PANTIP.COM : L12004154 ขอคำพูดเจ็บ ๆ สำหรับคนขี้เกียจออกกำลังกายหน่อยจ้า [คลับลดความอ้วน]

ความคิดเห็นที่ 15

คุณต้องหาแรงจูงใจที่..แรงพอ...ที่ทำให้คุณลุกมาออกกำลังได้ทุกวัน โดยที่ไม่เบื่อ

--บางคนเลือกที่จะเอาน้ำหนักในฝันเป็นเป้า

เช่น ต้องน้ำหนัก 50
พอได้ถึง 50 ตามเป้า หลายคนตะบะแตก กินฉลอง หรือ ละเลยการออกกำลังกายลดลง เหมือนวิ่งถึงเส้นชัยแล้วขอพักบ้างถือเป็นรางวัลชีวิตที่อุตส่าห์เหนื่อยมาหลายเดือน หลายคนกู่ไม่กลับ กลับมาน้ำหนักขึ้นเหมือนเดิม ก็ต้องมานั่งลดกันใหม่ หรือ บางคนท้อไปเลย ก็จะปล่อยตัว ...แปลว่า เป้าอันนี้ไม่แรงพอ สำหรับทำให้คุณออกกำลังกายได้ต่อเนื่อง

---หรือแค่คิดว่า ฉันต้องวิ่งทุกวัน ฉันต้องตื่นให้ได้ เพื่อจะได้สวย ใส่เสื้อผ้าสวยๆ......

ต้องมีสักวันที่บอกกับตัวเองว่า ฉันขอนอนต่อได้ไหม พรุ้งนี้ค่อยตื่นเช้าละกัน
ช่วงนี้สงกรานต์ขอพักการวิ่งไปสักอาทิตย์ละกัน ขอเที่ยวก่อน หรือ พรุ้งนี้งานหนัก ของดตื่นไปวิ่งวันหนึ่งละกัน ...หาข้อแก้ตัวไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีเป้าที่ชัดเจน เป็นเป้าที่เลื่อนไปได้ตามใจต้องการ

**********

แรงจูงใจที่..แรงพอ..สำหรับเรานะ ...ต้องเป็นสิ่งที่มีวันเวลากำหนดแน่นอน เพื่อให้เราล้มเลิกไม่ได้ ต้องแข่งกับตัวเอง แข่งกับเวลา และผลที่ได้ต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นความภูมิใจที่เห็นได้จับได้ และผลพลอยได้คือ น้ำหนักที่ลดลง ..แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เราเลือก "ลงสมัครตามงานวิ่ง" ต่างๆ
เพราะ มีเวลากำหนดแน่นอน เราจะมีเป้าหมายที่ต้องทำ เหมือนเป็นหน้าที่
และวิ่งได้ถึงเส้นชัย ก็จะได้เหรียญ (ซึ่งใครก็ตามที่วิ่งเข้าเส้นชัยในเวลาที่งานกำหนดก็จะได้เหรียญที่ละลึก) เป็นความภาคภูมิใจที่จับต้องได้ มองดูเมื่อไหร่ก็ได้ อวดญาติอวดพี่น้องได้ด้วยเวลามาเยี่ยมบ้าน ถือเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ แล้วจะทำให้เรามีแรงฮึดต่อ....(เหมือน กับเวลาเขาเขียนประวัติคนสำคัญใน ตปท ถ้าคนนั้นมีการวิ่งมาราธอนมาแล้ว เขาจะมีเขียนไว้เลยว่า วิ่งมาราธอนกี่สนาม ปีไหน เหมือนเป็นสิ่งที่เป็นความภูมิใจของคนๆนั้น และเป็นความสำเร็จที่เป็นที่ยอมรัับกัน เชื่อไหม โอปรา วินฟรี เห็นอ้วนๆอย่างนี้ ก็พิชิตมาราธอน 42.195 โลได้สำเร็จนะ)
และเราก็จะหางานต่อๆไปเพื่อไปลงวิ่ง เพื่อมีเป้าหมายใหม่ เพราะงานว่ิงมีจัดอยู่เรื่อยๆ เกือบทุกเดือน หลายงานในหนึ่งปี
และแน่นอน ...ผลพลอยได้ก็คือ น้ำหนักที่ลดลง เป็นรางวัลให้กับตัวเองอีกด่าน

ทำอย่างนี้ เราจะไม่เครียดเรื่องตัวเลขบนตาชั่ง สุขภาพจิตไม่เสีย ก็แค่วิ่งตามแพลนที่กำหนด ซึ่งต้องซ้อมทุกวันอยู่แล้ว น้ำหนักก็จะค่อยๆหายไปเอง

ตอนที่เราเริ่มวิ่งใหม่ๆ 2 โลยังไม่รอด แต่เราไปสมัครลง mini marathon 10.5 โลไว้ล่วงหน้าเลย ซื้อรองเท้าวิ่งสวยๆ ชุดวิ่งสวยๆ แล้วก็เริ่มซ้อมวิ่ง ซ้อมอยู่เดือนก็วิ่งได้สำเร็จ ผลที่ตามมาคือน้ำหนักลดไปโดยไม่รู้ตัว

แล้วเราก็ตั้งเป้าใหม่ เป็น Half marathon 21โล และก็เป้าใหม่อีกเป็น Full marathon 42.195 โล เมื่อตั้งเป้าแล้ว ต้องมีตารางการซ้อมกันเป็นปีเลยกว่าจะค่อยๆเพ่ิมระยะวิ่งให้ทนให้อึด แล้วจะทำให้ตื่นมาว่ิงทุกวัน ไม่มีข้อแก้ตัวที่เป็นความขี้เกียจมาขัดขวาง ....เราซ้อมเพียงปีเดียว ก็พิชิตมาราธอน42.195 โลได้

ตอนนี้ก็มีเป้าไปเรื่อยๆ งานว่ิงต่างๆ ข้างหน้า
เช่น เดือนหน้า เราต้องมีแพลนไป USA ก็ถือโอกาส ไปวิ่งด้วย หางานวิ่งที่ใกล้เมืองที่จะไป สมัครแล้วเรียบร้อย ตื่นเต้นมาก จะได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศการวิ่ง ไปเที่ยวด้วย วิ่งด้วย ชีวิตก็จะสนุกกับการออกกำลังกาย ไม่น่าเบื่อ

++++++++

แปลว่าแรงจูงใจของคุณไม่แรงพอค่ะ ต้องหาใหม่ที่แรงกว่าเดิม

สู้ๆค่ะ
แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 55 12:53:17

จากคุณ : Yoja&Jiji

เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 12:33:25