ขออนุญาตแสดงความเห็นเกี่ยวกับความรักนะครับ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..
ความรัก..จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน และการที่ใครสักคนจะรักกัน อย่างน้อยต้องมีปัจจัยทั้ง ๔ เป็นเหตุ ได้แก่
๑. มีศรัทธาเสมอกัน คือเชื่อในสิ่งเดียวกัน
๒. มีศีลเสมอกัน คือมีความประพฤติไปในทางเดียวกัน
๓. มีความเสียสละเสมอกัน คือไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งคอยตามใจ อีกฝ่ายเอาแต่ใจ
๔. มีปัญญาเสมอกัน คือรู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาทั้งคู่
คนที่จะเข้าใจ คือต้องมีความเข้าใจ รับรู้สภาพจิตใจของอีกฝ่าย
การที่ใครจะเข้าใจใครอีกคน ไม่ได้หายความว่าต้องรักกัน
เช่น ผมเข้าใจในอารมณ์คุณ ที่เขาพยายามหาเหตุผลยกตนว่าไม่ผิด
แต่กลับผิดที่คุณ ไม่เข้าใจเขา เขาเลยคิดว่าไม่เหมาะไม่คู่ควรกัน
เพียงความเข้าใจ ไม่อาจเป็นเหตุและปัจจัยให้เพียงพอที่จะเกิดความรัก
เพราะการที่ผมเข้าใจคุณ ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะรักคุณ !
ตราบใดที่ชื่อว่า "คน" ถ้ายังเป็นปุถุชน และยังไม่ได้เป็น "มนุษย์"
ความ "พอ" ก็อาจจะหาได้ยากในบุคคลผู้นั้น ไม่ว่าเขาหรือคุณ !?
คนเราเมื่อมีคนรัก ในช่วงโปรโมชั่น ทุกอย่างจะหวานชื่น
แต่เมื่อใดที่ความหวานเริ่มเจือจาง ความยินดีที่เคยมีให้ก็จะลดน้อยลง
เมื่อความยินดีน้อยลง การที่จะเพ่งโทษหาข้อบกพร่องก็ทำได้ง่ายขึ้น
ต่อให้คุณมีความเข้าใจในตัวเขา หรือเขามีความเข้าใจในตัวคุณ
แล้วจะมีอะไรมาการันตีได้ว่า คุณจะพอใจในการเอาใจใส่ของเขา
หรือว่าเขาจะพอใจต่อการเอาใจใส่ของคุณ
หรือถ้ามีความพอใจต่อการเอาใจใส่ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า..
ในอนาคต คุณจะมีความอดทนต่อเขาเมื่อเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน
หรือเขาจะมีความอดทนต่อคุณเมื่อเกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้น !?
๑. ความซื่อสัตย์
๒. การรู้จักบังคับควบคุมอารมณ์ การข่มใจ
๓. ความอดทนอดกลั้น
๔. ความเสียสละ
ถ้าขาดเหตุปัจจัยในการครองคู่ทั้งสี่ประการนี้แล้ว ก็ง่ายนักที่ความรักจะล้มเหลว
ดังนั้น ต่อให้เขาหรือคุณรักกันเพียงใด ต่อให้เข้าใจกันเหมือนเป็นจิตดวงเดียวกัน
ถ้าขาดเหตุที่จะทำให้รักตั้งมั่นเพียงข้อใดข้อหนึ่ง คุณหรือเขาก็คงพร้อมที่จะลาจาก !
ธรรมชาติของผู้ชาย คือเพศที่แข็งแรง
สิ่งที่ต้องการจากผู้หญิงคือการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป นั่นคือความอ่อนโยน
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา บุคลิกหรือนิสัย นี้คือพื้นฐานที่ผู้ชายต้องการ
ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน แต่ตรงกันข้าม..
นั่นคือต้องการผู้ที่มีความเป็นผู้นำ สามารถคุ้มครองให้ความช่วยเหลือ
ที่เหลือนอกจากนี้ คือความต้องการทางกิเลสที่แตกต่างกันในแต่ละคน
ความเข้าใจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรักเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดของความรัก
เพราะความรักยังต้องการความเสียสละ การดูแล การเอาใจใส่ การใส่ใจ
รวมถึงความซื่อสัตย์ ความพอในสิ่งที่ตนที่คนรักมี รวมถึงความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด คุณคงพอสรุปได้ว่าถ้าคนเราหมดความยินดีในคนเก่าแล้ว
ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็จะสามารถนำมาเป็นเหตุผลเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างดูดีได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น ไม่ว่าใครจะบอกกล่าวอะไร ถ้าคุณเข้าใจ "ความรัก" อย่างแท้จริงแล้ว
คุณจะมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นที่ต้องไปแสวงหาคำตอบแต่ประการใดเลย
สุดท้าย.. ถ้าคุณเข้าใจในธรรมชาติของความรักแล้ว จงให้อภัยกับเขาเถอะครับ
และตัวเราก็อย่าเก็บมาปรุงแต่งเพื่อให้จิตเศร้าหมองอีกต่อไปเลย เพราะมันไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย
ปล่อยวางในการจากไปของเขาเถอะครับ มาได้เท่านี้ก็เท่านี้
เพราะถึงอย่างไรชีวิตเราก็ไม่ได้จบทางเดินที่เขาคนนั้น
ขอให้ทำใจให้สบาย แล้วหันมารักตัวเอง ดูแลสุขภาพกายสุขภายใจให้แข็งแรงปกติดีนะครับ
ปล. คน หมายถึงบุคคลที่อาศัยอยู่ได้ด้วยการกิน นอน สืบพันธุ์ และกลัวภัย ซึ่งไม่ต่างจากเดรัจฉาน
มนุษย์ คือคนที่มีศีลธรรมอยู่ในตน ได้แก่เบญจศีล เบญจธรรมเป็นต้น