ได้เธอกลับมา เพราะรักและปาฏิหาริย์ - (4) ความพลัดพราก
ชีวิตที่ผ่านมาผมและเธอมีความสุขมากจากการที่มีเจ้าตัวน้อยมาเป็นพยานรัก แต่ใครจะคาดคิดว่า ความพลัดพรากจะเกิดขึ้น
เธอได้หยุดงานดูแลลูก 3 เดือน ผมเพิ่งรู้ว่า การเลี้ยงเด็กเหนื่อยมาก เจ้าตัวน้อยตื่นขึ้นมาก็ทำงานทันที ไม่มีการบิดขี้เกียจหรือโอ้เอ้เลย ยิ่งตอนคว่ำคลานได้นี่สุดยอดครับ ตื่นแล้วคว่ำคลานไปไหนต่อไหน ผมกับเธอยังหลับอยู่เลย โชคดีที่เจ้าตัวน้อยไม่งอแงเท่าไร เจ้าตัวน้อยชอบนอนซุกเธอทุกวันถึงจะหลับ
เธอกลับไปทำงาน คุณแม่ผมมาช่วยเลี้ยงลูกให้ ปีที่เธอป่วยเป็นปีชงของเธอครับ ปีนี้ผมพาเธอไปทำบุญตั้งแต่ต้นปี มีเวลาว่างก็พาเข้าวัดทำบุญ งานเธอยุ่งมากครับ ในเดือนเมษา เธอว่า ตั้งแต่แต่งงานมายังไม่ได้ไปฮันนีมูนเลย (เออ จริง มัวแต่ทำงานกัน) เธอขอให้พาไปเที่ยวโดยเธอจะหาสถานที่และจะไปช่วงพฤษภา เพราะช่วงนั้นงานของเธอจะเบาลง
ก่อนวันสงกรานต์ผมพาเธอไปไหว้เจ้าและทำบุญซื้อโลงศพ อีกประมาณ 2 วัน เธอเล่าให้ฟังว่า ลูกน้องเธอฝันว่า เธอขับรถแล้วรถชน เธอคอขาดกระเด็น และลูกน้องคนนี้ฝันถึงคนตายมาแล้ว 2 คน แล้วตายจริงทั้ง 2 คน ผมเลยบอกเธอว่า เราเพิ่งไปทำบุญมา ฝันร้ายจะกลายเป็นดี แต่ผมก็หวั่นใจอยู่ ช่วงสงกรานต์พาเธอไปทำบุญอย่างเดียวเลยครับไม่ได้เที่ยวที่ไหน อากาศช่วงสงกรานต์ร้อนมากครับ คนแน่นทุกวัดเลย
หลังจากหยุดสงกรานต์เธอไปทำงาน 1 วัน แล้ววันรุ่งขึ้นเธอไม่ไปทำงาน บอกว่า ไม่สบายไปไม่ไหว ผมขับรถไปทำงานพอถึงที่ทำงานผมตัดสินใจขับรถกลับทันที เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเธอเคยเป็นแค่ไข้หวัดเล็กน้อย ส่วนผมป่วยมากกว่าเธออีก ผมรับเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน คุณหมอให้ยามาทานบอกว่าเป็นหวัด วันรุ่งขึ้นเธอไปทำงานตามปกติ เธอว่า ดีขึ้นแล้ว
อีก 4 วันต่อมา เธอได้ที่จะไปฮันนีมูนกัน เธอบอกให้ผมเตรียมลางานและติดต่อที่พักให้ด้วย เย็นนั้นเธอบ่นว่า วันนี้กินอะไรไม่อร่อยเลย
วันรุ่งขึ้นเธอและผมต่างขับรถไปทำงาน ผมกำลังจะเข้าประชุมบริษัทประมาณ 10 โมง ทางบริษัทเธอโทรมาหาบอกว่า เธอเป็นลม ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลใกล้บริษัทเธอ ผมโทรไปลาหัวหน้าแล้วรีบขับรถไปทันที เมื่อถึงโรงพยาบาลเห็นเธอหลับอยู่ คุณหมอกำลังตรวจดูว่า หัวเธอล้มไปฟาดอะไรหรือไม่ ผมรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมไม่ขับรถของเธอมาส่ง กลับเอารถของพนักงานมา (รถบริษัทไม่ว่าง) น้องๆ ที่มาส่ง (มากันหลายคน) บอกว่า หากุญแจรถเธอไม่เจอ
คุณหมอว่า โรงพยาบาลนี้เล็กไม่สะดวกรักษา เพราะไม่มีเครื่องมือ ให้รีบส่งไปโรงพยาบาลใหญ่ดีกว่า ตอนแรกผมคิดว่า จะส่งไปที่โรงพยาบาลเอกชนที่ทำประกันสังคมไว้ แต่ด้วยเหตุที่โรงพยาบาลมีชื่อเสียงด้านอื่นมากกว่าการรักษาพยาบาล และก็อยู่ไกลรวมถึงรถติดมากด้วย ผมตัดสินใจพาเธอเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงที่อยู่ใกล้ที่สุด
ระหว่างที่รอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลที่จะย้ายไป ผมได้คุยกับน้องๆ ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร น้องๆ อ้ำอึ้ง ก่อนที่จะบอกว่า เธอไม่ได้ล้ม เธอนั่งหลับที่โต๊ะทำงาน มีคนเห็นว่า ผิดปกติ เพราะ เธอไม่เคยทำแบบนี้ พอเรียกเธอไม่รู้สึกตัว ก่อนที่เธอจะหลับมีคนงานเดินผ่านหน้าห้อง เห็นเธอหันมาสะแหยะยิ้ม เห็นแล้วน่ากลัวมากขนลุกไปหมด และที่น้องๆ มากันมากนี้ เพราะ กำลังพาเธอขึ้นรถ ปรากฎว่า เธอตื่นและเริ่มเดิน ทางบริษัทพยายามพาตัวเธอมาโรงพยาบาล ปรากฎว่า พนักงานผู้ชาย 4 คน พยายามจะพาเธอขึ้นรถ กลับถูกเธอลากไปมา
ระหว่างที่เล่ากันอยู่เธอตื่นขึ้นมา และลุกขึ้น ผมรีบเดินไปหาและคุยกับเธอ เธอยังอยู่ในอาการงง ผมถามถึงกุญแจรถ เธอว่า อยู่ในกระเป๋าถือ เธอพยายามจะเดินออกจากโรงพยาบาล บอกผมว่า จะไปหาลูก พาเธอไปที (และนี่เป็นการพูดคุยกับเธอครั้งสุดท้ายก่อนเธอหลับไป) จากนั้นเธอก็หมดสติและมีอาการกระตุก ซึ่งคุณหมอว่าเป็นอาการชัก แต่ถ้ามีอาการทางสมองไม่น่าขับรถไปทำงานได้
เธอถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาลที่สอง ประมาณ 11.00 น. คุณหมอรีบมารับตัวและส่งเธอเข้าสแกนสมองทันที ประมาณครึ่งชั่วโมงคุณหมอแจ้งว่า สมองปกติ รอผลเลือดและผลการตรวจเชื้อ (ซึ่งผลที่ออกมาภายหลังปกติ) เธอถูกส่งตัวเข้า ICU ผมจึงได้โทรแจ้งคุณแม่ของผมและญาติของเธอ
แม่ผมโทรแจ้งลุงเอก ปรากฎว่า ลุงเอกให้แม่ผมรีบไปหา ให้ไปเอาน้ำมนต์มารดเธอก่อนพ้นคืนนี้ ลุงเอกว่า เธอธาตุไฟแตกถ้าทำไม่ทันจะไม่พ้นคืนนี้ เหมือนบังเอิญหรือโชคดีน้องชายผมและแฟนเขาขับรถมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาเยี่ยมคุณแม่พอดี เลยได้พาคุณแม่ไปหาลุงเอก ซึ่งการเดินทางไปหาลุงเอกและถึงโรงพยาบาลใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ตอนหัวค่ำญาติเธอมา 6-7 คน เธอนอนหลับอยู่ใน ICU (ห้องรวม) และเริ่มมีอาการตัวร้อนและร้อนขึ้นเรื่อยๆ (วัดความร้อนจากการสัมผัส) จนถึงประมาณ 2 ทุ่ม คุณแม่ผมก็มาถึง ผมรีบเอาน้ำมนต์มาสาดใส่เธอ โดยรอบเตียงที่เธอนอนอยู่มีญาติๆ ของเธออยู่ด้วย ปรากฎว่า ไม่ถึง 10 นาที ตัวเธอเย็นลงจนเป็นปกติ ผมเดินออกมาข้างนอกห้อง ICU ได้ยินเสียง ญาติของคนไข้เตียงถัดไปพูดว่า เตียงโน้นเล่นสาดน้ำมนต์ใน ICU
วันรุ่งขึ้นผมลางานและรีบมาหาเธอแต่เช้า ถามพยาบาลถึงอาการของเธอ พยาบาลบอกว่า ตั้งแต่ผมกลับไป เธอยังคงมีอาการปกติ ช่วงสายคุณหมอแจ้งว่า จะขอตรวจวัดคลื่นสมอง ผมถามคุณหมอว่า เธอเป็นอะไร คุณหมอแจ้งว่า ยังไม่มีข้อสรุป ต้องรอผลตรวจเชื้ออีกประมาณ 7 วัน ซึ่งก็ไม่สามารถรู้ว่าจะรักษาได้หรือไม่ (ผมถามตัวเองในใจว่า เธอจะอยู่ถึง 7 วันหรือ?) ผมตัดสินใจย้ายเธอไปโรงพยาบาลเอกชนที่ประกันสังคมไว้ เพราะค่ารักษาที่นี่สูงมาก แค่นอนดูอาการก็คืนละหลายหมื่น คุณหมอที่รู้จักเลยแนะนำว่า ย้ายไปก่อนถ้าผลออกแล้วค่อยกลับมารักษา
เธอจึงถูกย้ายมาโรงพยาบาลที่สามในช่วงเที่ยงของวันนั้น คุณหมอที่มารับได้ขอใส่เครื่องช่วยหายใจ และหมอเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องก็เข้ามาร่วมรักษา ผมประทับใจมากเนื่องจากไม่คาดคิดว่า โรงพยาบาลจะมีหมอครอบทุกด้าน และอำนวยความสะดวกให้เราเป็นอย่างดี เธอถูกส่งตัวเข้า ICU อีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นผมไปทำงานปกติ โดยไม่ได้บอกพี่ๆ น้องๆ ในที่ทำงานด้วยกันให้ทราบเลย แต่มีคนสังเกตุว่า ผมผอมไป (เนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมา ผมกินแค่ขนมปังกับกาแฟเท่านั้น ผมไม่รู้สึกหิวเลย) ตลอดเวลาที่เธอป่วย ผมยังคงไปทำงานตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมแจ้งให้หัวหน้าซึ่งสนิทกันมากทราบแค่ว่า เธอยังพักอยู่ในโรงพยาบาล และในช่วงปีนี้มีญาติพนักงานในบริษัทที่ผมทำงานอยู่เสียนับสิบราย ร้องไห้มาคุยกับผม ผมได้แต่ปลอบใจ โดยทุกคนไม่รู้ว่า ผมกำลังสาหัสเหมือนกัน ตอนที่ทุกคนรู้ตกใจกันมาก เพื่อนบ้านผมก็ไม่แจ้งให้รู้ เพราะผมคิดว่า ถ้ารู้แล้วจะรบกวนเวลาผม คงต้องมีคนอยากรู้แล้วมาสอบถาม เวลาที่เหลือน้อยนิด จากการทำงานและดูแลเธอนั้น ผมอยากพักผ่อน
ส่วนเจ้าตัวน้อยนั้น อายุ 6 เดือน รู้แล้วว่า มีอะไรเปลี่ยนไป เค้าไม่มีแม่ให้ซุกนอนเหมือนทุกวัน นอนกระสับกระส่าย ผวาบ้าง ผมเห็นเจ้าตัวน้อยเหลือบตาดูรูปแต่งงาน และชี้ไปที่รูปเธอ ผมเหนื่อยมากบางวันทิ้งตัวหลับเลย บางวันยังหาข้อมูลเพื่อรักษาเธอไม่ได้หลับนอน ส่วนเจ้าตัวน้อยต้องหากินเอง ผมแปลกใจว่า ใครเอานม UHT ให้ลูกผมกิน ผมวางนมไว้กับพื้นบ้าน แล้ววันหนึ่งผมก็เห็นเจ้าตัวน้อยคลานไปหยิบนมแล้วเจาะดูดกินเอง (ผมแอบอัดวีดีโอไว้ด้วย)
***************************************************
- มีใครเคยเตรียมใจว่า สักวันหนึ่งความพลัดพรากจะมาเยือน
- คุณเชื่อเรื่องชงไหม? ความฝันเป็นจริงหรือ?
- คุณเชื่อไหมว่า กรรมจะมาตอนที่คุณมีช่วงชีวิตดีสุด? (เพราะช่วงนั้นคุณจะเจ็บที่สุด)
***************************************************