ความคิดเห็นที่ 1 นอกจากประเด็นที่ จขกท บอกแล้วที่น่ากลัวอีกอย่างคือ หลายคนไม่รู้ว่าในยาที่หมอสมหมายให้มียาเคมีบำบัดอยู่ด้วย จึงแอบกินไปพร้อมยาเคมีบำบัดแผนปัจจุบัน ผลก็คือผลข้างเคียงบานตะไท เกือบตายมาก็หลายรายแล้ว อย่าลืมว่ายาเคมีบำบัดแผนปัจจุบันนั้นศึกษามาแล้วว่านั่นคือขนาดสูงสุดที่คนไข้รับได้หากมีอะไรเข้าไปเติมแม้จะเป็นแบบอ่อนๆก็ถึงตายได้นะครับ อย่าแปลกใจหากหมอเคมีบำบัดหลายท่านๆจะด่าคนไข้ที่ไปรักษาหมอสมหมายหรือไม่ยอมรักษาหากจะรักษากับหมอสมหมาย ไม่ได้เกลียดหรืออิจฉา แต่ไม่อยากให้คนไข้ตายคามือต่างหาก นอกจากนี้มีอีกอย่างที่คนทั่วไป(แม้แต่หมอ)ไม่เข้าใจก็คือประโยชน์ของเคมีบำบัดในการรักษามะเร็งระยะแรกๆ หลายคนเข้าใจว่าหากไม่เอาเคมีแล้วหายได้ก็เพราะการรักษา X Y Z ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาก็มีโอกาสหายเองอยู่แล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นมะเร็งเต้านมที่เป็นกันเยอะ การผ่าตัดทำให้คนไข้จำนวนมากหายได้(ขึ้นกับระยะ) แต่การรักษาแผนปัจจุบันนั้นจะลดโอกาสการที่กลับมาเป้นซ้ำ(หรือไม่หายนั่นแหละ) ได้อีกราวๆครึ่งหนึ่งเป็นอย่างน้อย ดังนั้น สมมุติ ก เป็นมะเร็งเต้านมระยะ 1 หากผ่าตัดอย่างเดียว โอกาสหายอาจจะอยู่ราวๆ 80% (ตัวเลขสมมุติ) แต่การรักษาแผนปัจจุบันทำให้โอกาสหายขึ้นไปเป็น 90++% แต่ถ้าคนไข้ไม่เลือกรักษาล่ะ เขาก็หายได้เองอยู่แล้ว 80% คนไข้แบบนี้จับไปทำอะไรก็สามารถเอามาโฆษณาได้แล้วว่าการกระทำนั้นๆทำให้หายได้ แต่ก็จะมีคนถามว่า อ้าวประโยชน์แค่นี้เองจะรักษาทำไม คำตอบก็คือ หากรอให้โรคกลับมาแล้วค่อยมารักษาตอนนั้นหมอคงจะไม่ได้ใช้คำว่าโอกาสหายกับการรักษาอีกต่อไป 10% ที่เพิ่มนี้มากกว่าการกินยา แอสไพรินในคนไข้โรคหัวใจ มากกว่าการรักษาโรคร้ายแรงๆหลายๆอย่างด้วยซ้ำไป เพียงแค่ผลข้างเคียงที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างมันเยอะ ทั้งที่จริงๆคนไข้จำนวนมากผ่านมาได้สบายๆ มีจำนวนน้อยที่ผ่านมาอย่างลำบาก แต่เราก็มีการลดขนาดหรือให้ยาเสริมที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจนผ่านมาได้ และมีคนไข้น้อยมากๆๆๆ ที่ต้องหยุดเพราะผลข้างเคียง (จะเห็นได้ว่าหากผลข้างเคียงมากเกินไปหมอเคมีบำบัดก็หยุดนะเราไม่ได้บีบบคอคนไข้ไปรับยานะครับ) ในหลายๆกรณีหากหมอที่รักษาประเมินแล้วว่าประโยชน์มันน้อยกว่าผลข้างเคียงที่จะได้รับ หมอเคมีบำบัดกลับต้องเป็นฝ่ายบอกคนไข้ว่า อย่าเลือกเคมีบำบัดเลยไม่น่าจะคุ้มด้วยซ้ำไป และหากเป็นเคสที่แย่มากๆ ทางเลือกหลายอย่างก็ปฏิเสธคนไข้เช่นกัน แต่เราจะพยายามทำให้คนไข้ทรมานน้อยที่สุด ปล.แต่จะว่าไปก็เพิ่งเจอเคสที่บอกญาติว่าหมอไม่รู้จะทำอะไรให้จริงๆเพราะคนไข้แม้จะใกล้มากแล้วแต่สุขสบายตามอัตภาพ ไม่ปวด นอนหลับดี กินน้อยแต่ไม่หิว ขับถ่ายปกติ ผมจึง "บอกว่าหมอไม่ได้ทำอะไรให้นะ เพราะหมอไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้คนไข้ดีไปกว่านี้ได้แล้ว" ญาติก็เข้าใจดีครับ จากคุณ : oncodog เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 08:16:15

ความคิดเห็นที่ 2 คนไทย = ความเชื่อ         สมัยเด็กยังจำได้คุณยายตื่นแต่ตี 4 ไปต่างจังหวัดซึ่งไกลมากปล่อยผมนอนอยู่คนเดียวเพื่อไปหาหมอเทวดา ที่บอกว่ารักษาอาการปวดได้ดีชะงัก ซึ่งไม่รู้ว่าได้ยาอะไรมาบ้างหมดไปหลายตังค์      ตอนโตออกชุมชน ไปเจอชาวบ้านเป็นริดสีดวงมีหมอ(เถื่อน)มารักษาโดยให้กินยา (คิดว่าก็คงยาแผนปัจจุบันนี่แหละ) โดยคิดค่ารักษาคนละ 20000 คนไทยกับความเชื่อจะยังอยู่ด้วยกันไปอีกนาน จะเห็นว่าหมอดูเมืองไทยเยอะมาก จากคุณ : ผ่านมา (pasad) เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 08:45:27

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามานั่งฟัง โรคคนเกิดปีมะเร็งนี่น่ากลัวที่สุด เคยไปเที่ยวอยู่ทริปนึง สามี ภรรยา หนุ่มสาว แฟนสาวเคยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมาก่อนพบรักกับแฟนหนุ่มชาวมาเล บนเครื่องบิน ชีวิตยิ่งกว่าซีรีส์เกาหลี ฟังแล้วสะเทือนใจสุดจะบรรยาย แต่ตอนนี้หายแล้วด้วยวิธีผ่าตัด เขาเล่าให้ฟังว่าวันผ่าตัด มื้อก่อนจะผ่าตัดนั่งมองหน้ากันไปกินไปน้ำตาตกใส่ชามอาหาร แฟนหนุ่มเห็นแฟนสาวหัวโล้นก็เช็ดหัวให้ไม่ได้รังเกียจเลย และซื้อน้ำเทียนเซียนให้กินทุกเดือน เดือนละหลายหมืน ทุ่มสุดตัว ผู้ชายอย่างนี้ไม่น่าเชื่อยังมีอยู่ในโลก ตอนนี้หายมาเป็นสิบปีแล้ว ดูไม่ออกว่าเคยเป็นมะเร็ง ดูเหมือนคนไม่เคยป่วยมาก่อน ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี และก้เห้นเขาคอยตรวจตลอดกลัวว่าจะกลับมาใหม่ผู้ชายอย่างนี้หาได้ที่ไหนเนี่ย ผู้ชายเป็นวิศวกร ผู้หญิงเรียนจบเภสัชและรับสอนภาษาเด็กนานาชาติ ซึ้งยิ่งกว่าซีรีส์เกาหลีที่เคยดูอีก เพิ่มเติมอีกนิดจะเห็นว่าบ้านเราคุณภาพชีวิตคนแย่มาก อาหารก็ใส่กันเข้าไปฟอร์มาลีน สารกันบูด สารเร่งเนื้อแดง ในเส้นก๋วยเตี๋ยวก็มีสารกันบูดใช้น้ำมันพืชใช้แล้วมาคลุกเส้น ในข้าวก้มียา ในผักผลไม้ไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งคนไทยไม่ค่อยมีความรู้ กินเข้าไปผงชูรสไม่กินไม่อร่อย ลูกชิ้น ไส้กรอก ถึงได้มีคนเกิดปีมะเร็งเพิ่มขึ้นอีกอย่างกลัวการตรวจเช็คในโรงพยาบาล คือไม่เคยตรวจเลยสุขภาพจะไปก็ต่อเมื่อมีอาการแล้ว ถ้าคนมีมรดกที่ไม่ต้องการอยู่ด้วยยิ่งต้องตรวจมากกว่าคนปกติ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 55 09:13:07 จากคุณ : เสี่ยวหมิง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 09:01:09

ความคิดเห็นที่ 4 เพื่อนเราที่เป็นมะเร็งเต้านม เค้ารู้เร็ว แต่เป็นระยะ 3+ แต่คุณหมอปัจจุบันไม่อยากบอกว่าเป็นเยอะกว่านี้ เพราะกลัวคนไข้เสียกำลังใจ เพื่อนเรารักษาแผน ปัจจุบันคือผ่าตัด + คีโม และไปรักษากับคุณหมอสมหมาย กินยาคุณหมอมาเดือนละ เกือบ 5พัน คุณหมอบอกว่ามะเร็งเต้านมถูกสุด ถ้ามะเร็งอื่นเกือบหมื่น เพื่อนเรากินยาหมอสมหมายมาปีกว่า + กับรักษาปัจจุบัน ไม่มีอะไรดีขึ้น ตอนนี้เสียไปแล้วได้ 8 เดือน รวมรักษาตัวมาประมาณ 2ปี จากคุณ : ยืมล็อคอินน้องใช้ค่ะ (nutcs) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 12:52:33