ความคิดเห็นที่ 1 ต่อๆๆ ได้ข้อคิดว่า  ควรเก็บรักษาหนังสือการ์ตูนของตัวเองให้ดีกว่านี้ เหตุการณ์ที่ผ่านมา  ผมเสียหนังสือไปมากกว่าพันเล่ม -__________- จากคุณ ฮาริมะคุง แต่ได้ข้อคิดจากเหตุการณ์คือ มี(สิ่งของ)ให้น้อย เท่าที่จำเป็น เห็น Benz จมน้ำไปทั้งคัน ก็ยืนยันแนวทางการใช้ชีวิตของผมได้อย่างดี คือไม่จำเป็นต้องมีรถหรูๆแพงๆ เรามีรถหรูๆแพงๆเพื่ออวดศักดาทั้งนั้นล่ะครับว่าเรามั่งมี ถามว่าถ้าไม่ต้องคิดว่าจะไปอวดใคร รถญี่ปุ่นคันเล็กก็ขับพาเราไปไหนต่อไหนได้เหมือนกัน เก็บเงินเก็บทองไว้เผื่อยามฉุกเฉินจะดีกว่า จากคุณIX_XI   อย่าสะสมสมบัติบ้าให้มากเกินไป... จากคุณviee  อย่าไว้ใจรัฐบาล อย่าวางใจน้ำ.. จากคุณ Mr.Tinkertrain   วันแรกที่กลับเข้าบ้าน หลังจากลี้ภัยจากมหาอุทกภัย ประมาณเดือนกว่า ความรู้สึกแรกที่ขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน บรรยากาศเหมือนแพ้สงครามจริงๆ กองขยะกองใหญ่อยู่ข้างถนนอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ มีแต่เฟอร์นิเจอร์พังๆ ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตาย เหี่ยวแห้งไปตลอดทาง พอมาถึงหน้าบ้านก็เจอล่องลอยความเสียหาย ต้นไม้ที่ปลูกไว้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ใหม่ๆอายุ20กว่าปี ยืนต้นตาย ขยะเต็มบ้านไปหมด ยังไม่ทันเข้าบ้าน กองทัพยุงก็บินมาต้อนรับ เป็นร้อยดูจะน้อยไป ยุงพวกนี้หน้าด้านสุดๆ เวลาจะกัด ไม่มีลีลา กัดให้เห็นจะๆ พอเข้าบ้านได้ กลิ่นน้ำเน่าก็มาเตะจมูก พร้อมเชื้อราทุกหนแห่ง บางแห่งไม่เฉพาะรา แต่งอกเป็นเห็ดให้เห็นกันเลย ไม่รู้จะเริ่มต้นฟื้นฟูตรงไหนก่อน โคลน รา เฟอร์นิเจอร์พังๆ ปัดกวาด เช็ดถูอยู่อาทิตย์กว่าๆ ตอนนี้เสร็จไปกว่า 80%แล้ว บ้านกลับมาเป็นบ้านเหมือนเดิม ทิ้งของไปเยอะมาก ของบางอย่างไม่ได้ใช้ แต่จะทิ้งก็เสียดาย เพราะยังดีๆอยู่ พอมาโดนน้ำเลยตัดสินใจทิ้งได้ง่ายขึ้น ปีหน้าถ้าน้องน้ำมาอีก ทีนี้จะไม่หนีละ จะซื้อเครื่องปั๊มน้ำมาปักหลักสู้ดูซักตั้ง เพื่อนๆที่ไม่โดนน้ำคราวนี้ นายโชคดีมากๆ ส่วนเพื่อนๆที่โดนน้ำท่วม ขอให้ทำใจ ทำใจวันที่เข้าบ้านวันแรกเลย เพราะนายจะเจอบรรยากาศเหมือนแพ้สงครามเลยหล่ะ สู้ๆครับ จากคุณ somsak_l จากคุณ : hayashimali เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 15:19:59

ความคิดเห็นที่ 2 หลังอ่านแล้ว ช่วยบอกหน่อยนะคะว่า คุณๆเตรียมตัวอะไรบ้างหรือยัง กรุณาอย่ารอให้ใกล้ๆก่อนนะ ที่จริงแล้วเราไม่รู้จริงๆว่า น้ำจะมาเมื่อไหร่ ตอนไหน จะได้ไม่ต้องอพยพไปไหนจากบ้าน อย่างที่เคยไง.. จากคุณ : hayashimali เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 15:24:04

ความคิดเห็นที่ 3 ทำอะไรก็ทำให้จริงๆ อย่าเป็นไฟไหม้ฟาง เพราะรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ชอบทำแบบไฟไหม้ฟาง ไม่มีอะไรต่อเนื่อง จากคุณ : แดง สุขุมวิท เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 06:54:02

ความคิดเห็นที่ 4 จริงๆ ผมชินกับเรื่องน้ำท่วมตั้งแต่เกิด ที่บ้านแม่(สมุทรปราการ)ก็ท่วมบ่อยๆ น้ำขึ้น ๆ ลง ๆ จำได้ว่าช่วงน้ำหลากเล่นน้ำหน้าบ้านกันบ่อยมาก แต่บ้านแถบนั้นส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้ยกพื้น 2 ชั้น หน้าน้ำแห้งใช้ใต้ถุนบ้านทำกิจกรรมประจำวันส่วนใหญ่ บนเรือนเอาไว้นอนและวิ่งขึ้นๆลงๆ ให้ยายด่าเล่น ตอนนี้บ้านพี่สาวทำประตูกั้นน้ำไว้แล้ว ส่วนบ้านตัวเองท่วมตั้งแต่ปีโน้นยังไม่ได้เตรียมตัวและป้องกันอะไรเลยครับ   ซ่อมก็ยังไม่ได้ซ่อม แค่เช็ดล้างให้พออยู่ได้ ท่วมอีกก็ยกของ(ที่เหลือไม่กี่ชิ้น)หนีให้พ้นน้ำ แล้วย้ายออกไปเที่ยว(บ้านคนอื่น) แค่นั้นเอง ง่ายออก จากคุณ : กรรมกร เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 08:38:42

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเตรียมห่วงยางครับ คุณมะลิ รอบคอบสุดๆเลย   จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 09:02:57

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 10:50:29 จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 10:49:15

ความคิดเห็นที่ 7 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 10:52:08 จากคุณ : 447 เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 10:51:04

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วงที่น้ำท่วมกรุงเทพและภาคกลาง ทำเอาจิตตกเหมือนกันค่ะ กลัวว่าภาคใต้จะโดนหนักกว่า ก็เตรียมกระสอบทรายไว้ ส่วนบ้านหลานที่อยู่ติดกันก็ยกพื้นขึ้นอีกหน่อย บอกตรงๆ ว่าช่วงนั้นดูข่าวน้ำท่วมจนเครียด จากคุณ : สุสิดี เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 11:42:01

ความคิดเห็นที่ 9 น้ำท่วมคราวก่อนที่บ้านก็คลองหลังบ้าน ท่วมถึงเอว ก็ล้นมาถึงช่วงกลางบ้านแถวที่จอดรถ ตรงนี้ราว 20 ซม. ทางบันไดขึ้นบ้านก็ 10ซม.ไม่ต้องย้ายของอะไร นับว่าโชคดีสุดๆ แต่ก็เครียดมากเพราะห่วงบ้านลูกสาวที่ห่างออกไปราว 3 กม. น้ำไม่เข้าบ้านเขาหรอกแค่หน้าหมู่บ้าน แต่ปัญหาอยู่ที่รถเข้เออกไม่สะดวก จนสามีเขาหอบลูกสาวกับหลานตัวจิ๊ดๆไปอยู่โรงแรมวันหนึ่งและไปอยู่บ้านญาติเขาแถวพระราม ๙ ก็ยังเครียดเพราะไปอยู่กับคนที่เราไม่รู้จักแถมหลานเพิ่งเดือนเศษ ยิ่งดูข่าวน้ำท่วมก็ยิ่งเพิ่มความเครียด กว่าจะหายเครียดได้ น้ำหนักลดไป2-3 ก.ก. และแล้ว ไม่นานก็มีข่าวออกมาว่า ปีนี้มาอีกแน่นนอน แต่จะไม่เท่าปีก่อน ไม่แน่ใจเลย จากบทเรียนปีที่แล้ว เลยที่บ้านทำเขื่อนกั้นคลองไว้ซ๊าเลย จากคุณ : hayashimali เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:18:02

ความคิดเห็นที่ 10 ปีที่แล้วทำกำแพงอิฐบล็อกสูงประมาณ 1 เมตร ทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน แต่น้ำถูกกันไม่ให้เข้าหมู่บ้าน จึงไม่ท่วม จริงๆแล้วเพิ่้งทุบกำแพงทิ้งไป พอทุบเสร็จใครๆบอกว่าน้ำจะมาอีก ก็คงต้องทำกำแพงกันใหม่ แล้วก็ต้องคิดอีกว่าจะต้องหนีน้ำไปต่างจังหวัดอีกมั้ย ถ้าท่วมน้อยกว่าเดิมก็ไม่ต้องไป แต่เรื่องทางผ่้านน้ำ หรือเป็น flood way นี่ยังไม่รู้เลยว่า เค้าใช้ตรงไหนกันแน่ แถวบ้านคือคลองสามวาที่ท่วมเยอะในหลายพื้นที่ ที่แน่ๆคือเตรียมทำใจค่ะ แล้วเดี๋ยวก็คงไปหาซื้ออิฐบล็อกกับปูนมาเตรียมไว้ ทำกำแพงกันเอง จากคุณ : Batgirl 2001 เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:47:16

ความคิดเห็นที่ 11 เตรียมยกของขึ้นที่สูง เตรียมอาหารค่ะ จากคุณ : บุหงาตานี เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 18:12:39

ความคิดเห็นที่ 12 ยังเครียดไม่หายเลยพี่จากภัยน้ำท่วมปีที่แล้ว อันใหม่จะมาอีกแล้ว ไม่ทำอะไรเลยปล่อยไว้งั้นแหล่ะ จนลูกค้าถามว่า พี่คะ..นี่คืออนุสรณ์น้ำท่วมเหรอ???? (มาย้ำตรูทำไม) อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดค่ะพี่ ตอนนี้ปลงทุกสิ่ง..รู้แค่ว่าไม่เบียดเบียนใครพอแล้ว..ทำดี ก็ต้องได้ดีเน๊อะ (แต่เห็นผลช้าจัง) จากคุณ : pp..jajar เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 02:53:13

ความคิดเห็นที่ 13 บ้านเกิดผมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นตึกสองชั้น ต้วตึกช้ันล่างไม่มีใครอยู่ ถามปู่ว่าชั้นล่างทำไมถึงไม่มีใครอยู่ ปู่บอกว่าใช้เก็บเรือ ก็เคยสงสัยว่าเก็บเรืออะไรและเก็บทำไม วันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปดู ปู่ชี้ให้ดูรอยที่รอบผนัง ทั้งสี่ด้าน ซึ่งสูงเลยหัวของเรา (ขณะนั้นเราอายุ ประมาณ 4-5 ขวบ) ถามปู่ว่ารอยอะไร ปู่บอกว่าเป็นรอยน้ำ ปู่บอกว่าห้องข้างล่างนี้ใช้เก็บของที่ไม่ได้ใช้ แต่ต้องยกพื้นให้สูงหน่อยมิฉะนั้นนั้นแล้วเวลาน้ำท่วม มันจะเปียก ส่วนเรือเราต้องใช้เป็นพาหนะยามน้ำท่วม...มันอยู่กับพื้นได้ เวลาน้ำเข้ามามันก็จะลอย แต่บางลำที่เล็กหน่อย ก็จะอยู่บนขาตั้ง แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจึงได้มีเรือแยะจัง และมีทั้งลำใหญ่นั่งได้เป็นสิบคน เรือจ้าง เรือสัมปั้น เรืออีแปะ และเรือบด ปู่บอกว่าบ้านเราเป็นที่พึ่งของคนแถวนั้น เวลาที่ใครจะต้องไปไหนช่วงน้ำท่วม หากไม่มีเรือ ก็จะมาขอยืมเรือที่บ้านเรา ในช่วงชีวิตผมไม่เคยเจอน้ำท่วมด้วยตนเอง เพราะครั้งก่อนๆนั้นอยู่ตปท. แม้ว่าจะได้เสียของส่วนตัวไปมากมาย เพราะไม่ได้อยู่ดูแล รู้สึกเสียดายมาก แต่ก็รู้ว่าความรู้สึกนั้น ไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบได้เท่ากับความรู้สึกและ ความสูญเสียของผู้ที่ประสบภัยได้เลย ... ปีที่แล้วอภิมหาอุทกภัย ก็ยังรอดอีก เพราะย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ปีนี้ หากน้ำจะท่วมอีก ก็หวังว่าคงจะไม่มาก และไม่นานเหมือนปีที่แล้ว เพราะหลายคนคงมองเห็นถึงการแก้ปัญหา ได้ดีและชัดเจนมากขึ้น จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 12:07:30

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยต้องย้ายไปอยู่แถวเชียงราย หรือเชียงใหม่แล้ว จากคุณ : Batgirl 2001 เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 21:18:11

ความคิดเห็นที่ 15 ย้ายไปก็จะเจอหมอกควันละครับคุณค้างคาว...มันแน่ยิ่งกว่าน้ำท่วมซะอีก ปีละครั้งเป็นประจำ มีกลุ่มที่รณรงค์ต่อต้านการเผา ที่ทำอะไรใครไม่ได้ และที่แย่ก็คือฝ่ายที่มีอำนาจในมือทำซะเอง ยิ่งนานวันเข้า ยิ่งหนักขึ้น คนเป็นโรคทางเดินหายใจมากขึ้น...เฮ้อ!!! จากคุณ : tnu เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 22:38:07

ความคิดเห็นที่ 16 ไปอยู่ที่ไหนดีล่ะนี่.... จากคุณ : กรรมกร เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 09:59:26

ความคิดเห็นที่ 17 นั่นสินะ คุณกรรมกร เฮ้ออ.. สารพัดเหตุที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งน้ำท่วม หมอกควัน คนชังหน้าก็มีโอกาสถูกตี ถูกฆ่า ถูกลูกหลงได้เวลาเขาฆ่ากัน อาหารแพง น้ำฟรีไม่มี น้ำแข็งเปล่าแก้วละ 2 บาท (คราวก่อนว๊ากเด็กเสริฟชาวพม่าที่รักเจ้านายมากจะคิดค่าน้ำแข็งเปล่า ทั้งๆที่เราเป็นลูกค้าประจำ ค่าอาหารเพิ่งขึ้นราคาแท้ๆ ปริมาณก็แอบลดลง รสชาติแย่ลง อะไรหว่าเนี่ย เลยเลิกกินเลย เปลี่ยนร้านดีกว่า) ร้านกาแฟสด ถ้วยละ 35-40 บาท ยังชงไม่ยอมให้อร่อย แถมขนมปังค้างกี่วันไม่รู้ เฮ้ออ ตอนนี้เจอร้านแกงเผ็ดปักษ์ใต้ ราคาแพงแต่ปริมาณค่อยยังรับได้ แกงเผ็ดมาก เลยกินได้แต่แกงจืด คงต้องทำใจทำอาหารกินเอง ถ้าเลวร้ายมากกว่านี้ ไปอยู่ลาวท่าจะดีกว่ามั้ง หรือเวียตนามก็ไม่เลวนะ อย่างน้อยๆก็สงบกว่า เดินเล่นสบายใจหน่อย.. แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 55 23:46:19 จากคุณ : hayashimali เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 16:19:43

ความคิดเห็นที่ 18 ของเก่ายังไม่หายเครียด ของใหม่จะมาอีกแล้ว เตรียมเครียดหนักกว่าเดิม จากคุณ : nadiea เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 09:03:41