 |
อ่านแล้ว สงสาร จขกท. มากๆค่ะ.. คงรักพ่อมาก
เราก็รักพ่อกับแม่มากเหมือนกัน ตอนนี้พ่อแม่เราท่านแข็งแรงดี สุขภาพจิตดี สุขภาพกายดี แต่เราไม่เคยชะล่าใจเลย เราจะคิดอยู่เสมอๆว่า คนเราเกิดมาวันหนึ่ง ต้องเจ็บป่วย ต้องแก่ และตาย ส่วนเราจะตายก่อนพ่อแม่ด้วยอุบัติเหตุ หรือพ่อแม่จะตายก่อนเรา อันนี้ไม่มีใครทราบล่วงหน้าได้จริงๆ
ดังนั้น ทุกๆวัน เราจึง พยายามอย่างสุดฝีมือ ไม่ให้พ่อกับแม่เรา เครียด หรือ กลุ้มใจ หรือ ไม่สบายใจ เราจะคอยระวังเรื่องอาหารการกินให้ท่าน คอยตรวจสอบความรู้สึกของท่านตลอดเวลาว่า ตอนนี้กลุ้มใจเรื่องอะไรไหม มีหนี้สินอะไรไหม วันๆหนึ่งกินอะไร กินผักเยอะไหม
ตอนนี้ สิ่งที่เรายังชักชวนแม่ของเราไม่ได้ (แต่พ่อเราทำปกติอยู่แล้ว) นั่นคือ พาแม่ไปบวชถือศีล ๘ สัก 7 วัน 7 คืน แม่เราเขาจะชอบบอก ไม่ว่าง ไม่ว่าง .. แต่พ่อเราเขาไปประจำอยู่แล้ว
--
ต่อไปนี้ เราจะขอพูดในสิ่งที่ เป็นความจริง ที่เราจะพิมพ์เพราะเราเห็นว่า จขกท. รักพ่อมากจริงๆ (ไม่งั้นไม่พิมพ์หรอก เพราะมันจะยาว เหนื่อยพิมพ์ อิอิ ^^)
----
จขกท. เคยสงสัยไหมว่า เซลแต่ละเซล อวัยวะแต่ละชิ้นในร่างกายของเรา มันรู้ได้อย่างไรว่า มันมีหน้าที่อะไร??
เวลาที่คุณหมอหรือนักวิทยาศาสตร์เขาตรวจสอบ หรือศึกษาเรื่องร่างกายคน เขาก็แค่ศึกษาว่า อวัยวะแต่ละส่วนทำหน้าที่อะไร สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเนี่ย เพราะการทำงานมันบกพร่อง เช่น.. การหมุนเวียนของเลือด ถ้ามันมีแรงดันต่ำ มันก็จะไปเลี้ยงอวัยวะที่อยู่สูงๆไม่ทัน ทำให้หน้ามืดชั่วคราว
เออ จริงๆเราก็ไม่ค่อยเก่งหรอกนะ --' เราก็ไม่ใช่คุณหมอ ถ้าใช้ศัพท์คำไหนผิดก็ขออภัย
เราเคยอ่านเกี่ยวกับการทำงานของร่างกาย สมัยเรียนมัธยม วิชาชีววิทยา (นานมากกกกกกแล้ว)
เซลแต่ละเซล อวัยวะแต่ละส่วน มันรู้หน้าที่ของมันแบบอัตโนมัติเลย แล้วมันซ่อมแซมตัวเองได้ด้วยนะ อย่างเวลาเรามีแผล มันจะรีบส่งเม็ดเลือดขาวมาที่แผลเรา แล้วทำให้เป็นสะเก็ดสีดำๆแล้วก็สร้างผิวหนังตรงนั้นขึ้นมาใหม่
อย่างกระเพราะเราเนี่ย ถ้าเราไม่ได้กินอะไรนานๆ มันจะไม่มีแรง แล้วท้องก็ร้อง เหมือนมันเรียกร้องอ่ะว่า.. ช่วยเอาอะไรมาตกถึงท้องหน่อย --' ไม่งั้นจะตายนะ ไม่มีแรง
ข้างในตัวเรา มันเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆๆๆๆที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง มันมีการซ่อมแซมตัวเอง ทำอย่างโน้น อย่างนี้
บางทีเราดูสารคดีนะ ดูตามทีวีนี่แหละ เราสังเกตุเลย เวลาคุณหมอเขาพูดถึงสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เขาจะไม่บอกเลยว่า ทำไมอวัยวะส่วนนั้นมันถึงเป็นแบบนั้น ทำไมมันทำหน้าที่แบบนั้น?? เขาจะบอกว่า มันเป็นธรรมชาติ มันรู้หน้าที่เพราะมันทำตาม DNA
มันเหมือนสายน้ำอ่ะ.. ที่มีน้ำไหลตลอดเวลา แต่พอมีใครเอาหินก้อนใหญ่ๆไปขวางสายน้ำนั้นไว้ น้ำก็จะหยุดไหล
----
พร่ามมาซะยาว วกเข้าประเด็นไม่ได้เลย --' ขอตัดเข้าประเด็นเลยละกันนะคะ (พยายามจะหาทางเชื่อมกับสิ่งที่ต้องการจะบอก จขกท. แต่เชื่อมไม่ได้ ขอตัดเข้าประเด็นเลยละกันนะ 55555555+)
ขออภัยที่คำพูดไม่ได้สวยหรู ^_^
เราแค่จะบอกว่า พวกเรานะ.. มาเกิดเป็นคน เพราะมันมีเหตุให้ต้องมาเกิด
ทันที ที่เราออกมาจากท้องพ่อท้องแม่.. เราก็มาพร้อม "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" ทุกคน.. เจอแบบนี้กันทุกคน
อันที่จริงเราอยากบอกให้ จขกท. ปลงและยอมรับความจริงนะ.. แต่เราอ่านข้อความของ จขกท.แล้ว เรารับรู้ได้ถึง ความเสียใจ ความรู้สึกที่ไม่ต้องการสูญเสียพ่อไปในเวลานี้ เพราะอาจถึงขั้นหัวใจสลายได้ ใช่ไหมคะ ??
ดังนั้น.. เราจึงอยากจะบอกสิ่งนี้ให้ฟัง
คนเรา เกิดมา ต้องตาย เป็นเรื่องธรรมดาในโลก
มีเหตุให้มาเกิด แล้วก็มีเหตุให้ต้องตาย
ถ้า จขกท. อยากต่ออายุให้คุณพ่อ จขกท. ต้องหาเหตุให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ
เหตุที่จะทำให้เรายืดอายุของเราได้.. มันมีไม่กี่เหตุเท่านั้นแหละ
1. ยังไม่ได้ตอบแทนคุณบิดามารดา ต้องการจะอยู่เพื่อตอบแทนคุณบิดามารดาเสียก่อน (ไม่ทราบว่า ปู่ย่าของ จขกท. ท่านเสียหรือยัง??)
2. มีเหตุต้องอยู่ เพื่อเรียนรู้ ศึกษา ธรรมะ และต้องการสร้างบารมีหนึ่งๆ เช่น ทานบารมี หรือ ปัญญาบารมี (คือ อยู่แล้วต้องทำอย่างนั้นจริงๆนะ ถ้าไม่ทำก็อยู่ไม่ได้)
3. อยู่เพื่อบวช หรือ อยู่เพื่อต้องการทำบางสิ่งบางอย่าง (ที่ไม่ใช่การกระทำเพื่อตัวเอง แต่เป็นการกระทำเพื่อส่วนรวม เช่น ต้องการปฏิรูปโรงงานของตน ที่มีทั้งหมด 20 โรงงาน และตอนนี้กำลังปล่อยก๊าซพิษทำลายชั้นบรรยากาศของโลกอยู่ ไม่ต้องการมอบโรงงานให้เป็นมรดกกับผู้ที่จะทำลายโลกนี้ต่อไป ต้องการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป)
ประมาณนี้แหละ
จขกท. จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามนะ แต่เรายืนยันเลยว่า.. พวกเรามาเกิด มามีลมหายใจ อยู่มีชีวิตอยู่ มามีความรัก ผูกพันธ์ มีสุข มีทุกข์ ดีใจ เสียใจ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเหตุให้เป็นเช่นนั้น
โรคมะเร็งนะ.. เราบอกไว้เลยว่า เป็นโรคที่ คนๆนั้นมีกรรมกับตัวเอง(กรรมหลักๆไม่ใช่กรรมกับผู้อื่น แต่เป็นกรรมที่ก่อกับตัวเอง โดยอาจจะลืมไปว่า ตัวเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน ทำให้ตัวเองเจ็บ ทำให้ตัวเองทุกข์ ก็เป็นกรรมเหมือนกัน) อันนี้เชื่อหรือไม่ก็ตาม
จขกท. ต่อไปนี้ ชีวิตคุณพ่อ เข้าขั้นอันตรายแล้วล่ะที่บอกว่าติดเชื้อในปอด
ให้ จขกท. ทำแบบนี้นะคะ
ถ้า จขกท. ไม่เคยศึกษาธรรมะเลย.. ให้ไปหาหนังสือธรรมะมาอ่าน อ่านหลายๆเล่ม อ่านให้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร และท่านสอนอะไร (ถ้าอ่านไม่กี่เล่ม มันจะมีหนังสือธรรมะบางเล่มที่คนสอนก็ไปบิดเบือนคำสอนก็มี เพราะฉะนั้นต้องอ่านหลายๆเล่ม แล้วเดี๋ยวมันจะจับจุดได้เอง ว่าอันไหนคือคำสอนในศาสนาพุทธจริงๆ อันไหนของปลอม)
ใบ้ให้หน่อย พวกที่ชอบอ้างถึง เทพยดา ให้อ้อนวอนขอร้อง นี่ออกจะเพี้ยนหน่อยๆ
คำสอนจริงๆของพระองค์ เน้นการปฏิบัติสมาธิ การปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น การดูจิตดูใจ ทำความดีละเว้นความชั่ว ประมาณนี้ (ถ้าเล่มไหนสอนประมาณนี้ ก็ใช่เลย อ่านแล้วช่วยให้พ้นทุกข์ได้จริงๆ ถ้าเล่มไหนชอบพูดถึงจิตจักรวาลเนี่ย คุณจะทุกข์ต่อไป --' เพราะมันไม่ช่วยให้สบายใจเลย..)
เมื่อ จขกท. อ่านหนังสือธรรมะจนเข้าใจ หรือเคยศึกษามาบ้างแล้ว พอรู้อยู่แล้ว ต่อไปก็ลองหัดนั่งสมาธิดูนะคะ นั่งตามหลักพุทธอ่ะ อันนี้ก็ หาวิธีปฏิบัติสมาธิตามเน็ตก็ได้ มีผู้รู้ท่านสอนไว้เยอะอยู่ ไปถามที่โต๊ะศาสนาก็ได้
เมื่อ จขกท. ศึกษาทั้งภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติ รู้แล้วว่า เพราะเรายึดมั่นถือมั่น เราจึงเกิดทุกข์ รู้แล้วว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา รู้แล้วว่า เพราะเราคิดว่าร่างกายเนื้อหนังนี้เป็นของเรา เราจึงเกิดทุกข์ ได้เคยลองนั่งสมาธิดูแล้ว รู้สึกว่าใจสงบสุข ใจมันเย็นๆ และตัวมันเบาๆ
ต่อไป จะเป็นขั้นตอนการมอบธรรมทานให้คุณพ่อนะคะ ^_^
ลองเอาหนังสือธรรมะที่เราซื้อมา ให้พ่อแม่ ถ้าคุณพ่ออ่านไม่ไหว เราก็อ่านให้ท่านฟัง เสร็จแล้ว ถ้าท่านยังพอมีสติ ให้ท่านลองทำสมาธิ (นอนสมาธิก็ได้ ไม่ต้องลุกขึ้นนั่งก็ได้) ก่อนจะทำสมาธิ ก็อธิษฐานจิตก่อน ว่าขอต่ออายุให้ตัวเองได้อยู่เพื่อสร้างทานบารมี หรือ เพื่อสร้างปัญญาบารมี (อันนี้ก็คิดเองว่า เหตุที่ตัวเองจะอยู่นี่ เพื่ออะไร ถ้าบอกเพื่อครอบครัว นี่เขาไม่ให้อยู่อ่ะ เพราะการผูกพันธ์กับครอบครัวมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องตายจากัน เขาจะให้เราอยู่ต่อ เมื่อเรามีความตั้งใจจริงที่จะอยู่เพื่อ สร้างบารมีอะไรสักอย่าง หรืออยู่เพื่อบวชศึกษาธรรมะ หรืออาจไม่ต้องถึงขั้นบวช แต่ต้องการอยู่ต่อเพื่อศึกษาธรรมะ ทำสมาธิ เพื่อที่จะได้มีดวงตาเห็นธรรม และหลุดพ้นจากวัฏสงสาร หรืออยู่เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา)
---
จขกท. ต้องจำไว้นะคะ
คนเรามีเหตุให้เกิด เราจึงมาเกิด
เมื่อเกิดมา เราต้องเผชิญกับความแก่ เจ็บ และ ตาย ในที่สุด ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
แต่หากเราต้องการจะอยู่ต่อ เราสามารถอยู่ต่อได้(แต่ไม่นานมาก) แต่ต้องมี "เหตุ" ให้อยู่ต่อ
--
โรคมะเร็ง เป็นโรคกรรมที่เราทำกับตัวเราเอง อาจจะในชาตินี้หรือชาติก่อนไม่ทราบ แต่เป็นกรรมที่เราทำกับร่างกายและจิตใจของเรา
ถ้าเราเครียด กินของไม่สะอาด กินเนื้อสัตว์ที่มีสารก่อมะเร็ง กินของไหม้ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า พวกนี้ ทำให้เราเป็นมะเร็งทั้งนั้น ถ้าแรงบุญไม่มากพอที่จะต้านได้ ก็จะเป็นมะเร็งในที่สุด
คนหลายๆคน เป็นสิบๆเป็นร้อยๆคน เขาหันมากินชีวจิต บวชชี นั่งสมาธิ จากที่คุณหมอเคยบอกว่าอยู่ได้ไม่เกิน 3 ปี เขาก็อยู่มาจน 10 ปี แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้
บางเคส(อยากแปะลิงค์มากเลย) อยู่ดีๆก้อนมะเร็งหายไปเลยก็มี กลับไปตรวจกับคุณหมออีกที คุณหมองงเลยว่าหายไปได้อย่างไร.. คนเหล่านี้ เขากินชีวจิต ออกกำลังกาย(ถ้ายังพอออกไหว) นั่งสมาธิทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วเขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไป มะเร็งทำอะไรไม่ได้เลย
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ตราบใดที่ไม่มีใครตอบได้ว่า.. ทำไมมวลต้องมีแรงดึงดูด ทำไมมวลถึงไม่เป็นแค่มวล ไม่ต้องมีแรงอะไร หรือไม่ก็.. ทำไมถึงไม่เป็นแรงแม่เหล็กไฟฟ้า?? ทำไม มวล จะต้อง มีแรงดึงดูด???
ใครกันเป็นคนสร้างจักรวาล ใครเป็นคนสร้างกฎพื้นฐานต่างๆของธรรมชาติ ใครเป็นกำหนดว่าอนุภาคที่เล็กที่สุดต้องเป็นควาร์ก ทำไมไม่มีเล็กกว่านี้หรือทำไมต้องสุดแค่นี้??
ทำไมมนุษย์เห็นแสงได้ 7 สี ทำไมหมาแมวเห็นสีได้แค่ ขาว กับ ดำ
ทำไมมนุษย์ได้ยินเสียงที่ช่วงความถี่ 20-20,000 Hz แต่หมากับแมวได้ยินเกือบๆ 50,000 Hz
ใครกันเป็นคนกำหนดกฎพื้นฐานต่างๆเหล่านี้ ว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ ต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
นักวิทยาศาสตร์บอกได้แค่ว่า กระเพราะทำหน้าที่ย่อยอาหาร แต่ไม่เคยตอบได้ว่า.. "ทำไมกระเพราะต้องย่อยอาหาร ทำไมไม่ทำอย่างอื่น หรือ.. ทำไมไม่อยู่เฉยๆ??"
นักวิทยาศาสตร์บอกได้ว่า.. ร่างกายคนเราต้องมีเลือดมาหล่อเลี้ยงถึงจะมีชีวิต.. แต่พวกเขาก็ไม่เคยตอบได้ว่า ทำไมต้องเป็นเลือด?? ทำไมไม่เป็นสสารอย่างอื่น?? ทำไมจะต้องเป็น เลือด เท่านั้น ทำไมไม่เป็นสสารที่มีสีเขียวๆ หรือสีม่วงๆ
---
นักวิทยาศาสตร์นะคะ เขาแค่ค้นพบและอธิบาย "การทำงานของสิ่งต่างๆ" แต่เขาไม่ได้อธิบายไม่ได้ค้นพบว่า ทำไมสิ่งต่างๆถึงต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
เพราะฉะนั้น.. การที่คนๆหนึ่งเป็นมะเร็ง คุณอาจบอกได้ว่า เขาเป็นมะเร็งเพราะในร่างกายเขามียีนส์มะเร็งอยู่ เพราะเขากินสารก่อมะเร็งเข้าไปทำให้ยีนส์มะเร็งมันทำงานแล้วกลายเป็นชิ้นเนื้อร้าย คุณอาจบอกได้แบบนั้น.. แต่คุณจะไม่สามารถอธิบายได้เลยว่า.. ทำไมยีนส์มะเร็งต้องทำงาน เมื่อมันได้รับสารก่อมะเร็งเข้าไป?? ใครเป็นผู้กำหนด หรือไปตั้งกฎเกณฑ์ให้กับสิ่งพื้นฐานต่างๆในจักรวาล??
จขกท. ทำแบบที่เราแนะนำไป แล้วคุณจะสามารถยือดอายุให้กับพ่อของคุณได้ แต่ไม่ได้ทำให้มีชีวิตอมตะนะคะ เรายังอยู่ภายใต้กฎของวัฏสงสาร เกิด แก่ เจ็บ ตาย เราแค่ยืดอายุที่กำลังจะหมดโอกาสในการเจริญปัญญาในชาติภพนี้ ให้ได้มีเวลาทำสิ่งเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
ถ้าคุณปู่คุณย่ายังมีชีวิตอยู่ ก็พาคุณพ่อไปขอขมา แล้วระหว่างรักษาตัว ก็พยายามเอาหนังสือธรรมะมาอ่านให้พ่อฟังบ่อยๆ แล้วก็พาพ่อทำสมาธิบ่อยๆ(ท่านอนก็ได้ค่ะ) แล้วอธิษฐานจิตขอให้ได้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อทำประโยชน์และเพื่อเจริญสติปัญญาในชาติภพนี้ต่อไป
บอกแล้วว่า ยาวจริงๆ อิอิ ^^
จากคุณ |
:
Gretchen
|
เขียนเมื่อ |
:
5 เม.ย. 55 20:29:39
|
|
|
|
 |