 |
นาน ๆ จะเข้ามาตอบในสาขาของตัวเอง (ศัลยศาสตร์ระบบทางเดินปัสสาวะ) มะเร็งต่อมลูกหมากนี่ เป็นมะเร็งที่พบในอันดับต้น ๆ ของผู้ชายครับ ข้อเสียคือมักจะไม่ค่อยมีอาการจนกว่าจะลุกลามมาก ๆ ส่วนใหญ่คนไข้มักจะพบเองโดยบังเอิญเช่นเจาะเลือดตรวจสุขภาพ แล้วค่า PSA ขึ้นครับ ซึ่งค่า PSA นี้เป็นตัวที่ใช้ในการติดตามมะเร็งต่อมลูกหมากครับ คือปกติสารตัวนี้มันจะอยู่ในต่อมลูกหมาก เจาะไม่ค่อยเจอ เมื่อไหร่ที่เจาะเจอในเลือดแสดงว่าต่อมลูกหมากต้องมีความผิดปกติ จึงทำให้สารนี้มันมากขึ้นในกระแสเลือดได้ ซึ่งก็เพิ่มขึ้นได้จาก มะเร็ง ต่อมลูกหมากโต ๆ ต่อมลูกหมากอักเสบ เพศสัมพันธ์พวกนี้ก้ขึ้นครับ เมื่อมีค่า PSA ขึ้นแล้ว หมอก็จะทำการตรวจชิ้นเนื้อเพ่อทำการยืนยัน ก็คือเจาะเอาเนื้อต่อมลูกหมากไปตรวจครับ ถ้าเป็นเนื้อร้าย ก็คือมะเร็งต่อมลูกหมากครับ
เมื่อเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว มันก็มีหลายระยะครับ ซึ่งแต่ละระยะมันก็มีวิธีการรักษาของมัน การประเมิณระยะนี้ดูหลายอย่างประกอบครับ ค่า PSA + ผล CT ซึ่งเอาไว้ดูพวกต่อมน้ำเหลือง และก็สแกนกระดูกครับ ถ้าทุกอย่างปกติหมด ก็แสดงว่าเป็นแค่ระยะแรก การรักษาเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาไปมากแล้วครับ การผ่าตัด หรือฝังแร่ ก็เอาอยู่ คนไข้ก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนใหญ่ก็หายขาดครับ
จากอาการที่ จขกท บอกมา (psa 200,Gleason 4+5) อย่างน้อยน่าจะอยู่ในระยะ 3 หรือเรียก locally advanced stage นะครับ ซึ่งการรักษาในผู้ป่วยระยะนี้จะต้องทำมากกว่าหนึ่งอย่าง คือ 1.ฉายแสง + เคมีบำบัด + ลดฮอร์โมน 2.ฉายแสง + ฝังแร่ + ลดฮอร์โมน 3.ผ่าตัด + ลดฮอร์โมน
ซึ่งทั้งสามอย่างนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันครับ พูดหมดจะงง เอาทีละอย่าง (เพื่อความเข้าใจง่าย ให้นึกว่ามะเร็งเป็นขยะนะ)
1. การฉายแสง ก็อย่างที่รู้กันครับ ง่าย ๆ คือฉายไปฆ่าเซลล์มะเร็ง ข้อดีคือไม่เจ็บ ข้อเสียคือ การฉายแสงนี่ เนื้อดีบางส่วนก็โดนไปด้วยได้ เพราะต่อมลูกหมากมันอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ ใต้ลำไส้ใหญ่ อนาคต (หลังทำ 4-5 ปี) ก็อาจเจอเรื่องฉี่เป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือดได้ และที่สำคัญการฉายแสงเหมือนเราเอาถุงขยะไปเข้าไมโครเวฟอะครับ ไม่มีใครบอกได้ 100 เปอร์เซนต์ว่ามันจะเกรียมหมดหรือไม่ แล้วกลิ่นเหม็นขยะที่ออกมานี่เป็นของเก่าหรือของใหม่
2.เคมีบำบัด เช่นกันครับ เหมือนเอาวิกซอลเทใส่ถุงขยะ ข้อดีไม่มีแผล ข้อเสียเคมีบำบัดก็ทำให้ร่างกายโทรมกันหมด เพราะยามันไม่ได้เลือกเนื้อดีเนื้อร้าย ที่สำคัญก็เหมือนเดิม เอาวิกซอลเทใส่ขยะ ถุงก็เกรียม ขยะก็ถูกเผา แต่ทั้งหมดมันยังอยู่ในตัว วันร้ายคืนร้ายถ้ามีกลิ่นเหม็นขยะที่ออกมานี่เป็นของเก่าหรือของใหม่
3.ฝังแร่ อันนี้เหมือนเหมือนฉายแสงครับ เพียงแต่เอารังสีไปไว้ข้างในเลย อุปมาเหมือนเอาก้อน EM ball ไปหย่อนใส่ถุงขยะ แล้วให้มันย่อยสลายช้า ๆ อันนี้เหมาะสำหรับระยะแรก ๆ ครับ ถ้าระยะเยอะ ๆ อย่างนี้ต้องฉายแสงช่วยเพราะขยะเยอะเอาไม่ไหว ข้อดีเหมือนกัน ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด ข้อเสียคือเหมือนฉายแสงครับ แร่มันก็แผ่ออกมาหมด อวัยวะข้างเคียงก็โดนได้บ้าง และก็เหมือนเดิม ไม่มีใครบอกได้ว่าย่อยหมดหรือไม่ เพราะขยะมันเยอะ
4.การผ่าตัด การรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการผ่าตัดมีมาเป็น 100 ปีแล้วครับ ข้อดีคือเราเอามะเร็งหรือถุงขยะออก อย่างน้อยถ้ายังมีกลิ่นอยู่ก็จะได้รู้กันไปเลยว่ามันกลับมาเป็นซ้ำ ข้อเสียก็คือผ่าตัดก็ต้องเจ็บตัวแหละครับ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีการรักษาก็พัฒนาไปเรื่อย เริ่มมีการผ่าตัดเจาะรูหน้าท้อง มีการเอาหุ่นยนต์มาใช้ในการผ่าตัด ซึ่งก็ลดผลข้างเตียงการผ่าตัดเช่นการพักฟื้น การเสียเลือดไปได้เยอะครับ ทำให้การผ่าตัดก็ยังเป็นการรักษามาตรฐานในเรื่องของมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ครับ
ทีนี้หลายคนก็กังวลว่าผลข้างเคียงหรือคุณภาพชีวิตนั้น ต้องอธิบายก่อนครับ ต่อมลูกหมาก มันอยู่ตรงท่อปัสสาวะหน้าที่ส่วนนึงคล้าย ๆ วาวน์น้ำ ดังนั้นหลังทำการผ่าตัดไป พบประมาณ 20-30 เปอร์เซนต์ที่อาจกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ ต้องใส่แพมเพิสช่วย แต่ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
อักอันนึงที่ฝรั่งไม่ค่อยผ่าตัดคือเรื่องการแข็งตัว เพราะอวัยวะตรงนั้นเส้นประสาทมันเยอะ การผ่าตัดถ้าอยากให้ได้ผลดีก็ต้องพยายามเอาออกให้หมด ทำให้บางครั้งต้องเอาเส้นประสาทออกด้วย หลังทำเลยจะไม่แข็ง ซึ่งฝรั่งเองค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้มาก เลยมักต่อรองกับหมอเรื่องผ่าตัดเช่นบอกให้เก็บเส้นประสาทไว้หน่อยหรือยอมเหลือมะเร็งไว้บ้างแต่ขอให้แข็งได้ ฉะนั้นต้องคุยกับคนไข้ดีๆครับ
ที่รพ.ศิริราช การผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมากนี่ทำกันเป็นอุตสาหกรรมครับ เยอะสุดในประเทศไทย คนไข้มากกว่าพันคนเลือกรักษาด้วยการผ่าตัดครับ และเทคโนโลยีปัจจุบันก็มีทุกอย่างเท่ากับเมืองนอกนี่แหละ อยู่ที่คนไข้อยากรักษาแบบไหนครับ
ปล.1 หลายคนงงเรื่องการตัดอัณทะ เอาง่าย ๆ ครับ ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่ใช้ฮอร์โมนเพศไปเลี้ยงการเติบโต ดังนั้นการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ต้องทำการลดฮอร์โมนเพศครับดังที่บอกไปข้างบน ซึ่งวิธีการลดก็มีดังนี้
1.ผ่าตัด ตัดอัณทะง่ายสุดครับ เพราะฮอร์โมนเพศสร้างจากอัณทะ ตัดก็จบ ทีเดียวเลิก สะดวก ไม่แพงด้วย แผลเล็ก ไม่ต้องนอนรพ. ครึ่งชม.เสร็จ ห้าพันบาท ข้อเสียคนไข้จะรู้สึกเหมือนโดนตอนอะครับ เป็นเรื่องของจิตใจ
2.กินยา+ฉีดยา อันนี้จะให้ยาไปกดการสร้างฮอร์โมนครับ ข้อดีคือเก็บไข่ไว้ได้ ข้อเสียคือต้องกินยาตลอดชีวิตครับ และที่สำคัญมาก ๆ คือยาแพงมากครับ ค่ายาเดือนละสองสามหมื่นตลอดชีวิตแลกกับการเก็บไข่ไว้สองใบ ถ้ามีตังค์ก็โอครับ
ปล.2 เรื่องการดูแล อาหารก็ทานผักเยอะ ๆ ลดเนื้อสัตว์ดีแล้วครับ เรื่องสมุนไพรเป็นเรื่องของความเชื่อ ไม่มีการทดลองยืนยัน หายก็มี ตายก็เยอะ ต้องดูดี ๆ ครับ หมอสมหมาย หมอบลาๆ เยอะแยะตั้งสำนักกันไปหมด ก็เหมือนกัน คนหายก็ได้ออกทีวี คนไหนตายก็เผาไม่เอามาบอกกันครับ แม่ยายผมก็ไปเสียที่หมอสมหมาย ลูกหลานห้ามก็ไม่ฟัง ฉะนั้นรักษาแผนปัจจุบันแบบที่มีอะไรรองรับหน่อยดีกว่าครับ
จากคุณ |
:
สาลิกาโบยบิน
|
เขียนเมื่อ |
:
3 พ.ค. 55 18:39:52
|
|
|
|
 |