผมก็ตกลง เพราะเข้าใจว่าค่าใช้จ่ายเข้าศิริราชหนะสิ แต่ไม่ว่าจะ "ตกลง" ตามแบบ 1 หรือ 2 แต่ถ้าผลที่สุด เงินเข้า จนท. เป็นการส่วนตัว โดยใช้เวลา ใช้รถราชการ และกระทำการโดยในฐานะ จนท. แล้ว จนท. ท่านนั้นจะไม่เป็นการ "ประพฤติทุจริต" ต่อหน้าที่หรือ ? จะไม่เป็นการเรียก รับ / ปกปิดข้อความอันควรแจ้ง หรือฉ้อโกงหรือ ? แหม แต่คำว่า "ตกลง" คำเดียวนี่ บิดพลิ้วไปได้ไกลกันเหลือเกินนะจ๊ะ จากคุณ : Radiant, Archangel เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:52:24

ความคิดเห็นที่ 114 เฮ้อ เข้ามาให้กำลังใจ จขกท ทั้งกระทู้นี้และกระทู้โน้น จากคุณ : Deckard เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:00:17