มาเฟีย California Wow สาขา สยามพารากอน ระวังตัวกันไว้นะคะ ก่อนจะตกเป็นเหยื่อ{แตกประเด็นจาก L12224741}
|
 |
เมื่อวาน13 มิ.ย 55 เข้าไปcalifornia wow สาขาสยามพารากอน
เพื่อต้องการจะสอบถามสิทธิประโชน์ลูกค้า Trueyou ที่ให้สิทธิ์เป็นสมาชิกฟิตเนสฟรี1ปี
ในรายละเอียดTrue แจ้งว่าพนักงานห้ามทำการขายคอร์สใดๆก็ตามกับลูกค้าทรูที่ได้สิทธิ์เล่นฟิตเนส
เลยคิดว่าเข้าไปคุยคงจะเสียเวลาไม่นาน แต่ไปๆมาๆก็ถูกขายคอร์สอยู่ดี ด้วยความที่กำลังมองหาที่ออกกำลังกายอยู่ด้วยเลยนั่งฟัง
เซลล์ Natty พนักงานที่คุยกับเราตั้งแต่แรก พยายามเสนอโปรต่างๆ
จนสุดท้ายตกลงราคาได้ในราคา 6999บาทต่อ6เดือน จึงมีการทำสัญญากัน
พนักงานให้เราเซ็นต์ชื่อหลายจุดมาก แต่จากเรื่องฉาวโฉ่ในกรณีที่ California wow
พยายามหาประโยชน์จากคนที่เซ็นต์สัญญาไม่ครบถ้วนทีมีให้เห็นบ่อยๆ ทำให้เราระวังตัว เราจึงแจ้งพนักงานให้ไปกรอกรายละเอียดสัญญามาให้ครบ
แล้วค่อยเอามาให้เราเซ็นต์ทีเดียว พนักงานรับปาก
ต่อมาอยู่ดีๆ พนักงานเข้ามาเชิญไปนั่งโต๊ะด้านใน แจ้งว่ามีโปรพิเศษจะเสนอให้เพิ่มเติม
ตอนนั้นคิดในใจว่าสงสัยไม่อยากให้เม็มเบอร์อื่นได้ยิน โดยส่งเซลล์อีกคนมานั่งคุยด้วย
ลักษณะเป็นผู้หญิง ตัวใหญ่ ท้วมๆ ผิวคล้ำๆ ผมยาว
พนักงานนำสัญญาใบใหม่มาให้เซ็นต์ เราเห็นผิดสังเกตเลยบอกว่างั้นฉบับเก่าคงไม่ได้ใช้แล้วขอเก็บไว้แทน
แล้วจึงหยิบออกมาจากมือพนักงาน เมื่อได้ดูเอกสารสัญญาใบเก่า กลับมีลายเซ็นชื่อเราอยู่ในสัญญานั้น
ทั้งๆที่เรายังไม่ได้เซ็นต์อะไรเลย ทำให้เราจับได้ว่าพนักงานเอาเอกสารสัญญาใบนั้นไปเซ็นต์เองโดนพละการ
คุณ Natty ขอโทษบอกว่าที่เซ็นต์ไปเพราะรีบไปหน่อย อยากให้เราได้โปรดีๆ (ไม่ใช่เหตุผลเลยค่ะ)
แล้วให้เซ็นต์สัญญาอีกฉบับแทน แล้วบอกว่าฉบับที่โดนจับได้ถือเป็นโมฆะเพื่อความสบายใจของเรา
ด้วยความไม่ไว้ใจเราจึงขอเก็บสัญญาฉบับนั้นมาด้วย พนักงานก็ไม่ว่าอะไร
(ภายหลังคิดว่าการที่เรียกเราเข้าไปนั่งในมุมด้านใน เพื่อหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิด)
ต่อมามีคนอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการสาขา เป็นเกย์ อ้วน ตัวใหญ่ ผิวขาว เร่งจะให้เซ็นต์อย่างเดียว
โดยไม่ให้เวลาตัดสินใจและถามรายละเอียด และแจ้งว่าเราจะได้สัญญาตัวจริงวันพรุ่งนี้
ที่จะได้วันนี้จะได้เพียงแต่สำเนาที่พนักงานจะถ่ายเอกสารสัญญาให้เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากแคชเชียร์ปิดแล้ว
เราตกลงกับการที่พนักงานจะถ่ายเอกสารให้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องกรอกข้อมูลให้เราทุกช่อง ไม่มีช่องไหนเว้นไว้
แต่ไม่อยากมีปัญญากับการกรอกข้อมูลเองของพนักงานภายหลัง แต่พนักงานแจ้งว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เราต้องจ่ายเงินจำนวนเต็ม 6999 ภายในวันนี้เท่านั้น เราจึงเช็คสัญญาทีละข้อ
แล้วพยายามให้พนักงานกรอกให้ครบทุกช่อง จนเหลือช่องสุดท้ายที่ระบุถึง ค่าบริการที่ชำระแล้ว และค่าบริการที่ต้องมาจ่ายเพิ่มเติม
เราให้พนักงานกรอกให้เรียบร้อยในสัญญา ว่าชำระครบแล้ว และให้ขีดฆ่าช่องที่แจ้งว่าต้องจ่ายเพิ่มเติม
ผู้จัดการสาขาแจ้งว่ากรอกไม่ได้ เพราะสัญญายังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังไม่มีการทำรายการลงในระบบ
จะกรอกได้ก็ต่อเมื่อลงข้อมูลในระบบแล้ว และบอกว่าเพื่อความสบายใจของเรา
พนักงานจะกรอกรายละเอียดในสัญญาที่พนักงานจะถ่ายเอกสารให้เราแทน
แล้วให้เราเอาสำเนาฉบับนั้นมายืนยันอีกทีวันถัดไป (14 มิ.ย 55)
เราลังเลขอเวลาตัดสินใจ10นาที ผู้จัดการเดินวนเวียนและมาหยุดพูดกับเราว่า
ถ้าอยากให้เอกสารชัดเจน ครบถ้วน และสบายใจ ให้มาทำสัญญาพรุ่งนี้
แต่จะได้ในราคา 8999 แทน โดยได้พูดจาดูถูกเหยียดหยามถึงฐานะ และเสียดสีเหมือนเราคงไม่มีมีปัญญาจ่าย
เราไม่ยอมบอกว่าพนักงานควรรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง เพราะถือว่าได้ตกลงราคาเรียบร้อยแล้ว
และเราก็ไปกดเงินสดมาแล้ว ทั้งๆก่อนนี้หน้าพนักงานแจ้งว่า เราจะได้สัญญาตัวจริง
และจะทำเรื่องให้เรียบร้อย ภายหลังชำระเงิน
ภายหลังเกิดการโต้เถียง ผู้จัดการขึ้นเสียง เราเลยบอกไปว่า เงินอ่ะมีจ่าย
แต่ที่ต้องให้กรอกทุกรายละเอียดเพราะคุณพยายามตุกติกตั้งแต่แรกโดนการเซ็นต์ชื่อแทนโดยพละการ
พนักงานพูดเสียงดังว่า เค้าไม่ได้เซ็นต์อะไร ทุกอย่างในสัญญาเราเป็นคนเซ็นต์เองทั้งนั้น
(ตอนนั้นที่คุยอยู่หน้ากล้องแล้วไงคะ) เปลี่ยนคำพูดได้เร็วมาก
เราเห็นว่า เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้แล้ว ถึงสุดท้ายเราได้ราคานี้ ก็คงมาเล่นอย่างไม่มีความสุข
ไม่รู้จะต้องเจออะไรบ้างกับพนักงานพวกนี้ เลยยืนยันไปว่าไม่ทำสัญญาอะไรกับที่นี่แล้ว
แล้วสัญญาฉบับใหม่ที่เซ็นต์ไปคงไม่ได้ใช้ งั้นเราขอเก็บไว้
ผู้จัดการสาขาแจ้งว่าไม่ได้ ให้เราส่งคืนให้เค้า เค้าจะทำเรื่อง ยกเลิกให้เอง ตอนนั้นเราไม่ไว้ใจใครแล้ว
เราเลยยืนยันจะเก็บไว้ ผู้จัดการสาขาพยายามแย่งเราไปจากมือ เราเลยเอาปากกาไปขีดฆ่าลายเซ็นของเราที่เซ็นต์ไว้
เพื่อป้องกันการทำสัญญาให้โดยที่เราไม่ยินยอม
ผู้จัดการสาขาเข้ามาจะเอาเรื่อง และยืนยันจะเก็บสัญญาที่เราขีดฆ่านั้นไว้ เราเลยทำท่าจะฉีกทิ้ง
ผู้จัดการขู่ว่า ถ้าเราฉีกเค้าจะดำเนินคดีกับเรา เพราะการทำลายสัญญาผิดกฏหมาย (ข้อไหน 0.0?)
แต่เราไม่ยอม สุดท้ายเราจึงฉีกสัญญาทิ้ง เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะไม่ต้องรับความเสี่ยงที่เราไม่ได้ยินยอม
ผู้จัดการสาขาให้พนักงานโทรแจ้งยาม เราบอกว่าให้เอาตำรวจมา แต่พนักงานไม่มีทีท่าสนใจ
เราเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ เพราะยามไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินว่าอะไรถูกผิด
จึงบอกว่าให้พนักงานแจ้งตำรวจแล้วมาดำเนินคดีแทน เพราะเราไม่อยากเสียเวลา
และไม่อยากอยู่ดึกว่านี้ อยากรีบกลับบ้าน เพราะขณะนั้นเวลา ประมาณ 5 ทุ่มแล้ว
ผู้จัดการและพนักงานหญิงอ้วนดำผมยาว เข้ามากันไม่ให้ออกจากฟิตเนส และล๊อคตัวเราไว้
เรายืนยันจะออกไปเพราะเสียเวลามามากพอแล้ว แต่ผู้จัดการสาขาข่มขู่ พูดจา ขึ้น มึ-ขึ้นกู กับเรา
และบอกว่า อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่ทำ
ตอนนั้นมีปากเสียงกันรุนแรง แต่บังเอิญมีเม็มเบอร์ฟิตเนสคนหนึ่งเพิ่งออกกำลังกายเสร็จแล้วกำลังจะกลับ
เราเลยรีบเดินตามออกไป พนักงานดึงและล๊อคแขนเราไว้ แต่เราก็ออกไปหน้าร้านจนได้
ผู้จัดการและผู้หญิงอ้วนดำจึงตามออกมาก พูดจาข่มขู่ ดูถูก และใช้ถ้อยคำหยาบคายสารพัด
เราจึงตอบโต้ไป แล้วเดินหนีจนออกมาถึงทางไปลงลิฟต์ได้ แต่ 2คนนั้นก็ยังด่าไล่หลังตามมาเป็นระยะ
(ตั้งแต่ออกมาจากฟิตเนสเราได้โทรศัพท์หาแฟนเรา และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และได้อัดเสียงไว้ตลอดค่ะ)
อยากฟ้องร้องดำเนินคดีมาก หลักฐานตอนนี้มีใบสัญญา VIP Guest pass ที่พนักงาน เซ็นต์ชื่อแทนเรา ที่เราเก็บมา
แต่อย่างที่บอกพนักงานไม่ยอมรับผิดตอนที่เจรจากันบริเวณที่กล้องวงจรปิดจัดภาพได้
มาเฟีย California Wow มีให้เจอกันบ่อยๆ เราไม่แปลกใจเลยที่บริษัทจะขาดทุน และโดนฟ้องล้มละลาย ระวังนะคะ อย่าตกเป็นเหยื่อ
เพราะนอกจากคุณจะเสียทรัพย์แล้ว บางทีอาจจะเลือดตกยางออก เพราะพนักงานพวกนี้ก็ได้ค่ะ
แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 11:08:54
แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 55 10:40:42
| จากคุณ |
:
เวิ่นเว้อวุ่นวาย 
|
| เขียนเมื่อ |
:
14 มิ.ย. 55 10:21:06
|
|
|
| 
