Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่าประสบการณ์ผ่าตัดริดสีดวงทวาร ^ ^" ติดต่อทีมงาน

เล่าประสบการณ์ผ่าตัดริดสีดวงทวาร ^.^"

คือว่าผมเป็นริดสีดวงทวารมานานแล้ว น่าจะเป็นสิบปี แต่สาเหตุที่เป็นนี่ไม่แน่ใจ แต่จำได้ว่าตอนเด็กๆ ไม่ค่อยถ่าย แล้วพอไม่ถ่ายหลายวันอึก็แข็งเวลาถ่ายก็เบ่งเยอะ แต่ตลอดระยะเวลาที่เป็นไม่มีอาการเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าจะมีก้อนประมาณหัวนิ้วโป้งมือยื่นออกมาแล้วพอถ่ายเสร็จก็เอามือดันเข้าไปเก็บได้เหมือนเดิม โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ลองซื้อพวกสมุนไพรมากิน เช่น เพชรสังฆาต แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นก็ปล่อยมันไปเพราะมันไม่เจ็บ แล้วจากการหาข้อมูลก็มีหลายคนที่บอกว่าไม่เป็นไรก็อยู่ไปอย่างนี้ก็ได้

แต่เมื่อต้นเดือน มิ.ย. มีอาการเลือดออก เป็นเลือดสดๆ ไหลปรี๊ดออกมาจากเจ้าก้อนที่ยื่นออกมาอ่ะครับ แต่ไม่เจ็บนะครับ ไม่เจ็บเลย แต่เลือดออกเยอะมาก พุ่งปรี๊ดตามแรงเบ่งเวลาอึ เลือดออกอยู่ประมาณ 4 วัน ก็เริ่มกลัวแล้วก็หาข้อมูลเพราะกลัวจะเป็นอย่างอื่น แล้วอีกอย่างพอเลือดออกมากก็ไม่อยากเข้าห้องน้ำเพื่อถ่าย เพราะกลัวเลือดออก ทำให้ท้องผูกอยู่หลายวัน อึดอัดมาก ก็เลยไปซื้อยาที่ร้านขายยามากิน ซื้อ daflon มากินหลังอาหารมื้อละ 2 เม็ด ซึ่งเป็นการใช้ยาแบบเต็มโดสที่สุดแล้ว กินอยู่สองวันเลือดก็ยังไม่หยุด คราวนี้ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เลยตัดสินใจไปหาหมอ ก่อนหน้านี้อายครับไม่กล้าไปหาหมอ แต่ครั้งนี้เป็นไงเป็นกัน ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง วันที่ไปก็แจ้งตรงที่ลงทะเบียนแบบอายๆ ว่าน่าจะเป็นริดสีดวงมั๊งครับ (แต่เป็นชัวร์ๆ เลย 55) เขาก็ส่งไปแผนกศัลยกรรมทางเดินอาหาร แล้วคนที่รับเรื่องต่อก็บอกว่าวันนี้มีแพทย์ที่รักษาริดสีดวงโดยเฉพาะมาพอดีเลย (โชคดีมากๆ เลยเรา ^^) แต่ต้องรอแป๊บนึงเพราะคุณหมอจะมา 5 โมงเย็น ตอนนั้นประมาณ 16.45 น. ก็โอเคแป็บเดียวรอๆๆๆๆ

ก็รอจนคุณหมอมา พอเข้าห้องตรวจก็เล่าอาการให้คุณหมอฟัง แล้วคุณหมอก็บอกเอ้าขอดูหน่อย ก็ขึ้นเตียงแล้วผู้ช่วยก็เอาผ้ามาให้เราปิดท่อนล่างแล้วบอกให้ถอดกางเกงลงถึงเข่าแล้วงอขาสองข้างให้เกือบถึงหน้าอก ตอนนั้นไม่อายแล้วเหอๆ คุณหมอก็เริ่มเอานิ้วล้วงเข้าไปในทวารพร้อมเจลเย็นๆ น่าจะเป็นการหล่อลื่นก่อนที่จะเอาเครื่องมือใส่เข้าไปถ่างทวารเพื่อดูภายใน พอคุณหมอเห็นก็บอกว่าเป็นเยอะนะ แล้วก็มานั่งคุยกัน คุณหมอแนะนำวิธีรักษา 2 วิธีคือ

1. ผ่าตัด
2.รัดยาง (คือรัดไปตรงโคนของหัวแล้วเดี๋ยวหัวมันก็จะตาย-เน่า หลุดไปเอง)

ผมก็สอบถามถึงวิธีการผ่าตัดว่าเจ็บมากไหม ใช้เวลาฟื้นตัวนานไหม ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ คุณหมอก็บอกว่าผ่าตัดมีสองวิธีคือผ่าตัดวิธีเก่า กับใช้เครื่องมือแบบใหม่ (stapler) โดยการผ่าตัดแบบใหม่จะเจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า ค่าผ่าตัดแบบเก่าอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นบาท และถ้าใช้เครื่องมือแบบใหม่ก็เพิ่มค่าเครื่องมือ 2 หมื่นบาท เพราะเป็นเครื่องมือที่ซื้อจากต่างประเทศ ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

ก็ให้กลับไปคิดดูก่อนโดยจ่ายยาให้มารักษาอาการเลือดไหลก่อน โดยให้กิน daflon เหมือนเดิม แล้วก็ให้ยาเหน็บเพิ่ม และให้ยาระบาย (Milk of magnesia) แล้วอีก 1 สัปดาห์นัดมาดูอาการใหม่ ก็ทานยาอยู่ 2 วันเลือดก็หยุดไหล (เย่ ดีใจมาก)

ก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดริดสีดวงทวาร ก็เจอข้อมูลมากมายบางคนก็ว่าทำแล้วดีมาก บางคนก็ว่าทำแล้วมีผลข้างเคียงต่างๆ นาๆ อีกทั้งมีคนรอบๆ ข้าง บอกว่าให้ลองหา second opinion ว่าจำเป็นต้องผ่าตัดจริงๆ หรือไม่ ก็เลยโทรนัดกับคลีนิคพิเศษของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งเพื่อตรวจและรับการรักษา เผื่อว่าจะไม่ต้องผ่าตัดหรือถ้าผ่าตัดก็ผ่าตัดที่โรงพยาบาลรัฐน่าจะถูกกว่า จากที่สอบถามคือถ้าผ่าตัดแบบใช้ stapler ในโรงพยาบาลรัฐค่าใช้จ่ายประมาณ 3 หมื่นบาท ก็นัด 3 สัปดาห์กว่าจะได้คิวตรวจ

ระหว่างนั้นก็ถึงวันนัดหมอที่โรงพยาบาลเอกชนที่เดิมก็ไปตามนัด คุณหมอก็ดู ก็บอกว่าอาการดีขึ้น แต่ผ่าตัดก็ดีเพราะเป็นเยอะและอายุยังน้อย หรืออย่างน้อยก็ควรจะรัดยาง แต่ก็บอกคุณหมอไปว่าอยากจะไปผ่าที่โรงพยาบาลรัฐ เพราะค่าใช้จ่ายที่นี่ค่อนข้างสูง และวางแผนไว้ว่าจะผ่าตัดตอนเดือนสิงหาคมช่วงที่มีวันหยุดเยอะๆ จะได้ไม่ต้องลางานหลายวัน ยังสามารถรอคิวโรงพยาบาลรัฐได้ อาการยังไม่เร่งด่วน คุณหมอก็โอเค เอาตามที่เราสบายใจ คุณหมอก็จ่ายยาแล้วก็บอกว่างั้นลองไปปรึกษาโรงพยาบาลรัฐดูนะ งั้นหมอไม่นัดต่อนะ (คุณหมอน่ารักมาก)

พอถึงวันที่ได้คิวตรวจที่โรงพยาบาลก็ไปตามนัด คุณหมอก็ไม่สอบถามอะไรมาก เราก็เล่าว่าไปโรงพยาบาลเอกชนมา แล้วคุณหมอที่นั่นแนะนำให้ผ่าตัด คุณหมอก็ให้ขึ้นเตียงเพื่อดูของจริง 55 ก็ทำเหมือนเดิมคือถอดกางเกง แล้วคุณหมอก็เอานิ้วสอดเข้าไป แต่...คราวนี้ไม่มีเจลเย็นๆ เพื่อหล่อลื่น แล้วพอสอดเข้าไปก็กดๆ รอบๆ เจ็บเชียวเหอๆ แล้วคุณหมอก็ใช้เครื่องมือถ่างทวารออก คุณหมอก็บอกว่าอื่มผ่าตัดก็ดี แต่รัดยางไปก่อนแล้วกัน เจ็บตัวน้อยหน่อยแล้วจะได้ไม่ต้องหยุดงาน โดยที่ไม่ถามเลยว่าเราจะผ่าตัดหรือว่าจะรัดยาง คุณหมอก็จัดการรัดเสร็จแล้วบอกอ่ะเสร็จละ กลับบ้านได้ ถ้าปวดก็กินพาราเซตาม่อนนะ แล้วคุณหมอก็ไม่ได้จ่ายยาอะไรมาให้เลย แล้วอีก 1 เดือนค่อยมาดูอาการใหม่ (แล้วถ้าผมเป็นอะไรก่อนหน้านี้ล่ะจะทำยังไง)

ตอนที่รัดเสร็จใหม่ๆ ไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วมันก็รู้สึกเจ็บขึ้นเรื่อยๆๆๆๆ จนคืนนั้นไม่สามารถนอนหลับได้ เช้าวันรุ่งขึ้นก็เลยต้องลางาน คืนนั้นเจ็บมาก นอนไม่ได้ ก็มานั่งหาข้อมูลใหญ่เลยว่ารัดยางจะเจ็บไปนานแค่ไหน หัวจะหลุดไปเมื่อไร ก็พบว่าส่วนใหญ่จะหายเจ็บหลังจากรัดยาง 48 ชั่วโมง (ตายแล้ว 2 วัน เจ็บแบบนี้ 2 วันตายแน่ แต่ก็ทนต่อไปเพราะอยากหาย) เช้าวันนั้นก็ถ่ายท้องด้วยความเจ็บทรมานโดยมีก้อนยื่นออกมาตามปรกติ พอถ่ายเสร็จก็จะทำเหมือนเดิมคือเอามือดันกลับเข้าไป แต่...ตอนนี้เจ้าก่อนที่เคยยื่นออกมาเป็นก้อนนิ่มๆ ได้กลายเป็นก้อนแข็งๆ เกือบจะเอากลับเข้าไปไม่ได้ ตอนนั้นตกใจมาก ตายละถ้ามันอยู่แบบนี้แย่แน่ แทนที่บอกว่าไม่ต้องหยุดงานจะต้องหยุดจนมันหลุดไปแน่ๆ แล้วถ้ามันไม่หลุดล่ะจะทำยังไง ก็พยายามเอากลับเข้าไปจนสำเร็จ แล้วก็ก้มดูที่โถส้วมก็เห็นยางวงเล็กๆ ก็เลยรู้ว่ายางที่รัดมานั้นหลุดไปแล้ว แล้วอาการปวดก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ไม่ได้การแล้วต้องกลับไปหาหมอซะแล้ว เอายังไงล่ะ จะไปหาหมอที่รัดยางมาคงไม่ได้ โรงพยาบาลรัฐรอคิวนานเหลือเกิน วันนั้นก็เลยนอนรอเวลาที่หมอที่โรงพยาบาลเอกชนที่เคยไปหาจะลงตรวจ พอถึงเวลาก็รีบนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเลย เพราะกลัวรถติดอยากเจอหมอเร็วๆ พอได้เจอคุณหมอก็เล่าว่าไปโรงพยาบาลรัฐมาแล้ว แล้วก็โดนรัดยางมา เจ็บมาก แล้วยางก็หลุดไปแล้ว ตอนนี้ก้อนกลายเป็นก้อนแข็งๆ พอมันออกมาแล้วเอากลับเข้าไปลำบาก คุณหมอก็จะจ่ายยาให้กลับบ้านเพื่อลดอาการอักเสบ แต่ก่อนจะกลับคุณหมอบอกมาคำนึงว่าถ้ามันไม่ออกมาทุกครั้งที่อึก็ไม่เป็นไร ผมก็บอกไปว่าไม่มีทางที่มันจะไม่ออกมาเพราะปกติมันต้องออกมาทุกครั้ง ถ้างั้นผ่าตัดทิ้งเลยดีไหม คุณหมอก็บอกผ่าเลยก็ได้ไม่ต้องรอให้หายอักเสบ แต่ถ้าผ่าตอนอักเสบแบบนี้ต้องผ่าแบบเก่าที่จะเจ็บและฟื้นตัวช้ากว่า ณ ตอนนั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้วยังไงก็ต้องผ่า เพราะถ้าจะให้รัดยางต่อไม่ไหวแน่ๆ ก็ตอบตกลงว่าผ่าเลย คุณหมอก็ถามว่ากินอาหารเย็นมาหรือยังผมบอกยัง คุณหมอก็บอกพยาบาลว่าเดี๋ยวเอาไปให้ยานอนหลับให้ง่วงๆ นะ ผมก็เอ้ยผ่าตอนนี้เลยเหรอ นึกว่าจะผ่าวันรุ่งขึ้นอะไรแบบนั้น คุณหมอบอกผ่าเลย เอ้าผ่าก็ผ่าคืนนั้นก็นอนโรงพยาบาลเลย คุณหมอบอกว่านอนโรงพยาบาลคืนเดียว พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว

ผมได้อ่าน review ของหลายๆ คนเกี่ยวกับการผ่าตัดริดสีดวงทวารและสรุปขั้นตอนการผ่าได้คือ
1. สวนทวารเอาอุจาระออกให้หมด
2. บล๊อคหลังให้ท่อนล่างชา แพทย์จะได้ทำงานง่าย
3. ผ่าตัด
4. หลังผ่าตัดจะปัสสาวะเองไม่ได้ต้องโดนสวนปัสสาวะ (บางคนบอกทรมานมากกว่าตอนผ่าตัดอีก)
5. ต้องถ่ายเองได้ก่อนหมอจึงจะให้กลับบ้าน

แต่ของผมคุณหมอบอกว่าจะผ่าแบบใช้ยาชาเฉพาะจุด จะดีกว่า ผลข้างเคียงน้อย และค่าใช้จ่ายไม่เยอะ แต่ผมบอกคุณหมอว่าผมกลัวคุณหมอก็เลยจะให้ยาให้ง่วงๆ ก่อนที่จะผ่าตัด โดยการผ่าครั้งนี้ผมไม่โดนสวนทวาร ไม่ได้บล๊อคหลัง ไม่ได้สวนปัสสาวะ ผมว่าผมโชคดีมากๆ

หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่มารับตัวไปเพื่อไปห้องพัก แต่ก่อนไปห้องพักต้องไป x-ray ปอดก่อน พอถึงห้องพักก็เปลี่ยนชุด พยาบาลก็เอายานอนหลับมาให้กิน แล้วก็เจาะเลือดตรวจ HIV และให้น้ำเกลือ ตอนแรกคุณหมอบอกผมว่าผมเป็นคิวที่ 3 เพราะมีก่อนหน้าผม 2 คน (โอ้ว มีคนผ่าเยอะขนาดนี้เลย) แต่ไปๆ มาๆ คนก่อนหน้าผมต้องรอเครื่องมือ เลยเลื่อนผมมาผ่าก่อน พยาบาลก็บอกเดี๋ยวจะมารับตัวไปห้องผ่าตัดแล้วนะ เอ้ย...ผมยังไม่ง่วงเลย พยาบาลเลยจัดยานอนหลับแบบฉีดให้น่าจะฉีดไปครึ่งหลอด แล้วก็โดนเข็นไปห้องผ่าตัด ไปถึงห้องผ่าตัดยังไม่ง่วงเลย หรือตื่นเต้นก็ไม่รู้เลยไม่หลับ คุณหมอเลยบอกว่าฉีดยานอนหลับที่เหลือ แต่ก็ยังไม่ง่วง คราวนี้คุณหมอก็เริ่มฉีดยาชาเข้าไปที่ทวาร เจ็บจี๊ดแต่ทนได้ ตอนนั้นรู้สึกคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียน ไม่รู้เพราะยานอนหลับหรือยาชา คุณหมอก็ไล่ฉีดยาชาไปเรื่อยๆ น่าจะฉีดรอบทวารเลยอ่ะ แล้วคุณหมอก็เริ่มปฏิบัติการ ประมาณ 30 นาที ก็เสร็จ โดยรู้สึกตัวตลอดเวลา

เสร็จแล้วก็โดนเข็นกลับมาที่ห้องพักเหมือนเดิม พยาบาลบอกว่าคุณหมอยังไม่ให้ถ่ายนะคะ ถ้าจะถ่ายให้กดออดเรียกพยาบาล (บร้า ใครจะมีอารมณ์ถ่ายตอนนี้ -_-") ตอนนั้นไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะชาอยู่ แล้วก็เตรียมใจไว้ว่ายาชาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ทรมานมากแน่ๆ แล้วยานอนหลับคงเริ่มออกฤทธิ์หลับไปตอนไหนไม่รู้ แล้วก็พูดอะไรไปบ้างก่อนหลับก็ไม่รู้เพราะวันรุ่งขึ้นคุยกับแฟนแล้วแฟนบอกว่าเมื่อคืนก็พูดแบบนี้เลยจำไม่ได้เหรอ เหอๆ

คืนนั้นมีพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดันน่าจะทุก 2 ชั่วโมงได้ คงเป็นเพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จต้องเฝ้าระวังอาการติดเชื้อ รู้สึกตัวทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามา พอตี 5 ยาชาน่าจะหมดฤทธิ์ เริ่มมีอาการแสบ แต่ไม่ปวดนะ แค่แสบๆ พยาบาลก็มาฉีดยาแก้ปวดให้โดยที่ผมไม่ได้บอกนะว่าผมเริ่มเจ็บ น่าจะดูเวลาไว้แล้วว่ายาชาน่าจะหมดฤทธิ์ แล้วก็หลับต่อ พอตื่นมาอีกครั้งก็ไม่รู้สึกเจ็บหรือแสบเลย สบายมาก สบายกว่าตอนที่โดนรัดยางอีก แล้วอาการก็ทรงๆ แบบนั้นตลอดทั้งวัน

บ่ายๆ คุณหมอก็มาเยี่ยม บอกว่ากลับบ้านได้ แต่ผมขออยู่โรงพยาบาลต่อเพราะอยากถ่ายให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน กลัวกลับบ้านแล้วถ่ายไม่ได้ หรือถ่ายออกมาแล้วเลือดสาด เป็นลมตายในห้องน้ำเหอๆ

ก็นอนเล่นอยู่โรงพยาบาลต่ออีก 1 คืน คืนนี้ไม่มีพยาบาลเดินเข้าเดินออกแล้วคงเป็นเพราะไม่ต้องเฝ้าระว้งอะไรแล้ว ไล่กลับบ้านแล้วไม่กลับก็นอนเล่นไปละกัน แฟนบอกว่าคืนนี้เหมือนมานอนโรงแรม ก็นอนเล่นเน็ตไปเรื่อยๆ หาเรื่องคนที่ผ่าริดสีดวงอ่าน ก็ไปเจออยู่คนนึงบอกว่าผ่าด้วยวิธีเดียวกับผมคือไม่ได้บล๊อคหลัง เขาบอกว่าแต่ละวันที่ตื่นมาอาการเจ็บอย่างน่าประหลาดใจ โดยวันนั้นก็หาสารพัดผลไม้มากิน กินไปเยอะมากกะว่าพรุ่งนี้ต้องออกแน่ๆ 555 พอเช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาจริงๆ แห๊ะความเจ็บหายไปเยอะมากอย่างน่าประหลาดใจ วันนี้ต้องถ่ายให้ได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยปวดถ่ายเท่าไหร่ ก็อัดกินเข้าไปอีกทั้งน้ำผลไม้ น้ำเปล่าอีก 4 แก้ว สงสัยว่าจะกลัวจนหดไปหมด เสร็จแล้วก็เริ่มปวดนิดๆ ก็ไปนั่งถ่าย คุณหมอบอกว่าให้อย่าเบ่งเยอะ ให้เบ่งแค่ครึ่งนึงที่เคยเบ่ง (ใครมีมิเตอร์วัดแรงเบ่งบ้างขอหน่อย 555) ก็ไปนั่งอยู่พักนึงไม่กล้าเบ่ง ก็ไม่ออก เลยออกมาเดินวนๆๆ แล้วกินน้ำเข้าไปอีก แล้วกลับไปนั่งอีกรอบ คราวนี้ค่อยๆ เบ่งแบบน้อยๆ ตอนเบ่งก็รู้สึกว่ามีอะไรกำลังจะออกมา แต่ก็ลุ้นมากว่ามันจะผ่านอะไรออกมาบ้าง แล้วสิ่งที่ออกมาจะเป็นอะไร จะเป็น อึ,เลือด หรือ ริซซี่ แล้วจะเจ็บไหม ในที่สุดหัวขบวนก็ออกมาจนได้ หัวขบวนแข็งมาก เหอๆ เพราะเมื่อวานไม่ได้ถ่าย แล้วท้ายขบวนก็ตามมาก็ค่อยๆ นิ่มลงเรื่อยๆ จนออกมาพรวดเหมือนท้องเสียไหลโจ๊กเป็นน้ำเพราะกินน้ำเข้าไปเยอะ เข้าๆ ออกๆ ห้องน้ำอยู่ 4 รอบ พอถ่ายออกดีใจมาก พอพยาบาลเอายาหลังอาหารมาให้รีบบอกพยาบาลเลยว่ากลับบ้าน เหอๆ

ระหว่างนั้นก็รอลุ้นว่าค่ารักษาจะกี่บาท ค่ารักษาออกมาแค่เพียง 33,000 บาท เท่านั้น ถูกกว่าที่คิดเอาไว้มาก ^.^ ถ้านอนโรงพยาบาลคืนเดียวจะเหลือแค่ 29,000 บาท เอง

ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างพักฟื้น นอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่บ้าน เบื่อมากๆ เลยมาเล่าเรื่องให้คนอื่นอ่านเล่นๆ 555 คุณหมอบอกให้พัก 10 วัน ก็คือต้องลางานตลอดสัปดาห์นี้ ถามคุณหมอว่าถ้าไม่เจ็บไปทำงานได้ไหม คุณหมอบอกอย่าเลยพักเถอะ เดี๋ยวไปนั่งนานๆ เดินไปเดินมา จะเป็นอย่างอื่นไปอีก ตอนนี้อาการเจ็บเกือบจะไม่มีแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ ในก้น คงเป็นแผลนั่นแหละ แต่ตอนถ่ายจะรู้สึกสบายมากๆ เลยไม่มีอะไรมาขวางทาง 555

สุดท้ายนี้ถ้าท่านใดมีวิธีดูแลรักษาตัวหลังผ่าตัดแนะนำก็จะดีมากๆ เลยครับ :) และผมคิดว่าถ้าใครเป็นริดสีดวงแล้วมันออกมาทุกครั้งที่ถ่ายไม่ควรจะรักษาด้วยการรัดยางเพราะมันจะออกมาแล้วคุณจะเอากลับเข้าไปไม่ได้

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 16:59:11

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 55 16:45:36

จากคุณ : mrkimmy
เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 55 16:30:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com