Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมื่อ "อัยการ" สู้กับคนไข้ ติดต่อทีมงาน

วันนี้ผมไปว่าความที่ศาลมาครับ เป็นกรณีที่ผู้ป่วยฟ้องกระทรวงสาธารณสุข แพทย์และพยาบาล เรียกค่าเสียหาย ๑๑ ล้านบาทเศษ กรณีคลอดบุตรแล้วสมองเด็กขาดออกซิเจนทำให้เด็กพิการ ผมเข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากคดีนี้มีการเรียกค่าเสียหายเกินสิบล้าน อำนาจการพิจารณาสั่งคดีอยู่ที่ท่านรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีแรงงานเขต ๘ เจ้าของสำนวนจึงต้องเสนอสำนวนตามลำดับชั้นจนถึงรองอธิบดีอัยการฯ ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่งเขต ๘ จึงต้องตรวจผ่านสำนวนนี้
       
ในเบื้องต้นพิจารณาคำฟ้องแล้ว ผู้ป่วยฟ้องว่าแพทย์และพยาบาลไม่เอาใจใส่ดูแลในขณะเขาปวดท้องคลอด จนบุตรของเขาออกมาคาอยู่ที่ปากช่องคลอดนานถึง ๔๐ นาที ทำให้บุตรเขาขาดอากาศหายใจ สมองขาดออกซิเจน ทำให้บุตรของเขาพิการทางสมอง แถมพยาบาลคนที่ถูกฟ้องก็มัวแต่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ไม่มาช่วยเขา บอกให้เบ่งคลอดแล้วไม่สอนวิธีเบ่ง เรียกค่าเสียหายจากการที่บุตรพิการไม่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูบิดามารดา ๓๕ ปี เป็นเงิน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าเศร้าโศกเสียใจอีก ๘๐๐,๐๐๐ บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทางไปมารักษาบุตร ฯลฯ รวมแล้ว ๑๑ ล้านบาทเศษ
       
ผมได้เชิญคุณหมอมาอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นประกอบกับเอกสารที่ปรากฏอยู่ในสำนวนและเอกสารที่เกี่ยวกับวิชาการเกี่ยวกับการคลอดบุตร ได้ความรู้เยอะมาก และเราเดาด้วยว่าคนบรรยายฟ้องก็ไม่เข้าใจกระบวนการคลอดบุตร เพราะพวกเราเองอ่านคำฟ้อง อ่านคำชี้แจงแล้ว แรกๆก็มึนกับปากมดลูกขยายกับปากช่องคลอดขยาย มันอย่างเดียวกันไหมว้า....อิอิ การตัดฝีเย็บในขณะปากช่องคลอดบางมากและมองเห็นศีรษะเด็กมีขนาดโตเท่าไข่ห่าน ถ้าตัดฝีเย็บในขณะที่ปากช่องคลอดยังไม่ขยายตัวเต็มที่จะเป็นอันตรายแก่มารดาเด็กได้ คดีนี้คุณหมอตัดฝีเย็บแรกๆเราเข้าใจว่าศีรษะเด็กโผล่ออกมาขนาดเท่าไข่ห่านแล้วหมอจึงตัดฝีเย็บ แต่พอคุยกับหมอจริงๆกลับได้ความว่า ปากมดลูกมารดาเปิดกว้าง ๑๐ เซนติเมตร พร้อมที่จะคลอดแต่ยังไม่คลอด ยังไม่เห็นศีรษะเด็กที่ปากช่องคลอดแต่จำเป็นต้องตัดฝีเย็บเพื่อใช้เครื่องดูด ดูดทารกออกมา พอตัดฝีเย็บไม่ทันได้ใส่เครื่องดูดเด็กก็คลอดพรวดออกมาทันที เลยต้องนั่งฟังหมอเลคเชอร์เรื่องการคลอดและเอาเอกสารวิชาการที่หมอถ่ายไว้ให้มานั่งอ่าน นี่กว่าจะทำคดีนี้จบ ผมคงทำคลอดเองได้เลย ฮ่าๆ
       
ทราบมาว่าในการนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่ผ่านมา มารดาเด็กไม่อยากฟ้องหมอเพราะหมอดูแลผู้ป่วยดีมาก แต่หมั่นไส้พยาบาล หมออยากให้เรื่องจบยอมควักกระเป๋าจ่ายให้ส่วนตัวสองแสนบาท มารดาเด็กก็ไม่เอา อยากจะเอาจากพยาบาลเพราะเจ็บใจที่ไม่ยอมมาช่วยในขณะที่ตัวเองปวดท้องคลอดมัวแต่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ และเขาก็บรรยายฟ้องในส่วนนี้ไว้ด้วย ผมจึงต้องหาข้อมูลว่าพยาบาลนั่งเล่นคอมฯหรือเขาทำงาน ก็ได้ความว่าพยาบาลคนที่ถูกฟ้องไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบผู้ป่วยรายนี้แต่เป็นพยาบาลอีกท่านหนึ่ง และพยาบาลท่านดังกล่าวก็ดูแลผู้ป่วยอย่างดีแต่จะให้ถึงขนาดนั่งเฝ้าผู้ป่วยรายนี้คนเดียวคงไม่ได้ เพราะในวันดังกล่าวมีการคลอดต่อเนื่องหลายราย หมอก็กำลังทำคลอดท่าก้น (ฮ่าๆ..อย่านึกว่าหมอทำคลอดแล้วทำก้นกระดก  อิอิ) คือมีผู้ป่วยอีกรายกำลังจะคลอดแต่เด็กอยู่ในท่าเอาก้นออกจากช่องคลอด ซึ่งอันตรายกว่าการคลอดของผู้เสียหายซึ่งเป็นการคลอดธรรมดาและเป็นท้องที่สองแล้วด้วย หมอทำคลอดท่าก้นเสร็จก็วิ่งมาจัดการมารดาเด็กในคดีนี้เลย จะว่าช้าก็ไม่ช้าได้มาตรฐานการรักษาทุกประการ การคลอดท้องแรกให้เวลาในการคลอดถึง ๑๒๐ นาที ส่วนการคลอดบุตรท้องต่อๆมาให้เวลาไม่เกิน ๖๐ นาที ถ้าตามเวลาดังกล่าวเด็กยังไม่คลอดออกมาแพทย์จะต้องช่วยดำเนินการให้ออกมาแล้วครับ แต่ผู้ป่วยรายนี้ไม่ยังไม่เกินเวลามาตรฐาน
       
พยาบาลคนที่ถูกฟ้องมีหน้าที่ดูแลคนไข้อีกส่วนหนึ่ง(คนละโซนกัน แต่บางทีเธอก็มาช่วยคนไข้ข้ามโซน) เมื่อเวลาเด็กคลอดออกมาแล้ว ก็หมดหน้าที่สูตินรีแพทย์ เด็กและมารดาจะถูกส่งต่อไปยังแพทย์เฉพาะทาง ในขั้นตอนนี้ก่อนส่งตัวไปก็ต้องมีการลงทะเบียนในเครื่องคอมพิวเตอร์ ป้อนข้อมูลเด็กมารดาเด็ก ยาที่หมอสั่ง รายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ไม่เช่นนั้นแล้วแพทย์พยาบาลที่รับไปต่อจะไม่มีข้อมูลการรักษาพยาบาล ก็ต้องถือว่าเขาทำงานส่วนที่เขารับผิดชอบอยู่ ไม่ใช่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ (คำว่าเล่นคอมฯในความหมายของผู้ป่วย คงหมายถึง พยาบาลอยู่ว่างๆคนไข้แหกปากร้องก็ไม่ดูแล มัวแต่นั่งเล่นเกมส์หรืออินเทอร์เน็ต หรือแชท เรื่องไร้สาระ ทำนองนั้น เธอถึงได้แค้นนักหนา เพราะไม่เข้าใจว่าพยาบาลคนที่ถูกฟ้องเขาทำหน้าที่อะไร)
       
ผมร่างคำให้การสู้คดีในส่วนของการคลอดที่ฝ่ายโจทก์เขาบรรยายว่าศีรษะเด็กมาคาที่ปากช่องคลอดนาน ๔๐ นาที ทำให้เด็กขาดอากาศหายใจว่าไม่ใช่หรอก เพราะในขณะที่กระบวนการคลอดยังไม่สมบูรณ์เด็กยังอยู่ในครรภ์มารดา เด็กยังไม่หายใจเพราะเด็กยังอาศัยออกซิเจนจากรกที่เชื่อมระหว่างแม่สู่ลูกต่างหาก ดังนั้นที่ว่าศีรษะเด็กมาคาอยู่ปากช่องคลอด ศีรษะถูกบีบจนออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ได้นั้นไม่ใช่อย่างแน่นอน และมีการต่อสู้ถึงการปฏิบัติของแพทย์และพยาบาลตามมาตรฐานวิชาชีพ ทั้งมาตรฐานของโรงพยาบาลและมาตรฐานสากล และอีกหลายข้อ
       
ที่สำคัญผมตัดฟ้องว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องแพทย์และพยาบาลให้รับผิดเป็นส่วนตัวไม่ได้ เพราะโจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าแพทย์กับพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อไม่เอาใจใส่ดูแล จึงต้องว่ากันไปตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ มาตรา ๕ ซึ่งบัญญัติว่า
               
“หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ ในกรณีนี้ผู้เสียหายอาจฟ้องหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้โดยตรง แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ไม่ได้”
     
เรื่องนี้เคยไปบรรยายให้แพทย์พยาบาลฟังทั้งที่โรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชนตั้งแต่ยังเป็นอัยการจังหวัดประจำกรม หลายคนมาบอกว่าค่อยใจชื้นหน่อยที่มีกฎหมายตัวนี้ วันนี้ได้ใช้จริงและเห็นผล เพราะศาลก็เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ที่เราสู้ให้หมอและพยาบาล ศาลท่านถามความเห็นทนายโจทก์ว่ามีความเห็นอย่างไร จะถอนฟ้องไปหรือไม่ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนตามข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยที่ ๒ และ ๓ แต่ถ้าไม่ยอมถอนศาลก็จะใช้มาตรการตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๑๘

“ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย การยื่นคำฟ้องตลอดจนการดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ในคดีผู้บริโภคซึ่งดำเนินการโดยผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคให้ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง แต่ไม่รวมถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุด

ถ้าความปรากฏแก่ศาลว่าผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคนำคดีมาฟ้องโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เรียกร้องค่าเสียหายเกินสมควร ประพฤติตนไม่เรียบร้อย ดำเนินกระบวนพิจารณาอันมีลักษณะเป็นการประวิงคดีหรือที่ไม่จำเป็น หรือมีพฤติการณ์อื่นที่ศาลเห็นสมควร ศาลอาจมีคำสั่งให้บุคคลนั้นชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วนต่อศาลภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดก็ได้ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ”
ศาลถามทนายโจทก์ว่ารู้อยู่แล้วใช่ไหมเกี่ยวกับกฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ทนายก็ตอบว่ารู้ ศาลก็เลยให้ทนายคิดว่าจะเอาอย่างไร ทนายโจทก์ก็เลยยอมถอนฟ้องจำเลยที่ ๒,๓ ออกจากคดี (เพราะคดีคุ้มครองผู้บริโภคเขามีเจตนาให้ชาวบ้านฟ้องง่าย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมศาล แต่บางทีก็มีฟ้องแบบป่วนไปหมดทุกคนเกี่ยวนิดเกี่ยวหน่อยก็ฟ้องหมด เสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายสำหรับคนถูกฟ้องเหมือนกัน ถ้าไม่มีมาตรการข้างต้นกำหนดไว้ผมว่าคดีเต็มศาลบานเบอะแน่นอนครับ)เหลือแต่กระทรวงสาธารณสุข จำเลยที่ ๑ ที่เราจะต้องมาว่ากันต่อ

โดยความเป็นจริงแล้ว พวกเราหาได้มีเจตนาจะต้องต่อสู้เอาแพ้ชนะกันไม่ เพราะผู้เสียหายเขาก็ได้รับความเสียหายลูกพิการทางสมอง มันจะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่ถ้าเราไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าความเจ็บป่วยของเด็กเกิดจากปัญหาทางร่างกายของมารดาเด็กหรือเด็กโดยตรงแล้ว ผมว่ากระทรวงสาธารณสุขควรจ่ายค่าชดเชยให้กับมารดาเด็กตามสมควร ผมทราบมาว่า สปสช.เขาจ่ายให้มารดาเด็กไปแล้ว ๒๐๐,๐๐๐ บาท หากจะเรียกร้องอีกก็ควรจะดูที่ความเหมาะสม

ผมเขียนเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงปัญหาสังคมในอนาคต เรากำลังออกกฎหมายตามก้นฝรั่ง เราฟ้องแพทย์พยาบาลเพราะถือว่าเป็นผู้ให้บริการ ในขณะที่ผู้ป่วยเป็นผู้บริโภค ถามสักนิดเถอะว่า แพทย์พยาบาลบ้านเราเหมือนกับแพทย์ทางตะวันตกไหม จะเอาแบบเขาไหมครับ แพทย์รักษาผู้ป่วยได้ไม่เกินวันละ ๒๐ คน เขาเรียกค่ารักษาพยาบาลสูงมาก ปวดฟันไปหาหมอ หมอนัดทำฟันอีกทีปีหน้า จะเอาอย่างนั้นไหมครับ เวลาถูกฟ้องก็ถูกเรียกค่าเสียหายสูงมากเช่นกัน แล้วบ้านเราในแต่ละวันแพทย์รักษาผู้ป่วยวันละกี่คนมีใครตอบผมได้ไหม เกินมาตรฐานอเมริกันกี่เท่าตัว รายได้เดือนละกี่ตังค์ครับ  ไม่รักษาก็ถูกฟ้อง ฟ้องแล้วผิดพลาดต้องชดใช้ค่าเสียหาย ผมไม่ได้เข้าข้างหมอ แต่ทำกับหมอและพยาบาลอย่างนี้เป็นธรรมกับหมอและพยาบาลไหม..ถามสักคำเหอะ.....

ที่มา:
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/280726?fb_action_ids=3955668142800%2C394409070621569&fb_action_types=og.likes&fb_source=other_multiline&action_object_map=%7B%223955668142800%22%3A10151407318055215%2C%22394409070621569%22%3A10151407318055215%7D&action_type_map=%7B%223955668142800%22%3A%22og.likes%22%2C%22394409070621569%22%3A%22og.likes%22%7D&action_ref_map

 
 

จากคุณ : ไม้ซีก
เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 55 08:20:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com