ความคิดเห็นที่ 1 “ หมอที่ดี “ ในความเห็นของผม คือ หมอ ที่ ... ๑. ให้คำอธิบาย คำแนะนำ เกี่ยวกับ ความเจ็บป่วย ว่า เป็นโรคอะไร แนวทางรักษาเป็นอย่างไร วิธีดูแลตนเองทำอย่างไร ฯลฯ ๒. ตอบข้อซักถาม ของผู้ป่วย (ญาติ) จนเข้าใจ ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ไม่หงุดหงิด พูดจาสุภาพ ๓. มีเวลาให้กับ ผู้ป่วย และญาติ (ตามสมควร) ๔. ถ้าเป็นหมอผ่าตัด ก็ต้องคอยดูแล ทั้งก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัด จนกระทั่งคนไข้กลับบ้าน ก็นัดผู้ป่วยมาตรวจ ติดตามอาการ เป็นระยะ ๕. มีความรู้ ที่ทันยุคทันสมัย และ ให้การรักษาตามหลักวิชาการ จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:10:38

ความคิดเห็นที่ 2 แล้ว “ ผู้ป่วย และ ญาติผู้ป่วย ที่ดี “ ในความคิดของผม คือ ผู้ป่วยและญาติ ที่ ... ๑. สนใจ ศึกษาหาความรู้ และ คิดพิจารณา อย่างมีเหตุผล ว่า ความรู้ที่หามาได้นั้น “น่าเชื่อถือ” หรือไม่ ๒. เตรียมข้อมูล เรียงลำดับเหตุการณ์ อาการ ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการรักษาที่ผ่านมา ๓. ถ้ามีข้อสงสัย ก็ซักถาม แพทย์ จนเข้าใจ ด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ไม่หงุดหงิด พูดจาสุภาพ ๔. ให้ความศรัทธา เชื่อถือแพทย์ที่รักษา โดย ดูแลรักษาตนเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรวจตามนัด ๕. มีความเข้าใจ และ ยอมรับความเป็นจริง ไม่คาดหวังมากจนเกินไป จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:11:11

ความคิดเห็นที่ 3 ปล. ตัวผมเอง ไม่ได้เป็น หมอที่ดี ตามที่ผม(คิด) เขียนไว้ข้างต้น หรอกนะครับ แต่พยายามเป็น หมอ ผู้ป่วย และ ญาติ ที่ดี ตามที่คิดไว้ ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง ก็จะพยายามต่อไป แถมอีกนิด มีคนให้คำนิยามของคำว่า “ หมอ “ ไว้น่าสนใจ นำมาฝากกัน "ห"   แปลว่า    "ให้" "ม"   แปลว่า    "มอบ" "อ"   แปลว่า    "อุทิศ  และ  อดทน" จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:11:44

ความคิดเห็นที่ 4 ลิงค์ บทความที่เกี่ยวข้อง .. สิทธิผู้ป่วย http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=23-12-2007&group=4&gblog=1 คำถาม..ที่ควรรู้.. คำตอบ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=03-01-2008&group=4&gblog=3 ข้อแนะนำเมื่อต้องรับการรักษา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=24-12-2007&group=4&gblog=2 ข้อแนะนำก่อนจะพบแพทย์กระดูกและข้อ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-07-2008&group=7&gblog=3 ข้อแนะนำวิธีตั้งกระทู้ถามปัญหาสุขภาพ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-06-2008&group=7&gblog=2 ชี้แจงเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา ผ่านระบบอินเตอร์เนต http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=28-02-2008&group=2&gblog=3 หมอไม่ควรไปตอบปัญหาทางเนต จริงหรือ ??? http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=06-11-2009&group=7&gblog=37 คำถามที่ควรถามแพทย์ของท่านก่อนที่จะผ่าตัด http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=12-01-2008&group=4&gblog=6 ควรบอก หรือ ถามอะไร แพทย์ก่อนที่จะผ่าตัด ??? http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=14-01-2008&group=4&gblog=7 ผ่าตัด เสี่ยงหรือเปล่าครับหมอ ??? .... " หมอรับรองหรือเปล่าว่าจะหาย ???" .... http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=28-09-2009&group=7&gblog=35 ผลของ การรักษาโรค http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=05-01-2008&group=4&gblog=4 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:13:42

ความคิดเห็นที่ 5 หมอ คนไข้ ญาติ เป็นเพียงสถานะ เปลี่ยนแปลงได้ อย่าไปยึดติดมากนัก .. จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:19:28

ความคิดเห็นที่ 6 หมอหมูคะ ดิฉันเจอหมอดีๆซะส่วนมากค่ะ อาจเพราะเวลาป่วยดิฉันเป็นคนซักถามหลังจากหมออธิบายเสร็จ ถามด้วยน้ำเสียงให้เกียรติหมอค่ะ หรือถ้าหมออธิบายไม่เข้าใจดิฉันจะบอกหมอตรงๆเลยว่าขอคำพูดแบบเข้าใจง่ายๆหน่อยค่ะ  ซึ้ง90%ของคุณหมอที่ดิฉันเจอมาเค้าอธิบายเข้าใจง่ายๆเลยค่ะ สำหรับดิฉันหมอไม่จำเป็นต้องเป็นอาจาร์ยหมอขอแค่ หมอที่อธิบายอาการโรค การรักษา ด้วยน้ำเสียงดีๆไม่ดุไม่ตะคอก ไม่อีโก้จัด ดิฉันก็ว่าเป็นหมอดีแล้วค่ะ ^__^ จากคุณ : กิ่ง&อ๊อด เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:35:31

ความคิดเห็นที่ 7 ไปหาหมอ  ขอเพียงคุณหมอใส่ใจ สนใจ ยินดีตอบคำถาม แค่นั้นก็เกินพอ จากคุณ : ระพีร์ เด็กแสบ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:48:19

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนใหญ่ก็เจอหมอดี(ในความเห็นของตัวเอง)อยู่บ่อยๆค่ะ ปกติเวลาไปหาหมอก็พยายามที่จะลำดับเหตุการณ์อยู่แล้วค่ะว่าตัวเองมีอาการยังไงตั้งแต่เมื่อไหร่ พอหมอซักถามก็ตอบไป ส่วนมากคุณหมอที่เจอจะอธิบายดีค่ะ ประกอบกับตัวเราเองเป็นคนซักถามด้วย ว่าอาการโน้นนี้เกี่ยวข้องรึเปล่า ควรปฏิบัติตัวยังไงต่อไป ยาที่ให้กินก็ถามให้เรียบร้อยว่าจะมีผลอะไรบ้าง ถามคุณหมอด้วยความสุภาพตลอดค่ะ ก็ได้รับคำตอบที่และละเอียดบางครั้งเวลาเจอข้อมูลอะไรทางอินเตอร์เน็ตแล้วไม่แน่ใจก็ถาม คุณหมอบางท่านถึงกับเปิดคอมพ์แล้ว search ดูพร้อมอธิบายไปพร้อมๆกันเลยค่ะ จากคุณ : สาวน้อยถอย Jazz เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:56:48

ความคิดเห็นที่ 9 โชคดีที่เจอหมอดีค่ะ แต่ตัวเองไม่น่าจะเป็นคนไข้ที่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะข้อ 4 พอดีปฏิบัติตามที่แนะนำบ้าง ไม่แนะนำบ้าง แหะ...แหะ จากคุณ : ปรัซซี่ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:12:08

ความคิดเห็นที่ 10 คนไข้ส่วนใหญ่ชอบและอยากตรวจกับอาจารย์ค่ะ หรือกระทั่งผ่าตัดก็อยากให้อาจารย์ทำให้ แม้ว่าอาจารย์บางท่านนั้น อาจจะพูดกับคนไข้ไม่ดีก็ตาม ล่าสุดที่ได้ยินมา คนไข้ผ่าตัดอยากผ่าก้อเนื้องอกกับอาจารย์มาก แต่ตามชื่อที่เซ็ทผู้ผ่าคือแพทย์ประจำบ้าน คนไข้ไม่ยอม ยืนยันจะผ่ากับอาจารย์ อาจารย์ท่านนั้นได้ผ่าให้ แต่รอยโรคที่เยอะมากควรจะดมยาสลบผ่า แต่อาจารย์ไม่ได้ทำให้ และไม่ฉีดยาชาเพิ่มให้ แถมดุคนไข้ด้วยว่าเจ็บแค่นี้เอง ให้อดทน เหตุการณ์นี้ ถ้าเป็นแพทย์ประจำบ้านผ่า อาจจะเพิ่มยาชา ไม่ก้อเซ็ทใหม่เป็นดมยาสลบทำ แต่ก็นั่นแหละ คนไข้เลือกเอง จากคุณ : kiki_kaka เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 18:25:50

ความคิดเห็นที่ 11 นานาจิตตัง ไม่รู้จะตอบยังไง > หมอเก่ง > หมอดี > หมอน่ารัก 3 หมอ อาจไม่อยู่ในร่างเดียว เพราะหมอก็คนเหมือนเรา เข้าใจ และ ทำใจ ไว้แล้วค่ะ จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 18:46:51

ความคิดเห็นที่ 12 จากประสบการณ์นะครับ ปัญหาฝั่งหมอ (บางท่าน) 1. หลายๆ ครั้ง ไม่มีมาตรฐาน ในการพูดคุยกับคนไข้   เช่น บางคนต้องการรู้มาก(อันนี้คนไข้ มักจะชอบเล่า แต่ก็แน่ล่ะทำให้หมอเสียเวลา )  , บางคนไม่ต้องการรู้ (ชนิดที่ เออปากบอกว่า "จะบอกผมทำไม"  ก็มี ) แ่ต่ที่เหนื่อยจริงๆสำหรับ ร.พ. รัฐที่เคยเจอคือ  จะมีหมอเข้ามาผลัดเปลี่ยนในส่วนนั้นบ่อยๆ และ จะซักประวัติใหม่หมด ทุกครั้ง   ซึ่งในฐานะฝั่งคนไข้ค่อนข้างสับสนว่า   ทาง ร.พ. ไม่มีรูปแบบการบันทึกการซักประวัติผู้ป่วยหรือ มันมีปัญหาอันใดกันแน่ 2. การรับฟังทัศนคติจากญาติ หรือ ผู้ดูแลคนไข้    ญาติคนไข้ แน่นอนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ทางด้านการแพทย์   หลายๆครั้งย่อมมักมีคำวินิจฉัย แบบที่ หมอคงรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่   แต่ถึงอย่างนั้น การบอกเล่าจะ ผู้ดูแลผู้ป่วยก็ไม่น่าจะผิด ชนิด 100 %      ผมยกตัวอย่าง ยายผมเป้นอัลไซเมอร์ขั้นต้น   นางพยาบาลและหมอ  มักไม่เชื่อ จากญาติผู้ดูแลอย่างผม  เนื่องจากยายผมเก่งอย่างหนึ่ง  คือ จำชื่อตัวเอง+นามสกุลได้  บอกได้ว่ามีลูกกี่คน  (แต่นอกนั้นแกหลงหมด) ซึ่งหลายๆที่มักจะเอาตรงนี้เป็นเกณฑ์ในการวั ว่า ผู้ป่วยรู้เรื่องหรือไม่  ซึ่งต้องแอดมิทไปหลายๆ วัน  หมอ กับ พยายาลถึงจะยอมเปลี่ยนเกณฑ์ การดูแล และการรักษา เช่นการให้อาหารทางปาก ก็ต้องเปลี่ยนเป็นให้ทางจมูก    อีกเคส หลายๆครั้งเราเล่าประวัติการดูแล และ ข้อมูลการป่วยไข้ให้ หมอ  หมอมีคำอุทานคำหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยมาก คือ "ไม่น่าเป็นไปได้"    ซึ่งคำแบบนี้ เรานึกในใจ มันหมายถึงอะไร  แปลว่า ญาติผู้ป่วยโกหก งั้นหรือ เอาแค่นีก่อน ------------ ปัญหาฝั่งคนไข้ 1.  ผมว่า ส่วนใหญ่ ไร้สำมัญสำนึกในการ บริหาร การดูแลความเจ็บป่วยด้วยตนเอง       เรื่องไม่รู้ ไม่เท่าไร  แต่หลายๆครั้ง ผู้คนยินดีที่ใช้ชีวิต โดยที่ถือว่า  เบิกได้   รักษาฟรี โดยที่ไม่สนใจว่า จะกลายเป็นภาระ เป้นค่าใช้จ่ายของประเทศชาติ เมื่อนานมาแล้วผมได้ิยินกับหูของผม จนอยากจะเข้าไปด่า ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ ร.พ. รามา ฯ  เขาพูดว่า "  ผมไม่สนหรอก ผมอยากกินอะไรก็จะกิน  ผมเบิกยา ได้สบายๆอยู่แล้ว  ขาหมูอะไร ผมก็กินทั้งนั้นแหละ " ไอ้คนแบบนี้ มันปรสิต ของ ประเทศชัดๆ 2.  เรียกร้องสิทธิเกินจริง   ผมเชื่อเรื่อง  เราจ่ายไปเท่าไร ก็ รับเท่านั้น  การที่ประชาชนหลายท่าน ไม่ได้เสีย ภาษีรายได้ส่วนบุคคล หรือเสียนิดหน่อย  แต่เสียแต่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีอื่นๆ  หรือประกันสังคม  มันไม่้ได้ตอบโจทย์ในการรักษาได้ทุกอย่าง  บางครั้ง มีผู้คนโวยวาย ว่าเพราะเขา/เธอ  จนใช่มั้ย   ผมอยากบอกว่าก็ใช้ จนไง  กรูก็จน   แล้วไงว่ะ คนจนต้องมีสิทธิเอาเงินจากงบประมาณชาติเท่าไรก็ได้เหรอไง   ส่วนหนึ่งอาจจะเป้นที่รัฐฯพยายามสื่อว่า เราเป็นประเทศที่เจริญแล้ว แต่ความเป็นจริง เราไม่ได้เป็นแบบนั้น หลายๆ ครั้ง ผมรู้เลยหมอลำบากใจมาก ที่ไม่สามารถใช้ยาได้ตามที่ตนเองเรียนมา บางครั้ง  ยาหมดซะด้วยซ้ำ และทำให้หมอต้องบอกเหตุผลคนไข้แปลก ๆ เพื่อที่ จะจำหน่ายคนไข้ออกไป หมอแบบนี้ผมให้กำลังให้เสมอ  พยายามบอกหมอว่า ไม่เป็นไร หมอทำเต็มที่ ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ผมพอใจแล้ว   สุทเ้าย คนจน หรือ รวย อย่างน้อย ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เท่ากัน คือ คะแนนเสียง   ถ้าคุณเลือกคนที่รู้แล้วว่าเลว (มีโพลมาว่า คนไทยส่วนใหญ่ ยอมรับได้ ถ้า ผู้แทนที่เค้าเลือก โกงเข้ามา )   เข้ามาบริหาร  คุณก็ได้สิ่งเลวๆ ตอบแทนไปแบบนี้ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 19:41:00

ความคิดเห็นที่ 13 คนที่รักษาทีเดียวหาย จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 20:08:31

ความคิดเห็นที่ 14 อยากให้ทุกคนกลับมาคิดนิดนึง ไม่ว่าจะอาชีพอะไร คุณไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยหรือครับ หากยอมรับว่าเคย ก็ลองคิดต่ออีกนิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดความเสียหายใหญ่โตจริงหรือ. ผมว่าทุกคนก็เคยผิดพลาดเรื่องใหญ่ๆและได้รับการให้อภัยมาแล้วแน่นอน. ไม่มีใครอยากทำอะไรผิดพลาดหรอกครับโดยเฉพาะหมอที่มีความตั้งใจช่วยคนอยู่แล้ว. ลองคิดดูว่าคุณตั้งใจช่วยใครซักคนแต่ผลจากการที่ช่วยไม่เป็นไปอย่างที่คิด. กลับถูกลงโทษ. คุณจะรู้สึกเช่นไร???? อย่างไรก็ตามก่อนจะฟ้องร้องใครก็เตรียมรับการถูกฟ้องกลับด้วย หากเรื่องไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด จากคุณ : นิติเหลืองทอง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 20:29:15 A:27.55.1.86 X: TicketID:345497

ความคิดเห็นที่ 15 ...จากรูป ม้าหรือลา คนแก่ และเด็ก นิทานเรื่องนี้มีคนมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆค่ะ ...และทุกครั้งเราตอบคำถามเดียวเดิมๆคือ ทุกคนเดิน คือเด็ก คนแก่ และลาหรือม้านั่นถูกจูงค่ะ.............และเราก็ถูกตัดสินว่าโง่ค่ะ..5555555555 ...ยังมีอีก เขาถามว่า สัตว์เลี้ยงของเรา ยามที่อดอยาก ไม่มีอะไรจะกินเลย จะยอมฆ่ามันกินไหม เราก็ตอบคำถามเดิมๆคือ ยอมตายไปด้วยกันค่ะ และเราก็ถูกตัดสินว่า โง่... อีกแล้วค่ะ.......55555555 จากคุณ : ชมพูพันทิป.com เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 20:43:25 A:14.207.171.189 X: TicketID:340334

ความคิดเห็นที่ 16 ดูแลคนไข้แบบที่มนุษย์คนนึงดูแลมนุษย์คนนึงอย่างดีก็พอ ไม่ต้องมากเอาแค่นั้นพอจริงๆครับ จากคุณ : ลึกลับซับ_tui เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 21:17:48

ความคิดเห็นที่ 17 มีแต่หมอธรรมดาๆ ก็ต้องทำตามหน้าที่ หมอที่ดีที่สุดในชีวิตที่เคยเจอมีแค่สามคน จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 12:16:48

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณคุณหมอหมูมากๆค่ะ จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 18:28:41

ความคิดเห็นที่ 19 หมอที่ได้ทำหน้าทีอย่างเป็นมืออาชีพ  =  หมอที่ดีที่สุด  แค่นี้พอแล้ว จากคุณ : KJ_FBI เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 20:41:55

ความคิดเห็นที่ 20 ผมคงโชคดีที่เจอหมอดีเกือบทุกคน สิ่งนี้เป็นความหวังของผมที่อยากให้ คนไข้ได้รับ+ได้เจอหมอดีๆเหมือนผม ขอบคุณ หมอหมู จขกท. ที่นำเรื่องราวดีๆ มาฝากเป็นประจำ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 05:36:45

ความคิดเห็นที่ 21 นานมากๆเคยไม่สบายไปหาหมอ  หาหมอตรวจเสร็จจะอ้าปากถามหมอบอกเชิญรับยาด้านนอกค่ะ...เคืองมากเลยค่ะ  แต่ที่เจอก็ดีค่ะซักถามอาการได้ตามที่เราข้องใจ จากคุณ : chapa66 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 06:20:46

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกท่านที่รวมแจม ... หมอ คนไข้ ญาติ ... ก็เป็น คนธรรมดา  มีั้ทั้งดี ทั้งไม่ีดี .. บางช่วง ดี แต่ บางจังหวะ อาจไม่ดี ก็ได้ .. เรา ไม่ได้เจอคนดี ทุกคน .. แต่ อย่างน้อย เรา ไม่เหมารวมว่า ทุกคน ไม่ดี ..  แี่ค่นี้ ก็ถือว่า " ดี " แล้วครับ  ^_^ จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 13:22:22

ความคิดเห็นที่ 23 หาหมอโรงพยาบาลรัฐทุกครั้ง สิ่งที่ต้องเตรียมไว้คือ คำอธิบายบรรยายอาการของตัวเองอย่างกระชับ ชัดเจน พร้อมคำถามที่อยากถาม เพราะรู้ว่าคนไข้เยอะ หมอเองจะตรวจและพูดคุยกับคนไข้นานมากไม่ไหว บางทีเห็นหน้าหมอก็รู้เลยว่าเหนื่อย หมอก็จะแนะนำแค่สั้นๆ ซึ่งสำหรับคนไข้อย่างเราอาจยังไม่ชัดเจนพอ พอตรวจเสร็จปุ๊บ ตอนหมอกำลังเขียนสั่งยายุกยิกๆ นั้นเอง ก็รีบถามคำถามที่เตรียมไว้ตอนนั้นเลย จะได้ไม่พลาดมีปัญหาคาใจกลับบ้าน เคยมีครั้งหนึ่งเดินไปรอรับยา ปรากฎว่าเกิดคำถามขึ้นอีกเล็กน้อย ก็ตัดสินใจเดินกลับไปขออนุญาตพยาบาลถามหมออีก 1 คำถาม หมดความคาใจ ถึงแม้ไม่ได้ตอบแบบยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ก็ไม่รู้สึกแย่อะไรค่ะ หมอก็พยายามตอบคำถามตามที่ถูกถาม เราเองก็ถามเท่าที่จำเป็น ที่เหลือก็มาหาความรู้เอาเองตามอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะค่ะ โชคดีนะคะ ที่ห้องนี้มีหมอหมู ^_^ จากคุณ : แมวชิ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 15:17:38

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณคุณหมอหมูนะครับ ที่กรุณาสละเวลามาตอบคำถามและให้ความรู้ต่างๆเสมอมาครับ จากคุณ : Don Aey เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 15:54:37

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบพระคุณมากคะ ^/\^ จากคุณ : น้องนู๋ GaZib เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 16:41:38

ความคิดเห็นที่ 26 ได้อ่านสาระจากหมอหมูอยู่บ่อยๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ รู้ว่าคุณหมอเหนื่อยและงานหนัก  อยากให้คุณหมอทุกท่านมีเมตตา เมตตากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะคะ คนไข้ก็หวังพึ่งคุณหมอช่วยให้หายจากเจ็บป่วยเท่านั้นล่ะค่ะ ส่วนตัวเวลาตัวเองไปหาหมอ รพ. รัฐ หรือหมอประกันสังคม ก็เตรียมข้อมูลอาการป่วยและคำถามไว้ถามหมอล่วงหน้าอย่างเดียวกับคุณแมวชิเลยค่ะ จากคุณ : ขาหมูแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 17:19:27

ความคิดเห็นที่ 27 ได้อ่านของหลายท่านแล้วรู้สึกดีครับ การเตรียมข้อมูลมาดีๆช่วยทั้งตัวท่านเองและหมอ รวมทั้งคนไข้คนอื่นๆที่รอได้มากเลยครับ การสอบถามเรื่องการเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ท่านควรทำอยู่แล้วครับ แต่สิ่งที่หมออย่างพวกผมกลัวคือการวินิจฉัยตัวเองมาก่อนครับ ถ้าอธิบายแล้วไม่ตรงกับสิ่งที่คิดมาก่อนก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็สรุปเอาว่าหมอนี่ไม่เก่ง จากคุณ : TUNO99 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 17:45:40

ความคิดเห็นที่ 28 อยากจะเป็น " หมอดีๆ " แบบพี่ๆบ้าง ,, แต่ยังสอบไม่ติดเลย :( ถ้าติดจริงๆ หนูจะเป็นแพทย์ที่ดี ตามที่สมเด็จพระราชบิดาได้สอนไว้ " ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์ " :) จากคุณ : wolfkillqz เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 18:58:46

ความคิดเห็นที่ 29 อยากได้แบบหมอจิน ^^ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 20:37:46

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นคำถามที่โดนใจมากค่ะ และตอบยากมาก สามารถแยกประเภทได้อย่างที่คุณหมอบอกนั้นเอง ส่วนตัวแล้วเป็นพยาบาล จะคุ้นเคยกับคุณหมอพอตัว แต่ไม่สนิท เวลามีคนอื่นมาถามว่าคุณหมอท่านไหนดี ก็จะอธิบายอย่างคุณหมอว่านั้นหละ แล้วให้เลือกเอา .. แต่ส่วนตัวนะ การที่จะเป็นหมอที่ดี ก็ต้องให้ข้อมูลที่ดี ให้ทางเลือก รับฟัง มีเวลาอธิบายผู้ป่วยและญาติ และ วินิจฉัยโรคได้ตรงประเด็น ที่สำคัญ เปิดใจยอมรับฟังหรือส่งต่อ หากคิดว่าตนเองไม่สามารถรักษาต่อได้ ( คือต้องยอมรับความสามารถตนเองด้วย ไม่แถ ) แต่ร้อยละร้อย มันยากมากที่จะเจอ เพราะหมอก็มีข้อจำกัด ยิ่งโรงพยาบาลรัฐมีเวลาในการตรวจต่อเคสน้อยมาก การจะให้มาอธิบายทุกเรื่องจนกว่าญาติหรือคนไข้จะเข้าใจ ใช้เวลานาน ส่วนมาก เราเองจะบอกญาติว่า จะถามอะไรให้จดเลย เพราะนึกในห้องตรวจไม่ค่อยออกกันหรอก สุดท้ายออกมาถามพยาบาล สุดท้าย อยากบอกว่า ทุกวันนี้ก็เจอแพทย์ที่รักษาเชิงพาณิชย์เยอะจริงๆ หมอ ที่เป็นหมอด้วยหัวใจ เจอยากมาก ที่กล้าพูด เพราะอยู่ประจำกับผู้ป่วยสามัญ และเคยทำโอทีที่เอกชน เจอมาเยอะจริงๆ จนพยาบาลอย่างเรา บางทีก็น้ำท่วมปาก ยังไง ก็ยังให้กำลังใจคุณหมอดีดี ที่ทำด้วยใจทุกท่านเช่นกัน พยาบาลอย่างดิฉัน ก็จะค่อยเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาที่ช่วยผ่อนแรงค่ะ^^ จากคุณ : คนธรรมดาคนหนึ่ง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 20:50:56

ความคิดเห็นที่ 31 #12 คุณ Panda-baker ผมชอบความเห็นคุณนะ แต่อยากชี้แจงบางประเด็น 1. ทำไมหมอคนใหม่ต้องซักประวัติซ้ำใหม่ทุกรอบ ชาร์ทคนไข้มีบันทึกไว้หมดแหละครับ ว่าหมอคนก่อนซักอะไรไปแล้วบ้าง หรือฝั่งคนไข้ให้ประวัิติอะไรไว้แล้วบ้าง แต่ที่ต้องมาซักอีกรอบก็เพื่อยืนยันครับว่าข้อมูลพวกนี้ถูกต้อง/เชื่อถือได้ ถ้าซักทุกรอบตรงกันก็แสดงว่าน่าจะโอเค แต่ถ้ารอบแรกบอกอย่างนึง อีกรอบบอกอีกอย่างนึง อันนี้แสดงว่าน่าจะมีปัญหาแล้ว อาจจะจากคนถามหรือคนตอบก็ได้ หมอที่ซักใหม่หมดแสดงว่าเค้าใส่ใจและขยัน ถ้าไม่ใส่ใจเท่าไหร่หรือมั่นใจแล้วก็เอาตามเดิมแหละ หรือบางครั้งที่ต้องซักใหม่ก็เพราะรู้สึกคาใจกับประวัติบางส่วน หรือมันไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เลยต้องเช็คเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง และอาจเผื่อจะได้อะไรเพิ่มเติม หรือเผื่อข้อมูลที่บันทึกตกหล่น หรือหมอคนใหม่มีประสบการณ์มากกว่าคนแรก (มักเกิดในรพ.ที่เป็นรร.แพทย์) พอไปซักกันบ่อยๆเข้า คนไข้กับญาติก็จะรำคาญ อันนี้ก็น่าเห็นใจอยู่ แต่ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อประโยชน์ของคนไข้ ไม่มีใครอยากทำงานเพิ่มขึ้นหรอก ถ้ามันไม่จำเป็น จริงป่ะ 2. คนไข้/ญาติคนไข้ ไม่น่าให้ประวัิติผิดชนิด 100% ทำไมหมอไม่เชื่อ โอ้ย เยอะและบ่อยมากๆครับให้ประวัิติผิดเนี่ย เอาแบบเห็นภาพง่ายๆก็ คนไข้ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แัต่ตัวคนไข้และญาติทุกคนยืนยันว่าเป็นโรคหัวใจแน่นอน หรือคนไข้เป็นโรคนั้นๆแต่ยืนยันว่าไม่เป็นอย่างแน่นอน หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ได้เป็น จนกระทั่งจนมุมต่อหลักฐาน อย่าคิดว่าตลกครับ มันมีครับ และบ่อยด้วย บางคนยืนยันหนักแน่ว่าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เป็นคนพาไปหาหมอทุกครั้ง ถ้ามีอะไรเค้าต้องรู้ ไปๆมาๆ อ่อ วันนั้นติดงานเลยกลับบ้านช้า คนไข้เลยแอบไปหาหมอคนเดียวแล้วก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เลยไม่รู้ประวัติในช่วงนั้น แล้วฝ่ายคนไข้โกหกมีมั๊ย มีครับ เดี๋ยวคนไข้โกหก เดี๋ยวญาติโกหก เดี๋ยวเตี้ยมกันมาโกหก มีหมดครับทุกรูปแบบ จะเพราะว่าไม่รู้หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สรุป "โกหกหมอ" พูดกันตรงๆนี่แหละ แต่คำว่า "ไม่น่าเป็นไปได้" ไม่ได้หมายถึงว่าหมอคิดว่าคุณกำลังโกหกไปซะทีเดียว แต่ ณ ตอนนั้น หมอต้องมีอะไรคาใจอย่างแน่นอน เช่น ยาตัวนี้ปกติ ให้กินแค่ตอนเช้าอย่างเดียว แต่คนไข้บอกว่ากินทั้งเช้าทั้งเย็น หมอก็ต้องเอะใจสิครับ "ไม่น่าเป็นไปได้" มันเพี้ยนที่อะไร หมอคนก่อนสั่งผิด หรือคนไข้ฟังมาผิด ดูซองยาผิด หรือคนไข้เข้าใจผิดคิดว่าถามยาอีกตัวนึง หรือว่าเดี๋ยวนี้ตำรามันมีการเปลี่ยนแปลง หรือเป็นเคสที่ไม่ตรงไปตรงมาตามตำรา หรือพบได้น้อย หรือตั้งใจโกหกหมอเพราะปกติไม่ค่อยกินยาเลยจำไม่ได้ว่ามันต้องกินเท่าไหร่แน่ ก็มั่วๆไป ฯลฯ แบบนี้หมอผิดเหรอครับที่พูดคำว่า "ไม่น่าเป็นไปได้" ก็มัน "ไม่น่าเป็นไปได้" ไงละครับ แต่ถ้าสุดท้าย "ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันเป็นไปแล้ว" ก็ต้องตามนั้นล่ะครับ เรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมากครับ เพราะข้อมูลผิดเราก็เข้าป่าเข้าดงกันเลย ในการเขียนรายงานเคสคนไข้ของนักศึกษาแพทย์ทุกฉบับ จะมีในส่วนของ "ความน่าเชื่อถือของข้อมูล" อยู่ด้วยเสมอ และชาร์ทประวัติคนไข้เองบางรพ.ก็จะมีในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ว่าประวัติได้จากใคร มีความน่าเชื่อถือซักกี่% ดังนั้นจึงต้องมีการเช็คความถูกต้องของข้อมูลตลอด ไม่แน่ใจก็ถามซ้ำถามย้ำ หรือให้คนอื่นมาช่วยคอนเฟิร์ม ปิดท้ายด้วย MV จาก ปาน ธนพร ครับ "เรื่องง่ายๆที่คนไข้..เอ๊ย!...ผู้ชายไม่รู้" ^_^ หากไม่รักจะห่วงไหม จะหวงทำไมตอบฉันสิ จากคุณ : meddy hao เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 21:28:54

ความคิดเห็นที่ 32 เราว่าเราก็เจอแต่หมอพาณิชย์ทั้งนั้น หาเอกชนตลอดอ่ะนะ (พ่อแม่หา) บางทีไม่น่าคิดเงินก็คิด และกฏบ้าๆของเอกชนก็ส่งเสริมด้วย เช่นหมอเจ้าของไข้ต้องมาวันละสองสามรอบ ไม่มีอะไรก็มาๆๆๆๆ อย่างงี้ไม่ได้แปลว่าดูแลดีหรือใส่ใจนะ เราเรียกนโยบายล้างผลาญคนไข้ จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 00:24:41

ความคิดเห็นที่ 33 โดยทรรศนะของข้าพเจ้า ใจเขาใจเรา+รรยายาวิชาชีพ=หมอที่ดี จากคุณ : ดญ.อ้วน เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 07:58:14

ความคิดเห็นที่ 34 เจอแต่หมอไม่พูดอะไรเลย แต่เราทำการบ้านมาดี และต้องการรู้ในส่วนที่ตัวเองเป็น เลยค่อนข้างจะซักถาม ถาม ถาม ทุกอย่างที่สงสัย ซึ่งโลกทัศน์ของเราเองก็คงไม่เท่าหมอ เพราะเราพิจารณาอยู่ด้านเดียวจากตัวเอง และอาจมีทางอื่นบ้าง แต่คงไม่สันทัดเท่าคุณหมอที่เจอกรณีศึกษาหลากหลาย เป็นไปได้ คุณหมอควรจะบอกว่าเป็นอะไร (ปกติบอก) ทำไมถึงเป็น (ถ้ายังไม่ชัวร์เดี่ยวบอกก็ยังดี) ดูแลและมีแนวรักษาอย่างไร (ปกติไม่บอกเลย สั่งยา จบ) จนเราต้องถามเองว่า อย่างนี้ได้ไหม แบบนั้นได้ไหม มีอะไรต้องระวังไหม งดอะไรไหม เฮ้อออออ จากคุณ : คิดมากหัวโต เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 18:12:09

ความคิดเห็นที่ 35 คุณคิดมากหัวโตเป็นเหมือนเราเลย ต้องรุกถามเอง ยังคิดเลยว่าหมอนี่หลุดประเด็นสำคัญไปเยอะเลย หมอคงเป็นได้แค่หมอที่คนเราทั่วไปเรัยกกัน แต่ไม่ได้มีความรอบคอบหรือละเอียดอ่อน จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 19:45:27

ความคิดเห็นที่ 36 หมอที่ดี สำหรับผมเอาข้อ 1 กับ 2 ก็พอใจแล้วครับ ที่ผมอยากรู้ก็แค่ เป็นอะไร ทำไมถึงเป็น แล้วรักษายังไง แค่นั้นครับ จะได้กลับไปดูแลตัวเองได้ บางทีถามหมอเพราะอยากรู้ความจริง จะให้กลับมาเปิดเน็ตเอาเอง ความรู้มันก็เยอะ แล้วบางทีมันไม่มีที่มา บางทีโรคเดียวกันแต่คนละเว็บ บอกวิธีรักษาไม่เหมือนกันอีก เลยงง ตกลงเอาไงกันแน่ ถามหมอเนี่ยแหละชัวร์สุด ขอเสริมอีกข้อครับ หมอที่ดีสำหรับผม เคยไปหาหมอคนนึง พูดจาดุๆ แล้วก็สั่งยาให้กิน ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจกับหมอคนนี้เท่าไรเลยเปลี่ยนไปหาหมออีกโรงบาล โรคเดิม แต่หมอบอกยังไม่ต้องกินยา ลองไปทำกายภาพดูก่อน กินยามันจะกัดกระเพาะ หมอเอาใจใส่สุขภาพผม แค่นี้ก็โอเคแล้วครับ ถ้าหมอพูดจาดีจะมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะหมอไม่ได้รักษาโรคอย่างเดียว รักษาใจคนด้วยนะผมว่า ใจคนเจ็บเนี่ยมันต้องกังวลนู่นนี่นั่น ถ้าทำให้คนหายกังวลได้มันดียิ่งกว่าอะไรอีก จากคุณ : somngo เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 03:03:25

ความคิดเห็นที่ 37 หมอที่ดีในความคิดเรา 1.ไม่เลี้ยงไข้ พยายามรักษาให้หายเร็วๆ และหายจริงๆ 2.พูดกับผู้ป่วยดีๆ ให้เกียรติให้ฐานะมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่พอเจอคนจน ประกันสังคม ฯลฯ ก็ทำยังกะเค้าไม่ใช่คน 3.มีความจริงใจ ไม่หลอกขายยาแพงๆ ไม่ยัดเียียดอะไรที่เกินจำเป็น 4.แก้ไขความเข้าใจที่ผิดๆ ของผู้ป่วย และให้ความรู้ที่ถูกต้อง 5.ไม่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดอยู่คนเดียว จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 11:46:44

ความคิดเห็นที่ 38 ผมต้องการหมอที่ "ให้คำแนะนำ" เกี่ยวกับโรคที่เป็นได้ ไม่ใช่หมอที่สามารถ "เขียนใบสั่งยาได้" จากคุณ : ทางผ่าน เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 13:05:51 A:124.122.175.63 X: TicketID:274062

ความคิดเห็นที่ 39 @ #37 - "เลี้ยงไข้" มีจริงเหรอครับ เท่าที่ผมเคยเจอะเคยเจอมา ไม่มีหมอคนไหนแม้แต่รายเดียวที่ "เลี้ยงไข้" เลยนะครับ การหายของโรค เร็วไม่เร็ว อย่าลืมว่าปัจจัยหลักต้องอยู่ที่ตัวผู้ป่วยด้วย ทั้งสภาพร่างกายเดิมของผู้ป่วยว่าแข็งแรง / พร้อมขนาดไหน รวมถึงการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำด้วยว่าทำรึเปล่า นอกลู่นอกทางรึเปล่า ยิ่งคนไข้ที่นอนรพ.รัฐ ใครๆก็อยากให้คนไข้กลับบ้านโดยเร็วที่สุดทั้งนั้น เพราะเตียงมันมีจำกัีด แต่คนไข้ไม่จำกัด - เรื่องการพูดที่อาจฟังไม่เข้าหู อาจจะหลายปัจจัย ทั้งนิสัยเดิมของหมอคนนั้น ทั้งอารมณ์ตอนนั้น ทั้งปริมาณคนไข้ขณะนั้น กับเวลาที่มีน้อยนิด (ณ รพ.รัฐ) ฯลฯ ผมไม่เห็นถึงความจำเป็นที่หมอจะต้องพินอบพิเทาคนไข้สิทธิ์ "เบิกได้" แล้วต้อง Aggressive ใส่คนไข้ประกันสังคมนะครับ เพราะทำไป หมอก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมหรือพอกพูนขึ้นมาเลย รายรับก็เท่าเดิม ผมว่าขึ้นกับปัจจัยข้างต้นมากกว่าต่างหาก - ส่วนเรื่องหลอกขายยาแพงๆ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับ ไม่ว่าจะที่รพ.รัฐหรือเอกชน - เรื่องความเข้าใจผิด ส่วนใหญ่ถ้าไม่ยากเกินไป ก็จะพยายามทำให้เข้าใจถูกต้อง ยาก ยากอย่างไร ยากในการเปลี่ยนความคิดของคนไงครับ อย่างเรื่องไข้หวัดแล้วต้องได้ยาแก้อักเสบ (ยาฆ่าเชื้อ / Antibiotic ตัวเดียวกันนะ) เคยพยายามพูดให้เข้าใจแล้ว แต่สุดท้ายก็ ... บางอย่างผมก็จนใจเหมือนกันนะ - เรื่องนี้พูดยากครับ ปัจจัยส่วนบุคคล เหมือนกับคำพูดนั่นแหละครับ =========== @ #38 คำแนะนำ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมก็มักจะพยายามพูดอยู่เสมอๆนะครับ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังกล่าวได้แก่ ปริมาณคนไข้ เวลาที่มี และบัวสี่เหล่าครับ จากคุณ : foscarnet เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 20:20:25

ความคิดเห็นที่ 40 @39 แม่ดิฉันเป็นหวัด ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ ไม่มีน้ำมูกเขียว แต่คุณหมอไม่ถามเรื่องสีของเสมหะ น้ำมูกเลย แต่จ่าย Augmentin มาให้ ถามเพื่อนเภสัชที่โรงบาลก็บอกว่าหมอท่านนี้ชอบจ่ายยาเยอะเกิน ... ขอนอกเรื่อง เรื่องวงการธุรกิจยานี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ เดาว่าไม่ใช่แค่บ้านเรา ดูหนังเรื่อง Love & Other Drugs แล้วเห็นภาพเลย ... จากคุณ : LWWW เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 21:18:11

ความคิดเห็นที่ 41 พบหมอตามนัด พยาบาล : เป็นอะไรมาคะ? หมอ : เป็นอย่างไรบ้าง ทานยาแล้วดีขึ้นมั๊ย มีอาการข้างเคียงมั๊ย? จากคุณ : แมวมาหาที่ฝนเล็บให้แหลมคม เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 22:22:40

ความคิดเห็นที่ 42 คห.40  ที่เค้าไม่ถาม  น่าจะเป็นเพราะ ตามหลักการแล้ว  สีของน้ำมูกกับเสมหะ ไม่ใช่ตัวตัดสินในการวินิจฉัยค่ะ เป็นหวัดด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียก็น้ำมูกเสมหะเขียวได้เหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้  นึกว่าน้ำมูกเขียวแล้วต้องกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งไม่ถูกต้อง จากคุณ : millian เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 11:31:03

ความคิดเห็นที่ 43 หมอที่ดีสำหรับเราคือ - เวลาคนไข้พูด ตั้งใจฟัง - ไม่หน้าบูด หงุดหงิดใส่ (งงเลย ตรูเพิ่งสวัสดี อ้าว โมโหไรฟะ) นอกนั้นโอเคค่ะ เก่งไม่เก่งไม่เป็นไีีีีัร เพราะอย่างไรเป็นคนหมอก็ต้้องเก่งในระดับนึงแล้วค่ะ บางทีไปเจอหมอดีๆ พูดดีๆ กลับมารู้สึกดีขึ้นจริงๆค่ะ เหมือนหายป่วย ทั้งๆที่หมอยังไม่ได้จ่ายยาอะไีรเลย ^^ จากคุณ : Rare IteM เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:03:16

ความคิดเห็นที่ 44 ตอนเด็กเคยเจ็บสะโพกแล้วแม่พาไปหาหมอ หมอบอกว่า "ถ้าเป็นลูกผมนะ ผมไม่พามาหาหมอหรอก" เลยเป็นผลมาถึงปัจจุบัน ถ้าป่วยเล็กๆน้อยๆ เราก็จะไม่อยากไปหาหมอ รอให้หายเอง หรือซื้อยามากิน อีกอัน เคยไปหาจิตแพทย์ แล้วเราก็เล่าปัญหาให้หมอฟัง แล้วก็ร้องไห้ แต่หมอกลับหัวเราะ (พยาบาลที่อยู่ข้างหน้าก็หัวเราะ) ทำสีหน้าประมาณว่า ร้องไห้ทำไมเนี่ย ตลก จนเราไม่คิดที่จะไปปรึกษาจิตแพทย์อีกเลย จากคุณ : 1234 เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 19:27:44 A:115.87.207.209 X: TicketID:343567

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณที่มาแลกเปลียนความคิดเห็นกัน ... หมอ คนไข้ ญาติ ก็มีหลายแบบแตกต่างกันไป ... มีทั้งดี และ ไม่(ค่อย)ดี ... ขอแค่ อย่าเหมารวมว่า หมอ (คนไข้ ญาติ) ที่พบตอนนี้ จะเหมือนกับ คนที่ผ่านมา หรือเหมารวมว่า หมอ (คนไข้ ญาติ) แย่เหมือนกันทั้งหมดแหละ T-T บางที คนที่ดี อาจกลายเป็นคนที่ไม่ดี เพราะแก๊สโซฮอล์ เอ๊ย เพราะ ปัจจัยอื่น ๆ ในขณะนั้น ก็ได้นะครับ .. " อื่นๆ อีกมากมาย (มากมาย) อีกมากมาย (มากมาย) มากมาย (มากมาย) ที่ไม่รู้ อาจจะจริงเราเห็นอยู่ เผื่อใจไว้ ที่ยังไม่เห็น " (เนื้อเพลง อื่น ๆอีกมากมาย ของ วงเฉลียง ... ใครคุ้น ก็แสดงว่า รุ่นใกล้กัน ^_^ ) จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 00:43:14

ความคิดเห็นที่ 46 ยังไม่เคยเจอหมอไม่ดี ที่พบหมอมาก็เจอแต่หมอที่ตั้งใจรักษาคนไข้ จะยิ้มรึไม่ก็ไม่ใช้ปัญหาใหญ่ แต่.....มีอยู่เคสนึง หมอตั้งใจรักษามากๆๆๆๆๆ แต่หมอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรักษาสองที่ในเวลาเดียวกัน แล้วหมอก็ดุ อธิบายแล้วก็ยังทำหน้างงๆ ก็เลยไ่ม่อยากเจอหมอคนนั้นแล้ว หมอตั้งใจรักษาดี แต่ขี้เกียจอธิบายให้ฟังแล้วละ คือรับยาโรงบาลสมมุติว่าหมอให้กินสามตัว ก็ขอไปรับที่ที่ทำงานซะตัวนึง เพื่อเซฟตังในกระเป๋า จะไปขอที่ทำงานทั้งหมดก็ไม่มียาบางตัวในบัญชียาของบริษัท..งงไม๊คะหมอ  แหะๆ จากคุณ : มี่ (แม่มดขี่ไม้กวาด) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 02:10:54

ความคิดเห็นที่ 47 ฝากหมอนิดนึง ถ้าหมอรับคนไข้เป็นกรณีพิเศษ ถ้าหมอไป ตปท. ช่วยฝากหมออื่นไว้หน่อยได้ไม๊.. แบบเคยฝากพิเศษตอนผ่าคลอด แล้วหมอที่ฝากไป ตปท. หมอท่านอื่นท่านก็มาดูตามเวรแต่ไม่กล้าให้ออกจาก ร.พ. นอนเหนียวตัวเป็นอาทิตย์เลย ไม่กล้าอาบน้ำได้แต่เช็ดตัว ทรมานอ่ะ จากคุณ : มี่ (แม่มดขี่ไม้กวาด) เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 02:15:06

ความคิดเห็นที่ 48 คห39 foscanet มิสิหมอเลี้ยงไข้ ทำไมถึงคิดว่าไม่มี เมื่อก่อนดิฉันก็คิดว่ามันไม่มีหรอก จะทำไปเพื่ออะไร แต่ดิฉันคิดว่ามีจากการที่ได้อยู่รพ นานๆ เลี้ยงคือไม่ใช่ว่าหมอตั้งใจยื้อ แต่หมอรักษาแบบไม่ตั้งใจรักษา มาถึงอ้าววันนี้มีไร ทำได้แค่ทีละอย่าง เจ็บหน้าอกเหรอ ดูไปก่อนนะ มีไข้เหรอ พาราละกัน สิ่งเหล่านี้เป็นระเบิดเวลา ทำมันอย่างนี้ทุกวันๆ วันนึงคนไข้แย่ก็หาว่าเป็นเพราะคนไข้แย่เอง เบื่อที่หมอหรือใครต่อใครเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น อะไรๆก็คนไข้เป็นเอง การที่หมอไม่ใส่ใจคนไข้ให้ดีพอ วินิจฉัยโรคช้า วินิจฉัยผิดเพราะไม่เก่งหรือไม่รอบคอบหรือมักง่ายอะไรก็แล้วแต่ ล้วนทำให้คนไข้หนักและแย่ สุดท้ายก็รักษาไม่ทัน ดิฉันเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ตลอดเวลา แต่หมอเองไม่เคยตระหนัก ตรวจเสร็จแล้วก็แล้วกัน ค่อยว่ากันใหม่ ใครมีปัญหาอะไรมั๊ย จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 13:00:00

ความคิดเห็นที่ 49 "ผิด" กับ "เลว" มันต่างกันนะ :D จากคุณ : ปรายภพ เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 22:18:39

ความคิดเห็นที่ 50 เคยเจอหมอชื่อดังอยู่รพ.ดังและแพง บอกชื่อไปก็ต้องมีคนรู้จัก ยอมรับว่าเก่งแต่ไม่มีเวลาให้คนไข้เลย จะถามอะไรก็ไม่กล้า เพราะเค้าแสดงอาการว่าหมดเวลาของเราแล้วด้วยการหยิบแฟ้มของคนไข้คนต่อไปมาเปิดอ่าน เลยเปลี่ยนหมอ ไปเป็นหมอที่เด็กกว่าประสบการณ์น้อยกว่า แต่มีเวลาให้เราและดูแลเอาใจใส่ดี กว่า จากคุณ : ดิฉันเองค่ะ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 09:11:40

ความคิดเห็นที่ 51 จากความเห็นส่วนมากมักต้องการคำอธิบาย ต้องการให้หมอมีเวลามากกว่านี้ ต้องการให้หมอมีเวลาตรวจมากขึ้นละเอียดขึ้น ถ้าผมมีตังค์ไปหาหมอเอกชนคงจะพอหาได้บ้าง แต่ถ้าต้องไปหาหมอรพ.รัฐ คงเป็นได้แค่ฝันมั้ง บางทีไปตั้งแต่ตีสี่ตีห้าคิวตรวจก็เป็นร้อยแล้ว อย่างงี้จะให้ตรวจละเอียดยังไง คนได้คิวหลังๆก็อยากได้ตรวจเร็วๆ คนได้คิวแรกก็อยากตรวจนานๆ จากคุณ : XenoManiA (XenoManiA) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 09:39:34

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องโกหกหมอเคยเจอตรงๆ เลยครับ คนไข้สาวสวยอายุ ๑๖ มาด้วยเรื่องประจำเดือนผิดปกติ (ทอมพามา) ซักถามอาการต่างๆ แล้วดูเหมือนคนตั้งครรภ์ แต่คนไข้ยืนยันว่าไม่เคยมี พสพ กับใคร "พี่เค้าเป็นทอมค่ะ หนูมีแฟนคนเดียว ไม่เคยนอนกับผู้ชาย..." บลาๆๆ ขอตรวจการตั้งครรภ์ก็ไม่ยอม "เอางี้ หมอตรวจอัลตราซาวด์ให้ฟรีๆ เลย จะได้หายข้องใจว่าเป็นไรแน่" ไถเข้าไปเจอเด็กในท้องอายุครรภ์เกือบห้าเดือน ทอมที่พามาจิกผมลงจากเตียง ชกกันหน้าห้องตรวจ ต้องตาม รปภ มาช่วยแยก... สนุกตรงไหนกับการโกหกหมอ??? จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 09:47:30

ความคิดเห็นที่ 53 คห.52 โอ้โห ทำไมทอมหึงโหดขนาดนั้นอ่ะคะ แสดงว่า ที่เค้าบอกว่าทอมหึงแรงกว่าผู้ชาย ก็น่าจะเป็นความจริง จากคุณ : เพชรน้ำสุด เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 21:34:09

ความคิดเห็นที่ 54 หมอที่ดี ในความเห็นดิฉัน คือ หมอ ที่ "ตั้งใจ" เรียนมาเพื่อช่วยเหลือคน เน้น คำว่า ตั้งใจนะคะ ตั้งใจเรียนหมอมาเพื่อช่วยเหลือคน ไม่ใช่บังเอิญเรียนหมอเพราะสมองดี เรียนเก่ง และหิวเงิน ท่านนั้นก้จะเป้นหมอที่ดีแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 21:48:23 จากคุณ : manu never die เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 21:45:26