 |
ในลูกตาของคนเราจะมีน้ำวุ้นบรรจุอยู่ภายใน น้ำวุ้นตาเสื่อมเป็นภาวะที่น้ำวุ้นตามีการละลายเป็นน้ำเริ่มแรกจะละลายตรงกลางก่อน ( Vitreous Liquefaction ) เมื่อเป็นมากขึ้นจะเกิดการร่อนตัวของน้ำวุ้นออกจากจอประสาทตา ( Posterior Vitreous Detachment ) น้ำวุ้นในตา (Viteous Floaters) เป็นภาวะเสื่อมของน้ำวุ้นซึ่งหล่อเลี้ยงลูกตาเมื่อมีอายุมากขึ้น ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ถ้ามีอาการดังนี้ต้องรีบพบจักษุแพทย์เร่งด่วน คือ 1. จุดดำ เส้นดำ หยากไย่ที่เห็นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนผิดสังเหต (มากกว่า 10 จุด) 2. ตามัวลงอย่างรวดเร็ว 3. เหมือนมีม่านสีดำ เทามาบังส่วนหนึ่งส่วนใดของลานสายตา 4. เห็นเหมือนไฟแลบเกือบตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
วุ้นในตาเสื่อม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งบอกว่าเกี่ยวกับการใช้สายตา หรือจอชนิดใดๆก็ตาม ภาวะนี้ทุกคนหนีไม่พ้นอยู่แล้วจะเป็นเร็วหรือช้าเท่านั้นเองเพราะเป็น aging change เช่นเดียวกับผมหงอก หรือรอยตีนกา มีภาวะบางอย่างที่ทำให้เกิดวุ้นตาเสื่อมได้เร็วทั้งๆที่อายุไม่มาก เช่น -สายตาสั้น -เคยได้รับการผ่าตัดในตามาก่อน -เคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณศีรษะมาก่อน
ถ้ามีวุ้นตาเสื่อม ร่วมกับจอรับภาพฉีก --- ป้องกันจอรับภาพหลุดลอกด้วยเลเซอร์ เพราะถ้าจอรับภาพหลุด ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องการการรักษาที่ค่อนข้างยุ่งยาก
แต่ถ้าวุ้นตาเสื่อมอย่างเดียว ไม่ต้องทำอะไร นอกจากตรวจตาเป็นครั้งคราวตามที่แพทย์แนะนำ
มักพบในคนที่อายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป ปัจจัยบางอย่างอาจส่งผลให้เกิดความเสื่อมของน้ำวุ้นตาเร็วกว่าปกติ เช่น สายตาสั้น , อุบัติเหตุที่ตา , การอักเสบในลูกตา อาการของน้ำวุ้นตาเสื่อมจะมองเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆ เช่น คล้ายหยักใย้ลอยไปมา เกิดจากขณะที่น้ำวุ้นตาละลาย บางส่วนจะจับตัวกันเป็นตะกอน ขณะที่น้ำวุ้นตาร่อนตัวออกจากจอประสาทตาจะเห็นคล้าย แสงแฟลต หรือ แสงฟ้าแลบ
น้ำวุ้นตาเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดกับตาทั้ง 2 ข้างแต่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาต่างกันเมื่อเกิดอาการควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูจอประสาทตาเนื่องจากอาจเกิดการฉีกขาดของจอประสาทตาขณะที่น้ำวุ้นตาร่อนตัวออกจากจอประสาทตา ซึ่งต้องรีบให้การรักษาเพื่อป้องกันการเกิดจอประสาทตาหลุดลอก ส่วนอาการเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆลอยไปมานั้นไม่จำเป็นต้องรักษาเนื่องจากไม่ทำให้เกิดอันตรายและมักจะชินไปเอง แต่ถ้ามีอาการ จะมองเห็น เหมือนสายฟ้าแลบทางหางตา(เป็นอาการ จอประสาทตาฉีกขาด)
การดูแล เมื่อเกิด อาการ ขึ้น
1. พยายามอย่าเครียด
2. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าให้ดีไม่เกิน 4 ทุ่ม หรือ อย่างมากเที่ยงคืน
3. อย่า ออกแรงหนัก
4. อย่า หักโหมงาน
5. พยายาม อย่าหันหน้า เร็วๆ ให้ทำ อะไรช้าๆ ลงบ้าง
6. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าให้ขาด วิตามิน และ เกลือแร่นะคะ.....
รักษาโดยการใช้เลเซอร์ เพื่อเป็นการเย็บยับยั้ง ไม่ให้ ผนังจอประสาทตา หลุดลอกมากไปกว่านี้ ที่มา: ศูนย์เลสิคและรักษาสายตารัตนิน-กิมเบล http://www.thaioptometry.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=279
จากคุณ |
:
winywin
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 55 00:36:54
|
|
|
|
 |