Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อหมอขอดูดราม่า ...(ภาคสอง) ติดต่อทีมงาน

กลับมาต่อกันกับภาค สอง นะครับในเรื่องราวของหมอที่จะขอดูละครกับเขาสักหน่อย
         
         ก่อนอื่นขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามทั้งใน blog และ facebook หมอใหม่หัวใจแนว fanpage นะครับ ซึ้งใจจริงๆ
         
         และก็ขอบคุณสำหรับหลายๆเรื่องราวที่มาร่วมแบ่งปันกับความไม่สมจริงหรือความขัดใจในบางครั้งของตัวละครกันนะครับ มีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ร่างไว้ในเรื่องนี้ (เพราะดูละครไม่เจอ)อีกมากทีเดียว เปิดมิติ ความคิดให้กว้างขึ้นมากจริงๆ

ก่อนจะไปกันต่อมีคำเตือนสักนิด
1.        จริงๆผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกครับ แหมเข้าใจๆ ยังไงก็แค่ละครนะครับ จะเอาเหมือนเป๊ะ ตรงเป๊ะก็คงยาก (แต่จริงๆถ้าหาข้อมูลสักนิดก็ไม่ยากนะครับ) แต่อันนี้บางทีดูแล้วมันขัดใจนะ แหมที รถพระเอก บ้านนางเอก ฉากหลัง เอาซะเรียล(ของจริง) เชียว เรื่องง่ายๆแค่นี้เปิดในเน็ตก็เจอ ทำให้พวกเค้าบ้างไม่ได้เหรอ... และที่สำคัญอย่างที่บอกครับ บางครั้งคนไข้หรือญาติที่ดูละครแล้ว เข้าใจผิด กับการรักษาจริงๆของหมอก็มี เดี๋ยวจะเมาส์มอยให้ฟังในลำดับต่อไป

2.        เรื่องอยากให้ดาราหล่อๆมาแสดง อันนี้เอาฮาเฉยๆครับ เห็นตัวประกอบหล่อๆสวยๆก็มีกันเยอะ เอามาลองดูก็ได้หนิ (ไม่ต้องจ้างแพง test หน้ากล้องไปก่อน) ผมจะได้เนียน สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้หมอว่า หมอหล่อหมอสวยก็มีเยอะนะฮ้าฟฟ

3.        คำหรือเรื่องราวบางส่วนในภาคนี้อาจจะมีบางคำที่ไม่เข้าใจ หรือถ้าจะเข้าใจอาจจะต้องอธิบายอีกประมาณ 22 ภาค เพราะฉะนั้น ผมจะพยายามสรุปรวบยอดให้ “พอเข้าใจ” อาจไม่ละเอียดมากขนาดเป็นหมอได้เลยแต่ก็น่าจะไม่ผิดจากหลักความจริงนะครับ ส่วนบางคำที่เป็นทับศัพท์จะพออธิบายคร่าวๆแล้วกัน ถ้าอยากเห็นรูปหรืองงๆ คิดไม่ออกว่าคืออะไร ลองถาม google ดูครับ (ค้นคว้าเองบ้างไรบ้างอย่าใช้เน็ตจีบกันอย่างเดียว) ถ้าใน blog ผมจะหารูปมาใส่ให้ดูครับ
         
เรื่องราวที่จะกล่าวต่อไปเป็นเรื่องของ “การช่วยชีวิต” ครับ
         
       ณ ฉากในห้องผู้ป่วยแห่งหนึ่ง แบบห้องพิเศษ มีป้ายบอกชื่อโรงพยาบาลขนาดตัวอักษรแต่ละตัวใหญ่กว่าหน้าปู่นางเอก ติดบนหัวเตียง ภายในมีชายชราอายุ ประมาณ 80 ปี นอนสลบอยู่  น้ำเกลือ 1 ขวด ใส่ ที่ให้ออกซิเจนแบบ แคนูลา (nasal cannula) คือที่ให้ออกซิเจนแบบเป็นสายเล็กมีท่อเล็กๆ 2 อันเข้าไปในจมูกนะครับ มีคลื่นไฟฟ้าหัวใจติดอยู่พร้อมแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่อ่านแล้วว่าปกติ  ด้านข้างมีหญิงชราใส่ชุดเหมือนจะไปเก็บแชร์ ผมตีกระบังจนหน้าไปเล่นโต้คลื่น ใส่สร้อยทองประมาณ 20 บาทที่คอ
         
นางเอกเปิดห้องเข้ามา หน้าตาตื่น

“คุณย่า คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ หนูไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
“สะเดา ย่าเองก็เฝ้า ปู่มา 3 วันแล้ว(ในชุดและทรงผมนี้) หมอบอกว่าปู่ไม่รู้สึกตัว หายใจเองไม่ได้ ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่เนี่ย ย่าไม่รู้จะทำยังไง ฮือๆ (และย่าปวดคอมากทองหนัก .... -_-‘)”
“คุณย่าทำใจดีๆนะคะ สะเดาจะปกป้องคุณย่าเอง”
ฉับพลันนั้น คุณปู่ก็ ชักๆๆๆๆๆๆๆ เกร็งตาค้าง อีโน เอ้ยๆ น้ำลายฟูมปาก ไหลๆออกมา
“คุณปู่คะ คุณปู่เป็นอะไรไป” นางเอกเข้าไปเขย่าตัวคุณปู่ (จากชักอยู่แล้ว เขย่าให้สั่นกว่าเดิม)
“ไม่นะคะคุณปู่!! ไม่นะ!! หมอๆ!!  คุณย่าคะ หนูรีบไปตามหมอนะ” วิ่งหน้าตั้งออกจากห้อง (ซึ่งที่กดเรียกพยาบาลฉุกเฉินก็มี แถวๆเตียงคนไข้นั่นแหละ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่หัวเตียงกับในห้องน้ำ จะวิ่งออกไปทำไม)
         
       ตัดฉาก หมอเข้ามาดูอาการ เป็นชาย อายุประมาณ 45-50 ปีรูปร่างท้วม ผมหงอกนิดหนึ่ง ห้อยหูฟัง ใส่เสื้อกาวน์ยาว ใส่แว่น และต้องเดินออกมาพูดกับญาติคนไข้แบบหน้านิ่ง ไม่ได้อารมณ์ และ แอคติ้ง ห่วยมากกกกกกกกก มาพร้อมกับหญิง 1 นางเป็นพยาบาล แต่งหน้าได้สวยสะเทือนใจเป็นอย่างมาก (พยาบาลเขาฝากมา) หมอเข้ามาดูใช้หูฟัง ฟังคนไข้ 2 ที ทำหน้าตกใจนิดนึง
“หมอ คุณปู่เป็นอะไรคะ !!”
“หา !!! คนไข้หัวใจหยุดเต้น ครับ” (กลับมาหน้านิ่ง)
“เราต้องทำการปั๊มหัวใจ ครับ” (หน้านิ่งแบบเสถียรแล้ว)
         
       จากนั้นหมอก็เริ่มทำการปั๊มหัวใจ ด้วยการยืนข้างเตียง ยื่นมือประสานกัน กดตรงหน้าอกคนไข้ เป็นจังหวะแบบ บอซซ่า หรือ แจ๊สหน่อยๆ กดเบาๆ ชิวๆ 3 ครั้งพร้อมทำหน้าพยายามและส่งเสียง “ฮึบ ฮึบ ฮึบ” ภาพตัดไปตัดมาระหว่าง หน้าคนไข้ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ หน้าญาติ และหน้าพยาบาลที่ยืนลุ้นอยู่ข้างหลังนางเอกอีกที พร้อมเพลงประกอบสไตล์ ตื่นเต้นเร้าใจกว่าจังหวะการกดของหมอประมาณ 5 เท่าครึ่ง
“คนไข้กดหน้าอกแล้วไม่ดีขึ้น ครับ”
“เราต้องช็อตไฟฟ้า”
“พยาบาล !! ไปเอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามา”
         
       เจ๊ที่เล่นเป็นพยาบาลก็วิ่งตาลีตาเหลือกไปเอาเครื่อง “ช็อตไฟฟ้า”มา หมอจึงรีบช่วยคนไข้ทันที เอา เครื่องช็อตไฟฟ้า ไปวางบนหน้าอก 2 ข้าง
“เคลียร์ !!!” ช็อต ปึ้ง คนไข้กระเด้ง 1 ที ช็อตซ้ำ
“เคลียร์ !!!” ช็อต ปึ้ง คนไข้กระเด้งอีก 1 ที ช็อตซ้ำ
“เคลียร์ !!!” ช็อต ปึ้ง คนไข้กระเด้งอีกสัก 1 ที
         
       หลังจากคนที่เล่นเป็นปู่(คนไข้)ส่งสัญญาณว่า “เด้งพอแล้วกูปวดหลัง” ภาพตัดไปที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจ แสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ค่อยๆเป็นเส้นตรง
         
        แขนคุณปู่ตกข้างเตียงแบบ สโลว์โมชั่น รูปภาพคุณปู่ที่บ้านหล่นตกแตกแบบสโลวโมชั่น ภาพตัดหน้านางเอกกรีดร้อง
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!”
“คุณปู่คะ ไม่นะ ไม่นะ ต้องไม่เป็นแบบนี้ ฮือๆ คุณหมอคะ คุณหมอ”
“หมอเสียใจด้วยครับ หมอขอตัวก่อน” หน้านิ่ง -_-'
         นางเอกล้มลงแบบสโลว์โมชั่น ภาพขยายมุมกว้าง ตัดเข้าโฆษณา
         
        หากท่านเจอเหตุการณ์นี้ในชีวิตจริง แนะนำแจ้งตำรวจครับ จับมันทั้งโรงพยาบาลนั่นแหละ อะไรฟะ !!! ไม่ใกล้เคียง ไม่สมจริง ไม่มีเหตุผล ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่แบบนี้

ว่ากันไปเลยทีละประเด็นแล้วกันเนาะ
                 
       ประเด็นแรก เครื่องช่วยหายใจ หน้ากากออกซิเจน ท่อช่วยหายใจ ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้คนไข้หายใจได้ดีขึ้นครับ มีออกซิเจนไปเลี้ยงทุกอวัยวะในร่างกาย แต่อุปกรณ์แต่ละอย่าง มีหน้าที่และจุดประสงค์ที่แตกต่างกันนะครับ
         
         ส่วนใหญ่ในละคร ประมาณ 70-80 % มักจะเข้าใจว่า “เครื่องช่วยหายใจ” คือไอ้หน้ากากที่มาครอบปากครอบจมูก (face mask) หรือ ไอ้สายเล็กๆที่มีท่อ 2 อันใส่เข้าไปในจมูก (nasal cannula) ซึ่งไม่ค่อยถูกนักครับ 2 อันนั้นเป็นเพียงที่ให้ออกซิเจนที่ความเข้มข้นสูงกว่า อากาศปกติเท่านั้น ใช้ในคนไข้ที่มีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำเช่น เป็นปอดติดเชื้อ น้ำท่วมปอด แต่มีข้อแม้คือ คนไข้ “ต้องหายใจเองได้” หมายถึงสามารถหายใจเข้าออกเองได้ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วย หรือ อธิบายง่ายๆว่าถ้าไม่มีอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ คนไข้ก็ยังหายใจเองได้ แต่ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดอาจจะต่ำ อาจเหนื่อย แต่ยังหายใจได้
 
        แต่ประเด็นนี้ปู่ของนางเอก หายใจเองไม่ได้ หมายความว่าถ้าไม่มีเครื่อง คนไข้ก็จะหยุดหายใจ ดังนั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (ventilator) มักจะเป็นอีกเครื่องหนึ่ง คล้ายๆคอมพิวเตอร์ มีหน้าจอแสดงรายละเอียดการหายใจ ที่มักจะวางอยู่ข้างๆเตียงคนไข้ในหอผู้ป่วยวิกฤตนะครับ หรืออาจจะเป็นเครื่องสีเขียวๆที่มีเสียงเครื่องตามการหายใจคนไข้ ฟืดฟาดๆประมาณนั้น  และที่สำคัญจะใช้เครื่องนี้ได้ ส่วนใหญ่ต้องใส่ “ท่อช่วยหายใจ” Endotracheal tube ครับ (ใครเคยเห็นการใช้เครื่องช่วยหายใจที่ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจร่วมให้ข้อมูลได้ครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยเห็น)

        ซึ่งเครื่องช่วยหายใจนี้มักจะใช้ในผู้ป่วยที่หายใจเองไม่ได้ ถอดเครื่องปุ๊บ หยุดหายใจ หรือ อาจจะใช้ในคนไข้ที่หายใจเองได้แต่ต้องการออกซิเจนที่ความเข้มข้นสูงกว่าหน้ากากปกติจะให้ได้ และคนไข้ที่ผ่านการกู้ชีพมา(เพิ่งปั๊มหัวใจกันมา) ประมาณนั้น
         
        เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ให้ออกซิเจนคือ หน้ากากที่มาครอบปากครอบจมูก (face mask)หรือ ไอ้สายเล็กๆที่มีท่อ 2 อันใส่เข้าไปในจมูก (nasal cannula) เป็นคนละอย่างกับเครื่องช่วยหายใจ (ventilator) นะครับ
         
        ประเด็นที่ สอง คือเรื่องการ “กู้ชีพ” หรือการ “ช่วยชีวิต” หรือเรียกง่ายๆว่า “การปั๊มหัวใจ” นั่นแหละครับ
         
         เห็นหลายครั้งแล้วครับ ในละครเนี่ย ปั๊มกันแบบชิวๆ ปั๊มคนเดียว ยืนข้างเตียงแล้วก็กด ฮึบๆ 2-3 ที ช็อตไฟฟ้า 2-3 ที นิ่ง ตาย ........ตายสิ เอ็งช่วยผิดง่ะ
         
         การช่วยชีวิตหรือกู้ชีพเนี่ย มาเป็นทีมครับ ไม่ได้มาหมอ 1 คน ส่วนพยาบาลอีก 1 คนมาช่วยให้กำลังใจแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการประเมินคนไข้ ไม่ต้องมาใช้หูฟังฟังอะไรหรอกครับ(เว้นแต่ใส่ท่อช่วยหายใจ) ประเมินดูว่าคนไข้หมดสติ ไม่ตอบสนอง หายใจสะอึกหรือไม่หายใจ คลำชีพจรว่ามีหรือไม่ จากนั้นก็ทำการกู้ชีพได้เลย เพราะการกู้ชีพ ต้องเร็ว แม่นยำ และถูกต้อง

          ทีม 1 ทีมก็มีหลายคนครับ หมอ 1 คนหัวเตียง ต้องมีเจ้าหน้าที่ช่วยหมอใส่ท่อช่วยหายใจ(คนไข้ที่หัวใจหยุดเต้น แล้วต้องกู้ชีพ มักต้องใส่ท่อช่วยหายใจด้วยครับ เพื่อเปิดทางเดินหายใจให้ออกซิเจนเข้าไปได้ดี) ให้ยากระตุ้นหัวใจ ดูเครื่องกระตุ้นหัวใจ ปั๊มหัวใจ ฯลฯ สรุปคือจะช่วยชีวิตคนหนึ่งคนเนี่ย เค้าจะมาประมาณ 4-5 คนเป็นอย่างน้อยครับ และที่สำคัญทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองครับ ไม่ใช่หมอจัดการคนเดียวส่วนที่เหลือยืนให้กำลังใจหรือมายืนให้รู้ว่านี่โรงพยาบาลนะแค่นั้น
         
          เรื่องการปั๊มหัวใจ เขาจะปั๊มด้วยความเร็วประมาณ 100 ครั้งต่อ 1 นาทีครับ (ลองกดเองจะรู้ครับว่าเร็วประมาณไหน) โดยกดให้อกยุบลงไปประมาณ 2 นิ้ว ไม่ได้มานั่งกดชิวๆ ฮึบๆ แตะๆ เบาๆ บอซซ่า แจ๊สอย่างในละคร เพราะฉะนั้นคนกดหน้าอก(ปั๊มหัวใจ) มักจะขึ้นไปบนเตียงคนไข้ นั่งข้างๆเสมอคนไข้เลย หรือยืนข้างๆเพื่อใช้สะโพกเป็นจุดหมุนแล้วก็กดขึ้นลง (คนกดเหนื่อยมาก)

         และที่สำคัญการช่วยชีวิต จะมีการเตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยเสมอ ย้ำนะครับ “เครื่องกระตุ้นหัวใจ”(defibrillator) ไม่ใช่เครื่อง “ช็อตไฟฟ้า” (คนไข้จะแย่อยู่แล้ว ยังจะเอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาช็อตเขาอีก) ถึงจะใช้ไฟฟ้าเป็นตัวกระตุ้นเหมือนกันแต่รูปแบบมันไม่ใช่การเอาไฟฟ้ามาช็อตคนไข้นะครับ มันยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก อีกอย่างฟังแล้วมันแปลกๆนะครับ
       
         การที่หมอจะตัดสินใจใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ออกมา “ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกครั้งนะครับ” บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้ และการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจจะใช้ร่วมกับปั๊มหัวใจไปด้วย (จะปั๊มต่อไปเรื่อยๆหรือสลับกับใช้เครื่องขึ้นอยู่กับคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ออกมา) ไม่ใช่ปั๊มๆๆๆพอไม่ดีขึ้นก็ช็อตๆๆๆๆ จบ ไม่ใช่นะครับ ต้องใช้ประกอบกันไปด้วย แล้วเวลาที่ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจแล้วก็จะมีการปั๊มหัวใจต่อเนื่องไปเลยครับ ไม่ใช่หลังกระตุ้นแล้วมาหยุดยืนดูว่า คนไข้ตื่นขึ้นมารึยัง กระตุ้นแล้วได้ผลเป็นอย่างไร
         
          ประเด็นต่อมาคือ เรื่องของยา การช่วยชีวิตต้องมีการให้ยากระตุ้นหัวใจด้วยเสมอแหละครับ แต่ชนิดของยา ขนาดของยา ก็จะให้ตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ออกมาเช่นกัน (ในละครไม่ค่อยเห็นนะครับ เห็นแต่มาปั๊มๆช็อตๆจบ)
         
         แต่ก็เคยเห็นละครบางเรื่องครับ ที่เหมือนจะหาข้อมูลมาเกี่ยวกับยา แต่มาไม่ครบนะสิ ในเรื่องช่วยปั๊มๆหัวใจกันอยู่นี่ละครับ หมอสั่ง “อะดรีนาลิน!!” อย่างหล่อ จากนั้นหมอเอามาฉีดให้คนไข้เองเลยครับ คนไข้จากที่หลับอยู่ก็ค่อยๆฟื้น ลืมตา และถามหมอว่าที่นี่ที่ไหน เฮ้ยยยยย!!!  ยาวิเศษหรือคะคุณ !!! มันต้องใช้องค์ประกอบ การปั๊มหัวใจ กระตุ้นหัวใจ ใช้ยากระตุ้นหัวใจ ไปด้วยกันนะจ๊ะ ไม่ใช่ใช้อันใดอันหนึ่งก็พอ โดยจะใช้อะไรบ้าง สลับแบบไหน ตอนไหนปั๊ม ตอนไหนกระตุ้นหัวใจ ต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจหรือไม่ ยาต้องฉีดต่อหรือไม่ เปลี่ยนยาตัวอื่นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคนไข้เป็นกรณีๆไป
         
         ส่วนคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่เป็นเส้นตรง หากท่านผู้จัดละครใช้วิธีการปลดออกจากตัวนักแสดง ระวังมันจะขึ้นคำว่า “LEAD OFF” หรือ (ปลายสายที่ติดที่ตัวคนไข้) หลุดออกจากตัวคนไข้ด้วยนะครับ อาจมีเงิบได้
         
         ส่วนคำว่า “เคลียร์” (เต็มๆคือนับ 1...2...เคลียร์ หรือบางที่ก็เห็น you clear ! I clear ! everyone clear !) เนี่ย เขาไม่ได้พูดเท่ห์ๆนะครับหรือโฆษณาให้ใครนะครับ เขาพูดให้เจ้าหน้าที่หรือใครก็ตามแต่ที่ยังแตะตัวคนไข้ ออกห่างจากคนไข้ เพราะการกระตุ้นไฟฟ้าก็คือการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปในตัวคนไข้ในขนาดที่เหมาะสม ถ้ามีคนแตะตัวคนไข้ หรือคนไข้แตะวัตถุที่เป็นเหล็กก็อาจจะลัดวงจร โดนช็อตไปด้วยได้
         
         ประเด็นต่อมาในส่วนของ อาการหลังการปั๊มหัวใจ คนไข้มักจะอยู่ในภาวะโทรมครับ คือ ไม่ได้เครื่องสำอางหน้าเป๊ะขนาดนั้น มักจะมีท่อช่วยหายใจอยู่ในปาก อุปกรณ์ติดตามตัวเต็มไปหมด มีเครื่องช่วยหายใจอยู่ข้างๆและผู้ป่วยมักจะยังไม่ได้สติ
                   
         ละครบางเรื่องกระตุ้นหัวใจเสร็จ คนไข้เด้งกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันไปถามหมอว่า “ที่นี่ที่ไหน” อันนี้ก็เหนือไปนิดนึงครับ
         
        อีกอย่างครับ เวลาถ้าหมอจะหยุดทำการช่วยชีวิต เช่นประเมินแล้วว่าคนไข้บอบช้ำมากเกินไป อวัยวะภายในไปไม่ไหวแล้ว หมอมักจะมาแจ้งให้ญาติทราบก่อนครับ คุยกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่เดินออกมา “หมอเสียใจด้วยครับ หมอขอตัวก่อน” อึงจะรีบไปไหนกลับมาอธิบายเขาก่อนอ้ายหมอ!! (เพี้ยนอักษรเพื่อไม่ให้ดูหยาบคาย)
         
         เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว ละครนะทำไม่ยากหรอกครับ ฉากช่วยชีวิตนะ ท่อพลาสติก 1 อันคาบในปาก ติดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ทีมช่วยเหลือ 6-7 คน คนหนึ่งบีบที่ให้ออกซิเจนใส่ท่อช่วยหายใจ คนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงเสมอกับคนไข้เลย ปั๊มเร็วๆหน่อย อาจไม่ต้องกดลึกมากก็ได้ในละคร (เพราะกดหน้าอกให้ลึกลงไป 2 นิ้วนี่เจ็บอยู่นะ) มีพยาบาลคนหนึ่งทำท่าฉีดยา ตัดภาพไปมาให้ดูฉุกเฉินเร็วๆ แค่นี้ก็ใกล้ความจริงมากแล้วละครับ
         
          นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากเล่าให้ฟัง ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนะครับ เอาพอเข้าใจง่ายๆ กลัวเข้าใจผิดเหมือนเคยมีกรณีคนไข้เกือบฟ้องหมอด้วยสาเหตุคิดว่า หมอ “ลืม” ใช้ “เครื่องกระตุ้นหัวใจ” ซึ่งจริงๆแล้วคนไข้คนนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ครับ (ซึ่งสุดท้ายคนไข้ก็ปลอดภัยนะครับ)  แต่ญาติมาบอกว่า หมอลืมใช้รึเปล่า เห็นในละครก็มี ถ้าใช้จะดีกว่านี้รึเปล่า ประมาณนั้น

         สำหรับผู้ที่สนใจเพิ่มเติม ไปหาอ่านเพิ่มเติมได้ครับ CPR guideline ของ AHA หรือ American Heart Association เขาจะออกมาเป็นระยะๆครับ update ตลอดๆตามความรู้ทางการแพทย์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ รู้สึกจะเป็นปี 2010 ล่าสุด ถ้ามีใครใหม่กว่านี้ เรียนเชิญนำเสนอได้ครับ

ปล. 1 รายละเอียดยิบย่อยบางอย่างที่ละเอียดไปขออนุญาตข้ามนะครับ
      2 เว็บไซต์ที่ผมนำรูปมาใช้ ผมนำรูปเขามาใช้เฉยๆนะครับ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บ และรายละเอียดของเว็บแต่ประการใด หากท่านจะตามไปอ่านข้อมูลตามเว็บนั้น โปรดใช้วิจารณญาณด้วย ขอบคุณครับ

มาต่อกัน ครั้งหน้าครับ

แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 12:35:10

แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 10:04:06

แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 09:57:27

แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 09:52:50

แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 09:50:34

จากคุณ : small-doctor
เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 09:43:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com