ความคิดเห็นที่ 1 เ่ท่าที่อ่าน หมอใช้อารมณ์ในการพูดคุยครับ เป็นงั้นจริงๆ เพราะปกติคงอธิบายให้ว่า จะเอาประวัติอะไรที่จำเป็นเพื่อไปรักษาโรคอะไรต่อ คงอายุน้อย เลยคุมอารมณ์ไม่เป็น ก็หวังว่าจะคุมให้อยู่ ไม่ทำผิดพลาดกับคนไข้ผ่าตัด จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 13:26:57

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเจอหมอประจำผมที่ศิริราช รุ่นที่แกเขียนด้วยลายมือ สุดยอดลายมือ ประมาณว่าลูกศิษย์เรียกอาจาร์ยป๋า แกเขียนชนิดที่พยาบาลต้องเก๋าจริง ๆ ถีงจะอ่านออก วันใหนแกไม่มา หมออื่นงมลายมือนานเลย อ่านแล้วท่าจะหงุดหงิดอารมณ์ ผมเลยสรุปให้ฟังซะเลย เก๋า เหมือนกัน            สมัยก่อนต้องทำเรื่องทิ้งไว้ หมอจะกรอกให้ภายหลัง ก็ประมาณ 1 หน้ากระดาษนะแหละครับ ดีแล้วที่ได้เลย            ไปโรงพยาบาลรัฐอย่าเครียดครับ เตรียมรับมือกับเหตุการ์ณแบบนี้ไว้ล่วงหน้า คนไข้เยอะ หมอจะพิรี้พิไรไม่ได้ เดี๋ยวตรวจไม่หมด บางคนหมอไม่คุยก็อย่าไปว่า เพราะคนไข้แบบเนี่ย วันนีงเจอเป็นสิบ อาจจะอธิบายแบบเนี่ยมาเก้ารอบแล้วก็ได้ เอาเนื้อ ๆ พอ สาระทุกข์สุขดิบ ไม่ต้อง ....             เคยเจอ หมออายุรกรรม ศิริราช ท่านหนี่ง เจอแล้วที่งมาก ตรวจได้ทน คนไข้เป็นร้อย ไม่รีบไม่เร่ง อธิบายได้นาน ๆ ตรวจจนดึกดื่น  แถมธรรมะให้อีกถ้ายังปลงไม่ได้ คือแกมักจะเจอคนแก่ประจำนะแหละ รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้มั่ง ตามประสา ยังตรวจทนไม่รวบรัด นี่สุดยอดจริง ๆ             มองไปข้าง ๆ เจอหมอรังสี กะลังโวยวาย ว่าคนไข้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือไง ? เป็นมะเร็ง ก็ต้องฉายรังสี ? ...... เป็นมะเร็งเนี่ยก็แย่แล้วโดนด่าอีก           ทำใจ ครับ คนเรารับมือกับความเครียดได้ไม่เท่ากัน จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 13:59:56

ความคิดเห็นที่ 3 น่าจะเป็นแพทย์ประจำบ้านครับ คงเป็นหมอเด็กที่สุดที่ตรวจตอนนั้น ส่วนตัวผมเห็นใจทั้งสองฝ่ายนะ เห็นใจจขกท.มาขอประวัติ แต่ถูกเหวี่ยงใส่ (ฟังดูก็ไม่ได้ถึงกับพูดไม่เพราะ แต่คงคล้ายๆโดนเหวี่ยง พูดกับจขกท.เร็วๆรีบๆห้วนๆ สีหน้าหงุดหงิด รีบๆเขียนๆให้คล้ายลวกๆ) เห็นใจหมอ เพราะ 1.ไม่ใช่หน้าที่ (เป็นหน้าที่แพทย์เจ้าของไข้ซึ่งไม่อยู่) 2.งานรออีกเพียบ(คนไข้อื่นรอตรวจอีกเยอะ) 3.อ่านไม่ออก (ลายมือแพทย์คนอื่น แพทย์อีกท่านอ่านไม่ออกครับ ของพระมงกุฎน่าจะใช้ระบบสแกนลงคอม) 4.ปัญหาอื่น เช่นเมื่อเช้าพึ่งโดนอาจารย์อัด หมอเค้าอาจคิดว่าเค้าไม่ได้พูดไม่สุภาพ และก็เขียนให้จขกท.(ช่วยเหลือแล้ว) ส่วนจขกท..ก็ไม่คิดว่าจะโดนเหวี่ยงใส่ เลยเสียใจ ย้ำอีกครั้ง เห็นใจทั้งสองฝ่ายนะครับ แต่ขอให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีของแพทย์ เพราะใกล้เคียงกับตัวเอง ผมก็เป็นคนนึงครับที่ถ้าปริมาณคนไข้รอตรวจเยอะ จะหลุด ยิ่งสมัยเด็กๆจะหลุดเยอะ พอโตขึ้นควบคุมอารมณ์เก่งขึ้น เข้าใจอะไรมากขึ้น ก็จะหลุดน้อยลง ผมยึดหลักว่าการอธิบายให้ความรู้คนไข้ ให้เค้าปฏิบัตตัวอย่างถูกต้อง สำคัญกว่าการทานยาครับ ถ้าคนไข้น้อย เราก็จะอธิบายคนไข้ได้ครอบคลุม ไม่ต้องรีบ ใจเย็นๆ พูดไปเรื่อยๆ คนไข้สงสัยก็ถามได้ (ให้นึกถึงบรรยากาศรพ.เอกชน) แต่ถ้าคนไข้เยอะ (นึกถึงบรรยากาศรพ.รัฐนะครับ) ถ้าผมต้องพูดเยอะเหมือนเดิม ผมก็ต้องพูดด้วยความเร็วและห้วนครับ ยิ่งบรรยากาศ OPD เอะอะอยู่ด้วย ผมก็ต้องเสียงดัง กลัวคนไข้ไม่ได้ยิน แต่คนไข้ที่เซ็นซิทีฟก็จะคิดว่าผมดุ ไม่พอใจ ทั้งๆที่เราก็หวังดีอยากให้หาย จริงๆวิธีแก้ง่ายมากครับ ถ้าคนไข้เยอะ มาถึงถามประวัติ จ่ายยา ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ต้องเมื่อยปาก ไม่ต้องเครียด พูดมากยิ่งทำให้เถียงกันเปล่าๆ ยิ่งผู้สูงอายุที่เค้ามีความเชื่อของเค้าอยู่แล้วนี่ คุยกันเหมือนเถียงกันเลย เดี๋ยวโดนหาว่าไม่มีจรรยาบรรณ เถียงผู้ใหญ่ได้ไง? หลังๆก็ใช้วิธีนี้ครับ ขี้เกียจพูดเยอะเพราะบางครั้งพูดไปก็จำไม่ได้ พูดไปก็ไม่ฟัง พูดไปก็ไม่ทำตาม อย่างเรื่องบุหรี่นี่ หลังๆผมจะมีสัญลักษณ์ของผมเองเลยครับ ว่าคนนี้ผมเคยอธิบายแล้ว ถ้ายังไม่เลิกก็ไม่พูดซ้ำแล้ว ใช้วิธีนี้ บรรยากาศการตรวจก็ดีขึ้นนะครับ แต่ใครเสียประโยชน์? บางครั้ง(ส่วนมาก) ก็อดไม่ได้อยู่ดี ก็ต้องพูด เพราะยังไงเป็นหมอ ก็อยากรักษาให้คนไข้หายอยู่แล้วครับ เรื่องที่เล่าคงไม่เกี่ยวกับกรณีจขกท.เท่าไหร่ ก็ถือว่าฟังผมระบายบ้างแล้วกัน ^^ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:05:58

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ามาขอเรา เราจะพิมพ์ให้เมื่อทำงานเสร็จแล้ว และส่งให้ทางไปรษณีย์อย่างเร็วที่สุด ถ้ามีอีเมลจะส่งทางอีเมล ส่วนผลแลบและผลการตรวจอื่นๆ จะให้ จนท ซีร็อดให้ การเขียนสรุปประวัติ ต้องการเวลาและสมาธินะไม่ใช่ง่ายๆ หมอเขาใจดีนะอุตส่าห์เขียนให้ตอนนั้น ปัญหาคืิอจะอ่านออกไหมล่ะนั่นรีบขนาดนั้น จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:34:40 A:110.171.23.42 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 5 win win communication is a must in every conversation. จากคุณ : nordcapp เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:47:43

ความคิดเห็นที่ 6 ในฐานะแพทย์ที่จบมานานระดับนึง ผมว่าหมอเด็กคนนั้นไม่ถูกหรอกครับที่ใช้อารมณ์กับคนไข้ถึงงานคุณจะเยอะถ้าไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ก็ไม่ได้ครับ เรื่องนี้ผมถือ ไม่ว่า รพ รัฐ หรือเอกชน ผู้มารับบริการต้องมาก่อนครับ ปล ผมก็อยู่รพ รัฐครับ จากคุณ : jaotee (jaotee) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:58:27

ความคิดเห็นที่ 7 หมอเด็ก ขาดประสบการณ์ จากคุณ : amited เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 15:27:47

ความคิดเห็นที่ 8 แม่เราก็ไปหาที่พระมงกุฎ เป็นประจำ  เพราะไปผ่าตัดสมองที่นั้นมาค่ะ คุณหมอที่ผ่าตัดให้ย้ายไปรพ.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนแรกไปถามหาคุณหมอเพระนัดไว้ แต่พยาบาลกลับบอกว่า ย้ายไปแล้วให้ตามไปตรวจ..เราก็อ้าว แล้วก็จะไปตรวจมัย ก็มานี้แล้วนิ ลางานมาเหมือนกัน เลยได้ตรวจกับหมอท่านอื่นแทน..(หงุดหงิดคำตอบพยาบาล) แต่พระมงกุฎถ้าเป็นอายุรกรรม ไปทีไรส่วนใหญ่เจอแต่หมอเด็ก แต่ก็พูดจาดีตลอดนะค่ะ..น้อยนักที่พูดไม่ดี จากคุณ : ย่าหยาริมรั้ว เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 15:44:51

ความคิดเห็นที่ 9 ประวัติอาจจะยาว....มาก  ถ้าจะสรุปอาจจะใช้เวลานาน เดี๋ยวนี้ส่วนมากจะให้ไปถ่ายเอกสารไปทั้งปึกเลย แต่ถ้าอยู่ในคอมพ์นี้ไม่รู้ว่าให้เป็นไฟล์ไปได้ไหม หมอเขาอาจไม่ได้กวน แต่คิดว่าคุณกวนก็ได้ บางทีของมันเยอะเขาก็ไม่อยากสรุปให้ทั้งหมดเพราะเสียเวลามาก   คิดดูดีๆ เขาถามว่าจะใช้ประวัติส่วนไหน หรือจะเอารูป แล้วคุณตอบเขาหรือเปล่า ตอบว่าอะไร        แต่ลงท้ายเขาก็เขียนให้คุณภายในวันนั้นใช่ไหม จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 15:49:03

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ ได้อ่านแล้วก็สบายใจขึ้นค่ะ สำหรับความเห็นที่ 9 ดิฉันจะกวนคุณหมอเพื่อนไรคะ ดิฉันต้องการความช่วยเหลือนะคะ แล้วคิดว่าดิฉันจะทราบมั้ยคะว่าควรจะต้องใช้ส่วนไหน เพราะก็เพิ่งเห็นประวัติของคุณแม่จากในคอมพร้อมคุณหมอเหมือนกันค่ะ แปลกดีค่ะ ที่คิดว่าดิฉันจะพูดจากวนกับคุณหมอ ไม่เป็นไรค่ะ ต่างคนต่างความคิดแต่อย่างน้อยความคิดเห็นส่วนมาก ก็ทำให้รู้สึกดีค่ะและเข้าใจอะไรมากขึ้นค่ะ ยังไงก็ขอบคุณทุกความคิดเห็นละกันนะคะ ดิฉันก็แค่อยากระบายน่ะ่ค่ะ ไม่ได้ใช้อารมณ์ เพราะคิดว่ามันจบตรงนั้นแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าสรุปประวัติการรักษาของคุณแม่ที่คุณหมอเขียนให้จะใช้ได้หรือเปล่าค่ะ ก็เข้าใจนะคะว่าคุณหมอไม่ได้เป็นเจ้าของไข้ แต่จะให้ดิฉันทำอย่างไรล่ะค่ะ ก็น่าจะมีทางออกให้ด้วยถ้าคุณหมอไม่สามารถสรุปได้อาจจะบอกว่ารบกวนให้มาใหม่พบกับคุณหมอเฉพาะทางเพื่อจะได้สรุปได้ดีกว่า อย่างนั้น ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทั้งสองฝ่ายนะคะ เพราะตอนนั้น ถึงแม้ดิฉันจะโกรธก็ต้องควบคุมสติและอารมณ์ให้ได้ค่ะ เพราะทราบว่าถ้าใช้อารมณ์ตอนนั้นไปสิ่งที่ตามมานอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังอาจจะมีผลเสียตามมาก็ได้ค่ะ ก็ได้แต่เงียบและพูดให้ดีที่สุดค่ะ คนที่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนั้นถึงจะเข้าใจค่ะ เขาเรียกว่า ปัตจัตตัง น่ะค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:42:52

ความคิดเห็นที่ 11 ลืมบอกว่าประัวัติของคุณแม่สั้นมากค่ะ ไปแค่ขยายหลอดอาหารและ ไปตรวจอีกไม่กี่ครั้งทั้งนั้นค่ะเพราะเป็นคนไข้ประกันสังคมที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่นค่ะ คุณหมอก็บอกว่าสั้นมากและ ก็คุณหมอยังบอกว่าที่เขียนไปก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้เท่าไร ประัวัติก็ไม่รู้ถูกทำลายหรือยังและ สรุปว่าสิ่งที่ให้มาก็ไม่ทราบว่าจะใช้ได้หรือเปล่า เอาเป็นว่าดิฉันก็บอกว่าไม่เป็นไรค่้ะ ได้เท่าไรก็เท่านั้นค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:49:35

ความคิดเห็นที่ 12 ทำไมไม่ไปหาเคาเตอร์แผนกแฟ้มประวัติคนไข้คะ คุณไปถามผิดที่ รพ.ที่ไหนๆเขาก้อต้องมีประวัติคนไข้แยกเป็นแผนกเลย ที่เดียวกับแผนกเคลมประกันน่ะ.. จากคุณ : bitter sugar เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 17:24:15

ความคิดเห็นที่ 13 คห 9 แล้วคิดไหมว่า ญาติคนไข้จะรู้ไหมว่าต้องใช้ประวัติส่วนไหน เพื่อเอาไปให้หมอที่จะรักษาต่อ ญาติย่อมหวังว่า หมอด้วยกัน น่าจะรู้ว่า ควรต้องสรุปส่วนไหนไปให้ เพื่อการรักษาต่อเนื่อง ขืนญาติไปบอกนั่นๆนี่ๆ มีหวังถูกดีดออกมาไม่ทัน จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 19:22:24

ความคิดเห็นที่ 14 เจอเหมือนกันค่ะ แต่คนละที่กัน เราขอประวัติการรักษาของแม่เรากับหมอประจำตัวเลย คุณหมอก็ถามว่าเอาอะไรบ้าง เราตอบว่ามีอะไรเอาหมดค่ะ รวมถึงฟิล์มเอกซเรย์ด้วย ก็รอนานเหมือนกัน หลายชม.เลย เค้า write CD มาให้เลย เป็น รพ.เอกชนค่ะ เราก็ไม่รู้ว่าต้องใช้ไรบ้าง เอาหมดไว้ก่อนค่ะ ขอให้คุณแม่หายไวๆนะคะ กรดไหลย้อนถ้าเอาหมอนรองเวลานอนให้ตัวสูงขึ้นไม่ได้นอนราบไปเลย ไม่รู้จะช่วยได้บ้างรึเปล่านะคะ จากคุณ : ginjung เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 19:41:25

ความคิดเห็นที่ 15 อยู่ดีดีก็หูอื้อ ไม่ค่อยได้ยิน ไปหาหมอ นั่งรออยู่นานพอควร พยาบาลเรียกเข้าไปหาหมอ หมอหนุ่มๆ เอาผ้าปิดปากจมุกไว้ นั่งอยู่หน้าคอม ถามว่า เป็นอะไรมา ได้ยินแว่วๆ ก็ตอบไปว่าหูอื้อ หมอเข้ามาใกล้ๆ  เอาอะไรมาส่องที่หู... ถาม-เอาอะไรไปแคะหรือเปล่า  น้ำเข้าหรือเปล่า ไม่ค่อยได้ยินเพราะหูอื้อ เลยร้องว่า หา อะไรนะครับ หมอถามด้วยเสียงดังด้วยคำถามเก่า ตอบ-น้ำไม่เข้า แต่มันคันเลยเอาคัตต้อนบัดยอนหูไปครั้งหนึ่ง หมอพูด-อะไรสักอย่าง ดูปากก็ไม่เห็นเพราะผ้าปิดอยู่ ถาม-อะไรนะครับไม่ได้ยิน หมอดึงผ้าออกมาไว้ที่คอแล้วตะคอกดังๆว่า... ไม่มีหมอคนไหนแนะนำให้เอาอะไรยอนหู อ้อ...เริ่มเคืองแล้ว หมอ-ดึงผ้าไปปิดปากอย่างเก่าแล้วพูดอะไรไม่รู้ไม่รู้เรื่องอีก ถาม-หา พร้อมเอียงหูเข้าไปใกล้ๆ หมอ-เคยแพ้ยาอะไรหรือเปล่า ตอบ ไม่เคยครับ หมอกดคอมอยู่สักพัก ก็พูดอะไรที่ไม่รู้เรื่องอีกเพราะไม่ได้ยินเพราะหูเราอื้อ ถาม-อะไรนะหมอ หมอ-เสร็จแล้วไปรับยาได้ ถาม-ที่ไหนครับ (เพราะไม่เคยมาที่นี่) หมอ ก็ที่เขารับกันนั่นแหละ (หน้าเป็น สต. เลย) ผมลุกขึ่นแล้วพูดกับหมอว่า นี่ไอ้หนู ถ้าเอ็งไม่อยากเป็นหมอก้ไปหาอาชีพอื่นทำดีกว่า อย่ามาเป็นหมอแล้วทำกับคนไข้แบบนี้เลย มรึงก็รู้ว่ากรูมาหามรึงเพราะหูกูไม่ได้ยิน แล้วมรึงมาทำกับกรูแบบนี้ มรึงไม่ควรเป็นหมอ ชีวิตกรูไม่เคยกระทืบหมอเลย วันนี้อาจได้มีเรื่องแบบนี้ ขอให้มรึงเจริญนะ แล้วก็ออกไปถามพยาบาลว่ารับยาที่ไหน นั่งสงบใจจนได้ยาแล้วก็กลับบ้าน จากคุณ : เอางี้แหละ (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:35:37

ความคิดเห็นที่ 16 'หมอดึงผ้าออกมาไว้ที่คอแล้วตะคอกดังๆว่า... ไม่มีหมอคนไหนแนะนำให้เอาอะไรยอนหู อ้อ...เริ่มเคืองแล้ว' อ้าว  ตาหมอนั่นพูดเบาลุงก็ไม่ได้ยิน    พอตะโกนให้ได้ยินก็ไม่พอใจอีก     ตกลงยังไงกันแน่ จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 00:34:01

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบจขกท.    เรื่องอากัปกิริยาของหมอคนนั้นผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์    ขอไม่ออกความเห็นนะครับ แค่อยากบอกว่า    ถ้าใครให้ผมมาสรุปประวัติการรักษาของหมอคนอื่น   ผมก็ไม่อยากทำครับ (เสียอารมณ์ด้วย)        ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่ปฏิเสธได้ ผมจะไม่สรุปให้ เพราะการแกะลายมือหมอคนอื่น  ดูประวัติการรักษาของคนอื่นย้อนหลังเป็นอะไรที่สาหัสมาก          หมอคนนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะยังอยู่ในสถานะที่ปฏิเสธไม่ได้และคงอายุยังน้อย  ก็เลยหงุดหงิด  ยังควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ ตอนผมหนุ่มๆก็เป็นแบบนี้   เดี๋ยวนี้แก่แล้วก็ใจเย็นขึ้น        คนไข้อยากได้อะไรโดยมากก็ให้ๆไป         เว้นแต่เจอคนกวนตรีนจริงๆถึงจะอัดกลับบ้าง วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละ   ไม่งั้นคงไม่ตายก่อนวัยอันควรเยอะแยะอย่างทุกวันนี้หรอก จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 00:44:34

ความคิดเห็นที่ 18 รพ.รัฐก็งี้ป่ะคะ ต้องทำใจ เราไม่ใช้บริการรพ.รัฐเลย เคยไปสองสามครั้งเพราะจำเป็น รอนานมากกกกกกและสกปรกด้วย แอบสยอง เรายอมจ่ายแพงกว่าแต่ได้ความสบายใจดีกว่า หมอรพ.เอกชน เค้าก็มาจาก รพ.รัฐเหมือนกันนะ เราก็เลือกหมอเก่งๆเอา เราไม่เคยหาหมอเด็กเลยอ่ะค่ะ เลือกแต่หมอที่มีประสบการณ์เยอะ ขอให้แม่จขกท.อาการดีขึ้นๆนะคะ จากคุณ : Felizabelle เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 03:05:10

ความคิดเห็นที่ 19 คห.15 ที่หมอตอบว่า "ที่ที่เขารับกัน" อาจเป็นเพราะ หมอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารับยากันที่ไหน เพราะหมอก็มาตรวจอย่างเดียว อย่างอื่นไปถามพยาบาลหน้าห้อง (ประมาณนี้นะ เคยอ่านในพ็อคเก็ตบุคของหมอที่เค้าออกมาเขียนกันอ่ะ) แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 55 03:16:07 จากคุณ : me (PeNQuiNSoCute) เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 03:15:29

ความคิดเห็นที่ 20 #15 ผมคิดว่าคุณมีอคติกับหมอเขาตั้งแต่เริ่มตรวจแล้วมั้งครับ และผมก็ไม่คิดว่าที่หมอเขาทำถูกทั้งหมดหรอก แต่การที่เขาตะโกนเพราะอยากให้คุณได้ยิน ส่วนเรื่องทำหน้านี่ไม่commentแล้วกัน ปล. คนไข้เดี๋ยวนี้ชักจะเข้าใกล้พระเจ้าเข้าทุกวัน  จะแนะนำที่ถูกต้องก็หาว่าชอบบ่น/ด่า รักษาไม่หายเพราะไม่ทำตามก็บอกว่าไม่เก่ง/ทำไมไหมหาย ปล2 . โดยเฉพาะพวกที่มาหาหมอด้วยเรื่องเดิมๆ ยิ่งชอบทำตัวรู้ดี อยากได้โน่น/อยากได้นี่ ทำไมไม่รักษาอย่างเดิมล่ะ ฯลฯ  (อยากจะบอกว่า เพราะไอ้ที่คุณคนไข้รู้มานั่นล่ะที่มักจะทำให้มันไม่หายสักที) จากคุณ : Toukung เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 17:51:04

ความคิดเห็นที่ 21 เราว่า จขกท เองก็ดราม่าไม่ใช่น้อยนะเนี่ย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ทำเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ การที่หมอบอกคุณไม่ได้ว่าคุณจะได้แฟ้มเมื่อไหร่ มันก็ปกติดีนะ เพราะว่าหมอไม่ใช่คนที่จะไปนั่งหาไฟล์ให้คุณเอง เกิดหมอบอกว่าอีกสองชั่วโมงได้ แต่คนที่ต้องทำไฟล์ให้ทำไม่มันเพราะยังไม่ถึงคิวที่จะทำ หมอจะโดนคุณเอามาว่าอีกหรือเปล่า งานนี้หมอซวยมาก โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ! จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 05:44:46

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยค่ะ อ่านแล้วก็ขำดีค่ะเห็นคนหลายรูปแบบจากตัวหนังสือนี่ล่ะค่ะขอบคุณสำหรับผู้ที่เข้าใจและเห็นด้วยก็ละกันค่ะ สำหรับผู้ที่คัดค้านหรือไม่เห็นด้วยก็ขอให้เจอกับตัวเองละกันนะคะ..โอมเีพี้ยง...จะได้รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ใหญ่หรือไร้สาระขนาดไหน หรือดราม่าเกินไปหรือเปล่าก็ขอให้ได้เจอเข้ากับตัวเองซักวันละกันนะคะจะได้เข้าใจค่ะ ขอตอบข้อ 12 หน่อยนะคะ ถามแล้วนะคะทางโรงพยาบาลบอกว่าต้องทำตามขั้นตอนนี้ล่ะค่ะต้องไปเหมือนผู้ป่วยแล้วก็ให้หมอเป็นผู้สรุปและอนุญาตให้ถ่ายเอกสารประัวัติมาค่ะ ส่วนความคิดเห็นที่ 13 ก็พูดได้ตรงใจกับความคิดของดิฉันมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ส่วนอื่นๆ ก็ ได้เห็นอารมณ์คนเขียนที่แตกต่างกันออกไปก็ดีค่ะ มันบอกได้ว่าคนเราคิดแตกต่างกันนะคะ ก็ต้องเจอกับตัวเองเ่ท่านั้นค่ะถึงจะเข้าใจนะคะ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่มาช่วยกันออกความเห็นค่ะ ดิฉันไม่ได้คาดหวังว่าให้หมอปฏิบัติกับเราดีที่สุดหรือหมอจะต้องปฏิบัติกับเราเหมือน รพ เอกชนนะคะ แต่แค่ต้องการให้มีจิตใต้สำนึกของความเป็นแพทย์ซึ่งรู้อะไรมากกว่าประชาชนคนทั่วไป การที่เราเดินเข้าไปพบแพทย์ เราให้เกียติเพราะท่านเป็นผู้มีเกียรติ ถึงแม้ท่านจะอายุน้อยกว่าเราแต่เราก็ยังต้องยกมือไหว้เพราะเราให้เกียรติในความเป็นหมอน่ะค่ะ คนที่ไปหาหมอที่ รพ รัฐบาลก็ต้องทราบในข้อนี้ดีต้องมีความอดทนตั้งแต่การไปรับบัตรคิว จนกระทั่งพบหมอ เรื่องอื่นๆ อาจจะพอเข้าใจได้เพราะมีคนจำนวนมากต้องไปรพ รัฐ เพราะเรื่องราคา ดิฉันก็แค่อยากให้คุณหมออย่าดูถูกคนไข้เท่านั้นล่ะค่ะ ถ้าคุณหมอคิดเสมอว่าคนที่มารับการรักษาทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันเป็นคนชนชั้นเดียวกัน ไม่แบ่งชนชั้นน่ะคะ ก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ แต่คงเป็นไปไม่ได้มั้งคะพูดไปพูดมาชักแยะ แค่นี้ละกันนะคะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 13:46:25

ความคิดเห็นที่ 23 เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะครับ ญาติคนไข้ก็ต้องการข้อมูล แต่ไม่รู้ว่าจะเอาตรงไหนบ้าง หวังว่าคุณหมอน่าจะดูให้ได้ ไม่รีบ แต่อยากรู้ว่าใช้เวลาประมาณไหน ส่วนหมอ น่าจะเป็น แพทย์ประจำบ้าน ก็อยากตรวจเร็วๆ เพราะคนไข้เยอะ ถ้าตรวจหมดช้า อาจจะไปดูคนไข้ในตึกช้า และช้าไปเป็นทอดๆๆๆ อีกทั้ง ยังมีเรื่องต่างๆ ให้คิดอีก ทั้งเรื่องเคสในตึก เรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย การบ้าน อ่านหนังสือ หรือโดนอาจารย์หมออัดมา อยู่เวรเหนื่อย นอนน้อย อารมณ์กำลังไม่ดี และอาจจะคิดว่า ขอประวัติ ไม่ใช่หน้าที่ ยิ่งเป็นเคสเก่าของหมอท่านอื่นด้วย อาจจะมีความคิดที่ว่า ไม่อยากทำ จนลืมตัว เก็บอารมณ์ไม่อยู่ แต่ยังไง ก็อยากให้คุณหมอ พยายามฝึกตัวเองให้คิดว่า ทุกคนเดือดร้อน ถึงเข้ามาขอความช่วยเหลือ และคิดด้วยว่า ถ้าเป็นญาติเราไปหาหมอ แล้วเจอแบบนี้ จะรู้สึกอย่างไร ก็เป็นกำลังใจให้ทั้งสองฝ่ายครับ เมื่อก่อนผมเองก็เคยมี วินาทีที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ จากเหตุผลข้างบน แต่พอได้สติก็จะมานึกเสียใจทีหลัง ผมว่าหมอแทบทุกคนต้องมีช่วงเวลานี้ครับ อยู่ที่ว่าใครจะสามารถนำมาคิดปรับปรุงตัวเองได้หรือไม่ จากคุณ : zurato เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 17:53:47

ความคิดเห็นที่ 24 ขอถามคุณหมอทั้งหลายในนี้หน่อยเถอะค่ะ ว่า ถ้าเกิดเหตุการ์ณแบบ จขกท. คือหมอเจ้าของไข้ ไม่อยู่หรือย้ายไปแล้ว และเราต้องการประวัติการรักษา เราจะต้องทำไงเหรอคะ เพราะเห็นคุณหมอมาตอบว่า ถ้าไม่ใช่เจ้าของไข้ ก็ไม่อยากทำให้ แล้วอย่างนี้ ญาติคนไข้ ต้องทำไงเหรอค่ะ ต้องปฎิบัติยังไง ต้องไปขอประวัติกับใคร หรือต้องพูดยังไง พวกคุณหมอทั้งหลาย ถึงจะ ไม่อารมณ์เสียกัน เพื่อที่ญาติจะได้นำประวัติการรักษา ไปรักษาอย่างต่อเนือง ไม่ต้องมาเริ่มกันใหม่ อยากรู้จริง ๆ นะคะ ไม่ได้กวน  เพราะดิฉันก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่สามารถรู้ความคิดของคุณหมอได้หรอกค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : cocktal_19 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 21:52:01

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบจขกท.    เป็นผมก็อยากให้ผู้ป่วยหรือญาติไปขอแฟ้มประวัติการรักษาจากเวชระเบียน   แล้วขอถ่ายเอกสารทั้งหมดไปเลย        ไม่ต้องให้หมอคนอื่นมาสรุปประวัติการรักษาของคนอื่น       ถ้าเป็นไฟล์ในคอมพ์ก็ cop. ไปเลยไม่ต้องผ่านหมอหรือมาขอใบเซนต์อนุญาตจากหมอ    ถ้าต้องเซ็นต์จริงควรให้ฝ่ายบริหารเป็นคนเซ็นต์        ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เอาเผือกร้อนมาโยนลงที่หมอฝ่ายบริการ ทีนี้แต่ละโรงพยาบาลก็ไม่รู้ว่ามีขั้นตอนหรือระเบียบอะไรหรือเปล่า      ส่วนมากก็ชอบโยนมาให้หมอสรุป        แทนที่หมอจะได้เอาเวลาไปตรวจคนไข้ที่อยู่ตรงหน้า            เวลาสรุปเคสพวกนี้นะ   เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง    แต่อาจถูกด่าจากรพ.ปลายทาง  ว่าสรุปอะไรมาไม่รู้เรื่อง   แถมบางที่ยังฝากคนไข้ด่ากลับมาที่รพ.ต้นทางอีก จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 07:57:38

ความคิดเห็นที่ 26 ได้อ่านแต่ละความเห็นก็พอจะเดาได้ว่าคนไหนเป็นหมอคนไหนเป็นประชาชนแบบเรานะคะ ดีค่ะสนุกดีได้เห็นความในใจหมอจริงๆ (เดาเอา) เพราะตรงนี้มันเหมือนที่ระบายความคิดของหมอหรือนิสัยของหมอบางท่านที่รู้สึกยังไงกับการที่ต้องมาเขียนหรือทำอะไรที่ไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวท่านเองตั้งแต่เริ่มต้น ดูแล้ว(อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวแบบเปิดหมือนกันนะคะ) ก็คิดว่าถ้าหมอทุกคนคิดแบบนี้ เฮ้อ... ประชาชนที่ไปหาก็แย่น่ะ ถ้าหมอเจ้าของไข้ไม่อยู่ หรือว่า มีอะไรที่ทำให้เราไม่สามารถไปพบหมอเจ้าของไข้ท่านนั้นได้ แล้วเราจะต้องทำอย่างไร ฟังแล้วเหมือนกับหมอวิ่งหนีความรับผิดชอบน่ะค่ะ กลัวจะกลายเป็นเผือกร้อน หรือกลัวจะโดนด่าจากหมอปลายทาง ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่า หมอถูกสอนมาอย่างไรบ้าง คำจำกัดความของ หมอ หมายถึงอะไรบ้าง ในความคิดของดิฉันหมอเป็นผู้ช่วยชีวิตของคน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นอะไรมาจากที่ไหนหมอก็ต้องหาสาเหตุและพยายามรักษาคนไข้อย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่การพยายามหาเหตุผลเพื่อนปัดความรับผิดชอบ แทนที่จะหาเหตุผล ว่า ทำไม อะไร ยังไง หรือใคร เพราะทุกสิ่งมันผ่านไปแล้วสู้ทำเรื่องตรงหน้าที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ให้ดีที่สุดคือพยายามรักษาคนไข้ตรงหน้าให้ดีที่สุดด้วยวิชาความรู้ที่มีอยู่ เืพื่อจะได้ไม่เกิดผลเสียในภายภาคหน้าค่ะ เหมือนที่ในทางธรรมเขาบอกไว้ไงคะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะแล้ววันหน้าก็จะดีเองค่ะ แต่ถ้าเรามัวแต่กังวลว่า ทางธรรมเขาว่า คนที่สำคัญที่สุดณ เวลาปัจจุบัน คือคนที่อยู่ตรงหน้าเราค่ะ อันนี้พูดรวม ๆ นะคะ ในเคสของดิฉันไม่ได้ขอให้รักษาต่อ แต่แค่ขอข้อมูลในการส่งต่อไปรักษาที่อื่น ซึ่งถ้าตัวเองเป็นหมอก็คงจะพยายามให้ข้อมูลที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับหมอที่จะรักษาต่อ สุดท้ายก็คือหมอทำเพื่อประโยช์สูงสุดของคนไข้ เท่านั้นค่ะ ส่วนเรื่องขอถ่ายเอกสารจากฝ่ายบริหารเลย ทำไม่ได้ค่ะเพราะได้สอบถามไปแล้วค่ะว่าต้องให้คุณหมอสรุป ค่ะแล้วหมอจะต้องเป็นผู้อนุญาตจึงจะมาขอประวัติที่ฝ่ายทะเบียนได้ค่ะ ซึ่ดิฉันก็ว่ามันถูกต้องแล้ว เพื่อการไปรักษาต่อจะได้ง่ายขึ้น ยังไงก็ขอบอกว่าเข้าใจ คุณหมอนะคะ แต่อยากให้คุณหมอคิดซักนิดนะคะว่าประชาชนที่ไปหาคือต้องการความช่วยเหลือและเห็นคุณหมอเป็นผู้ช่วยชีวิตนะคะ ถ้าคุณหมอจะมีจิตไต้สำนึกของการช่วยเหลือผู้คนและช่วยเหลือด้วยความเมตรา ดิฉันเชื่อค่ะว่าคุณจะเป็นคุณหมอทีดี ไม่มีใครมาว่าได้หรือไม่มีใครมาประนามว่าไ่มรับผิดชอบได้ค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 11:38:43

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ อ่านให้หมดด้วยครับ   ไม่ใช่แค่เผือกร้อนหรือโดนตำหนิ           แต่การแกะลายมือของคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย    แกะผิด แปลความหมายผิด ใครรับผิดชอบ       เกิดมีผลต่อการรักษาไปในทางลบ ใครรับผิดชอบ      เพราะผมก็ไม่รู้ว่าคนไข้คนไหนจะเป็นงูเห่าในภายหลัง         อย่ามาปฏิเสธนะครับว่าเพราะเดี๋ยวนี้ความสัมพันธ์หมอกับคนไข้ไม่เหมือนเดิมแล้ว       หมอเองก็ต้องระวังตัวไม่งั้นมีพวกพร้อมกระหน่ำหรือฟ้องเอาตลอดเวลา ที่ว่ามาใช่ว่าผมไม่เขียนให้     เขียนอยู่ทุกวันแหละ     คนไข้มาผิดวัน ไม่ตรงกับวันนัดหมอคนอื่นทั้งๆที่หมอเขาก็ยังอยู่     แต่จะมารีบเอาใบส่งตัว เอาใบประวัติในวันที่ผมตรวจ จะให้ผมเขียนให้ได้ (อันนี้ความผิดคนไข้เต็มๆมั้ยครับ)   ผมก็เขียนๆไปให้             หรือหมอคนก่อนย้ายไปแล้ว   ผมก็ต้องมานั่งเขียนใบส่งตัวโดยที่ต้องอ่านลายมือที่แทบจะไม่รู้เรื่อง    คำย่อสารพัดย่อก็เขียนให้               แต่ถ้ากรณีประวัติคนไข้เป็นปึก  ผมต้องให้คนไข้มาเอาวันหลังอีก 2-3 วัน   เพราะไม่สมารถมานั่งสรุปให้ได้ในเวลางาน     ผมเอาไปสรุปที่บ้านหลังเลิกงาน        สรุปไปก็บ่นไปกับการแกะลายมือ  คำย่อของคนอื่นที่ไม่ใช่คำย่อสากล ที่ว่ามาว่าเผือกร้อน  ไม่อยากทำ      แต่ส่วนตัวก็เขียนให้อยู่ตลอด ไม้ได้หมายความว่ามาบ่นแล้วไม่ทำให้    แต่ที่พิมพ์ก่อนหน้านี้จะมาอธิบายว่าผมเข้าใจหมอที่ไม่อยากเขียนประวัติคนไข้ของหมอคนอื่น         คุณจะรู้ซึ้ง รู้ซาบอะไรก็เรื่องของคุณกับหมอที่คุณเรียกว่า "ไม่มีน้ำใจ"  "ไม่มีความเป็นหมอ" ก็ว่ากันไป            ผมเองก็รู้ซึ้งถึงเหล่าคนไข้และญาติๆที่มารยาทแย่ๆอยู่ทุกวันเหมือนกัน         จะเอาเร็ว จะเอาด่วนไม่สนคนอื่น     และที่เวชระเบียนบอกน่ะ   ก็อย่างที่ผมว่าไว้่ว่าแต่ระรพ.คงมีนโยบายไม่เหมือนกัน     ถ้าจะลดภาระ ลดความเสี่ยง    ผู้บริหารต้องกำหนดให้ทำได้  หรือตัวเองเป็นคนเซ็นต์หรือสรุปอะไรก็ว่าไป ของบางอย่าง   คนที่เขาไม่มีหน้าที่โดยตรงทำให้ ถือว่าเขามีน้ำใจ     แต่ถ้าเขาไม่ทำให้เพราะไม่ใช่หน้าที่    จะเรียกว่าเขาไม่มีน้ำใจ ???    กระนั้นหรือ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 13:33:05 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 55 13:32:10 จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 12:01:29

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบความเห็น 24 ติดต่อแผนกเวชระเบียนค่ะ ต้องเป็นเจ้าของประวัติ หรือมีการมอบอำนาจจากเจ้าของประวัติอย่างถูกต้องตามระเบียบ จึงจะขอได้ ระเบียบเป็นอย่างไร จนท เวชระเบียนจะให้คำแนะนำ และนัดวันให้มารับประวัติ ไม่ต้องไปเข้าคิวรอรับจากหมอที่กำลังทำการตรวจผู้ป่วยอยู่ เสียเวลา และอาจจะเจอหมอหงุดหงิดยิ่งกว่าที่ จขกท เจอ ที่ จขกท เล่ามานั้น นับว่าหมอคนนั้นปากร้ายใจดีนะ เพราะเหวี่ยงใส่แต่ก็ทำให้ ทั้งๆที่ความจริงเขาไม่ทำก็ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนดูผู้ป่วยเลย จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 19:32:46 A:110.171.23.42 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 29 ก็จขกท ทำตามที่นางบาลบอกไม่ใช่เหรอ หมอก็ไม่มีสิทธิกวนทีนหรอกนะ จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 22:28:36

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเดาว่าคุณคนรู้หน้าไม่รู้ใจเป็นคุณหมอนะคะ ท่าทางจะเป็นคุณหมอที่เครียดนะคะ น่ากลัวจังค่ะ เอาเป็นว่าสิ่งที่พูดมา ก็จริงนะคะเห็นใจคุณหมอละกันค่ะ ถือซะว่าคนไข้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่เข้าใจความรู้สึกของหมอ เอาแต่ได้ ก็ละกันค่ะ เพราะดูจะคุณหมอจะละเอียดอ่อนมากค่ะ อ่านแล้วก็น่าเห็นใจนะคะ ก็พยายามสมมุติว่าตัวเองเป็นหมอละกัน ยังไงก็อยากให้คุณหมอผ่อนคลายบ้างนะคะ ถ้าทุกอย่างต้องเป็นเรื่องตรงไปตรงมาซะทั้งหมดโดยไม่มีเรื่องน้ำจิตน้ำใจเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้ายคุณหมอท่านไหนนะคะ ก็คงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราทุกคนล่ะค่ะ แต่ดูคุณหมอจะเครียดนะคะ ยังไงก็ต้องขอบคุณค่ะที่มาอธิบายให้ฟังค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 55 12:09:05

ความคิดเห็นที่ 31 เอ....ผมว่าผมอธิบายปกติแล้วนะ         แต่หากคุณจขกท.จะคิดไปทางลบก็จนปัญญา จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 02:05:40

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าคุณ จขกท ก็กวนเอาเรื่องเหมือนกันนะ หมอหนุ่มคนนั้นอาจจะโดนแบบคุณรู้ใจไม่รู้หน้าก็ได้ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 08:38:14

ความคิดเห็นที่ 33 5555... งง..... คิดทางลบตรงไหน.....(อันนี้ก็อยู่ที่คนจะจินตนาการค่ะ) กวนตรงไหน...(อันนี้ก็อยู่ที่คนจะจินตนาการค่ะ) แต่ขอบอกตรงนี้เลยค่ะไม่ได้ตั้งใจว่าอะไรใครมากไปกว่าที่เขียนเลยค่ะ ... อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะเชื่ออย่างไรค่ะ เห็นแล้วค่ะว่าคนเราเนี่ยตีความได้ทั้งทางลบและทางบวกจริง ๆ ค่ะ ดูเหมือนคำพูดมันดิ้นได้ค่ะ...อยู่ที่คนตีความค่ะ จะบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจกวนใครเลยค่ะหรือมองในแง่ลบเลยค่ะ ก็คิดยังไงก็เขียนแบบนั้นจริงๆ ค่ะ... ไม่เป็นไรค่ะ จบดีกว่ายิ่งพูดยิ่งเลอะ จะกลายเป็นเรื่องเอา.... ไปดีกว่าค่ะ.... ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและตอบละกันค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 55 09:48:22

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าคุณหมอสามารถคิดเห็นแบบนั้นได้แต่แนะนำว่าไม่ควรแสดงออกครับอาจตอบรับว่าจะทำแล้วให้ไปรอครับ คือว่าก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องไปเจอการบริการแบบนี้ที่สถานบริการอื่นๆเลยรู้ซึ้งดี และตั้งใจว่าจะไม่ทำแบบนั้น แต่ว่าบางสถานะการณ์มันก็ต้องหลุดมาบ้าง คงต้องดูที่สถานการณ์วันนั้นว่าเป็นไง เราเป็นผู้ฟังความข้างเดียว ออกความเห็นได้ครึ่งเดียว หากคุณได้ทราบถึงกิจกรรมความรับผิดชอบของหมอแล้วคุณอาจสงสาร จากคุณ : MrMootai (MrMootai) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 19:00:30

ความคิดเห็นที่ 35 หมอเด็กๆ ยังวัยรุ่น เจอเรื่องเครียดๆ มาตลอด เลยขาดสติ หลุดแสดงอารมณ์น่ะครับ อายุมากขึ้น หมอท่านนี้ก็จะสุขุมขึ้น มีสติมากขึ้น ไม่ใส่อารมณ์กับคนอื่นๆ ได้ตามระดับกำลังของสติ แบบคุณ จขกท ที่ยังอดกลั้นอดทนได้ไงครับ เย้ จากคุณ : legion เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 10:11:35

ความคิดเห็นที่ 36 thank you ka สำหรับคนที่เข้าใจทุกท่านเลยค่ะ ว่าจะไม่ตอบแล้วเชียวแต่อดไม่ได้ค่ะ กลัวจะโดนว่า ว่ากวนอีกค่ะ จากคุณ : konjean เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 55 16:53:38