ความคิดเห็นที่ 1 พอขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว ก็เหมือนน้ำหนักจะลงนะครับ คงเพราะกินน้อยลงกว่าช่วงม.6 แต่ก็ยังตามใจปากอยู่ โดยเฉพาะอาหาร Fast  Food เพราะเข้ามาอยู่หอในกรุงเทพไงครับ อยู่ใกล้ห้าง ก็เลยกินบ่อยมาก โดยเฉพาะ KFC ที่ผมกินบ่อยมาก อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งอย่างต่ำ แต่น้ำหนักช่วงนั้นก็คงที่นะครับ ประมาณ 96 kg. อาจเพราะว่ามหาวิทยาลัยมันกว้าง ก็เคยได้เดินเยอะ ประกอบกับเดินกับหอบ่อย ๆ ระยะทางประมาณ 2 km. ได้ครับ หลาย ๆ ครั้งที่ผมคิดจะลดน้ำหนักครับ เช่น การอดข้าวเย็น แต่ทำได้แค่วันเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว กินผลไม้ทั้งวัน ทำได้ 3 ;น ลดไป 2 kg. ครับ เคยคิดลดน้ำหนักจริง ๆ จัง ๆ ครั้งหนึ่ง เลยขอให้ป๊าซื้อเครื่องวิ่งให้ แต่ก็เพราะความขี้เกียจแหละครับ วิ่งได้ 3 วัน จากเครื่องวิ่งก็แปลงสภาพเป็นที่ตามผ้าไปเรียบร้อย ฝุ่นจับเขรอะเลย ตลอดที่เรียนปี 1 ก็รู้สึกอายตัวเองนะครับ เพราะเด็กกรุงเทพมีแต่ตัวสูง ๆ ผอม ๆ ทั้งนั้น เคยคิดอิจฉา อยากจะหุ่นดีบ้าง แต่ก็ไม่เคยทำให้มันเป็นจริงซักที จนกระทั่งขึ้นปี 2 ตอนนั้นได้เริ่มรู้จักคลับลดความอ้วนแห่งนี้ (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เล่น pantip ทุกวัน) ได้เห็นกระทู้ Before & After ของพี่ ๆ หลายคน มันก็เริ่มเกิดแรงบันดาลใจครับ และที่เรียกว่าเป็นไอดอลลดน้ำหนักของผมเลยก็คือ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” (คุณเ...ย์) ช่วงนั้นผมก็หาข้อมูลเยอะมาก ๆ ครับ อ่านกระทู้เก่า ๆ ทุกกระทู้เลย และก็ตัดสินใจเลือกวิธีลดน้ำหนักของ”คนคนนั้น” ผมเริ่มที่การจดบันทึกจุดมุ่งหมายของผมก่อน ว่าผมจะลดน้ำหนักกี่กิโล อยากให้เอวลดเหลือเท่าไหร่ จากนั้นผมก็เริ่มลดน้ำหนักจริงจังคือ การกินอาหารแค่วันละ 800 แคลอรี (ไม่ควรเลียนแบบเลย) โหย ช่วงนั้นหิวใจจะขาด แสบท้องมาก สมองผมก็เบลอ ๆ เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง สมาธิก็ไม่มีครับ จนเริ่มไม่ไหว ก็เลยปรับเป็น 1200 แคลอรี ดีขึ้นมาหน่อยครับ ร่างกายเริ่มชิน (สัญญาณอันตราย) ไม่หิวแล้ว แต่ผมก็มีวันตามใจตัวเองนะครับ คือจะกินอาหาร Fast Food อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งครับ น้ำหนักผมลงสม่ำเสมอมากครับ อาทิตย์ละ 1 kg. ลดมาเรื่อย ๆ ด้วยความที่คิดว่า วิธีลดน้ำหนักแบบนี้ถูกต้องแล้ว มัวแต่สนใจที่ตัวเอง จนไม่ได้สังเกตอย่างอื่น หน้าผมโทรมครับ เวลากลับไปบ้าน ป๊ากับแม่ก็บอกให้ผมเลิกได้แล้ว หน้าโทรมมาก ตอบ ซึ่งแน่นอนครับ ผมหัวดื้อ ไม่เชื่อ ก็เลยยังลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้มาเรื่อย ๆ จนผ่านไป 5 เดือน น้ำหนักผมก็ลดมาที่ประมาณ 16 kg. หลายคนที่ไม่ได้เจอกันนานก็จำผมแทบไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมากครับ จนปิดเทอม ช่วงนี้ผมแทบไม่ได้ควบคุมอาหารเลย ไม่ได้จดบันทึกอาหารด้วย แต่น้ำหนักก็ยังลงอยู่ เพราะเลือกกินอาหาร จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:41:34

ความคิดเห็นที่ 2 นับตั้งแต่วันที่ผมลดน้ำหนักวันแรก 19 ธ.ค. 2554 ถึงวันที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้ 18 มิ.ย. 2555 ส่วนสูง 176 cm. น้ำหนักจาก 96 kg. ปัจจุบันเหลือ 74.5 kg.   รอบเอวจาก 40 นิ้ว ปัจจุบันเหลือ 33 นิ้ว เรียกว่า เปลี่ยนเสื้อผ้ายกตู้เลยครับ 555+ จากเคยใส่เสื้อเบอร์ XL หรือ XXL ตอนนี้ใส่เสื้อเบอร์ M หรือ L แน่นอนว่า ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ ทุกวันนี้ ไม่มีใครเรียกผมว่า ไอ้อ้วนอีกแล้ว หาซื้อเสื้อผ้าง่ายขึ้นเยอะ เวลาเดินไปไหนก็มั่นใจตัวเองมากขึ้น แต่แน่นอนว่า ผลเสียมันก็มีเหมือนกัน เนื่องจากการลดน้ำหนักของผมไม่มีการออกกำลังกายยังไงล่ะครับ ร่างกายผมเลยย้วย ไม่ค่อยกระชับ ผมถึงบอกว่า อย่าลอกเลียนแบบวิธีผม ผมไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนผมน่ะ ซึ่งจากกระทู้แฉคุณ... ก็ทำให้ผมเลิกวิธีนี้แล้วครับ แล้วหันกลับมาลดความอ้วนด้วยวิธีดั้งเดิม นั่นคือ รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม และ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีใหม่นี้ ผมเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน เลยยังไม่ขอเล่านะครับ ไว้ถ้าได้ผมยังไง จะมาเล่าให้ฟังครับ สุดท้ายนี้ ผมก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงประโยคนี้ (ได้ข่าวว่ายาวมาก 555+) หวังว่ากระทู้เล็ก ๆ ของผมนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอ้วนที่ไม่คิดจะลด คนอ้วนที่คิดจะลด และคนอ้วนที่กำลังลดความอ้วนอยู่ครับ ขอให้ทุกคนพยายามต่อไปนะครับ วลีที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ยังเป็นความจริงเสมอครับ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:42:19

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้น่าจะเป็นช่วงม.5 นะครับ อย่างที่เห็นครับ อืดมากกกกก อ้วนสุดยอด น่าจะหนักประมาณ 90 kg. แถมถูกล้อว่าหน้าแก่อีกต่างหาก = = สำหรับใครที่ยังไม่รู้นะครับ การกินของหวานทำให้หน้าแก่นะครับ เพราะกลูโคสจะไปทำลายคอลลาเจนในผิวของเรา ใครไม่อยากแก่ ก็อย่ากินของหวานนะ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:44:52

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวใหญ่มากกก ตอนม.6 ครับ กำลังกินหมูกระทะ ของโปรดเลยนะเนี่ย น้ำหนักตอนนั้นน่าจะอยู่หลักร้อยแล้วครับ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:46:11

ความคิดเห็นที่ 5 รูปนี้เป็นตอนปิดเทอมก่อนจะขึ้นปี 1 ครับ เหมือนจะผอมลงนะ แต่ก็ยังเรียกว่า อ้วนมากกกกกก จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:47:36

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเป็นคนที่อ้วนช่วงล่างครับ (จริง ๆ ก็อ้วนทั้งตัว แต่ข้างล่างใหญ่มากก) คือก้นกับขานี่มหึมาครับ ตอนนี้ก็ยังใหญ่อยู่เลย ว่าจะเล่นท่า squat ครับ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:49:18

ความคิดเห็นที่ 7 ดูในชัด ๆ ว่าก้นใหญ่มาก 5555 โดนเพื่อนแอบถ่าย จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:50:27

ความคิดเห็นที่ 8 รูปนี้เป็นตอนปี 1 ครับ ผอมลงมาหน่อย น้ำหนักประมาณ 96 kg. จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:51:44

ความคิดเห็นที่ 9 รูปนี้เป็นรูปที่เคยทำประทู้ Before After เฉพาะหน้า เหมือนจะหน้าตอบและเด็กลง(มั้ง) คิดว่าไงครับ ? รูปขวา น้ำหนักน่าจะประมาณ 80 kg. นิด ๆ จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:53:32

ความคิดเห็นที่ 10 รูปนี้ก็เคยลงแล้วเช่นกัน สังเกตว่าตัวจะย้วยนิด ๆ หน้าก็ด้วย บอกน้ำหนักไป ไม่มีใครเชื่อครับว่าหนัก 80 กว่า ๆ มีแต่คนบอกว่า 70 = = แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 55 21:55:41 จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:54:53

ความคิดเห็นที่ 11 รูปสุดท้าย รูปปัจจุบันครับ เพิ่งถ่ายเมื่อวาน 555 หนัก 74.5 kg. ครับ จะเห็นว่าหน้ากลมมาก T_T อยากให้หน้าเรียวครับ แต่ไม่รู้ว่าทำยังไง ใครรู้วิธีก็ช่วยบอกด้วยนะครับ ^^" จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 21:58:38

ความคิดเห็นที่ 12 สุดท้ายจริง ๆ ครับ 555 เอาไปแต่หน้าพอ หน้ากลมมาก แต่ผมไม่แคร์ครับ หุ่นดีแล้ว! :D สู้ ๆ นะครับทุกคน จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:01:44

ความคิดเห็นที่ 13 แต๊งค์กิ๊วจ้ะน้องกร ที่มาแชร์ประสบการณ์ เป็นวิทยาทานกับอุทาหรณ์ให้คนอื่นๆได้ด้วย แต่ๆๆๆๆน้องกรไม่ต้องลดแล้ววววววววววว เวทโล้ดจ้าาา จากคุณ : KhuenChayOA เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:09:48

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ผมเขียนลงเฟสบุ้คครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ต้องขอโทษด้วยครับ หลักเบื้องต้นของคนอยากผอม 1.เวลาอาหารที่ดีที่สุด สำหรับอาหารเช้าคือหลังตื่นนอนไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง อาหารกลางวันก็ตั้งแต่ 11 โมง ไม่เกินบ่าย 3 โมง ส่วนอาหารเย็นก็ตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึง 1 ทุ่ม แต่ถ้าเป็นคนนอนดึก ๆ มาก ให้กินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนนอน 3 ชั่วโมง 2.ถ้าต้องการลดน้ำหนึ่งหนึ่งกิโลกรัม ต้องเผาผลาญพลังงานไปประมาณ 7700 แคลอรี่ 2.คำนวณหาค่า BMR ของตัวเอง เพื่อหาว่าวันหนึ่ง เราใช้พลังงานไปกี่แคลอรี่ ทีนี้เราก็มาจำกัดแคลอรี่ โดยให้วันนึงรับพลังงานน้อยลง 500-1200 แคลอรี่ โดยเข้าไปคำนวณได้ที่เว็บนี้ http://www.bmi-calculator.net/bmr-calculator/metric-bmr-calculator.php เมื่อได้ค่ามาแล้ว ให้เอาไปคูณกับเลขต่อไปนี้ โดยพิจารณาจากกิจกรรมและนิสัยของเรา If you are sedentary (little or no exercise) : Calorie-Calculation = BMR x 1.2 If you are lightly active (light exercise/sports 1-3 days/week) : Calorie-Calculation = BMR x 1.375 If you are moderatetely active (moderate exercise/sports 3-5 days/week) : Calorie-Calculation = BMR x 1.55 If you are very active (hard exercise/sports 6-7 days a week) : Calorie-Calculation = BMR x 1.725 If you are extra active (very hard exercise/sports & physical job or 2x training) : Calorie-Calculation = BMR x 1.9 ผลที่ได้ก็คือค่า TDEE หรือปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายเราเผาผลาญในแต่ละวัน 3.ในช่วงลดน้ำหนัก อาหารที่เราจะเน้นมาก ๆ เลยคือโปรตีน ซึ่งอาจทำให้ท้องผูกได้ สำหรับคนที่เป็น ตื่นเช้ามา ให้ดื่มน้ำเลย 2 แก้ว อาจจะบีบมะนาวลงไปด้วยก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ การกินผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอ 4.น้ำถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นอันดับต้น ๆ เพราะจะช่วยสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ทำให้ผิวดูใสขึ้นด้วย การกินน้ำมากแล้วทำให้อ้วนไม่เป็นเรื่องจริงเลย ปริมาณน้ำที่แนะนำให้ดื่มในหนึ่งวันคือ น้ำหนักตัว x 30 หน่วยเป็นมิลลิลิตร วิธีการดื่มคือ ให้ดื่มทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ถ้าดื่มครั้งนึงมากไปเช่น 500-1000 มิลลิลิตร ร่างกายก็จะขับออก 5.ในแต่ละวัน ไม่ควรทานอาหารน้อยกว่า 800 แคลอรี่ การทานอาหารน้อย ๆ เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายปรับตัว คือ ร่างกายจะใช้พลังงานที่เราทานอย่างคุ้มค่า มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ระบบเผาผลาญก็จะต่ำลง ถ้าเราหยุดควบคุมน้ำหนักและกลับไปกินมากขึ้น โอกาสที่จะโยโย่มีสูงมาก 6.ทานอาหารให้ครบ 3 หมู่ สำคัญมาก เพราะการที่เรางดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง จะทำให้เราโหยมาก พอไปถึงมื้อถัดไป เราก็จะทานมากกว่าเดิม โดยมื้อที่สำคัญที่สุดคือมื้อเช้า เพราะถือเป็นการจุดชนวนการเผาผลาญของร่างกาย เน้นอาหารที่ให้พลังงาน เช่น แป้งไม่ขัดสี เพราะจะทำให้อยู่ท้อง อย่าง ข้างกล้อง ข้างกล้องงอก ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลแบบไม่หวาน ธัญพืช และโปรตีนดีไม่มีไขมัน เช่น เนื้อปลา อกไก่ไม่หนัง นมไขมัน 0% นมถั่วเหลืองไม่หวาน(แบบใส่ธัญพืชหลาย ๆ ชนิดยิ่งดี) 7.ให้ทานโปรตีนมากขึ้น ลดคาร์โบไฮเดรตลง แต่ไม่อด! ถ้าพูดถึงกลไกของร่างกายแล้ว ร่างกายจะใช้พลังงานจะน้ำตาลมากที่สุด การที่ลดคาร์บลง ก็เท่ากับการตัดพลังงานหลักของร่างกาย การที่บอกว่าไม่ให้อด ก็เพราะว่า ถ้าเราอดมาก ๆ จะทำให้ร่างกายโหยมาก ถ้ากลับไปกิน เราก็จะกินมาก ร่างกายจะมีการสะสมคาร์บมากกว่าเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดอีก ผลที่ได้ก็คือ โยโย่ น้ำหนักขึ้น ส่วนโปรตีนที่บอกให้ทานเยอะ ก็เพราะการลดน้ำหนักจะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไปด้วย การกินโปรตีนก็จะไปช่วยสร้าง  เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกาย ถ้าเล่นเวทไปด้วย จะเห็นผลชัดเจนมาก เพราะจะทำให้ร่างกายเฟิร์ม 8.พยายามเข้านอนให้เร็ว เพราะให้ช่วงกลางคืน ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ถ้าเราอยู่ดึกก็จะทำให้หิว และเกิดอาการตบะแตกได้ 9.ถ้าหิวระหว่างมื้อ ให้ทานของว่างที่มีประโยชน์ เช่น ถั่วอัลมอนด์ ถั่วพิทาชิโอ ถั่วแมคคาเดเมีย เพราะให้โปรตีนสูง แต่ต้องจำกัดปริมาณด้วย รวมถึงพวกผลไม้ โยเกิร์ต นมขาดมันเนย น้ำผลไม้แบบไม่มีน้ำตาล นมถั่วเหลือง หรืออาหารอย่างอื่นที่เบา ๆ ย่อยง่ายและให้พลังงานเร็ว ส่วนขนมหวานอย่างอื่นก็พอทานได้ แค่ไม่ควรเกิน 200-250 แคลอรี่ 10.แรก ๆ ให้จดบันทึกทุกอย่างที่เข้าปากเรา กินอะไรจดหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารมื้อหลักหรือของว่าง ขนม แล้วก็เขียนปริมาณแคลอรี่กำกับไว้ด้วย การจดบันทึกจะช่วยให้เราประเมินและวางแผนการทานได้ดีขึ้น เช่น ถ้ามื้อกลางวันเรากินมากเกินไป มื้อเย็นเราก็กินให้น้อยลง และไปออกกำลังกายเพิ่ม นอกจากนี้ ให้เรานำแคลอรี่ทั้งอาทิตย์มาหาค่าเฉลี่ย ถ้าไม่เกินจากที่ตั้งไว้ก็ถือว่าใช้ได้ บางวันอาจเกิน บางวันอาจน้อยไปก็ไม่เป็นไร 11.ในคนที่มีน้ำหนักเกินมาก ๆ แรก ๆ ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายหนัก เพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บง่าย หรือข้อเข่าเสื่อม ขอให้ควบคุมอาหารไปก่อน รอจนลงมาระดับหนึ่งแล้วค่อยไปออก จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:10:35

ความคิดเห็นที่ 15 ยาลดน้ำหนัก ใครคิดจะลดความอ้วนด้วยการกินยาลดความอ้วน ขอให้อ่านนี่ก่อน เล่าจากประสบการณ์ของคนที่เคยกินแล้วไปน้ำหนักเด้งไปเป็น 10 กิโล 1. ยาลดความอ้วนที่มีขายในปัจจุบันมีหลายชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยากดประสาทไม่ให้หิว ยาถ่าย ใยอาหาร ยาดักจับไขมัน ที่ฮิตตอนนี้ก็เช่น lipo ผงบุก 2. แต่ไม่มีชนิดไหนที่ได้ถาวรและปลอดภัยเลย อาจมียาดักจับไขมันที่มีขายในร้ายขายยาทั่วไป ซึ่งช่วยป้องกันการดูดซึมไขมันได้บางส่วน แต่ก็ช่วยได้นิดหน่อยเท่านั้น 3. ยากดประสาทไม่ให้หิว ทำให้เกิดอาการประสาท นอนไม่หลับ โทรม หน้าตาเหี่ยว แก่กว่าวัย เมื่อหยุดยาจะทำให้กินมากกว่าเดิม กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม 4. ยาเพิ่มการเผาผลาญเช่น พริกไทย เมื่อกินนาน ๆ ทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ 5. จะเห็นได้จากข่าว มีคนที่กินยาลดน้ำหนักแล้วเสียชีวิต คุ้มแล้วเหรอที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง? 6. ตอนนี้มียาลดขา ลดน่องด้วย โปรดใช้สมองสักนิดก่อนซื้อ ว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ยาจะลดไขมันเฉพาะส่วนได้ ขนาดการออกกำลังกาย ยังไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้เลย 7. การกินยาลดความอ้วนทุกชนิด ทำให้เกินโยโย่แน่นอน ไม่มีทางที่น้ำหนักจะยั่งยืน ยาหยุดไม่มีในโลก เป็นแค่เม็ดแป้งที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเท่านั้น 8. คำตอบง่าย ๆ สำหรับคำถามว่า ลดความอ้วนยังไง 'ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย' หลักมีแค่นี้จริง ๆ 9. การลดน้ำหนักคือการปรับเปลี่ยนนิสัย ถ้าคุณไม่อยากโยโย่หรือกลับไปอ้วนอีก ขอให้ถามคำถามตัวเองก่อนเลือกวิธีว่า คุณจะทำวิธีนั้นไปได้ตลอดชีวิตมั้ย? 10. การลดน้ำหนักไม่มีทางลัด ลองคิดดูสิว่า กว่าเราจะอ้วน เราใช้เวลาเท่าไหร่ จงอย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ปลอดภัยที่สุด จากคุณ : SaiNoGO เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:10:47

ความคิดเห็นที่ 16 ปูลู. ยางสีน้ำเงินเปล่าอ่ะ จากคุณ : KhuenChayOA เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:11:17

ความคิดเห็นที่ 17 ดัดฟันไปสักพักเดี๋ยวหน้าจะยาวขึ้นนิดนึง กรเป็นคน คางยาวอยู่แล้ว น่าจะโอเคขึ้น เพิ่งดัดได้ไม่นาน ยังไม่ัชัดหรอก ต้องใกล้ๆ ถอด จะรู้เองว่ายาวขึ้น ^^ เก่งมากๆ จากคุณ : Christkind เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:18:14

ความคิดเห็นที่ 18 เยี่ยมเลยค่ะ   หุ่นดีแล้ว ดูดีขึ้นจริงๆ โน๊ะ จากคุณ : lin&bukky เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:25:45

ความคิดเห็นที่ 19 เจ๋งมากปกรณ์ จากคุณ : monniikitty เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 55 22:44:02

ความคิดเห็นที่ 20 เยี่ยมครับ จากคุณ : ชอจิ เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 01:17:22

ความคิดเห็นที่ 21 สุดยอดมากครับน้องกร น้องเป็นไอดอลการลดน้ำหนักของพี่เลยนะเนี่ยยยย จากคุณ : น้าเปี๊ยก เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 08:05:03

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคะ  เพราะเราเกือบจะซื้อ ยาขาเรียวง่ะคะ ช่างใจอยู่นาน เพราะคิดว่า ออกกำลังกายยังไงขาก็ไม่ลง พอดีมีพี่คนที่รู้จักลองซื้อมากินแล้วได้ผล ก็เลยคิดว่า จะซื้อมาลองดีไหม พอได้มาอ่านข้อความที่คุณโพส ก็ทำให้สะกิดใจเราอีกรอบคะ ขอบคุณมากคะ จากคุณ : fatty (fattyharo) เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 08:20:35

ความคิดเห็นที่ 23 ดีใจกับน้องกรด้วยค่ะ ที่อดทน และพยายามมาได้จนถึงทุกวันนี้ น้องกรเคยลดความอ้วนผิดๆ มา คือ กินยาลดความอ้วน พอเห็นน้ำหนักลด ก็เลยไม่ได้ระวังกลับมากิน จนน้ำหนักขึ้นไปร้อยกว่าไม่รู้ตัว ครั้งนี้ก็เหมือนกันนะคะน้องกร น้องกรต้องดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่เราโยโย่นั้นไม่ได้มีสาเหตุจากการกินยาลดความอ้วนอย่างเดียว แต่มันคือ การกินน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ถ้านับแคลอรี่ ก็ควรจะนับไปตลอด เพราะถ้าเผลอไม่ได้นับเมื่อไหร่ พอนานวัน น้ำหนักมันก็จะทยอยขึ้นมาได้ค่ะ แต่ถ้าเราสร้างกล้ามเนื้อ ดูแลอาหารและออกกำลังกายทุกวันอยู่แล้ว ถ้าหากว่าน้ำหนักมันขึ้นก็ไม่ต้องซีเรียส เพราะมันเป็นกล้ามเนื้อแน่นอนค่ะ (ซึ่งก็อย่างที่เรารุ้ๆ อยู่ว่า ในขนาดที่เท่ากัน กล้ามเนื้อนั้นกว่าไขมันมาก) แล้วอีก 6 เดือน กลับมารีวิวใหม่เต็มๆ อีกรอบนะคะ ขอบใจมากจ้ะ ที่มาบอกเล่า อัพเดทตัวเองอยู่ตลอดๆ แบบนี้ พี่ก็จะพยายามเหมือนกันจ้ะ สู้ๆ จากคุณ : Love in the mist เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 08:31:40

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับคุณSaiNoGOอยู่หลายข้อครับแต่เห็นแย้งอยู่บ้างเหมือนกัน 5.ในแต่ละวัน ไม่ควรทานอาหารน้อยกว่า 800 แคลอรี่ การทานอาหารน้อย ๆ เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายปรับตัว คือ ร่างกายจะใช้พลังงานที่เราทานอย่างคุ้มค่า มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ระบบเผาผลาญก็จะต่ำลง ถ้าเราหยุดควบคุมน้ำหนักและกลับไปกินมากขึ้น โอกาสที่จะโยโย่มีสูงมาก จากงานวิจัยของอเมริกา ผู้หญิงห้ามกินต่ำกว่า 1200 และผู้ชาย ห้ามต่ำกว่า 1800 ครับไม่งั้นระบบเผาผลาญจะเสียไปและถ้าจะลดน้ำหนักแบบสุขภาพดี อาหารที่กินต้องมีพลังงานต่ำกว่าค่าTDEE 500-1000ครับ เขาให้ลดได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 1 กก. ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังลดอยู่ตอนนี้ ยาลดน้ำหนักก็เคยครับลดได้จริงเหมือนกันแต่ก็เด้งจริงครับ เพราะผมเด้งกลับมาเป็น 140+ มากกว่าก่อนลด 10+กก. ตอนนี้ผมเลยลดด้วยการกินแบบควบคุมแคล 1800 ออกกำลังกายด้วยการเวทและเดินเร็ว เป็นแบบหักดิบและไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะจริงๆผมต้องกินอย่างน้อย 3000(ที่น้ำหนักปัจจุบัน 132.8) แต่ส่วนตัวผมคิดว่าจำเป็นต้องทำ เพราะตอนนี้อาการปวดข้อเท้าเริ่มถามหาแล้ว จึงจำเป็นต้องลดให้เร็วที่สุดก่อน ถ้าให้คุณเลือกระหว่างเสียกล้ามเนื้อกับเดินไม่ได้คุณจะเลือกอันไหน ส่วนตัวผมขอกล้ามเนื้อลดแต่เดินได้ดีกว่าไม่อยากเป็นโรคข้อเสื่อมเรื้อรัง เพราะกล้ามเนื้อผมสร้างใหม่ได้แม้ใช้เวลานาน แต่ข้อต่อต่างๆผมเปลี่ยนหรือสร้างใหม่ไม่ได้ ผมจะลดแบบหักดิบจนน้ำหนักต่ำกว่า 100 กก.นั้นแหล่ะผมจะกลับไปใช้แบบถูกวิธีครับ เพราะงั้นใครไม่อ้วนแบบมากๆไม่ควรเลียนแบบครับ จากคุณ : Rage Doll เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 08:39:38 A:124.121.249.42 X: TicketID:363484

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณน้องกรค่ะ จากคุณ : Mafiakung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 09:08:18

ความคิดเห็นที่ 26 ขอรูปถอดเสื้อถ่ายครับ จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 55 12:29:11

ความคิดเห็นที่ 27 สุดยอดไปเลยค่ะ จากคุณ : กลางคืนวัยทีน เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 00:26:35

ความคิดเห็นที่ 28 หล่อ ขึ้นแบบ แตกต่างไปเลยครับ จากคุณ : Hernf@ เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 55 11:31:15

ความคิดเห็นที่ 29 ..ดีๆๆมากๆ.. จากคุณ : คุณปุ้มปริ้ม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:40:42

ความคิดเห็นที่ 30 ดีใจด้วยจ้า   กีบหมดอ่า แต่เข้ามาชื่นชมๆ จากคุณ : pizzploom เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 55 14:48:58