ความคิดเห็นที่ 1 การทานเหล็กพร้อมกับนมหรือน้ำเต้าหู้ก็สามารถดูดซึมได้ครับ แต่อาจจะลดประสิทธิภาพลงบ้างเพราะแคลเซียม  เเต่ในน้ำเต้าหู้ก็ยังมีเหล็ก น้ำนมถั่วเหลืองครึ่งถ้วยมีเหล็ก 0.4-1.0 มิลลิกรัม หากต้องการให้ธาตุเหล็กดูดซึมดีขึ้นให้ทานพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซีครับ ยาปฏิชีวนะ อะลูมิเนียม แคลเซียม ไฟเตท ชา กาแฟ หรือยาลดกรดจะลดการดูดซึมเหล็ก ดังนั้นไม่ควรรับประทานพร้อมยาเหล่านี้พร้อมกับธาตุเหล็ก หากจะรับประทานควรรับประทานก่อนหรือหลังรับประทานธาตุเหล็ก 2 ชั่วโม ข้อพึงระวัง ไม่ควรรับประทานมากและติดต่อกันเกิน 1 เดือน หากได้รับธาตุเหล็กมากจะเกิดภาวะอุจาระสีดำ อุจาระแข็ง ท้องผูก ม้ามโต และเป็นมะเร็งลำไส้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยธาลัสซีเมียห้ามรับประทานธาตุเหล็ก จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:25:06

ความคิดเห็นที่ 2 แนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรรับประทานปลา และอาหารที่มีไอโอดีนจะช่วยบำรุงสมองของลูกนะครับ ไอโอดีนพบในอาหารทะเลทุกชนิด พบมากที่สุดในสาหร่ายทะเล องค์การอนามัยโลกแนะนำสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรต้องการไอโอดีน 250 ไมโครกรัม ต่อวัน ร่างกายไม่สามารถสะสมไอโอดีนได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีนทุกวัน จากคุณ : ดร. เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 12:37:06

ความคิดเห็นที่ 3 ธาตุเหล็กดูดซึมได้ดีตอนท้องว่าง ถ้าหมอให้กินวันละเม็ดก็กินตอนก่อนนอนแทนได้ครับ สามารถทานติดต่อกันได้ตลอดการตั้งครรภ์และให้นมบุตร นั่นคือสามารถทานติดต่อกันได้มากกว่า 1 เดือน แล้วแต่ข้อบ่งชี้ว่าทำไมถึงต้องทาน ระหว่างทานยาธาตุเหล็กจะมีอุจจาระเป็นสีดำ ท้องผูกได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่เกี่ยวกับการได้ธาตุเหล็กมากเกิน ธาลัสซีเมียไม่ใช่ข้อห้ามในการทานยาธาตุเหล็ก ถ้าผู้ป่วยธาลัสซเมียที่มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กก็สามารถทานได้ ไอโอดีนไม่ได้ช่วยบำรุงสมอง แต่ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญต่อการพัฒนาสมอง ไอโอดีนสามารถเก็บสะสมในร่างกายได้ โดยจะเก็บอยู่ภายในต่อมไทรอยด์ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:37:00

ความคิดเห็นที่ 4 งงเลยอ่า เชื่อใครดีฟะ จากคุณ : วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 23:55:08

ความคิดเห็นที่ 5 เชื่องานวิจัยสิครับ ผมมีงานวิจัยเรื่องการขาดไอโอดีนของคุณแม่ตั้งครรภ์ ทั้งของไทยและนานาชาติ ข้อมูลที่ผมเขียนมาจาก World Health Organization, United Nations Children’s Fund & International Council for the Control of Iodine Deficiency Disorders. Assessment of iodine deficiency disorders and monitoring their elimination. A guide for programme managers. 3rd ed. Geneva: World Health Organization, 2007. Delange, F. 2007. Iodine requirements during pregnancy, lactation and the neonatal period and indicators of optimal iodine nutrition. Public Health Nutrition. 10: 1581-1583. Zimmermann, M. B. 2011. The role of iodine in human growth and development. Seminars in Cell & Developmental Biology. 22:645-652. Bürgi, H. 2010. Iodine excess. Best Practice & Research Clinical Endocrinology & Metabolism. 24: 107-115. จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 07:37:20

ความคิดเห็นที่ 6 ข้อมูลผมจากองการอนามัยโลก จากมหาวิทยาลัย วิทยาลัยแพทย์ สำหรับเหล็กกับธาลัสซีเมีย ในรายที่มีเหล็กเกิน แพทย์จะไม่จ่ายยาเฟรัส (เหล็ก) ให้ แต่จะให้ยาขับเหล็ก และให้ กรดโฟลิกแทนครับ จากคุณ : ดร. เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 07:40:07

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับเรื่องธาตุเหล็ก ผมอ้างอิงข้อมูลจาก 1Food and Nutrition Board, Institute of Medicine. Dietary Reference Intakes for Vitamin A, Vitamin K, Arsenic, Boron, Chromium, Copper, Iodine, Iron, Manganese, Molybdenum, Nickel, Silicon, Vanadium, and Zinc. Washington, DC: National Academy Press; 2001. 2Hallberg, L., and Hulthen, L., 2000. Prediction of dietary iron absorption: An algorithm for calculating absorption and bioavailability of dietary iron. The American Journal of Clinical Nutrition. 71: 1147-1160. 3Sandstrom, B. 2001. Micronutrient interactions: Effects on absorption and bioavailability. British Journal of Nutrition. 85: S181-S185. 4US Department of Agriculture, Agricultural Research Service, 2002. USDA Nutrient Database for Standard Reference, Release 15. Nutrient data laboratory home page. Available at: http://www.nal.usda.gov/fnic/foodcomp. 5Gagné, L. 2006. Should Everyone Take Supplements? EXPLORE: The Journal of Science and Healing. 2: 162-165. 6Gassull, M., and Cabre, E., 2001. Nutrition in inflammatory bowel disease. Current Opinion in Clinical Nutrition & Metabolic Care. 4: 561-569. ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 07:47:59

ความคิดเห็นที่ 11 คห.5 คุณได้อ่านบทความทั้งหมดที่คุณแปะลิงค์ไว้จริงๆหรือเปล่า ผมบอกว่า ไอโอดีนไม่ได้ช่วยบำรุงสมอง แต่ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญต่อการพัฒนาสมอง นั่นหมายความว่าถ้าขาดไอโอดีน ก็จะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ทำให้มีปัญหาเรื่องการพัฒนาสมองได้ แต่ถ้าไม่ขาดไอโอดีน ไทรอยด์ฮอร์โมนปกติ การให้ไอโอดีนเพิ่มย่อมไม่ได้ประโยชน์ ผมไม่ได้บอกว่าคนท้องไม่จำเป็นต้องได้ไอโอดีน โอเคมั้ยครับ หรือถ้าคุณมีข้อมูลว่าการให้ไอโอดีนเสริมในคนที่ไม่ขาดไอโอดีน และไทรอยด์ฮอร์โมนปกติจะช่วยเพิ่มระดับสติปัญญาได้ ช่วยแปะลิงค์ให้ด้วยครับ เพราะลิงค์ในคห.5 ไม่เห็นเกี่ยวข้องตรงไหน จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 02:17:30

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อพึงระวัง ไม่ควรรับประทานมากและติดต่อกันเกิน 1 เดือน หากได้รับธาตุเหล็กมากจะเกิดภาวะอุจาระสีดำ อุจาระแข็ง ท้องผูก ม้ามโต และเป็นมะเร็งลำไส้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยธาลัสซีเมียห้ามรับประทานธาตุเหล็ก จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) -------------------------------------------------------------------------------------- ผมขอเอกสารอ้างอิงหน่อยครับ เรื่องที่ห้ามให้ธาตุเหล็กเกิน 1 เดือน กับเรื่องผู้ป่วยธาลัสซีเมียห้ามรับประทานธาตุเหล็ก ผมบอกว่า ธาลัสซีเมียไม่ใช่ข้อห้ามในการทานยาธาตุเหล็ก หมายความว่า ไม่ใช่ผู้ป่วยธาลัสซีเมียทุกคนที่ห้ามกินยาธาตุเหล็ก แบบที่คุณบอกในคห.1 (ทำไมต้องแปลไทยเป็นไทยอีกเนี่ย -_-") ถ้าผู้ป่วยธาลัสซีเมียที่มีภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กก็สามารถทานได้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกรณีธาลัสซีเมียที่เหล็กเกินที่ไม่ควรให้ธาตุเหล็ก ในคห.6 อันนั้นมันคอมมอนเซ็นส์ เหล็กเกินก็ไม่ควรให้เหล็กก็ถูกต้องแล้ว จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 02:37:57

ความคิดเห็นที่ 13 ลิงค์ที่คุณแปะในคห.7 ก็ไม่ได้ตอบคำถามที่ผมถามไปนะ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 02:41:52

ความคิดเห็นที่ 14 ระหว่างทานยาธาตุเหล็กจะมีอุจจาระเป็นสีดำ ท้องผูกได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากลำไส้ไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากยาธาตุเหล็กที่เราทานไปได้ทั้งหมด ธาตุเหล็กที่ไม่ถูกดูดซึมก็จะออกมากับอุจจาระ ทำให้เห็นอุจจาระเป็นสีดำ แข็ง และท้องผูกได้ ดังนั้นการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าธาตุเหล็กเกิน และไม่ได้ทำให้ม้ามโต หรือเป็นมะเร็งลำไส้แต่อย่างใด จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 03:01:15

ความคิดเห็นที่ 15 ไอโอดีนสามารถเก็บสะสมในร่างกายได้ โดยจะเก็บอยู่ภายในต่อมไทรอยด์ ขอยกตัวอย่างง่ายๆ คือ กรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นระเบิดหลังเกิดสึนามิ มีสารกัมมันตรังสีหลายชนิดที่หลุดรอดออกมา หนึ่งในนั้นคือไอโอดีน ผู้คนจำนวนมากที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงนั้น จะกินไอโอดีนก่อนเดินทาง เหตุผลเพื่อให้ต่อมไทยรอยด์สะสมไอโอดีนไปเต็มที่ที่มันจะเก็บได้ เพื่อที่ร่างกายจะได้ไม่รับไอโอดีนชนิดที่ปล่อยรังสีได้เข้าไปสะสมในร่างกาย หรือรับเข้าไปน้อยที่สุด จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 03:13:16

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าต้องการเอกสารอ้างอิงเรื่องไหน ส่วนไหนก็บอกมาได้นะครับ จะแปะลิงค์ให้ ผมจบแค่ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเล็กๆในต่างจังหวัด ไม่เคยไปอบรบใดๆในต่างประเทศ ไม่เคยเขียนตำราใดๆ ส่วนเรื่องจะเชื่อใคร อันนี้ก็คงต้องพิจารณากันเอง กาลามสูตร    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆกันมา    อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆกันมา    อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ    อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา    อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา    อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้    อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 03:27:20

ความคิดเห็นที่ 18 ไอโอดีนจัดเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น อันนี้เห็นด้วยไหมครับ เพราะนักโภชนาการได้สรุปเอาไว้ ดังนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับ เช่นเดียวกับน้ำมันปลาที่ผมได้แนะนำคุณแม่ท่านนี้ไป เพราะในน้ำมันปลามีกรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งชื่อก็บอกชัดเจนว่า กรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งสารสองอย่างที่กล่าวมานี้ จำเป็นต่อการพัฒนาการของระบบประสาทและสมอง หากสมองไม่สมบรูณ์ แล้วจะฉลาดได้อย่างไร ลองพิจารฯตามเหตุผล สังเกตนมผงปัจจุบัน เติม น้ำมันปลา DHA EPA ก็เสริมสร้างสมองให้เด็กฉลาด มีงานวิจัยจำนวนมากกล่าวในทางเดียวกัน ลองหาดูในอินเตอร์เนตได้ง่ายๆ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 10:12:14

ความคิดเห็นที่ 21 การให้สารเสริมอาหาร ต้องพิจารณาพิษด้วย รับติดต่อกันนานตามหลักพิษวิทยา ไม่พึงทำ เหล็กให้นานมีพิษ ถึงก่อมะเร็งลำไส้ อันนี้เสริจในเนตดูได้ ลองเสริจเพิ่มการได้รับแคลเซียมเกิน และการได้รับวิตามินดีที่นิยมใส่เสริมมากับแคลเซียมดู ได้รับมากกระดูกผุ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 10:27:02

ความคิดเห็นที่ 22 จากข้อความของผม ความคิดเห็นที่ 6     ข้อมูลผมจากองการอนามัยโลก จากมหาวิทยาลัย วิทยาลัยแพทย์ สำหรับเหล็กกับธาลัสซีเมีย ในรายที่มีเหล็กเกิน แพทย์จะไม่จ่ายยาเฟรัส (เหล็ก) ให้ แต่จะให้ยาขับเหล็ก และให้ กรดโฟลิกแทนครับ ผมระบุชัดว่า สำหรับเหล็กกับธาลัสซีเมีย ในรายที่มีเหล็กเกิน แล้วทำไมผู้ถามถึงได้ว่าผมไปแย้งกับคำที่คุณเขียนข้อความที่ 12 ทั้งที่ผมก็ระบุชัด จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 10:31:02

ความคิดเห็นที่ 23 คห.17 คุณอ่านคห.5ที่ผมเขียนใหม่นะ ผมไม่ได้พูดถึงคนท้องมักขาดไอโอดีนอะไรเลย มันคนละเรื่องกัน ประเด็นของผมคือ ไอโอดีนไม่ได้ช่วยบำรุงสมอง ไม่ได้เป็นส่วนประกอบใดๆในสมอง แต่ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญต่อการพัฒนาสมอง ถ้าไม่ขาด ไม่จำเป็นต้องเสริม แถมมีข้อมูลด้วยว่าการได้ไอโอดีนเกินในคนที่ไม่ขาดอาจมีโทษได้ http://thyroid.about.com/od/newscontroversies/a/toomuchiodine.htm จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 12:00:59

ความคิดเห็นที่ 24 คห.18 แล้วมีตรงไหนที่ผมบอกว่าไอโอดีนไม่ใช่แร่ธาตุที่จำเป็นครับ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 12:09:02

ความคิดเห็นที่ 25 คห.19 ประเด็นที่ผมพูดคือไอโอดีนมีการสะสมในร่างกายได้ครับ ซึ่งการที่คุณบอกว่า "ร่างกายไม่สามารถสะสมไอโอดีนได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีนทุกวัน" ในคห.ที่ 2 จึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ที่ยกตัวอย่างกรณีนิวเคลียร์เพื่อที่จะบอกว่ามันสะสมได้ ผมไม่ได้พูดเกี่ยวกับการขาดไอโอดีนอะไรเลย ลองอ่านที่ผมโพสต์ดีๆนะครับ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 12:15:10

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคิดว่าข้อมูลที่รับมาถูกก็ตีพิมพ์เป็นหนังสือดูสิครับ แล้ว บรรณาธิการและประชาชนจะตัดสินเอง ---------------------------- ตลกมาก การได้ตีพิมพ์หนังสือแปลว่าข้อมูลคุณถูกต้องหรอ เอาเป็นว่าถ้าหนังสือคุณวางแผงเมื่อไหร่ช่วยบอกด้วย ถ้าว่างจะไปหามาอ่าน จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 00:16:24

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องข้อมูลงานวิจัยอะไรต่างๆไม่ส่งให้ก็ไม่เป็นไร เพราะที่อยากรู้ ก็แค่อยากรู้ว่าข้อมูลคุณเชื่อถือได้แค่ไหนเท่านั้นเอง จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 00:29:39

ความคิดเห็นที่ 37 http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=850 การรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ลองไปอ่านดูว่าสามารถกินเหล็กได้เกิน 1 เดือนจริงมั้ย หากอุจจาระสีดำแปลว่าได้เหล็กมากจริงหรือเปล่า จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 02:35:00

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่ใช่ว่าอ่านไม่เข้าใจ แต่ที่ไม่ตอบว่าเหล็กกินติดต่อกันนานก่อมะเร็ง ไอโอดีนก็ไม่อยู่ในร่างกายนานจะถูกขับออกง่ายทางปัสาวะจึงจำเป็นต้องทานทุกวัน หรือ ไอโอดีนช่วยให้ฉลาดมีผลต่อไอคิวเพราะว่า สามารถหาอ่านได้ทั่วไป จึงให้ไปหาอ่านดู จได้ะเห็นว่ามีจริง   และที่หมอให้ยาติดต่อตลอดตั้งครรภ์นั้นขึ้นกับโดสด้วย ถ้าหมอให้ต่ำกว่าโดสที่แม่ตั้งครรภ์ต้องการหมออาจจะให้นาน  แล้วหมอทั้ง 2 รพ. ให้โดสเท่าไรหละครับ และแคลเซียมที่ให้อยู่ในรูปอะไร เพราะยังมีเรื่องการดูดซึมของแคลเซียมอีก และไอโอดีนมากเกินไปก็เป็นประเด็นที่คุณตั้งมาใหม่ เวลารับประทานก็อย่ารับประทานเกินโดส และจะมีกำหนดให้ว่า แร่ธาตุแต่ละชนิดควรรับประทานกี่ % ของปริมาณที่แนะนำ เขามีเอกสารกำหนดไว้แล้ว ผมบอกให้รับประทาน แต่ไม่ได้บอกให้รับประทานเกิน เพราะทุกอย่างเข้าหลักพิษวิทยาหมด มีพิษหมด ซึ่งก็เป็นความจริงที่คุณบอกให้ไปดูว่ากินมากเกิดพิษอะไร ทีไอโอดีนมากคุณยังให้ผมไปดูพิษ แล้วทำไมเหล็กมาก แคลเซี่ยมมากคุณไม่สนใจพิษบ้างหละครับ ตัวเลข 1 เดือน 3 เดือน เป็นค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมเพราะการได้รับแคลเซียมมากก่ออาการท้องผูก อันนี้เบื้องต้น เคยอ่านเจอไหมครับ และถ้าได้รับแคลเซี่ยมที่เสริมวิตามินดีต่อเนื่องกันนานและได้รับมากก่อให้กระดููกผุ อันนี้เคยอ่านเจอกันไหม แล้วได้รับแคลเซี่ยมมากก่อให้เกิดนิ่วในได้ เคยอ่านเจอกันไหมหรือลองถามหมอดูเวลาที่ไปฝากครรภ์ ลองอ่านให้เยอะๆ จะได้เห็นข้อมูลจากหลายที่ ลองดูหนังสือที่ออกไปแล้วเล่ม 1 ได้ ชื่อ กินเป็น ไม่เป็นมะเร็ง ที่ซีเอ็ด มีอ้างอิงให้ชัดเจน เกือบร้อยบรรณานุกรม และจัดพิมพ์ไม่ได้มุ่งเน้นแสวงหากำไรด้วย 49 บาท 108 หน้า จริงอย่างที่คุณบอกว่าหนังสือไม่ได้ประกันว่าผู้เขียนทุกคนเขียนข้อมูลถูกทั้งหมด แต่การที่ตีพิมพ์คือการได้ศึกษามาและรวบรวมข้อมูลมา และผ่านการตรวจมาระดับหนึ่ง ถ้าใครที่คิดว่ามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือก็ลองตีพิมพ์ดู  ถ้าอ่านแล้วช่วยวิจารณ์และส่งผลวิจารย์มาให้ด้วยนะครับ อีเมลล์ก็ใส่ไว้ให้ในหนังสือแล้ว ขอฝากให้ทุกคนลองไปอ่านกันดูก่อน ด้วยใจที่เป็นกลาง อย่าพึ่งคิดอคติว่า ผมเอาข้อมูลแปลกไม่เคยได้ยินมาแล้วก็คิดว่าข้อมูลผมผิด ก็บอกไปแล้วว่าข้อมูลจากต่างแหล่งกัน ย่อมมีความแตกต่างกันได้ พออ่านแล้วอย่าลืมมาวิจารณ์นะครับ ขอฝากด้วย ไม่ดีตรงไหนบอกมา ไม่คว่ำแก้ว รีบซื้อมาอ่านเลยได้ไหมครับ อ่านวันนึงน่าจะจบ แล้วรีบมาวิจารณ์กันถ้าเปิดใจเป็นกลางนะ ผมก็ยินดีรับฟัง อย่าลืมช่วยตอบชื่อพระสูตรข้างบนให้ด้วย อยากรู้ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 19:57:43

ความคิดเห็นที่ 47 บอกตรงๆ เลยนะครับ ตอนแรกอ่านคำถามแรกก็ตอบ และตอบคนแรก หลังจากตอบแล้ว ไม่ได้อ่านคำตอบของคนอื่นเลย ไม่สนใจคำตอบของคนอื่น เพราะมุ่งแต่จะตอบอย่างเดียวเท่านั้น พอเห็นเขาถามว่าจะเชื่อใคร ผมจึงบอกให้เชื่อที่มีงานวิจัย เพราะข้อมูลมันมีที่ไม่พิสูจน์เยอะ และอยากจะให้น้ำหนักของหลักฐานของตัวเอง จึงใส่งานวิจัยมาให้ และแนะนำตนเอง บอกตรงๆ ไม่ได้ว่าใคร เพราะไม่ได้อ่านของใครเลยจริงๆ แต่พอตอบไปเสร็จ  ก็เพิ่งเห็นข้อมูลที่คุณตอบขัดแย้งมา ผมก็อ่านมาเยอะ ผมก็ไม่เชื่อใคร น่าจะเหมือนคุณ แต่ไม่ใช่ว่าผมจะคว่ำแก้วนะ ถ้าหลักฐานหนักกว่าที่ผมมีผมก็โอเค แต่ ณ ตอนนี้ที่ผมมีผมยังยึดงานวิจัยที่ผมมีอยู่ แล้ววันหลังจะส่งงานวิจัยแปะให้ ว่าแต่สอนผมหน่อยว่า pdf แปะอย่างไร มันมีหลายหน้า อย่างนี้ผมไม่รู้ ผมก็ถาม แต่ผมไม่ถามแบบที่คุณถามนะ มันเหมือนกับการขู่บังคับไม่ใช่ขอร้อง และขอย้ำอีกครั้งจริงๆ ว่า ไม่ได้อ่านว่าใครตอบอะไร หากคุณคิดว่าไปข่มคุณก็ขออภัยด้วย เพราะพูดแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจใคร แต่พออ่านเจอว่าคุณมาแย้ง ก็เลยยาวอย่างที่เห็น เพราะผมก็ไม่เชื่อใครเหมือนกัน แต่ก็อย่าเพิ่งโกรธ บอกวิธีให้ผมแล้วผมจะส่งบถความให้ดู แต่เรื่องข้างบนนั้นให้ลองเข้าไปหาดูก่อนนะครับ ว่ามันมีไหม เหล็กกับมะเร็ง และไอคิว ถ้าหาแล้วไม่เจอ ค่อยคุยกันอีกที เพราะของผมมีเยอะมากจนมันอยู่เล่มไหน แต่อ่านเจอจริง จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 20:21:31

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบครับ เรื่องภาษาไทย ขออภัย สะกดไม่ถูก ขอโทษด้วย แก้ไม่ได้จริงๆ ไม่เคยสอนวิทยานิพนธ์ แต่สอนนิสิต ที่สถาบันภายนอก ผมขอโทษตรงนี้แล้วจะลบข้อความข้างบน คงให้อภัยนะครับ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 20:25:56

ความคิดเห็นที่ 49 ผมได้แจ้งลบข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 20:30:02

ความคิดเห็นที่ 50 ขออภัยหากข้อมูลแรงเกินไปนะครับ หากลองอ่านดูแต่ต้นก็ตอบกันดี แต่พอมีข้อขัดแย้งกันเลยทำให้ข้อความเกิดความรุนแรง ซึ่งอาจก่อความเข้าใจผิด ผมขออภัยและได้แจ้งลบแล้วครับ และขอให้ท่านอื่นๆ แจ้งลบข้อมูลที่อาจก่อความเข้าใจผิดด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ (ดร.เริงฤทธิ์) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 20:45:46

ความคิดเห็นที่ 51 คุณเริงฤทธิ์ ครับ ไม่มีใครเคยสอนวิทยานิพนธ์หรอกครับ ใครจะสอนกันได้ ผมว่าคุณชักตอบอะไรแหม่งๆ แล้วล่ะครับ แล้วตกลงเรียน ป.เอก ที่จุฬาๆ จบหรือยังไม่จบครับ คุณเป็นอาจารย์ประจำหรืออาจารย์พิเศษ หรือ "วิทยากรรับเชิญ" ครับ ตกลง เป็นอาจารย์จริงไหมครับ? เพราะหลายถ้อยคำที่ผมย้อนกลับไปอ่าน มันขัดกันน่ะครับ เลยสงสัยว่าอาจเป็นบุคลากรหน่วยงานไหนสักแห่ง มาเรียน ป.เอก ที่จุฬา เคยเป็นวิทยากรกะเขาบ้าง เท่านั้นหรือเปล่าครับ??? แล้วหนังสือที่คุณพิมพ์ขาย คุณสำพองขนาดเรียกมันว่า "คัมภีร์" เลยหรือครับ ศ.ดร.ที่คณะผม ยังไม่กล้าเรียกหนังสือตัวเองว่าตำราด้วยซ้ำ แต่ของคุณ เป็น คัมภีร์ เลยหรือครับ เป็น ดร แล้ว หรือพึ่งเข้าเรียนครับ? ไม่ได้ดูแคลนนะ อยากรู้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 55 22:47:24 จากคุณ : วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 22:35:42

ความคิดเห็นที่ 52 ถามหน่อยครับ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าสอนชาวกาละมะชื่อว่าอะไร แล้วเดี๋ยวเรื่องที่คุณถามไว้จะมาตอบให้วันหลังครับ เพราะจะไปทำบุญ จากคุณ : ดร.เริงฤทธิ์ ---------------------------------------- อันนี้ถามผมหรือเปล่า ถ้าใช่ ผมตอบไปแล้วในคห.16 อย่างนี้แสดงว่าคุณไม่ได้ใส่ใจที่จะอ่านสิ่งที่ผมพิมพ์ไว้เลยใช่มั้ย จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 00:17:26

ความคิดเห็นที่ 53 ไอโอดีนก็ไม่อยู่ในร่างกายนานจะถูกขับออกง่ายทางปัสาวะจึงจำเป็นต้องทานทุกวัน --------------------------------------- ไอโอดีนอยู่ในเลือดไม่นาน ถูก blood half life ของไอโอดีนแค่ ประมาร 6 ชม.เท่านั้น แต่คุณเคยทราบมาก่อนหรือไม่ว่า หลังจากกินไอโอดีนเข้าไป ไอโอดีนเหล่านั้นจะถูกเก็บที่ต่อมไทรอยด์อย่างรวดเร็ว และไอโอดีนเหล่านั้นอยู่ในไทรอยด์ได้นานมากๆๆ คือมี tissue(thyroid) half life นานถึง 80 วัน (ตัวเลขมากกว่านี้ในหลายๆการศึกษา) และอวัยวะหลักที่มีความจำเป็นต้องใช้ ไอโอดีน คือ ไทรอยด์ (สมองไม่เคยใช้ไอโอดีน และไอโอดีนก็ไม่ใช่ส่วนประกอบของเซลล์สมอง) ดังนั้นคำพูดที่ว่า ไอโอดีนต้องทานทุกวัน จริงไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน http://www.lanl.gov/BAER-Conference/BAERCon-46p027.htm จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 00:28:41

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าหมอให้ต่ำกว่าโดสที่แม่ตั้งครรภ์ต้องการหมออาจจะให้นาน ---------------------------------------------------- หมอให้โดสต่ำกว่าที่หญิงตั้งครรภ์ต้องการ??? แปลว่าหมอให้ผิด??? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ต้องบอกว่าประหลาดใจมาก เพราะไม่เคยเห็นหมอคนไหนให้ถูกเลย จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 00:46:54

ความคิดเห็นที่ 55 และไอโอดีนมากเกินไปก็เป็นประเด็นที่คุณตั้งมาใหม่ เวลารับประทานก็อย่ารับประทานเกินโดส และจะมีกำหนดให้ว่า แร่ธาตุแต่ละชนิดควรรับประทานกี่ % ของปริมาณที่แนะนำ เขามีเอกสารกำหนดไว้แล้ว ผมบอกให้รับประทาน แต่ไม่ได้บอกให้รับประทานเกิน เพราะทุกอย่างเข้าหลักพิษวิทยาหมด มีพิษหมด ซึ่งก็เป็นความจริงที่คุณบอกให้ไปดูว่ากินมากเกิดพิษอะไร ทีไอโอดีนมากคุณยังให้ผมไปดูพิษ แล้วทำไมเหล็กมาก แคลเซี่ยมมากคุณไม่สนใจพิษบ้างหละครับ ---------------------------------------------------- เรื่องไอโอดีนเกิน ไม่ใช่ผมที่เป็นคนเริ่มประเด็น มันเริ่มจากที่คุณบอกว่า ให้หญิงตั้งครรภ์กินไอโอดีนเสริมแล้วมันจะเสียหายตรงไหน ผมถึงบอกว่ามันเสียหายตรงที่ถ้ามันเกินมันก็เกิดโทษได้ ถึงคุณจะบอกว่าให้เสริมกี่%ของปริมาณที่แนะนำ แต่คุณยังไม่รู้เลยว่าในแต่ละวันคนเหล่านั้นกินอาหารอะไร อย่างไร เท่าไหร่ ถ้าคนเหล่านั้นกินไป 100% ของปริมาณที่ต้องได้รับในแต่ละวันแล้ว ถึงคุณเสริมไปอีกแค่ 1% มันก็เกินอยู่ดี (เสริม :สำหรับการประเมินภาวะไอโอดีนในร่างกาย ทำได้โดยการตรวจระดับไอโอดีนในปัสสาวะ ซึ่งคงมีแต่รพ.ขนาดใหญ่ๆเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าคุณคิดว่าจะเสริมไอโอดีน คุณก็ต้องตรวจระดับไอโอดีนในปัสสาวะด้วยเช่นกัน) สำหรับเรื่องเหล็ก เรื่องแคลเซียม ผมไม่เคยบอกเลยว่าไม่กลัวพิษ ผมบอกว่า "เหล็กห้ามกินเกิน 1 เดือน" เป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้องต้อง "แคลเซียมห้ามกินเกิน 3 เดือน" เป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้องต้อง เราไม่สามารถพูดสรุปรวมอย่างนั้นได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ซึ่งต้องดูเป็นรายๆไป จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 01:25:32

ความคิดเห็นที่ 56 อ.วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้าครับ ผมจบแค่ป.ตรี ไม่หาญกล้าเรียกตัวเองเป็นอาจารย์ใครหรอกครับ เพียงแต่ทำงานร่วมกับบุคคลหลากหลายวิชาชีพ บางอย่างเรียนมามากกว่า ก็เอามาถ่ายทอดต่อให้คนอื่น บางอย่างเรียนมาน้อยกว่า ก็ให้คนอื่นสอนเราครับ เรื่องการพิมพ์ให้หมดในแต่ละความเห็น จะปรับปรุงครับ จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 01:43:57

ความคิดเห็นที่ 57 เรียนคุณ ดร. คำตอบของคุณก็ยังไม่เข้าเป้าอยู่เหมือนเดิม วนเวียน วกวน ซ้ำซาก แถ ถาม-ตอบ ไม่ตรงประเด็น นอกเรื่อง มั่ว ไม่เข้าใจ เป็นถึง ดร.(จริงหรือ?) แต่อ่าน คคห ของคุณ KKCONTROL เรื่องไอโอดีนแค่นี้ก็ยังไม่เข้าใจ แถมไปโทษว่าเริ่มมาจากเขาอีก ให้เค้าอธิบายกี่รอบแล้วครับ คุณก็ยังคงตีไม่แตกอยู่เช่นนั้น ได้กลับไปอ่านอีกรอบอย่างที่ผมแนะนำจริงรึเปล่า ตอนนี้มีแต่คนแย้ง ดร. สงสัย ดร. จะโกรธน่าดู เพราะ ดร. บอกใว้ว่า ใครแย้งจะโกรธ ทำใจดีๆใว้ก่อนนะครับ ค่อยมาตอบ ถ้ามันเยอะเกินกว่าสมองจะจำ ก็ค่อยๆก็อบทีละประโยคมาตอบก็ได้ ไม่ต้องรีบครับ ฝาก vdo นี้ใว้หน่อยนะครับ เอาใว้ดูผ่อนคลายก่อนตอบ ^^ http://www.youtube.com/watch?v=ZN9pf6GIOCY edit : แก้link แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 09:17:00 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 09:13:44 จากคุณ : Envy_Evil เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 09:12:35

ความคิดเห็นที่ 58 จะได้ดูง่ายๆหน่อย ^^ จากคุณ : Envy_Evil เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 09:19:07

ความคิดเห็นที่ 59 อืม กระทู้นี้ทำไมมันกระท่อนกระแท่น ความเห็นมันขาดๆหายไปหลายอันหละครับ อ่านแล้วงงๆ ทำไมต้องลบด้วยหละครับคุณดร. หรือกลัวอะไร คนจริงต้องไม่กลัว คนกลัวคือไม่จริง เอ หรือจะเข้าข่ายดร.เก๊ อย่างว่า ? เดี๋ยวนี้พวกดร.เก๊ๆทั้งหลายมันเกลื่อนเมืองจริง ๆ .. จากคุณ : เบื่อพวกของปลอม เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 03:47:25 A:141.0.10.5 X: TicketID:301272

ความคิดเห็นที่ 60 อ้าว ดร. ไหนบอกจะกลับมาตอบ หนีไปไหนแล้วครับ คคห ผมโพสถามใว้ก่อนหน้าก็หายไป ไม่รู้เล่นแร่แปรธาตุอะไร แต่ไม่ต้องกลับมาก็ดีเหมือนกัน อ่านแล้วระอาใจ ดู VDO แม่ไม่ให้พ่อเข้าบ้าน ของตุ๊กกี้ ยังมีสาระกว่า คริๆ จากคุณ : Envy_Evil เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 08:18:46

ความคิดเห็นที่ 61 ผมเรียน ป. เอก ด้านสารธรรมชาติทางการแพทย์ โดยตรง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอบรมโภชนาการจากหลายประเทศ (คห 9) กินเป็น ไม่เป็นมะเร็ง ที่ซีเอ็ด มีอ้างอิงให้ชัดเจน เกือบร้อยบรรณานุกรม และจัดพิมพ์ไม่ได้มุ่งเน้นแสวงหากำไรด้วย 49 บาท 108 หน้า (คห 45) ไม่เคยสอนวิทยานิพนธ์ แต่สอนนิสิต ที่สถาบันภายนอก  (คห 48) ถามครับ เผื่อกลับมา 1. ความเห็นของผมที่ 46 แจ้งลบเพื่ออะไรครับ ? มีข้อความไหนที่ทำให้คุณไม่สบายใจครับคุณเริงฤทธิ์ 2. "...เรียน ป. เอก ด้านสารธรรมชาติทางการแพทย์ โดยตรง จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" สงสัยครับว่า เรียน "สาขานี้" หรือ "ทำวิจัยเรื่องนี้" หรือ "ทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้" กันแน่ครับ ถ้า "เรียนสาขานี้" อยากถามว่าสังกัดคณะอะไรครับ (อย่าตอบว่าบัณฑิตวิทยาลัยครับ ใคร ๆ ก็ต้องเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร โดยเฉพาะถ้าคุณเรียน ป.เอก จริง ๆ) 3. "...ไม่เคยสอนวิทยานิพนธ์ แต่สอนนิสิต ที่สถาบันภายนอก..." สอนวิทยานิพนธ์ อุแม่เจ้า อย่าว่าแต่คุณเลยครับ ใคร ๆ ก็ไม่เคย "สอนวิทยานิพนธ์ครับ" วิทยานิพนธ์เขา "สอนกันได้" ด้วยหรือครับ ? แล้วสอนนิสิตภายนอก ??? นอกขนาดไหนครับ "นิสิต" ของสถาบันใดไม่ทราบ ? แล้ว "สถาบันภายใน" คือที่ไหนครับ ? 4. หนังสือที่ซีเอ็ด เดี๋ยวผมจะลองไปหาดูครับ 5. คำว่า "วิจารณ์" ใน คห 45 คุณก็สะกดผิดครับ นี่ขนาด "เป็น" (หรือแค่เรียน หรือ.. ไม่เคยเรียนด้วยซ้ำก็ไม่รู้) ดร. นะนี่.. หวังว่าคุณคงไม่แจ้งลบ คห นี้ของผมอีกนะครับ จากคุณ : วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 55 22:58:15

ความคิดเห็นที่ 62 ท่าทางจะไม่กล้ากลับมาตอบหรอกครับ ประเภทยิ่งตอบยิ่งมั่ว ผมอ่านทีแรกยังเกือบจะหลงเชื่อ อะไรไม่เท่ากับความรู้ภาษาไทย ตัวสะกดผิดๆถูกๆ เพี้ยนกระทั่งสีข้อความ ดร.เล่นครบทั้งน้ำเงิน เขียว เลือดหมู จะใช้สีไหนก็เลือกซักหนึ่ง อย่ามั่วเหมือนความรู้ ที่มั่วจนหาทางออกไม่เจอ สุดท้ายต้องแจ้งลบคคห.ของคนอื่น เพราะกลัวเขาจะจับได้ว่าเป็นของเก๊ ใครที่มีล๊อกอินน่าจะช่วยๆกันโหวตเป็นกระทู้แนะนำนะครับ เกิดไปตอบความเห็นไหน แล้วคนหลงเชื่อจะยุ่งกันใหญ่ อ้างงานวิจัยร้อยพันแปด เคยทำงานวิจัยกะเค้าจริงๆหรือเปล่าเหอะ??? จากคุณ : เบื่อพวกของเก๊ เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 23:38:44 A:141.0.10.141 X: TicketID:301272

ความคิดเห็นที่ 63 อยากให้กิฟ 62 5+++ จากคุณ : วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:00:30