ความคิดเห็นที่ 1 แล้วที่คลอดๆกันตามท้องถนนหรือเป็นรถแท๊กซี่ เค้าคลอดกันอย่างไรครับ จากคุณ : หนุ่ม ณ เมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 21:22:49

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบ คห1 การคลอดนั้นแล้วแต่กรรม แล้วแต่วาระครับ จะบอกว่ามันคลอดเองได้ก้อใช่เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว จะบอกว่าต้องมีคนทำให้ก้อแล้วแต่เพราะ บางครั้งเค้ามีภาวะแทรกซ้อนทำให้คลอดเองไม่ได้ เช่น เด็กตัวโตไม่สามารถออกมาทางช่อองคลอดได้ หรือ แม่ไม่มีแรงเบ่ง หรือ เด็กอาการแย่ลงทำให้ต้องรีบทำคลอด บางทีโรงบาลอุปกรณ์ ผู้ช่วย และแพทย์ไม่พร้อม ก้อไม่สามารถทำคลอดให้ได้ครับต้องทำการส่งต่อ ส่วนตัวคิดว่าอย่าเพิ่งตามน้ำกับความเห็นของอดีตดาราดัง คนนี้มากนักมันมีอะไรหมกไว้เยอะ เช่น  " มา ระหว่างการนำส่ง รพ อีกแห่งหนึ่ง เพื่อต้องทำเวลาเพื่อที่จะผ่าเอาลูกออกให้ทันการ แต่เมื่อไปถึง นิติเวช เกือบ 1ช.ม เพราะมาจากลำลูกกา หมอทำการผ่าท้องทันทีครับ..แต่มันสายไปแล้วครับ เด็กตัวน้อยๆที่จะออกมาดูโลกใบนี้ต้องเสียชีวิตโดยเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เด็กสมบูรณ์มากครับ " มันแปลกๆมั้ยครับที่รอนิติเวชมาผ่าเอาเด็กออก จะผ่าเอาเด็กออกเอาหมอสูติดีกว่ามั้ย   และ " แต่ตัวเองเกิดปวดแบบทรมานมากอยากจะคลอด เพราะปากมดลูกเปิด และน้ำคลำ้ก็เดิน แต่เมื่อมาถึง รพ ห้องคลอดก็ไม่มี ทำให้หมอต้องพาไปอีก รพ แต่ระหว่างทางความปวดทำให้เธอช็อก จนขาดใจ " ดูดราม่าไปนิดครับ เจ็บปวดจนขาดใจตาย ผมว่าคงมีภาวะอะไรอย่างอื่นมากกว่า เช่น amniotic fluid embolism หรือ ตกเลือด หรือ โรคหัวใจ ถ้ามองแง่ดีเค้าได้ได้ข้อมูลผิดๆมา เลยเข้าใจผิด ไม่งั้นก้อ มั่วเอง แต่เชื่อว่าเค้าได้ข้อมูลไม่ครบครับ เพราะคงไม่มีบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยรายนี้มานั่งเล่าให้ อดีตดาราฟังแน่ เพราะ ถ้าอาการแย่จริงคงไม่มีเวลามาคุยขนาดนั้น และ มันละเมิดสิทธิผู้ป่วย จากคุณ : Arkkara เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 21:44:07

ความคิดเห็นที่ 3 คคห.1 ครับ การคลอดตามท้องถนน ตามแท็กซี่  หากการคลอดมีปัญหาจนเกิดอันตราย มันเป็นเหตุ สุดวิสัยครับ  คนที่เข้ามาช่วย ไม่ต้องรับผิดชอบอันใด ครับ แต่ถ้าหมอทำคลอดทั้งๆที่ไม่พร้อม  ญาติๆคงไม่ยอมรับว่านั่นเป็นเหตุสุดวิสัย และศาล เองก็น่าจะวินิจฉัยว่าหมอผิด เหมือนที่เคยวินิจฉัยมาแล้ว กระมังครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 21:51:47

ความคิดเห็นที่ 4 ผิดหวังกับคุณบิณฑ์ในครั้งนี้ครับ จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 22:53:56

ความคิดเห็นที่ 5 รำคาญมากค่ะ จากคุณ : Tin_girl เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:32:47

ความคิดเห็นที่ 6 มาเพิ่มให้คะ ที่คุณ บิณฑ์ ให้ข้อมูล ก็ไม่ได้ ผิดไปมาก จากที่ สามี ของผู้ตายให้คะ คือ ภรรยา และลูก ก็แข็งแรงดี .... แถมมีว่า โรงพยาบาล จะมีให้เงินด้วยคะ http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=649247 เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 9 ก.ย. 55 นายบุญมี จันทหาร อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 22/3 ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า ภรรยาและลูกสาวเสียชีวิตขณะไปคลอดลูกที่รพ.ลำลูกกา ซึ่งขณะนี้ศพของทั้งคู่ตั้งสวดอภิธรรมอยู่ที่วัดคลองชัน ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา หลังได้รับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ ที่วัดดังกล่าว เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า มีการตั้งศพเพื่อสวดอภิธรรมศพ น.ส.กัลยาณี สำรวย อายุ 31 ปี และศพของเด็กหญิง ซึ่งนายบุญมี ได้เตรียมตั้งชื่อว่า ด.ญ.กมลกร หรือน้องมาย จันทหาร นายบุญมี เล่าให้ฟังว่า ภรรยาได้ตั้งครรภ์และได้เดินทางไปฝากท้องที่ รพ.ลำลูกกา หลังจากฝากท้องแล้ว ตนเองก็ได้พาภรรยาไปตรวจร่างกาย ตรวจครรภ์ตามที่หมอนัด ทุกครั้ง และทราบว่าร่างกายของเด็กและทั้งของแม่แข็งแรงดี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 55 ภรรยาตนเองปวดท้องจะคลอดลูก และภรรยาได้รีบเดินทางไปที่ รพ.ลำลูกกา ซึ่งในขณะนั้นตนเองกำลังทำงานอยู่ จึงได้ขอลางานเพื่อจะเดินทางไปดูภรรยา แต่ต่อมาขณะที่ตนเองกำลังเดินทางไปที่โรงพยาบาล ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลว่า ภรรยาตนมีอาการเป็นลม และต้องรีบทำการส่งตัวไปที่ รพ.นพรัตน์ ย่านรามอินทราโดยด่วน พร้อมทั้งยังบอกให้ตนเองรีบตามไปที่ รพ.นพรัตน์ นายบุญมี กล่าวต่อว่า เมื่อตนเองทราบดังนั้นก็ได้รีบขับรถไปที่ รพ.นพรัตน์ แต่ยังไม่ทันถึง ทางโรงพยาบาลลำลูกกา ได้โทรมาแจ้งอีกว่า ภรรยาตนและลูกในท้องได้เสียชีวิตแล้ว พร้อมทั้งบอกให้ตนเองกลับมาที่ รพ.ลำลูกกา เมื่อทราบดังนั้น ตนเองก็ได้รีบขับรถกลับมาที่โรงพยาบาลลำลูกกา ก็พบว่าภรรยาและลูกตนเสียชีวิตแล้ว จากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.คูคต และมีกู้ภัยนำตัวภรรยาตนและลูกส่งไปพิสูจน์ยัง รพ.ตำรวจ ซึ่งผลที่ออกมาคือภรรยาตนเสียชีวิตเนื่องมาจาก ขาดอาการหายใจ ติดเชื้อในกระแสเลือด และปากมดลูกเปิด 3 ซม. "ผมยังงงเพราะจากการที่ไปหาหมอฝาดครรภ์ ภรรยาและลูกก็แข็งแรงไม่มีโรค ทำไมถึงต้องมาจบชีวิตอย่างนี้ แล้วจากนั้นทาง รพ.ลำลูกกา ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับผมว่าทางโรงพยาบาลจะมอบเงินสองแสนบาท แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับ เพราะพึ่งไปรับศพมาบำเพ็ญกุศล ผมติดใจสาเหตุการตายของภรรยาและลูกเป็นอย่างมาก จึงอยากร้องเรียนขอความเป็นธรรมเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ" นายบุญมี ระบุ ต่อมา นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางมาที่วัดดังกล่าว เพื่อเคารพศพ และให้ความช่วยเหลือกลับทางครอบครัวที่สูญเสียนี้ นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ กล่าวว่า เดินทางมาในวันนี้ เพราะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และต้องการเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้ เพราะว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นคงต้องมีการพูดคุยกับทางโรงพยาบาล เพราะว่าสิ่งที่ครอบครัวนี้ได้รับคือความสุญเสียทั้งภรรยาและลูก ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะมาปกปิดหรืออะไรกันมันคงไม่ได้ เพราะวันนี้มันเป็นเรื่องที่มีการพูดกันไปในโซเชียล ในบ้านในเมืองของเรา และสิ่งเหล่านี้มันไม่น่าเกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นผมว่าต้องให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย และก็คงต้องมีอะไรที่เข้ามาชดใช้กับทางผู้เป็นสามีที่สูญเสียภรรยาและลูกไป ซึ่งนั้นคือความยุติธรรม ที่สำคัญต้องมีการดำเนินการตามกฏหมายและถูกต้องชอบธรรม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปทางโรงพยาบาลเพื่อจะสอบถามข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงเวรเปลของทางโรงพยาบาลรับโทรศัพท์ และบอกว่าเป็นเวลานอกราชการไม่สามารถติดต่อผู้อำนวยการได้ จากคุณ : แหวน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:40:37 A:124.122.99.201 X: TicketID:263052

ความคิดเห็นที่ 7 ในวงการกู้ภัยก็ไม่ได้ปลื้มคุณบิณฑ์เท่าไหร่นะครับ ยิ่งตอนสัมภาษณ์วิธีช่วยผู้ป่วยถูกไฟดูดด้วยการนอนสังกะสีเอาน้ำราดชนิดฉีกตำราการปฐมพยาบาลของทุกประเทศในมนุษยชาตินี่ ยิ่งหมดศรัทธาและเสียหายไปเยอะในครั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 00:44:53 จากคุณ : Medic1669 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:43:20

ความคิดเห็นที่ 8 รพ.อำเภอ ควรจะทำคลอดได้ครับ...และส่วนใหญ่ก็เป็นพยาบาลทำด้วย รับผากครรภ์ แต่ไม่พร้อมทำคลอด ก็ดูแปลกๆนะครับ...รพ. 30 เตียง ก็ทำคลอดได้ครับ...ปัญหาอยู่ที่ว่า หมอเวร เป็นใคร detect ปัญหาได้หรือไม่..และทำไมต้องจะจ่ายเงิน 2 แสนให้ญาติ..ด้วยเหตุผลอะไร.. จากคุณ : twc (tawat_k) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:26:25

ความคิดเห็นที่ 9 คนกดlikeแสนกว่า คุณคิดยังไง จขกท.จะสื่ออะไร แทนรพ. แทนญาติผู้เสียชีวิตหรือที่มาขู่ฟ้อง ไม่ชอบคุณบิณท์ ก็จะหาเรื่องด่าไปให้ได้ รอผลสรุป ค่อยออกมาด่าก็ได้ ตอนนี้เร็วไปนะ จากคุณ : ดูไปก่อน อย่าเพิ่งรีบ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:28:36 A:27.130.118.174 X: TicketID:346541

ความคิดเห็นที่ 10 เค้าไม่มั่นใจ รีเฟอร์ ไปให้เฉพาะทางนะถูกต้องแล้ว มันเสี่ยงไปถ้าทำเอง แต่พอดีรายนี้ดันตายไง เลยโดนด่าว่าหมอไม่ดี แต่ถ้ารอดก็จะเป็นหมอตัดสินใจดีมากที่รีเฟอร์ จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:43:46

ความคิดเห็นที่ 11 ลองหมอเสี่ยงทำแล้วตายดูดิ โดนด่าอีก ไม่พร้อมแล้วกระแดะทำทำไม ทำไมไม่ส่งตัวไป สรุปคือ ไม่ว่ายังไงหมอก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ถ้าไม่ส่งอาจจะโชคร้ายน้อยหน่อย เพราะสามีคนไข้ไม่ต้องไปเจอกับ บิณฑ์ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:46:07

ความคิดเห็นที่ 12 ปากมดลูกเปิด 3 เซน คงคลอดเองไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแม่หรือลูกอยู่ในภาวะวิกฤตคงต้องผ่าคลอดอย่างเดียว ไม่แน่ใจว่าทางลำลูกกาอาจไม่สามารถผ่าคลอดฉุกเฉินได้มั้งเลยต้องส่งต่อ ต้องดูรายละเอียดอีกที แต่ปวดจนกัดลิ้นตายก็คงเกินไปมั้งคะ ยังไงก็ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆค่ะ จากคุณ : a0j เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 01:59:07

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องการสื่อสาร สำคัญที่สุด...ถ้าหมอทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ผิดครับ.. จากคุณ : tawat_k เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:03:02

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อมูลไม่ชัดเจน ไม่ฟังความข้างเดียว จากคุณ : DashSanFranCisco เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:26:27

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านในเฟสคุนบิณฑ์แล้วเสียใจมาก เสียใจที่คนไทยถูกชักจูงง่าย..ฟังความข้างเดียวก็ด่วนตัดสิน..ด่าแรงๆตามกระแสสังคมคนจนต้องรับกรรมประมาณนี้ เอาง่ายๆถ้าหมอไม่รับผิดชอบแล้วจะขึ้นรถพยาบาลไปด้วยทำไมคะ? เราว่าคิดก่อนที่จะพิมพ์อะไรพูดอะไรออกมาดีกว่า..ใช้สมองกลั่นกรองก่อนที่จะเสพอะไร จากคุณ : plavix เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 07:45:16

ความคิดเห็นที่ 16 เคสนี้ เห็นว่าเป็นเคสน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด ... ก็ไม่ทราบว่าจริงมั้ย เพราะไม่ได้เห็นคนไข้ แต่ถ้าจริง โอกาสตายสูงมาก ในอเมริกาที่ว่าเจริญ ยังตาย 70% รอดไม่เกิน 30% เพราะมันเกิดได้กับทุกคน ยังไม่พบปัจจัยเสี่ยงชัดเจนไม่มีอาการเตือน การรักษาก็ยากมาก ที่หมอส่งคนไข้ต่อก็ถูกแล้ว หมอเองก็ไปด้วย ทั้งที่ตามปกติ เวลาส่งต่อคนไข้ หมอไม่ได้ไปด้วยนะ แล้วยังพยายามปั๊มหัวใจ ช่วยเหลือคนไข้แล้ว ตามที่เจ้าของเฟซนั้นบอกมา ก็ยังมองไม่เห็นว่าหมอทำผิดตรงไหน ข้อมูลเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีคนรุมด่าก่อนที่ร.พ. จะออกมาแถลงการณ์อีก คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัดจริงๆ ความคิดความอ่านเลยตื้นๆ ถูกจูงจมูกง่ายๆ บางคนเชื่อดารา ถึงกับสาปแช่งหมอและครอบครัว ทั้งที่ไม่เห็นเหตุการณ์ คงลืมไปว่า วจีกรรม มโนกรรมที่ตัวเองทำ มันก็ย้อนกลับไปหาครอบครัวของตัวได้เหมือนกัน บางคนเป็นพ่อคนแม่คน เห็นถ่ายรูปกับลูกลงโปรไฟล์ก็ยังสงสัยนะ ว่าลูกจะโตขึ้นเป็นคนยังไง จะตื้นๆเหมือนพ่อแม่รึเปล่า แล้วตลอนคลอดนี่ ทำคลอดกับตำรวจเหรอ ถึงชื่นชมกันนักหนา รู้มั้ยว่าตำรวจทำคลอด เด็กติดเชื้อ เด็กมีน้ำตาลต่ำ อุณหภูมิกายต่ำ มาตายในโรงพบาบาลไปกี่คนแล้ว แต่ข่าวไม่ได้ลง เพราะมันไม่น่าสนใจไง ตำรวจไม่ใช่หมอ ทำผิดก็ไม่มีใครว่าหรอก ฟ้องไม่ได้ แต่หมอเนี่ย ถ้าทำคลอดทั้งที่ไม่พร้อม โดนด่าแน่ๆ ส่งต่อก็โดนด่า ไม่ส่งก็โดนด่า แล้วยังไง? หลายๆความคิดเห็นที่ด่าหมอหยาบๆ แล้วชื่นชมตำรวจ ก็ขอให้พาเมีย พาลูกหลานไปคลอดกับตำรวจเถอะ ลูกหลานเหลนโหลนจะได้แข็งแรง เป็นเด็กเลี้ยงง่าย หมอเองก็ไม่อยากเจอคนไข้อวดฉลาด คนไข้มารยาทต่ำๆเหมือนกันแหละนะ ไปที่ชอบๆเถอะ สงสัยได้ โต้แย้งได้ หมอยินดีตอบ แต่อย่าเอาคำพูดที่ใช้ในบ้านมาใช้กับหมอเลย หมอกลัวมาก ใครเคยไปโพสท์หรือมีเพื่อนที่ไปด่าหมออยู่ในนั้นก็เรียนเชิญมาอ่านที่นี่ได้ บอกตรงๆว่ากลัว ไม่กล้าไปสวนกระแสโลกสวยอยู่ในนั้นคนเดียว จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:49:04

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คห.6 ครับ จากข้อมูลเพิ่มเติมช่วยสนับสนุนเจ้าของกระทู้ครับ ข้อมูลบอกว่ามารดาและทารกแข็งแรงดี ต่อมามดลูกเปิด ถุงน้ำคร่ำแตก(ไม่ทราบแตกตอนไหน) และมีติดเชื้อในกระแสเลือด. ซึ่งติเชือ้ในกระแสเลือดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและรุนแรง สามารถเกิดได้(ปกติโอกาสเกิดน้อยมาก)แต่เมื่อถุงน้ำครำ่แตก เชื้อสามารถเข้าทางนั้นได้ครับ. เป็นภาวะแทรกซ้อนของคนไข้เอง หมอไม่ได้นำเชื้อไปสู่แม่ อาจจำเป็นต้องรีบผ่าตัดเด็กออกเพื่อความปลอดภัย ที่ รพ ชุมชนส่วนใหญ่ผ่าตัดคลอดไม่ได้หรอกครับ การส่งต่อนั้นถูกต้องแล้ว เพื่อให้หมอสูติ ประเมินอีกครั้ง อาการคนไข้ทรุดเร็วใจผมก็คิดเหมือนเจ้าของกระทู้ว่าอาจมี amniotic embolism หรือไม่ ซึ่งคงต้องรอผลชันสูตร สำหรับคนที่เคยมีลูก คงทราบว่าเบ่งคลอดนั้นเจ็บเจียนตายทุกคนครับ ใครจะอธิบายว่าเจ็บขนาดไหนก้อไม่เกินเลยหรอก และการส่งต่อ ไม่มีใครส่งคนท้องต่อไปนิติเวชครับ จากคุณ : jarpze เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 08:55:48 A:1.1.150.171 X: TicketID:374363

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเป็นน้ำคร่ำอุดกระแสเลือดจริงถือว่าซวย เพราะคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิด โอกาสเสียชีวิตก้อสูง เคยมีประสบการณ์ทำคลอดเคสนึงกับอาจารย์สูติอีกท่านด้วย vacuum extraction ที่ ICU (เพราะเห็นว่าการผ่าตัดเพิ่ม stress เลย short second stage) ก้อนอน ICU อีกหลายวัน จากคุณ : Jarpze เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:02:14 A:1.1.150.171 X: TicketID:374363

ความคิดเห็นที่ 19 จากความคิดเห็นที่ 16 คุณทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวงคะ "รู้มั้ยว่าตำรวจทำคลอด เด็กติดเชื้อ เด็กมีน้ำตาลต่ำ อุณหภูมิกายต่ำ มาตายในโรงพบาบาลไปกี่คนแล้ว แต่ข่าวไม่ได้ลง เพราะมันไม่น่าสนใจไง ตำรวจไม่ใช่หมอ ทำผิดก็ไม่มีใครว่าหรอก ฟ้องไม่ได้ แต่หมอเนี่ย ถ้าทำคลอดทั้งที่ไม่พร้อม โดนด่าแน่ๆ ส่งต่อก็โดนด่า ไม่ส่งก็โดนด่า แล้วยังไง? หลายๆความคิดเห็นที่ด่าหมอหยาบๆ แล้วชื่นชมตำรวจ ก็ขอให้พาเมีย พาลูกหลานไปคลอดกับตำรวจเถอะ ลูกหลานเหลนโหลนจะได้แข็งแรง เป็นเด็กเลี้ยงง่าย หมอเองก็ไม่อยากเจอคนไข้อวดฉลาด คนไข้มารยาทต่ำๆเหมือนกันแหละนะ ไปที่ชอบๆเถอะ สงสัยได้ โต้แย้งได้ หมอยินดีตอบ แต่อย่าเอาคำพูดที่ใช้ในบ้านมาใช้กับหมอเลย หมอกลัวมาก" แรงจังนะคะ ถ้าคุณสามารถมองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กที่คุณตำรวจทำคลอด แล้วมีปัญหาอย่างที่กล่าวมา ทำไมไม่เอาปัญหาตรงนี้มาช่วยประชาชนที่เป็นเด็ก โดยการให้ความรู้กับคุณตำรวจในการป้องกันการติดเชื้อ การป้องกันภาวะอุณหภูมิกายต่ำ การป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำ มันน่าจะมีประโยชน์มากกว่าประชดให้ไปคลอดกับตำรวจ ดิฉันคิดว่าการที่ตำรวจได้ให้ความช่วยเหลือ คุณแม่ที่เกิดเหตุการณ์คับขันอย่างนั้น มันเกินหน้าที่ เกินความรับผิดชอบนะคะ แค่เสียงชื่นชมคุณตำรวจยังไม่พอนะคะ อย่าวิสัยทัศน์แคบนักเลยค่ะ คนไทยเหมือนกัน รักกัน ให้กำลังใจกันดีกว่า จากคุณ : โดดเดี่ยวเนอะ (โดดเดี่ยวเนอะ) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:14:51

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับประเด็นเรื่องเงินนั้น ผมขอเดานะครับว่าเป็นเงิน กม.41 จากคุณ : Jarpze เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:29:02 A:182.52.132.126 X: TicketID:374363

ความคิดเห็นที่ 21 อยากให้รพ.ออกมาชี้แจงบ้าง อยากฟังอีกข้าง จากคุณ : น้ำแข็งใสสีฟ้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:38:06

ความคิดเห็นที่ 22 คุณโดดเดี่ยวเนอะ อ่านดีๆอีกรอบดีกว่านะ เราไม่ได้โทษตำรวจ แต่มีคนบอกว่าตำรวจยังทำคลอดได้ ทำไมหมอทำไม่ได้ เราถึงชี้แจงไงว่า การคลอดกับตำรวจ มีภาวะแทรกซ้อนมากมายที่คนไม่รู้ และมันไม่สามารถป้องกันได้ เพราะยังไงตำรวจก็คงไม่มีอุปกรณ์ที่ดีเหมือนในโรงพยาบาล ก็เปรียบได้กับรพช บางแห่งที่ไม่มีเครื่องมือพร้อม แต่คนก็ไม่ว่า เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ กลับกัน ถ้าหมอทำทั้งที่ไม่พร้อม นอกจากคนจะไม่ชื่นชม ยังรุมประณามเหมือนเคสนี้อีก คนบางคนไม่เข้าใจหมอ ฟังความข้างเดียว แล้วมาด่าหมอเสียๆหายๆ ด่าถึงครอบครัว(ลองไปอ่านในเฟซคนคนนั้นเถอะ จะได้เห็นเอง) คุณจะชื่นชมตำรวจก็ทำได้ แต่อย่ามาด่าหมอมั่วๆ เปรียบเทียบกันแบบไม่เข้าท่าอย่างนี้ หมอยินดีสอนตำรวจ แต่ภาครัฐก็ต้องลงมาจัดการ ให้การศึกษาประชาชนด้วย ไม่ใช่ออกแต่นโยบายเอาอกเอาใจ ให้รักษาฟรีอย่างเดียว ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนประเภทที่เราว่า ไม่ได้อวดฉลาด ไม่ได้ชมตำรวจแล้วด่าหมอสาดเสียเทเสีย ก็ไม่ต้องเดือดร้อนหรอก หมอทุกคนยินดีทำคลอดให้คุณ เพิ่มอีกนิด สังเกตดีๆนะ เราพูดว่าคนที่ด่าหมอเสียๆหายๆ ไม่ใช่ให้ทุกคนไปคลอดกับตำรวจ อ่านดีๆ มองกว้างๆนะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 11:56:50 จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:15:48

ความคิดเห็นที่ 23 ทำคลอดในประเทศไทย ห้ามมีปัญหาทั้งแม่ลูกครับ ไม่งั้นหมอซวย..... จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:23:28

ความคิดเห็นที่ 24 เงินน่าจะเป็นเงินที่ช่วยตามสิทธิบัตรทอง ขออนุญาต copy จาก FB  ข้อมูลจากสื่อ มันช่าง.... จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:23:44

ความคิดเห็นที่ 25 รอหมอเจ้าของไข้ กับรพ ออกมาแถลงดีกว่าครับ จะได้รู้ว่าใครจะหน้าแหก แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็มีคนบางคนเริ่มแถข้างๆคูๆ จากคุณ : imdva เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:52:02

ความคิดเห็นที่ 26 การเขียน ของคุณ บิณฑ์ อาจจะข้อมูลไม่ครบ (อันนี้ น่าตำหนิ) แต่การ ที่ คุณบิณฑ์ มาเขียนเนี่ย ดีคะ ดิฉันเห็นว่า จะได้ เกิด กระแส สังคม (ไม่ใช่ให้มาด่ากัน) แต่เพื่อ จะได้ เป็น กระบอกเสียง ให้สื่อ หรือ ให้ คนสนใจ ไม่ใช่ แค่คนจนๆ คนนึงตายไปคะ ตอนนี้ เห็นข่าวแล้ว เดี๋ยว ก็ ตามมาคะ รัฐมนโท อธิบซี เรื่องจะได้ไม่หายเงียบไปเฉยๆ คะ จากคุณ : แหวน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:14:38 A:124.122.99.201 X: TicketID:263052

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^    การตายระหว่างคลอดไม่ได้เกี่ยวกับความจนความรวย จากคุณ : Sono เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:24:36

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ บิน เสร็จแน่ จากคุณ : meisboo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:42:13

ความคิดเห็นที่ 29 22 ถ้าคุณเป็นหมอ ไม่รู้จะมีคนไข้กล้าให้รักษา อะเปล่าน้อ ^ ^ จากคุณ : mangjonh24 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:46:56

ความคิดเห็นที่ 30 คนอย่างคุณ BIN นี่ก็เป็นตัวอย่างของคนที่เขลาแต่อยากดัง ด้วยวิธีการเหยียบคนอื่น   เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคมเรา ไม่ได้ต่างไปจากการมีนักการเมืองที่ขาดความรู้ความชำนาญ หรือประสบการณ์แต่ดันตัวเองไปเป็น รมต.  รมช.  เลยสุดท้าย ก็กลายเป็นตัวตลกไป  อย่าไปให้ราคาครับ คนพรรค์นี้ จากคุณ : silverliner เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:50:31

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งเล็กๆที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้คือ การตั้งครรภ์ทุกรูปแบบมีความเสี่ยงถึงชีวิต เกิดได้น้อย แต่ถ้าเกิดขึ้นมา โอกาสรอดชีวิตน้อยมาก คนที่คิดจะท้อง อย่ามัวแต่ฝันหวาน ต้องรับรู้ความเสี่ยงด้วย คนที่ยังไม่คิดจะท้อง ก็จงคุมกําเนิดให้ดีๆ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:52:19

ความคิดเห็นที่ 32 ความจริงที่คุณต้องการมากันแล้วหนิ อยากรู้ว่าพวกคุณจะรับมัน ได้มั๊ย??? ถ้าเป็นจาก AFE จริง มีข้อเท็จจริงดังนี้ 1. คนท้องมีโอกาสตายทั้งนั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน นักกีฬาทีมชาติโครตแข็งแรงก็เป็นได้ 2. ภาวะน้ำคร่ำเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดมีโอกาสตายมากกว่า 95% การทำคลอดต่อให้สามารถเอาลูกออกมาได้ ก็ไม่ได้ทำให้ภาวะนี้หาย เข้าใจบ่ เอาจริงๆในชีวิตผมยังไม่เคยเห็นใครรอดว่างั้นเถอะ (แต่ผมไม่ใช่หมอสูติฯนะ) 3. ตามหลักการการช่วยเหลือผู้ป่วยท้องที่มีภาวะวิกฤตทุกชนิด ให้ความสำคัญกับการช่วยแม่มาก่อน เสมอ 4. ข้อเท็จจริงที่เจ็บที่สุดก็คือ มีคนจำนวนมากกดไลค์เพจ ไลค์คอมเมนท์ เป็นแสนคน แต่เลือกที่จะไม่อ่านหาความรู้ ที่มีเขียนอยู่ให้เข้าใจ!!! ขอบอกให้พี่น้องที่ทำงานเกี่ยวกับชีวิตคนทุกท่าน ให้รู้ไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องยกตัวเองให้ดูมีค่าเหนือใครๆ ไม่มีใครดีกว่ากัน สำหรับหมอทั้งหลาย "อย่า"ได้ไปเรียกร้อง"ความเห็นใจ" เพราะเราไม่ต้องการความเห็นใจ ถ้าคุณต้องการความเห็นใจ รู้สึกว่าคนควรจะเห็นใจความยากลำบากของแพทย์บ้างอะไรบ้าง จงไปเลือกเรียนใหม่ เรียนอย่างอื่นครับ ย้ำอีกครั้งว่า "หมอ ไม่ต้องการความเห็นใจ" อยากเห็นใจไปเห็นใจผู้ป่วยใกล้ตัวท่านเถอะ สิ่งที่หมอต้องการคือ "ความเข้าใจ" ไม่ใช่เข้าในตัวหมอ แต่เข้าใจในตัวคุณเอง ในโรคของคุณหรือคนใกล้ตัวคุณ เอาแค่ให้พอกับที่คนทั่วไปควรจะเข้าใจได้ก็พอ สุดท้ายคืออย่าพูดในสิ่งที่ไม่รู้ เพราะมีหนทางหลายหนทางที่ทำให้คุณได้รู้ ง่ายที่สุดที่ทำได้คือ"ถาม" ถามมันต่อหน้านี่แหละครับ เอาให้เข้าใจ ไม่ใช่เอาความไม่รู้มาเผยแพร่แล้วบอกว่าสงสัย? สงสัยจริงก็ถามสิครับ แต่ส่วนมากไม่ได้สงสัยหรอกแต่เพราะอะไรก็คงรู้กัน คนโง่มีหลายแบบ คนโง่ที่เลือกจะฟัง เลือกจะอ่าน เลือกคิด ก่อนที่จะพูดจะเขียน เรียกว่าเป็นคนโง่ที่ใฝ่ฉลาด คนโง่ที่เลือกจะพูด เลือกจะเขียน ก่อนที่จะคิดหรือจะถาม คือคนโง่ ที่ยากจะฉลาด คนทุกคนเกิดมาโง่ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่คุณจะโง่แบบไหน ก็เท่านั้น จากคุณ : โธ่ถัง (พิเศษไม่ใส่ผักโรย) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:57:43

ความคิดเห็นที่ 33 ดิฉันอ่านแล้วแทบร้องไห้เมื่อคืน กับคอมเมนต์บางท่านที่บอกว่า "ตำรวจจราจรยังทำคลอดได้เลย นี่ป็นหมอ ทำไมถึงทำคลอดไม่ได้" ...นึกถึงเพื่อนๆที่อดทนเรียนสูติกันมาสามปีเต็ม อยากจะยกโทรศัพท์ไปบอกมันว่า "เฮ้ย...ที่พวกแกนั่งหลังขดหลังแข็งดึง Vac, ใช้ Forcept, C/S  มันแทบไม่มีความหมายว่ะแก" การคลอดของคนเรา มันมีหลายอย่างค่ะ.. ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคลอดได้อย่างราบรื่นไปเสียหมด ไม่เช่นนั้น เราคงไม่มีการผ่าท้องคลอด เชื่อเถิดค่ะว่าหมอทุกคนอยากให้เด็กเกิดมากกว่าอยู่ในท้องแม่ เพราะถ้าอยู่ในท้องแม่ เราช่วยเหลือเด็กไม่ได้มาก แถมแม่เองก็เป็นอันตราย ดิฉันจึงมองไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลใดที่คุณหมอท่านนั้นไม่ยอมทำคลอดให้ หากเด็กคลอดตามธรรมชาติได้จริง เว้นเสียแต่ว่ามีเหตุให้ต้องผ่าตัดคลอด หรือเกิดภาวะ Amniotic embolism จริง ประเด็นเรื่องเงินก็อีก... บางคนเข้าใจผิดว่า "เพราะใช้สิทธิ์สามสิบบาท" แถมบอกว่า "จ่ายแค่สามสิบบาทแล้วก็เลยได้บริการเท่านี้" ดิฉันอยากจะร้องไห้รอบสอง สมัยนี้เค้ายกเลิกสิทธิ์สามสิบบาทแล้วค่ะ ประชาชนที่ขึ้นสิทธิ์บัตรทองนั้นรักษาฟรีค่ะ ยิ่งถ้าเป็นภาวะฉุกเฉิน ไม่ว่าสิทธิ์ไหนๆก็รักษาฟรีค่ะ  คุณหมอท่านนั้นไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการที่สิทธิ์คนไข้ว่าเป็นสิทธิ์อะไรนะคะ และถ้าเป็นภาวะฉุกเฉิน โรงพยาบาลสามารถเบิกได้กับ สปสช. อยู่แล้วค่ะ ...มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่อยากจะชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจ แต่ดิฉันก็เป็นเพียงหมอตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ทำงานให้กับผืนแผ่นดินไทยนี้ในรพ.รัฐบาลมาตลอด มีความสุขกับสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆ อย่างการยื่นมือมาบีบแขนเบาๆของบรรดาคุณป้าหลายๆคน แล้วถามว่าหมอเหนื่อยไหม, กินข้าวหรือยัง ,คนไข้หลายเด้อวันนี้ มีครั้งหนึ่ง ได้มะม่วงจากคุณตาซึ่งมารับยาเบาหวานมาหนึ่งลูก ดิฉันถึงกับโทรไปอวดให้พ่อแม่ฟังเลยทีเดียว ทุกวันนี้ดิฉันเรียนเฉพาะทางสาขาอื่น แต่ยังคงเข้าใจถึงภาวะตอนทำคลอดในเคสที่คลอดยากเป็นอย่างดี วินาทีีที่ต้อง Vac หรือ  ทำคลอดท่าก้น ดิฉันทั้งสวดมนต์ภาวนาในใจ มือและสมองก็คิดว่าต้องทำอย่างนี้ๆ แม่ต้องรอด ลูกต้องรอด เมื่อเด็กคลอดออกมาได้ เสียงร้องของเด็กนั้นเป็นเสียงสวรรค์เลยทีเดียว ในทางกลับกัน หากเกิดปัญหา มีเคสหนัก ทีต้อง refer ไปรพ.จังหวัด ดิฉันแทบจะบ้าตาย คอยโทรไปถามพยาบาล refer เป็นระยะๆ เพราะตัวเองอยู่รพ.คนเดียว ไปด้วยไม่ได้ วันนี้คุณบิณฑ์มาบอกว่า "ไม่มีประโยคไหนที่ว่าหมอเลย" ดิฉันก็อึ้งไปเหมือนกันค่ะ พูดอะไรไม่ถูก เพราะถ้าไม่มีประโยคใดว่าหมอ แล้วเหตุใดคอมเมนต์จึงไปในแนวทาตำหนิหมอท่านนั้นและโรงพยาบาลอย่ารุนแรงขนาดนั้น ดิฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องจริงนั้นเป็นอย่างไร เพียงแต่สงสารน้องหมอ(คิดว่าน่าจะเป็นน้อง)คนนั้น ที่ถูกสังคมพิพากษาไปเสียแล้วว่า "หมอชุ่ย" ปล.กลับมาอ่านอีกที พิมพ์ Amniotic เป็น Pulmonary แก้ไขแล้วค่ะ ^ ^" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 13:01:53 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 13:06:18 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 13:42:45 จากคุณ : Abandoned Star เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:59:58

ความคิดเห็นที่ 34 29 ไม่มีเพิ่มก็ไม่เป็นไรหรอกน้อ แค่นี้ก็เยอะแล้ว ทุกวันนี้ บางวันยังทำงาน 24 ชม.อยู่เลย ^ ^ จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:14:08

ความคิดเห็นที่ 35 สงสารประเทศไทย คนใช้อารมณ์ตัดสินเป็นคนดี คนใช้ความรู้ ใช้สติตัดสิน เป็นคนไร้หัวใจ ไม่มีจรรยาบรรณ อนาคตประเทศไทยคงมีแต่ความพินาศเท่านั้นที่รออยู่ จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:15:32

ความคิดเห็นที่ 36 มาให้กำลังใจเพื่อนแพทย์ทุกท่าน และไว้อาลัยให้คนที่ใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินความถูกผิดมากกว่าเหตุผล จากคุณ : นพโปะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:25:44

ความคิดเห็นที่ 37 เข้าใจญาติคนไข้และคนที่อ่านนะครับ เคสนี้มีคนตายเป็นสองแม่ลูก แต่วามจริงทางวิชาการ กับความรู้สึกต่างกันนะครับ ถ้าขุ่นเคืองใจมาก ท่านผู้อ่าน หลายท่าน ที่ช่วงนี้อาจต้องไปพบแพทย์ทั้งในคลินิค  หรือเพื่อนเป็นหมอ หรือมีญาติเป็นหมอ หรือต้องพบแพทย์ ลองถามนะครับว่าภาวะ "น้ำคร่ำอุดตันเส้นเลือด" เป็นอย่างไร  ไม่ต้องเป็นหมอเฉพาะทางสูตินรีแพทย์ ก็ตอบได้ครับ คุณหมอเค้าไม่ว่าหรอกครับ เผื่อคุณจะมาว่าหมอที่เล่นpantipมาแก้ตัว ถึเคสนี้งคุณจะเจอหมอที่เก่งที่สุด แต่ในภาวะนั้นไม่มีเครื่องมือครบ ก็ช่วยได้แค่เบื้องต้นและส่งต่อครับ ขอชื่นชมสปิริตคุณหมอนะครับ ที่ไปพร้อมผู้ป่วย เพราะปกติเคสส่งต่อไปแค่พยาบาล (ถ้าเกิดมีเคสหนักๆ เกิดมีแบบเดียวกันมาตอนคุณหมอไม่อยู่ รพ งานนี้คุณหมอคงจะโดนด่าอีกว่า อ้าวไมหมอไม่อยู่ รพ ! โดนฟ้องอี้ก) ปล. ท่านที่มีโอกาสได้ไป รพ บ่อย ไม่ว่าจะโอกาสไปเยี่ยมเด็ก หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่าคงคุ้นเคยกับคุณหมอหลายท่าน ลองถามคุณหมอดูนะครับ amniotic fluid emboism มันเป็นภาวะอย่างไร น่ากลัวมั้ย ถ้าหมอทั่วไปเจอจะจัดการได้มั้ย สั้นๆแค่นี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 13:40:32 จากคุณ : X_PAZZO เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:34:58

ความคิดเห็นที่ 38 สงสัยว่าใช่ กรณีที่คุณหมอมาถามว่าควรรักษาหรือส่งต่อดี กระทู้ 12606008 จากคุณ : asdd เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:43:18 A:58.11.181.41 X: TicketID:278621

ความคิดเห็นที่ 39 คิดแบบมีตรรกะว่า ถ้าไม่เกิดอาการที่เกินกว่าทาง รพ จะรักษาได้คงไม่ส่งตัว กรณีนี้ ดาราท่านนี้แสดงความเห็นแบบไม่อิงข้อมูล " จริง" เลยแม้แต่น้อย ฟังมาแล้วเล่าต่อ เอาเครดิตเข้าตัว จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:47:29

ความคิดเห็นที่ 40 รู้สึกสงสารและเห็นใจหมอมากๆ เพราะทั้งที่ตามไปช่วย ไปกับรถพยาบาล สุดท้ายกลับได้คำพูดว่าหมอไม่นึกถึงความเป็นความตาย น่าสงสารในเจตนาดีของหมอท่านนั้นจริงๆ เพราะความไม่เข้าใจของบุคคลคนหนึ่ง<div>&nbsp;เพราะการคลอดบางครั้งก็จะต้องมีภาวะที่คลอดทางช่องคลอดไม่ได้จริงๆ ซึ่งถ้าถามเรื่องการผ่าตัดคลอดทางช่องท้องตามรพ อำเภอก็จะไม่มีอยู่แล้วถ้าหากไม่มีสูติแพทย์ แพทย์เค้าก็ต้องประเมินแล้วว่า. วิธีไหนจะปลอดภัยกับคนไข้มากที่สุด&nbsp;</div><div>เค้าก็เลยเลือกส่งตัวและตามไปดูแลต่อในรถพยาบาล สื่อถึงเจตนาที่ดีมาก แต่คนที่ไม่รู้หรือไม่เข้าใจคนนึง ซึ่งไม่ถามใครก่อนกลับมาบิดเบือนเจตนา น่าเวทนาจริงๆประเทศไทย</div><div>คนคิดดีทำดีไม่ได้ดี&nbsp;<br><div style="text-align: left;"><br></div></div> จากคุณ : Rainbow (rainbowshine) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:47:52

ความคิดเห็นที่ 41 ต่อไปคงไม่มีใครกล้าเรียนสูติแล้ว ทีนี้หมอสูติขาดแคลนแล้วคงได้คลอดกับตำรวจสมใจกันล่ะ อิอิ จากคุณ : ยีราฟตาหวาน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:54:41

ความคิดเห็นที่ 42 เอาเป็นว่า ดิฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ถ้าแท็กซี่ทำคลอดให้เคสนี้ สังคมก็ไม่ประนามต่อให้ตาย คุณบิลก็ไม่กล้าเล่นเพราะเป็นแท็กซี่ แต่ถ้าหมอทำคลอดตาย .....หมอก็คือตัวโกง สังคมนี้อคติกับอาชีพแพทย์กันมานานพอควรแล้วค่ะ อยากระเบิดประท้วงเหมือนกัน .... จากคุณ : ชีนะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:55:52

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยกับคห. 32 และ 33 ค่ะ เป็นเหมือนกันกับคห. 33 เลย หลังจากอ่านคอมเม้นท์ในเฟสบุ๊คแล้วรู้สึกอยากลาออกจากรพ.ไปทำงานที่โรงพยาบาลต่างประเทศทันที (แต่พอมานั่งสงบจิตสงบใจก็ค่อยดีขึ้นหน่อย) มันรู้สึกเสียใจมากนะกับความเห็นของหลายๆคน และขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารหมอคนนั้นและสงสารหมอสูติมาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเข้าใจหมอสูติมากขึ้น ไม่อย่างนั้น เรากลัวว่าเวลาเราตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วต้องการให้หมอทำคลอดจะไม่มีหมอสูติดีๆมาทำคลอดให้เรา (เพราะเลิกอาชีพนี้ไปเรียนอย่างอื่นกันหมด) ฝากอีกนิดสำหรับคนที่ไม่รู้... อย่างที่หลายความเห็นบอกนะคะ ได้โปรดอย่าคิดว่าการคลอดบุตรมันเป็นอะไรที่ง่ายๆ โอเคส่วนใหญ่คลอดไม่มีปัญหา แต่บางส่วนมันก็มีภาวะแทรกซ้อนได้เยอะแยะมากมายนะคะ ขนาดตอนเราเรียนเนื้อหาเกี่ยวกับสูติปีแรก ยังทำเอาเรากลัวจนไม่อยากมีลูกเลย (แต่ตอนนี้เริ่มทำใจได้ล่ะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเนอะ) ย้ำอีกรอบ... ไม่เกี่ยวกับรวยหรือจนค่ะ ถ้าเป็นปัญหาเรื่องภาวะน้ำคร่ำเข้ากระแสเลือดจริง ไม่ว่าจะรวยแค่ไหนก็เสียชีวิตได้ค่ะ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:40:29 A:61.19.40.14 X: TicketID:374064

ความคิดเห็นที่ 44 หมอเองก็ไม่อยากเจอคนไข้อวดฉลาด คนไข้มารยาทต่ำๆเหมือนกันแหละนะ ไปที่ชอบๆเถอะ โห คุณหมอ  แรงไปไหม เดี๋ยวนี้อาชีพนี้เป็นอะไรกันไปหมด ภาพลักษณ์หมอใจดี ใจเย็น ค่อยๆ พูดคุยกะคนไข้ด้วยสติและปัญญา จนคนไข้ที่กะลังร้อนๆ เย็นลงได้ คลายความหวาดกลัวลงได้ หายไปไหนเนี่ย ขออภัยถ้าไม่ถูกใจ  แต่อ่านผ่านๆ นึกว่าแม่ค้าในตลาดที่ไหนมาเขียนตอบเลยนะครับ เห็นหมอสมัยนี้โอดครวญแล้ว นึกถึงหนังเกี่ยวกะหมอสมัยก่อน ที่พระเอกเป็นหมอฝึกหัด เรียนเก่งมาก เดาข้อสอบเก่ง ทำคะแนนได้ดี แต่ขี้เกียจศึกษาหาความรู้ให้รู้จริง เรียนหมอเพื่อจะได้รวย ไม่ได้คิดเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้เป็นจริงเป็นจัง แล้ววันหนึ่ง อาจารย์หมอก็เลยเรียกมาติว มาทำงานให้เป็นส่วนตัว เพราะเห็นว่ามีทักษะเฉพาะตัวดี แต่เข้าใจอาชีพหมอผิดๆ โดยเฉพาะทัศนคติที่แย่มาก โต้ตอบกะคนไข้ได้ไม่แพ้เกรียน หนังก็ดำเนินไปตามจังหวะของมัน ขอไม่เล่าเพราะไม่ใช่ห้องเฉลิมกรุง แต่อ่านความเห็นแล้ว ทำให้นึกถึงตอนที่อาจารย์หมอถามพระเอกว่า ลองบอกคนไข้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มารักษากะคุณ และจะเอาเรื่องที่คุณรักษาเขาไม่ได้สิ จะบอกเขาว่าไง พระเอกตอบว่า เสียใจด้วยนะ อยากมาช้าเองนี่ ใครจะช่วยได้ ไม่รู้จักมาหาหมอแต่แรกเอง ไม่ใช่ความผิดของหมอ ผมดูหนังเรื่องนี้เมื่อเกือบยี่สิบปีแล้ว ก็ยังงงๆ ว่า พระเอกตอบผิดตรงไหน แต่วันนี้ ผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ผมถึงค่อยเข้าใจ ว่า ประโยคนี้กลายเป็น key ของเรื่องนี้ในตอนหลังได้อย่างไร   เล่าให้ฟังไปงั้นล่ะครับ อ่านเจอความเห็นที่หมอมีต่อคนไข้แล้ว นึกถึงระบบความคิดของคนสร้างหนัง ของสังคมต่างประเทศที่มีต่อวุฒิภาวะของหมอน่ะครับ แค่นั้นล่ะ ป.ล. ถ้าผมตอบไม่ถูกใจตรงไหน หรืออ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างไร ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ คุณหมอทะเลที่เคารพ แค่นี้ ผม หรือคนไข้อื่นๆ ก็กลัวคุณหมอจะแย่แล้วล่ะครับ จะงอนไม่ไปใช้บริการกะคุณหมอ ก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจำเป็น ไม่จำเป็น ไม่ป่วย ไม่ถึงจะตาย ไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาลหรอกครับ ไม่รู้คุณหมอคิดถึงตรงนี้บ้างไหมหนอ ก็ได้แต่กราบก้มประนมมือทำความเข้าใจกะคุณหมอไป เพราะเป็นคนไข้จนๆ เรียนมาน้อย พูดให้ถูกใจ ถูกจริตคุณหมอไม่เป็น   ผิดพลาดประการใด ก็ขอถือพานพุ่มดอกไม้มาลัย ขออภัยคุณหมอทะเลและพวกพ้องไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ชาติหน้ามีจริง ขอให้ได้เกิดในสังคมที่ดี มีหมอใจดี เหมือนในหนังทีเถอะ อย่าได้เกิดเป็นคนไข้ในประเทศนี้เลย ที่เสี่ยภาษีเป็นเงินเดือนแพงๆ ให้คุณหมอแล้ว ยังจะถูกจิกด่า ถูกมองด้วยสายตาเหยี่ยดหยาม ทำให้คุณหมอต้องหงุดหงิดรำคาญใจที่จะป่วยอะไรกันนักหนา ไม่มีเวลาให้คุณหมอได้พักผ่อนชอปปิ้งมั่งเลย เออ แต่ไม่ต้องไล่ไปที่ชอบๆ หรอกนะครับ ปกติที่ไหนไม่ชอบ ก็ไม่ไปอยู่แล้วครับ ไปล่ะๆๆ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 15:03:47 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:55:32

ความคิดเห็นที่ 45 คห. 44 ในหนังมันก็เรื่องนึง ในชีวิตจริงก็อีกเรื่องนึง คนไม่ดีก็มี คนดีๆก็มีอีกเยอะ หมอก็มีหัวจิตหัวใจ มีความรู้สึก คุณด่าเขาปาวๆ ถึงเขาจะไม่พอใจ ไม่อยากยุ่งด้วย แต่เขาก็ยังรักษาคนอย่างนั้นต่อไป ใครกันที่ควรจะพิจารณาตัวเองครับ เข้าใจว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ดักหมอจริงๆ ก็ขอโอดครวญบ้างไรบ้าง (ว่าแล้วก็กลับไปทํางานต่อ) จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:07:29

ความคิดเห็นที่ 46 สำหรับใครที่กำลังคิดว่าตายเพราะว่าจนนั้น อยากบอกว่าเศรษฐีพันล้านก็เป็นเหมือนกันครับ เพิ่งฟ้องร้องกันจบไปไม่นานมานี้ครับ เคสเดียวกันเลยครับ จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:07:50

ความคิดเห็นที่ 47 ผมชอบ#32 นะเขียนได้ตรงดี ที่ว่า หมอไม่ต้องการ"ความเห็นใจ" แต่ต้องการ"ความเข้าใจ" แต่กรณีนี้ผมสงสารหมอเวรคนนั้นจริงๆ ทั้งที่ทุมเท ยอมไปกับรถ.referทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ ยอมหายจากรพ.ทั้งๆที่อาจจะโดนคนไข้คนอื่นด่าได้ แค่กลับโดนคนที่ทุ่มเทให้ขนาดนั้นแล้วด่ากลับมา เหมือนโดนหักหลังน่ะครับ ปล. เป็นผมคงทำไม่ได้อย่างเขา เพราะผมไม่สามารถทิ้งคนไข้ที่มีโอกาสรอดที่มาที่ห้องฉุกเฉินหลังจากนั้น เพื่อคนไข้ที่แทบไม่มีโอกาสรอดได้ หรือก็ คือ การมีหมอไปด้วยไม่ได้ทำให้โอกาสรอดมากขึ้นเท่าใด เพราะเจ้าหน้าที่ในรถ.EMS ปั้มหัวใจได้มีประสิทธิภาพกว่าหมอทั่วไป จากคุณ : Toukung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:10:38

ความคิดเห็นที่ 48 เฮ้อ คนอ่านหนังสือน้อย แต่สำนึกดี ผมว่ามีค่าและฉลาดมากกว่า คนอ่านหนังสือเยอะ แล้วคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่น พูดจาอะไร เขียนอะไร ไม่คิดก่อน จากคุณ : Bamboo Leaf เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:16:08

ความคิดเห็นที่ 49 @คห. 44 คุณลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง ที่บอกว่าเสียภาษีให้เงินเดือนหมอแพง ๆ นั้น ผมขอแย้งนิดนึงนะครับ เงินเดือนหมอแพง ๆ นั้นจะมีตาม รพ.เอกชนครับ ส่วนหมอของรัฐนั้นเงินเดือนตามวุฒิครับ + เงินเวรครับ (เงินเดือนหมอบางคน + เงินเวร ได้ 14,000 บาทก็มีครับ) บางทีเข้าเวร 36 ชม. ก็ได้เงินไม่เท่าไหร่ครับเพราะเป็นเวรเหมา ส่วนหมอของรัฐบางคนที่เห็นได้เงินเดือนเยอะ ๆ ลองไปดูนะครับว่าเค้าทำงานเดือนนึงกี่ชั่วโมง ลองเอาเงินเดือนหารต่อชั่วโมงดูนะครับว่าจะได้เงินชั่วโมงละกี่บาท (อาชีพเด็กพาร์ทไทม์บางร้านค้ายังได้เงินต่อ ชม. สูงกว่าหมอบางคนครับ) อนึ่ง ทุกวันนี้หมอหลายที่ หลายคนครับที่เงินเดือนไม่ได้ ทำงานฟรีครับ เพราะ รพ.ไม่มีเงินครับ เนื่องจากระบบหลาย ๆ อย่างที่พูดไปมันจะยาว แต่สรุปคือเงินตกเบิกก็ไม่ได้ แต่ต้องเลี้ยงตัวเอง ต้องเลี้ยงพ่อแม่ ฯลฯ ไม่ต่างจากคนปกติทั่วไปหรอกครับ จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:17:10

ความคิดเห็นที่ 50 จากประสบการณ์ที่เคยเป็นหมอในรพ.ชุมชน ห้องคลอดไม่เคยเต็ม ไม่เคยปฏิเสธคนไข้ แต่ถ้าคนไข้เจ็บครรภ์พร้อมๆกันอาจลำบากหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่ขึ้นเวรอาจไม่พอ โดยปกติเมื่อคลอดเสร็จแล้ว ถ้าอาการคงที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน จะย้ายคุณแม่ไปที่พักฟื้นหลังคลอด ปกติ รพ.ชุมชน จะทำคลอดเมื่อเป็นการตั้งครรภ์ปกติ หรือตามความชำนาญของแพทย์ ซึ่งถ้ามีปัญหาในการคลอด หรือภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ หมอทั่วไปที่อยู่รพ.ชุมชนจะส่งคนไข้ไปรพ.จังหวัดเพื่อรักษากับหมอเฉพาะทาง ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ในรายดังกล่าวมีภาวะเขียว (ออกซิเจนในเลือดไม่พอ) อาการไม่คงที่ และหัวใจหยุดเต้นขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า มีข้อบ่งชี้ในการใส่ท่อช่วยหายใจ อนึ่ง การตั้งครรภ์ไม่ใช่ภาวะปกติของร่างกาย การตั้งครรภ์ทุกครั้งมีความเสี่ยง อาการในรายนี้ฉับพลัน ต้องนึกถึงภาวะน้ำคร่ำเข้าสู่กระแสเลือด อุดตันที่เส้นเลือดปอดหรือหัวใจ เกิดขึ้นได้น้อย คาดเดาไม่ได้ อัตราการตายสูง แม้จะเป็นในประเทศพัฒนาแล้ว ยังไม่สามารถป้องกันได้ ไม่สัมพันธ์กับเศรษฐานะ หลักการรักษาคือ รักษาตามสถานการณ์ ใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าหัวใจหยุดเต้นก็ต้องปั๊ม จากคำบอกเล่าที่แพทย์เวรใส่ท่อ และปั๊ม พร้อมกับขึ้นรถไปด้วย ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่าแพทย์ท่านนั้นทำเต็มที่แล้วครับ (บางรพ.เล็กๆ ที่มีหมอเฝ้าเวร 1คน/1คืน/รพ. แพทย์อาจไม่สามารถตามขึ้นรถไปส่งด้วย) จากกรณีที่มีดารา เอาเคสนี้มาลงเฟสบุค ผมไม่ออกความเห็นละกัน แต่ผมคิดว่าคนที่เสพข่าวทุกคนควรไตร่ตรองก่อนกล่าวหาใครเสียๆหายๆ จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:32:02

ความคิดเห็นที่ 51 คห 42 คุณลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง หมอไม่ได้เป็นข้าราชการที่รายได้เยอะที่สุด หมอไม่ได้รายได้เยอะ เมื่อเทียบกับงาน และชั่วโมงในการทำงาน (ค่าแรงต่อชั่วโมง) หมอ เองก็ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน หมอ เองก็มีความรู้สึก เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นกัน ถึงแม้จะต้องอดทน แต่บางครั้งก็เจอกับเรื่องเสื่อมทรามมากมายจนอาจทนไม่ไหว เช่น การขอใบรับรองแพทย์เท็จเพื่อลางานเพื่อหนีทหาร การถูกต่อว่ารุนแรงจากคนไข้และญาติ การถูกประนามจากความไม่เข้าใจของประชาชน เป็นต้น ถ้าชาติหน้ามีจริงๆคุณควรขอให้เกิดเป็นคนดีพูดดีทำดี คนดีๆใครๆเขาก็อยากทำดีด้วยครับ แม้แต่หมอก็อยากรักษาคุณให้ดีๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้คุณได้เป็นหมอ เป็นหมอที่อยู่ต่างจังหวัด เป็นหมอที่ดี แต่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัว เป็นหมอที่ทำงานจนไม่ต้องพักผ่อน เป็นหมอที่โกรธใครไม่เป็นทำงานงกๆ เป็นหมอที่ไม่หวังเงินไม่รับเงินเวรรับแต่เงินเดือน เป็นหมอที่ใจดีแม้จะถูกเข้าใจผิดและประนามหรือโดนฟ้องร้องก็ยังทนเป็นหมอต่อไป ขอให้คุณเป็นหมอที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแม้ถูกคนต่อว่ามากมายก็ต้องทำใจ และไม่มีพื้นที่ในการเล่าความจริง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 20:24:09 จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 15:58:53

ความคิดเห็นที่ 52 ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง ไม่เจ็บไม่ป่วยมาหาหมอก็มีนะ มาขอใบรับรองแพทย์ โดดงาน ให้ประวัติวกวนหลอกหมอไปมา จรรยาบรรณคนไข้หายไปไหนเนี่ย จากคุณ : meisboo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:01:15

ความคิดเห็นที่ 53 น้ำเดินมาเกิน 18-24 ชม. เลยติดเชื้อ? เจ็บท้องก่อนน้ำเดิน หรือน้ำเดินแล้วเจ็บท้อง? ส่วนไหนของเด็กนำ หัวหรือก้น? มีภาวะแทรกซ้อน? ข้อมูลยังขาดอีกตั้งหลายส่วน อย่าเพิ่งสรุปว่าหมอเลว =..= ผมว่าข้อเท็จจริงเรื่องนึงที่สังคมควรทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้ได้แล้ว ก็คือ "ไม่มีหมอคนไหนที่อยากทำให้คนไข้ในมือตัวเองตาย" ..ไม่มีใครชอบความผิดพลาดหรอกครับ..ทำดีก็เสมอตัว ทำชั่วติดตัวจนตาย แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 16:05:45 จากคุณ : iHot เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:03:12

ความคิดเห็นที่ 54 กระทู้ดักหมอจริงๆ ร้อยละ 80 ของคนไข้ที่ไปหาหมอ เชื่อว่าเมื่อพบจะยกมือไหว้ ทั้งๆที่เป็นอาชีพอาชีพหนึง คนไข้ก้ไม่ได้รักษาฟรี จ่ายตังค์ให้ด้วย แต่คนไข้ไม่ได้นึกถึงเรื่องจ่ายตังค์หรือไม่จ่ายตังค์ ไหว้เพราะให้เกียรติ อาชีพหมอ ที่เป็นอาชีพทรงเกียรติ คุณหมอควรมีความเมตตา และ ยกระดับจิตใจให้เหนือ อัตตา ของตัวเอง ตัวตน ที่ใครว่าไม่ได้ ออกไป เพราะคนที่ว่าหมอ คือ คนที่ไม่เข้าใจหมอ โดยระดับสติปัญญา โดยทั่วไปแล้ว คุณหมอจะมีระดับสติปัญญา(ความฉลาด)เหนือผู้คนโดยทั้วไป ถ้าคุณหมอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ปรี๊ดแตกได้ง่ายแล้ว ก็ไม่ต้องนึกถึง คนในสังคมไทยเลย ยิ่งไม่เข้าใจกันไปใหญ่ ผมเป็นคนหนึง ที่พบคุณหมอแล้วยกมือไหว้ทุกครั้ง ไม่ว่าเด็กกว่าหรือไม่ เพราะผมถือว่า อาชีพหมอเสียสละมากๆ (ถึงแม้บางคนจะมองว่า เป็นอาชีพหนึงก็ตาม) อ่านในกระทู้นี้ เห้นคุณหมอหลายท่านมาตอบ แบบชี้แจงด้วยความโมโห บางท่านเหมือนมีงอน นิดๆด้วย อยากให้คุณหมอ ใจเย็นๆนะครับ และ มีเมตตาให้ผู้คนมากกว่านี้ซักนิด มองคนด้วยใจเมตตา จะสุขกาย สบายใจเองครับ แล้วค่อยหาโอกาส ชี้แจง ให้ผู้ไม่รู้....... จะดีกว่า และ น่ารักกว่า จริงมั้ยครับ คุณหมอที่เคารพ _/\_ (ปล.เลยประเด็นคุณ บิณฑ์ ไปละ) ถ้าโพสต์นี้ทำให้คุณหมอท่านใด ไม่พอใจ ต้องกราบขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ จากคุณ : น้องหนูสู้หุ้น เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:09:59

ความคิดเห็นที่ 59 ประเด็นนี้คิดอย่างเดียวค่ะ ว่าควรศึกษาหาความรู้ก่อนพูดก่อนทำอะไรลงไป อย่าเถียงข้างๆคูๆ มาโหวต และแจกกิ๊ฟเป็นกำลังใจแก่กระบอกเสียงเพื่อนพี่น้องแพทย์ทุกคน จากคุณ : pramepizzii เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:32:13

ความคิดเห็นที่ 60 เออ หมอก็คนคนหนึ่งเนอะ คุณลูกหมีเขาโง้ง ทำไมถึงคิดว่าหมอจะใจเย็น เป็นนางฟ้า ยอมให้คนอื่นชี้หน้าด่าปาวๆ เราคิดว่าคุณยังไม่ได้อ่านความคิดเห็นในเฟซบุ๊คที่ด่าหมอละมั้ง ถึงพูดแบบนี้ เราเองก็นึกว่ากำลังอ่านข้อความจากพวกก่อการร้ายที่ถูกหัวหน้าล้างสมองอยู่ ด่าไปถึงครอบครัว โคตรเหง้าหมอ บางคนถึงขั้นสาปแช่ง คุณคิดว่าสมควรหรือ? หรือคุณทนได้ จะได้รับทราบไว้ว่ามีพ่อพระ นักบุญแบบนี้อยู่จริงๆ เห็นในกระทู้ก่อน คุณก็ไปด่าพยาบาล ว่าพยาบาลไม่รับผิดชอบคนไข้ท้อง มัวแต่นั่งพิมพ์เอกสาร จนคนไข้เสียลูก ด่าอัยการที่ช่วยหมอว่าไม่ดี เข้าข้างหมอ กระทู้นี้ก็ยังตามมาด่าหมอ โดยไม่พูดถึงว่าหมอโดนด่ายังไงก่อน มีความหลังอะไรกับอาชีพทางสาธารณสุขรึเปล่าเอ่ย? หรือคุณก็เป็นหนึ่งในคนที่แสดงกิริยาเหล่านั้น ถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทน? เพราะจะว่าไป เราก็ด่าเฉพาะคนไข้มารยาทแย่ๆ คนไข้หยาบๆ ไม่มีคำไหนที่ด่าว่า คนไข้ไทย หรือ คนไข้สมัยนี้ แล้วคุณเข้าข่ายคนที่เราด่าเหรอ? ไม่ต้องกราบเรา หรือหมอคนอื่นๆหรอก แค่กลับไปบอกคนรอบตัวของคุณให้รู้จักให้เกียรติหมอบ้างก็พอ อย่าทำเหมือนพวกในเฟซบุ๊ค ดูถูก สาปแช่งหมอ แล้วยังใจกล้าหน้า...กลับมาขอความช่วยเหลือจากหมออีก เราเองก็คิดถึงคนไข้ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อ 20 ปีก่อน คนไข้น่ารัก เป็นกันเองมาก ให้เกียรติหมอตลอด มีน้อยรายที่จะยืนชี้หน้าด่าหมอ ด่าโคตรเหง้าหมอเวลาไม่ได้ดั่งใจแบบนี้ ไม่รู้ว่าหมอสมัยนี้ไม่มีจรรยาบรรณ หรือเพราะจรรยาบรรณของหมอมันแปรผันตามมารยาทคนไข้ คนไหนตามใจคนไข้ เอาอกเอาใจ ให้ทุกอย่างที่ขอ คือ หมอมีจรรยาบรรณ หมอทุกวันนี้ มีหน้าที่รักษาคนไข้ เสียภาษีให้คนไข้บัตรทอง สละเงินเดือนให้เป็นค่ารักษาฉุกเฉินที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจ่ายคืน แล้วยังต้องไหว้คนไข้ปะหลกๆ ขอความกรุณาอย่าให้มาฟ้องร้องเราอีก อาทิตย์ก่อน เราก็เพิ่งโดนคนไข้เข้ามาด่าพ่อล่อแม่ถึงในห้องตรวจ แค่เพราะเราออกใบรับรองแพทย์ให้ช้า คนไข้รออยู่นาน ทุกวันนี้ก็ยังไม่คิดว่าจะเลิกเป็นหมอ ได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่าจรรบาบรรณหมอ มันจะฟื้นกลับมา พร้อมจริยธรรมและมารยาทของคนไข้เช่นกัน แล้วถ้าคุณคิดว่าตัวเองอาภัพ เสียภาษีให้หมอ เป็นเบี้ยล่างหมออย่างนั้นอย่างนี้  ก็กลับไปย่อหน้าบนอีกรอบ แล้วก็อ่านความคิดเห็นที่คนอื่นอธิบายไว้ด้วยนะ จะได้เข้าใจถูกทางหน่อย อาจจะไม่ถูกจริตจะก้านนักสิทธิมนุษยชน สู้เพื่อคนจนอย่างคุณลูกหมีฯ แต่ก็เป็นความจริง ป.ล. บางคนอ่านหนังสือน้อย แล้วสำนึกยังน้อยอีกนะ ย่ำแย่กว่าอ่านหนังสือเยอะ แล้วสำนึกน้อยซะอีก ยังไม่เห็นใครที่มาด่าหมอหยาบๆจะด่าด้วยสำนึกอันดีซักคน ^ ^ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 17:46:51 จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:35:51

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าผลพิสูจน์ออกมาว่า แพทย์ผู้นี้ได้ทำหน้าอย่างเต็มความสามารถที่สุดแล้ว อยากรู้ว่า นายคนนี้จะออกมาขอโทษนายแพทย์ท่านนี้ไหม และพวกสาวกที่กดLike  โดยที่ผลทางการแพทย์ยังไม่ได้สรุป จะตามมาร่วมขอโทษ เพื่อแสดงความมักง่ายทางความคิดของตนไหมนะ อยากรู้จริงๆครับ จากคุณ : nareesom เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:45:50

ความคิดเห็นที่ 62 ที่จริง รพชเมื่อก่อน ก็มีห้องผ่าตัดนะคะ เปิดห้องให้ผ่าได้ แต่ ใครเล่า เจือกไปฟ้องหมอ แล้วศาลไหนกันนะ ที่ตัดสินว่าหมอผิด ที่บล็อกหลังโดยไม่มีหมอดมยาคุม แล้วเป็นไงหล่ะคะ ตอนนี้ รพช ไม่เปิดห้องผ่าตัด มีเคสแม้แต่ไส้ติ่งอักเสบยังต้อง refer นับประสาอะไรกับผ่าคลอด ประทานโทษอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ คนไม่มีเหตุผล มันก็ไม่มีเหตุผลวันยันค่ำ ขอให้ชาตินี้มีลูกมีหลานเป็นหมอโรงพยาบาลรัฐ ขอให้ชาติหน้าและชาติต่อๆไป เกิดมาเป็นหมอโรงพยาบาลรัฐ เมืองไทย แล้วเจอคนไข้นิสัยแบบตัวเอง ขออวยพรมานะที่นี้ จากคุณ : โซมาโตฟอร์ม ดิสออร์เดอร์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:50:35

ความคิดเห็นที่ 63 ขอมอบกำลังใจให้แพทย์ทุกท่านค่ะ จากคุณ : ป้าหนูดา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:00:33

ความคิดเห็นที่ 64 หมอไม่ใช่เทวดานะคะ ขอมอบกำลังใจให้กับคุณหมอทุกๆท่าน เช่นกันค่ะ จากคุณ : Nin เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:05:32 A:61.91.117.194 X: TicketID:252238

ความคิดเห็นที่ 65 มาคาดหวังให้หมอมารยาทดี ใจเย็นๆกับคนไข้ ดูกระแสตอนนี้ก่อนครับ ด่าบิดามารดาหมอ ด่าหมอหมดโลกหมดประเทศ ให้หมอใจเย็นกับคนไข้พวกนี้ อยากรู้จังคุณทำอาชีพอะไร ลองโดนเหมารวมด่าหมดประเทศว่าอาชีพคุณมัน "เลว" ดูสิครับ แล้วโดนด่าทีจากคนจำนวนมาก คุณจะรู้สึกอย่างไร ทั้งๆที่คุณทำงานเต็มที่แล้ว เป็นผมไม่ใจเย็นกับเรื่องนี้แล้วครับ ผมพร้อมด่าคืนทุกกระบวนท่าเหมือนกันกับเรื่องนี้ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:09:38

ความคิดเห็นที่ 66 ขอใช้กระทู้นี้ขอบคุณคุณหมอพิชิต หมอสูติรพ.สระบุรีด้วยค่ะ ที่ผ่าคลอดให้ หมอบอกว่าเคสเราทำยากมากพังผืดหนา เข้าห้องผ่าตัดตอน2ทุ่ม เสร็จเกือบ5ทุ่ม ดีใจที่ไม่ตาย จากคุณ : urina เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:09:39

ความคิดเห็นที่ 67 บิณฑ์เอ๊ย ฟังไม่ได้ศัพท์ จับเอามากระเดียด ในชีวิตจริงไม่มีร็อก เจ็บจนตายน่ะ ตายเพราะสาเหตุอื่นที่พวกเราก็ยังไม่รู้ ห้องคลอดไม่มีก็ไม่มีทางเป็นไปได้ รพ.น่ะเขารู้แน่และต้องมีเหตุผลที่รีบส่งต่อ อย่าเพิ่งมารุมด่ากัน จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:11:04 A:171.99.156.142 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 68 คห 46 ผลเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : mangjonh24 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:11:49

ความคิดเห็นที่ 69 เห็นในFB ตั้งแต่เมื่อเช้า วันก่อน ขอตำหนิคุณบิณฑ์ ที่ไม่ใช่ญาติ แต่เอาภาพของแม่และเด็กมาเปิดเผย และพูดแต่ในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ รพ.ชุมชนทุกแห่ง มีห้องคลอดทุกที ส่วนเงินที่ทางรพ.มอบให้สามีนั้น เป็นเงินตามมาตรา 41 ของสปสช.ซึ่งเป็นการเยียวยาเบื้องต้นแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาของทางรพ. และมีสิทธิบัตรทอง เท่านั้น และญาติผู้เสียชีวิตสามารถที่จะร้องเรียนขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมได้ ถึงแม้จะรับเงินจำนวนนั้นไว้แล้ว ข่าวมาหลายกระแสมากไป สื่อออนไลน์มาไวและแรง เลยทำให้แพทย์และรพ.โดนกระแสสังคมเข้าไปเต็มๆ จากทีดูข่าวสามมิติเมื่อเย็นที่10 กย. จากภาพข่าวก็เห็นว่าทางรพ.ได้เรียกญาติผู้เสียหายมาชี้แจงแล้ว ก็ต้องดำเนินการตามพรบ.หลักประกันสุขภาพ ต่อไป จากคุณ : แนน (nan_pumm) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:15:30

ความคิดเห็นที่ 70 ว่าจะอ่านอย่างเดียว แต่ทนไม่ไหวจริงๆค่ะ ไม่ได้เป็นหมอนะคะ ออกตัวก่อน แต่ เคยคิดอยากเรียนหมอ แล้วได้คุยกับ นศ แพทย์ ปีสุดท้ายท่านนึงว่า เป็นหมอไม่สบายหรอกน้อง หลังจากนั้นไม่นาน เจอพี่เค้าอีกที พี่เค้าบอกว่า จะลาออกมาเรียนทนายช่วยหมอที่ถูกฟ้องละ ตอนนั้น นัทเองเลยเปลี่ยนใจมาเรียนวิศวกรแทนค่ะ ด้วยคำพูดของ นศ แพทย์ ท่านนี้ นัทนับถืออาชีพหมอมาตลอดนะคะ เพราะเป็นอาชีพที่เสียสละมาก ไม่แพ้พยาบาล ครู และ ทหาร ถ้าคุณที่ว่าหมอ เคยลองไปฝึกงานใน รพ รัฐมั๊ยคะ? นัทเคยไป ตอนม ปลาย ด้วยความที่คิดอยากเรียนหมอ อยากสอบตรง เลยต้องไปฝึกงานก่อน เห็นเลยค่ะ ว่าหมอเนี่ย ต้องลงมาตรวจ คนไข้ ตั้งแต่ ตีห้า เพราะตอนนั้น นัทต้องไปถึงหกโมงเช้า ก็เจอพี่หมอทำงานอยู่แล้วค่ะ กว่าจะกลับ ก็ดึกดื่นเที่ยงคืน จากที่ได้คุยกับพี่หมอมา จากเหตุการณ์นี้ คิดว่าจะมีอนาคตของชาติอีกเยอะมั๊ยคะ? ที่จะเป็นแบบนัท เปลี่ยนใจไม่เรียนแล้วหมอ เรียนก็ยาก ต้องอ่านหนังสือไม่มีเวลาเที่ยวเล่น จบมาทำงานก็ไม่มีเวลาให้คนที่รัก และไม่มีเวลาใช้เงินอีก ขอบอกว่านัทเป็นครูสอนพิเศษค่ะ อาชีพเสริม และจากที่สอบถามเด็ก น้อยมากเลยคะ หนึ่งในพันได้ของเด็กรุ่นถัดไปที่จะเรียนหมอค่ะ ที่เล่ามาอาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่นัก แค่อยากจะแชร์ค่ะ เห็นใจหมอนะคะ แล้วก็สงสารคุณพ่อท่านนั้นที่สูญเสียแม่และลูกพร้อมกันค่ะ ยังไงก็ ไม่อยากให้บั่นทอนจิตใจหมอกันนะคะ ให้กำลังใจหมอทุกท่านนะค้า สู้ๆค่า ^^ จากคุณ : แม่มดนัท (nathsonata) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:16:35

ความคิดเห็นที่ 71 ผมว่าเรามาหยุดอารมณ์ร้อนกันและคิดตามความเป็นจริงดีกว่าครับ เราต้องยอมรับก่อนนะครับว่าการตั้งครรภ์นั่นเปรียบเทียบได้กับการเจ็บป่วยอย่างนึงครับ ผู้หญิงปกติคนนึงพอตั้งครรภ์ ระบบต่าง ๆ ของร่างกายก็เปลี่ยนไปครับ ยิ่งปัจจัยอื่น ๆ เสริมอีกเช่นท้องแรก แม่อายุเยอะ โรคประจำตัวก่อนที่ที่จะตั้งครรภ์ ผทเข้าใจนะครับว่า ทุกคนต่างมีความหวังที่จะได้ทั้งแม่และลูกกลับไป แต่แค่เริ่มมีการเจ็บครรภ์ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงแล้วครับ โดยเฉพาะภาวะบางอย่างเราบอกไม่ได้ล่วงหน้าเลยครับ เช่นภาวะน้ำครำอุดตันในเส้นเลือด บอกไม่ได้เลยครับว่าจะเกิดขึ้นกับใคร และไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจงต่อภาวะนี้ด้วยครับ ผมเชื่อว่าหมอทุกคนทำสุดความสามารถแน่นอน หมอทุกคนอาจจะไม่ใช่คนดี แต่ไม่มีใครอยากถูกฟ้องร้องแน่นอนครับ จากคุณ : GamaBunta เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:21:10

ความคิดเห็นที่ 72 เห็นด้วยกับ คห 71 ค่า อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใครเลยค่ะ ใช้เหตุผล สติ และ ปัญญาดีกว่านะคะ จากคุณ : แม่มดนัท (nathsonata) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:23:18

ความคิดเห็นที่ 73 ขอลบความเห็นนะครับ ขอไม่ออกความเห็นใดๆแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 20:21:59 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 18:40:30 จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:29:40

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าชาติมีจริงๆคุณควรขอให้เกิดเป็นคนดีพูดดีทำดี คนดีๆใครๆเขาก็อยากทำดีด้วยครับ แม้แต่หมอก็อยากรักษาคุณให้ดีๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้คุณได้เป็นหมอ เป็นหมอที่อยู่ต่างจังหวัด เป็นหมอที่ดี แต่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัว เป็นหมอที่ทำงานจนไม่ต้องพักผ่อน เป็นหมอที่โกรธใครไม่เป็นทำงานงกๆ เป็นหมอที่ไม่หวังเงินไม่รับเงินเวรรับแต่เงินเดือน เป็นหมอที่ใจดีแม้จะถูกเข้าใจผิดและประนามหรือโดนฟ้องร้องก็ยังทนเป็นหมอต่อไป ขอให้คุณเป็นหมอที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวแม้ถูกคนต่อว่ามากมายก็ต้องทำใจ และไม่มีพื้นที่ในการเล่าความจริง เหอะๆๆ  ก็ขอให้คุณหมอเป็นคนคิดดีทำดีให้ได้ก่อนละครับ ไม่ต้องรอชาติหน้าก็ได้ ถ้าทำได้ชาตินี้เลยก็ยิ่งดี ส่วนเรื่องที่โอดครวญมา (ขอให้คำนี้นะ ไม่รู้จะใช้คำอื่นที่มันสุภาพกว่านี้ได้ไง) ข้าราชการส่วนอื่นๆ เขาก็เป็นกันทั้งนั้น รับราชการมา มีใครเลือกลงบ้านเกิด ทำงานเลิกสี่โมงครึ่งได้ดังใจเหรอครับ เขาก็ถูกย้ายไปต่างจังหวัด ห่างไกลพ่อแม่ลูกเมียกันทั้งนั้น ความกดดันเรื่องงานก็มีกันทั้งนั้น บางทีทำงานงกๆ แทบตาย ไม่ถูกใจนักการเมืองในพื้นที่ โดนเด้ง โดนกลั่นแกล้งซะงั้น หรือทำงานยึดหลักการ ยึดตัวบทกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจมวลชนในพื้นที่ พวกเล่นเอามวลชนมาปิดล้อมทีทำงาน เอาอิฐไปขว้างหลังคาบ้านพัก ก็มีมาแล้ว อาชีพหมอเหนื่อยและเจอความกดดันเป็นอยู่อาชีพเดียวหรือกระไร ยกตัวอย่างที่เจอเอง ผมยังเคยจะโดนลูกน้องเสธคนดัง อุ้มมาสองครั้งแล้ว เพราะเข้าไปขวางที่เขาจะอุ้มผู้หญิงและเด็กไปทวงหนี้ เคยโดนม็อบรุมมาแล้ว เพราะไปชี้แจงกะเขาด้วยเหตุด้วยผลตามกฎหมาย แล้วมันดันไม่ถูกใจท่านๆ เคยโดนรุมสกรัมมาแล้วจากบรรดาลิ่วล้อผู้มีอำนาจ เพราะไปขวางผลประโยชน์เขา ทั้งหมดนี้ ไม่มีการแจ้งความ บอกเล่าให้ใครฟังได้ในวงจำกัดด้วยซ้ำ เหนื่อย ท้อ แต่ผม หรือเพื่อนร่วมงานผม   ไม่เห็นมีใครจะตั้งกฎเกณฑ์ว่าจะให้บริการเฉพาะคนที่พูดจาดี เข้าใจง่ายๆ ไม่ใช้อารมณ์ อาชีพอื่นๆ เขาก็เสี่ยง เขาก็เหนื่อยเป็นกันนะคุณหมอ ไม่ใช่ท่านเหนื่อยเป็นกันอาชีพเดียว แต่ไม่ว่าเหนื่อยยังไง ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเหวี่ยงกะผู้มารับบริการได้ เขาเรียนมาน้อย เขาไม่เข้าใจระบบ เขาเป็นเป้าหมายที่ทำให้เรามีงานทำอยู่ทุกวันนี้ มันต้องบอกตัวเองอย่างนั้นหรือเปล่าครับ แล้วหาทางทำความเข้าใจกันไป อธิบายกันไป รับฟังกันไป ให้อภัยกันไป ไม่ใช่หงุดหงิดแล้วพาลจะขอรักษาแต่คนพูดหวาน พูดเพราะ เอาใจหมอ ประจบสอพลอด้วยได้ยิ่งรักตายเลย อะไรทำนองนั้น วันนี้ คุณยังเด็ก คุณก็งอแงของคุณไปเรื่อย วันนึง เมื่อคุณผ่านมันไปได้ เข้าใจชีวิต เข้าใจสังคมมากขึ้น หวังอย่างยิ่งว่าทัศนคติคงจะเปลี่ยน  และเรียนรู้ที่จะสอนรุ่นน้องให้รับมือกับความกดดันต่างๆ ได้ดีกว่าที่คุณเคยเป็น หรือเป็นอยู่ในตอนนี้ แต่...ถ้าถึงวันนั้น หรือถ้าวันนี้คุณไม่ใช่เด็กๆ เพิ่งเรียนจบอีกแล้ว ก็ขอแสดงความเสียใจกะประเทศไทย กับสังคมไทยด้วยจริงๆ ครับ ป.ล. ผมต้องคลุกคลีกะหมอและบุคลากรในสายงานด้านสาธารณสุขอยู่มาก ต้องเข้าไปเป็นวงในอยู่ช่วงหนึ่งของชีวิต ก็ยังดีใจ ว่า หมอหลายๆ คน เข้าใจบทบาทหน้าที่ และหัวโขนที่ตัวเองต้องใส่ดีทีเดียว ไม่เอาอารมณ์ส่วนตัว มาปนกับเรืองงาน และหลายคนที่ผมเคยแลกเปลี่ยนความเห็น ไม่เคยงอแงเป็นเด็กอมมือด้วยซ้ำ แต่กลับช่วยชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของระบบ ความไม่เป็นธรรมระหว่างหมอต่างจังหวัดกะหมอในเมืองกรุง รวมถึงคอรัปชั่นในระบบสาธารณสุขที่กัดกินระบบจนเละพอสมควรซะด้วยซ้ำ เพราะงั้น ผมถือว่าที่ออกความเห็นราวกับจะเป็นจะตายอยู่นี่ คงเป็นส่วนน้อยที่เพิ่งเรียนจบกระมัง   หมอส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น   อนึ่ง ที่คุณหมอทะเล หาว่าผมไปด่าพยาบาล ว่าพยาบาลไม่รับผิดชอบคนไข้ท้อง มัวแต่นั่งพิมพ์เอกสาร จนคนไข้เสียลูก ด่าอัยการที่ช่วยหมอว่าไม่ดี เข้าข้างหมอ อืม ผมแค่ตั้งข้อสงสัย เป็นข้อสงสัยที่มีแต่คนมาแก้ตัว แต่ไม่มีใครสักคนมาโพสอธิบาย   จงใจอ่านข้ามไปซะงั้น ถามจริง ระหว่างจัดการคนไข้ที่นอนรอความหวังแข่งกะเวลาอยู่ริมทางเดิน กะพิมพ์เอกสารในระบบคอมพ์  คิดไม่ได้จริงๆ หรือว่าอะไรควรมาก่อนมาหลัง ถามจริงว่า รอพิมพ์ช้าไปอีกสักชั่วโมง  จะขาดใจตายหรืออย่างไร เออ ถ้าที่กะลังทำอยู่ คือการบันทึกข้อมูลสำคัญ ที่ถ้าไม่ทำ หมอที่จะรับไม้ต่อจะไม่สามารถรักษาคนไข้ได้เลย ต้องปล่อยให้นอนตายไปตามลำพังเช่นกัน ก็จะยังรับฟังได้ แต่ระบบห่วยๆ แบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก เราก็รู้กันอยู่แก่ใจ นอกจากนี้ ผมเจอหมอมาหลายประเภทแล้ว เพราะอายุไม่ใช่น้อยๆ เจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องไปรบกวนหมอที่โรงพยาบาลต้องมีบ้าง และขอบอกว่า เกือบทุกครั้ง เป็นทางผมที่ต้องใจเย็น พยายามเข้าใจหมอ ทั้งที่อยากเตะหมอหลายคนที่เคยเจอก็มี พยายามนับหนึ่งถึงร้อย ไม่ร้องเรียนก็เคย ทั้งที่มั่นใจว่า ร้องเรียนไปสงสัยจะโดนหักเงินเดือนเป็นอย่างน้อยแน่ๆ แต่ก็ปล่อยผ่านๆ ไป หรือแม้แต่เคสที่อดีตข้าราชการระดับสูงคนนึง ที่ต้องตายจากแผลผ่าตัดทั้งที่กะลังจะออกจากโรงพยาบาลอยู่วันพรุ่งนี้แล้ว และผู้ตาย เป็นคนเก็บความลับในเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยู่ ที่มีผลให้หลายๆ คน อาจต้องตกงาน ติดคุก หรือหมดอนาคตกันไปเลย แต่สุดท้าย ก็ต้องตาย ผมเป็นหนึ่งในทีมสอบสวนที่ถูกส่งไปหาตื้นลึกหนาบาง ว่าตายเอง หรือโดนเก็บ แล้วพบว่า อาจารย์หมอขอปิดห้องคุยกะทีมสืบสวนเอง ว่าลูกศิษย์พลาด ลืมฉีดยาละลายลิ่มเลือด จนเลือดอุดตัน หัวใจวาย และขอให้เรื่องนี้จบๆ กันไป ไม่ต้องเอาเรื่อง เรื่องง่ายๆ กะแค่ฉีดยาตามที่อาจารย์หมอสั่ง แต่ไม่ได้ทำตาม จนทำให้คดีบางเรื่องปิดไม่ลง ทำให้ครอบครัวหนึ่งกำพร้าพ่อ ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นหม้าย ต้องออกจากงานมาเริ่มต้นจับปืน ฝึกยุทธวิธี เพื่อล้างแค้นให้สามีตัวเอง ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ล้างแค้นกะใครก็ไม่รู้ เพราะเรื่องจริงที่ทำให้บาดเจ็บ เรื่องจริงที่ทำให้เสียชีวิต ถูกเก็บเป็นความลับตามคำขอ บอกใครไม่ได้ แบบนี้ ถือว่าหมอทุกคนตั้งใจรักษาอยู่ไหมครับ อนึ่ง โดยส่วนตัว ผมไม่ได้มีอคติอะไรกะหมอหรอกครับ โพสมาดีๆ ผมก็ตอบดีๆ แสดงความเห็นดีๆ แต่โพสเชิงแก้ตัว ปกป้องพวกเดียวกันแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น หรือโพสประมาณตูข้า พวกข้า ถูกเสมอ ไม่เคยผิดพลาดมาก่อนเลย ถ้าผิดพลาดจริง ก็เป็นความบกพร่องโดยสุจริต ไม่ผิดๆๆๆๆ ขืนเป็นแบบนี้  ก็คงต้องวิวาทะกันไปอีกนานแสนนาน กระทู้นี้ ผมก็เห็นว่ามันไม่ถูกต้องแบบนี้ ก็แสดงความเห็นไป กระทู้ก่อน ก็เห็นว่ามันไม่ถูกต้องแบบนั้น ก็แสดงความเห็นไป ถ้าคุณหมอทะเลจะโลกสวยมากจนอยากอ่านเฉพาะความเห็นชื่มชนวงการแพทย์ ผมว่า ปิดคอมพ์ไปเหอะครับ เรื่องมันมีประเด็นมาแบบนี้ จะให้มาหลับหูหลับตาอวยกัน มันคงไม่ใช่เรื่อง อย่างไรก็ตาม อ่านเจอตรงไหนหนอว่าผมด่าพ่อล่อแม่หมอ หรือเห็นด้วยกะที่ควรใช้อารมณ์โต้ตอบกะหมอ หือ ผมแต่ติว่าคำพูดมันแรงไป และคำพูดเรา สะท้อนวิธีคิด สะท้อนทัศนคติที่มีต่อสิ่งนั้นๆ เว้นเสียแต่ว่า คุณหมอทะเลจะบอกว่า ปกติปากไม่ตรงกะใจ ซึ่งก็คงไม่ใช่ จริงไหม ทัศนคติคุณอันตรายนะ ผมขอเตือน มันจะกัดกร่อนจิตใจคุณเอง ให้เห็นคนไข้เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำลายกำลังใจของคุณเอง จนหมดสนุกกะการทำงานรับใช้สังคม และวันนึง คุณอาจเดือดร้อนได้เองกับทัศนคติแบบนี้ แต่เอาล่ะ ไม่ว่าคุณหมอทะเลก็แล้วกัน จะได้อารมณ์ดีขึ้น ดีไหม มีโอกาสเป็นคนไข้คุณหมอทะเล หรือคุณหมอท่านไหน ผมจะกระโดดหอมแก้มก่อนเลย จะได้เป็นการยืนยันว่าผมมาดีนะ ฉีดยามาแล้วด้วย ถ้ากะลังหงุดหงิดมาจากคนไข้คนอื่นอยู่ ผมก็จะนั่งพับเพียบเรียบร้อย รอจนกว่าจะหายหงุดหงิด มีอารมณ์จะรักษาผม ดีไหมครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 18:57:31 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:36:50

ความคิดเห็นที่ 75 ผมขอถอนตัวละครับ หยุดใครไม่ได้ หยุดตัวเองดีกว่า ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 19:54:52 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 19:06:24 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 19:05:35 จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:51:14

ความคิดเห็นที่ 76 ^ ^ ^ ^ ^ ^ ผมพยายามหาอ่านข้อสงสัยที่คุณลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง ต้องการให้อธิบาย ยังไงลองถามมาเลยครับ ผมจะตอบเป็นข้อๆให้ ชัดๆ เท่าที่ผมจะทำได้ ตามหลักการ แต่เกรงว่า จะมีคนบอกว่าเข้าข้างกันซะอีก ปล.ผมพยายามบอกแล้วนะ ว่าเป็นหมอ อย่าขอ"ความเห็นใจ"เพราะมันจะเกิดอะไรออกทะเลแบบนี้ เรารักษาคนด้วยความรู้ ไม่ช่ความรู้สึก ความเห็นใจของคนอื่นไม่มีค่าครับ เราทำงานเพื่อบรรลุ"เป้าหมาย" คือ"การช่วยชีวิต" เราเห็นใจคนอื่นได้ แต่อย่าให้คนอื่นต้องมาเห็นใจเรา น้องๆที่ได้อ่านแล้วต้องคิดอยู่เสมอนะครับ จากคุณ : พิเศษไม่ใส่ผักโรย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:55:25

ความคิดเห็นที่ 77 ผมย่อ #74 ให้เหลือบรรทัดเดียวละกันครับ คุณลูกหมีฯ เขาบอกให้หมอทำตัว "โลกสวย" เข้าไว้ครับ จบนะครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:02:29

ความคิดเห็นที่ 78 ขอให้่เมื่อพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่เขียนกระทู้นี้จบแล้ว ปล่อยวางอารมณ์ ความคิด ความผิดหวังต่อคนที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพนี้หรืออาจจะเคยไม่ประทับใจกับการรักษาไว้  แล้วกลับไปทำงานเป็น หมอ อย่างที่พวกเราเป็น ตั้งใจ มุ่งมันทำงานแบบที่พวกเราทำกันอยู่นะ อย่าเพิ่งหมดแรง หันหลังกลับ เพียงเพราะคนอื่นไม่เข้าใจเราเลย คนเหล่านั้นเขายังต้องพึ่งพาพวกเราอีกมากมาย อย่าเอาคำพูดของคนอื่น ที่ไม่้รู้จัก มาบั่นทอนจิตใจ ความตั้งใจเลย ท้อได้ แต่อย่าถอย จากคุณ : therapy เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:04:57

ความคิดเห็นที่ 79 ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น เพราะอ่านของคุณบิณฑ์ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้แต่ว่ามันคืออุบัติเหตุไม่ใช่ความประมาท ไม่ได้เข้าไปอ่านคอมเมนท์ในนู้นด้วย แต่ท่าทางจะโพสกันแรง เพราะคุณหมอแต่ละท่านในห้องนี้ก็แรงกันเหลือเกิน อ่านแล้วเหมือนหมอเก็บกดน่ะ อะไรดีๆ ก็เก็บเป็นความทรงจำดีๆ เป็นแรงใจให้ช่วยผู้อื่นต่อไป อะไรแย่ๆ ก็เขวี้ยงมันทิ้งไป ถ้าไม่ไหวก็เลิกเป็น ดีกว่ามานั่งเก็บกดแล้วระบายด้วยการว่าผู้อื่นแย่ๆ มีความรู้สึกไม่ดีกับญาติคนไข้ (ต้องเข้าใจว่าเค้าไม่ได้รู้ลึกเหมือนคุณๆ) ถ้าเราเป็นเหมือนเขา เราก็ไม่ต่างอะไรกับเขาหรอก เหมือนกัน จากคุณ : มองนอกหน้าต่าง (LiveabLe) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:07:01

ความคิดเห็นที่ 80 นึกถึงตอนขึ้นคลินิกวันแรกตอนปี 4 ได้ขึ้นวอร์ดสูติก่อนเลย คนไข้คนแรกในชีวิตเป็นคุณแม่หลังคลอด กับเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ลูกสาวคนแรก,,, ตอนราวน์เช้าวันนึง ก่อนที่คุณแม่และน้องจะได้กลับบ้าน อยู่ดีๆคุณแม่ก็บอกว่า "คุณหมอ ตั้งชื่อให้น้องหน่อยได้มั้ยคะ" ตอนนั้นตื้นตันใจมาก ดีใจมากๆสำหรับนศ.พ.ปี 4 ตัวเล็กๆที่ยังทำอะไรก็ไม่เป็น ,,,, จากวันนั้นก็ประทับใจ มีความคิดอยากเรียนสูติฯด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกตอนนี้ ไม่กล้าเลยค่ะ "กลัว" จริงๆ ยิ่งได้รู้ว่าสังคมสมัยนี้มองพวกเราอย่างไรยิ่งท้อ แต่ก็นึกถึงคนไข้อีกหลายคน คนไข้ ที่ตอนเข้ามาเรียนปี 1 เราตั้งใจสัญญากับพระบิดาไว้ว่าเราจะเป็นหมอที่ดีเพื่อมาดูแลรักษาคนไข้ สำหรับเหตุการ์ณครั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัวด้วยค่ะ เป็นเหตุการ์ณที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง เศร้าใจ ,, เศร้าใจ ,,, เศร้าใจ จากคุณ : Mirror of Erised เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:07:27

ความคิดเห็นที่ 81 แม้รู้สึกเป็นกระทู้ดักหมอ คนส่วนใหญ่ที่เขามาอ่านก็คงเป็นหมอ ส่วนคนด่าหมอก็คงไม่เข้ามาอ่านแต่เมื่อได้ข่าวก็รู้สึกเสียใจและทำใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่จึงพยายามรับรู้ข่าวนี้ให้น้อยที่สุด บอกตามตรงว่าในเฟสบุ๊คเราเพื่อนที่ใช้ทุนอยู่ตอนนี้ท้อแท้มากกับข่าวนี้จิงๆ ไม่ใช้ไม่อยากทำงาน ไม่อยากตรวจ แต่มันไม่มีกำลังใจในการทำงาน หมอใครๆบอกว่าเป็นอาชีพที่ได้บุญสร้างกุศล ไม่มีหมอคนไหนหรอกที่อยากให้คนไข้ในมือตนเองต้องตาย หากคิดเช่นนั้นคงไม่เป็นหมอคงเป็นคนไข้จิตเวชแน่แท้เลยทีเดียว แต่ในบางภาวะที่มันสุดวิสัยความตายเองก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ห้ามไม่ได้ อยากให้คนเข้าใจ พวกเราเองจะบอกว่าดีล้วนก็เป็นไปไม่ได้ เราเปนเพียงกลุ่มอาชีพหนึ่งที่มีคนดีและไม่ดีปะปนกัน แต่ความไม่ดีของเรานั้นก็คงไม่ถึงขั้นเจตนาจะฆ่าใคร จากเหตุการณ์ที่ยังไม่แน่ชัด 1 การเป็นข่าวอย่างนี้คงต้องเสียใจแทนครอบครัวผู้ตาย จรรยาบรรณเราสั่งสอนกันไว้แม้แต่ขึ้นที่ประชุมลับยังไงยังต้องปิดหน้าผู้ตายไว้ไม่ให้เห็น การลงรูปผู้ตายในสภาพนั้นมันสมควรแล้วเหรอคะ รู้ว่าภาพมันถ่ายมาแล้วดูแรงดูสะเทือนอารมณ์ แต่คุณจะต้องสะเทือนไปแค่ไหนตอนนี้มันทั่วประเทศแล้วที่คนไทยต้องเห็นภาพผู้หญิงคนนี้ในสภาพเช่นนี้ ใจเขาใจเราคะ ใครตายในสภาพอย่างนี้อยากให้มีรูปลงทั่วเนตไหม เคารพคนที่เขาตายกันบ้าง 2ในเหตุการณ์แบบนี้ก่อนตัดสินใครผิด แม้กระทั่งศาลเองก็ยังพิจารณาว่า แพทย์ทำไม่ตรงตามมาตรฐานรึเปล่า ปล่อยปะละเลยรึเปล่า คำตอบคงได้จากคอมเมนต์ต้นๆกันมาบ้างแล้ว แล้วใครเล่าที่ผิด ใครที่ควรโดนประนามอย่างที่เป็นอยู่นี้ บางคนอ่านไม่ครบไม่พิจารณาพิมอะไรที่ไม่สุภาพไปในสื่อสาธารณะคือคนที่ควรพิจารณาตัวเองด้วยรึเปล่าคะ ทำไมเชื่อง่ายจัง ทำไมอารมณ์ร้อนจัง ทำไมไม่หาความรู้บ้าง คนส่วนใหญ่อยากรู้แต่ไม่หาไม่อ่านและไม่ถาม แปลกเนอะ ถ้าคุณหาคุณอ่านคุณถาม คงมีเวลาคิดพอจะไม่พิมอย่างนั้น สุดท้ายในฐานะแพทย์คนนึงคงบอกว่าขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนแพทย์ทุกคนที่ทำดีและดูแลคนไข้อย่างดี ตี4ตี5ก็ไม่ได้นอน อย่าเพิ่งท้อถอย และ ขอความเข้าใจจากคนที่มารับบริการทางการแพทย์ ประสบการณ์เจอหมอคนไหนไม่ดีไม่ได้แปลว่าหมอทั้งโลกจะไม่ดีไปหมด ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่สบายใจที่จะไปรักษากับใครเลย จากคุณ : puwarin (rolling dicy) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:08:11

ความคิดเห็นที่ 82 ตอบคุณ HengKung นะครับ ว่าผมไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปเก็บเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิด มาแค้น มาน้อยใจเลย เขาโพสเพราะไม่เข้าใจ เพราะอยู่ในอารมณ์โกรธ เพราะกระแสมันมาแบบนั้น หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ ควรทำความเข้าใจเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจด้วยซ้ำ ว่าคงเรียนมาน้อย หรือไม่มีเวลาติดตามข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ไม่เห็นจะต้องเก็บมาบั่นทอนกำลังใจอะไรเลย ถ้าผมเก็บเอาเรื่องแบบนี้มาคิดในแบบเดียวกัน คงไม่เป็นอันทำงาน เพราะบางครั้งบางหน สังคมด่าพ่อแม่ญาติพี่น้อง ด่าลามไปถึงผู้ก่อตั้งหน่วยงานที่ตายไปเป็นร้อยปีแล้วด้วยซ้ำ อ่านแล้วก็ขำๆ กันไป เออ ถ้าเราเป็นคู่กรณี และผิดจริง แล้วสังคมจับได้ไล่ทัน จนมีคนมาช่วยกันรุมประนาม อันนี้ ผมว่า ค่อยน่าเสียเวลามาเครียดนะครับ ไม่รู้เห็นด้วยไหม ตอบคุณ พิเศษไม่ใส่ผักโรย อ่านไปก็คงงงๆ มังครับ เพราะไม่เกี่ยวกับสาเหตุการตาย หรือดราม่าในเฟสคุณบิณฑ์โดยตรง ถ้าอ่านดีๆ จะเห็นว่าผมตั้งประเด็นเอากับคำพูดคุณหมอทะเลเท่านั้น เพราะรู้สึกว่า แรงเกินกว่าที่คนเป็นหมอจะพูดจาแบบนี้ และยังหวังว่าคงพูดไปด้วยอารมณ์ ไม่ใช่ว่าปากตรงกะใจ จนหลุดออกมาแบบนี้ มันก็เลยไม่มีคำถามไงครับ ก็เลยไม่มีคำตอบที่คุณหมอจะตอบได้ แม้ว่าพยายามจะหาว่าผมสงสัยอะไรก็ตาม เห็นป่ะ คุณหมอทะเลก็หาว่าผมอคติ ผมยังไม่ด่าคุณหมอที่รักษาในคดีนี้สักคำเลย กล่าวหากัดชัดๆ  เสียใจนะเนี่ย เอาเป็นว่า อ่านความเห็น 44 ดีๆ อ่านความเห็นเพิ่มเติมดีๆ แล้วจะได้หายงงนะครับ ส่วนคุณหมอท่านไหนที่ร่วมแจมด้วย จะบอกว่า ถ้าจะมาบ่น มาโอดครวญ มาร่วมวงจิกกัดผม เสียเวลาเปล่าๆ นะ กินวีต้าพรุนแล้วไปนอนพักเอาแรงจะดีกว่า แต่ถ้าจะมาช่วยอธิบายกรณีศึกษาที่ผมตั้งเพิ่มไว้ตอนหลัง ก็ยินดีรับฟังครับ ตอบคุณ Umiki นะครับ หวังว่าอันนี้จะเป็นแค่มุกนิ ถ้าเป็นวิธีคิดจริงๆ ขอบอกว่าน่าผิดหวังครับ และจะไม่แปลกใจเลย ที่คนไข้สมัยนี้ไม่ได้เคารพคุณหมอกันเท่าที่ควรอีกแล้ว อย่างที่คุณหมอทะเลว่าไว้ ก็ในเมื่องมาตรฐานความรับผิดชอบแบบนั้น ถูกมองเป็นเรื่องโลกสวย ก็ต้องยอมรับผลกรรมไปล่ะครับ  ปลูกต้นไม้อย่างไรได้ผลอย่างนั้นครับ อืม แต่ถ้าเลือกได้ ผมขอให้คุณหมอทำตัวสวยๆ ดีกว่าครับ ไม่ต้องโลกสวยหรอกคุณหมอ Umiki คนสวยทำอะไรก็ไม่ผิด เคยได้ยินป่ะ ป.ล. รอขาประจำท่านหนึ่งอยู่ ไม่รู้หายไปไหน อ่านๆ ไป  ยังไม่เห็นเจอเลยอ่า ไม่ได้วิวาทะกะท่านนี้นานแล้วด้วย อดคิดถึงไม่ได้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 19:14:25 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:10:53

ความคิดเห็นที่ 83 หมอที่สมัครเรียนสูติปีนี้ถอนใบสมัครไปหลายคน จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:18:56

ความคิดเห็นที่ 84 หญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงหลายอย่างนะ ไม่งั้นเค้าก็ไม่ต้องให้พวกคุณๆเหล่านั้นเค้าไปฝากท้องหรอก เวลาไปฝากท้องทุกครั้งทำไมต้องตรวจปัสสาวะดูโปรตีนกะน้ำตาลในปัสสาวะด้วยล่ะ ไปศึกษาให้ดี ก่อนนะจ๊ะคนไทยทั้งหลาย จะอ่านอะไร จะฟังอะไร ก็ให้ใช้สติ พิจารณา พูดแบบกลางๆนะไม้ได้เข้า ข้างใครทั้งนั้น. เวลาคลอดก็เหมือนกันทุกคนมีความเสี่ยงสูง ถึงแม้คุณๆจะไปฝากท้องสม่ำเสมอ และคุณๆแล้วก็เด็กในท้องปกติดี สมบูรณ์แข็งแรงตลอดก็เหอะ วันคลอดน้ำคร่ำอุดกั้นในปอด. มันเรียก วาเป็นความโชคร้าย(ซวย)ของแต่ละคน มันเร็วมาก ตายได้โอกาสรอดน้อย. จบ จากคุณ : via iPad (เจ้าหญิงนางแอ่นน้อย) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:25:57

ความคิดเห็นที่ 85 อีกหน่อยคงต้องปล่อยให้ทำคลอดกันเองซะมั้ง เพราะว่าจะไม่มีหมอสูติ 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555 !!! จากคุณ : shinee_ti เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:48:29

ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อไม่นานมานี่ พาคุณแม่ไปหาหมอ  คุณหมอท่านนั้นเป็นอาจารย์หมอ แล้วมีนักศึกษาแพทย์อยู่ในห้องด้วย คุยไปคุยมา อาจารย์หมอท่านนั้นก็พูดมาว่า คนที่มาเรียนหมอนี่โง่จริง ๆ ผมก็โง่ พวกคุณก็โง่ (หมายถึงนักศึกษาแพทย์) พูดเสร็จก็หัวเราะ แม่เราก็หัวเราะ แต่เราก็งง มาวันนี้รู้แล้วว่าอาจารย์หมอท่านนั้นหมายถึงอะไร ท่านคงโดนอะไรมาเยอะอ่ะนะ จากคุณ : pearphoto.com (Momลูกแพร์) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:51:33

ความคิดเห็นที่ 87 จริงๆแล้วเคสนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับตำรวจนะครับ มาพาดพิงกันได้....... อุตส่าเห็นใจหมอแล้วเชียว จากคุณ : คนบนดอยอยู่ชายแดนเฝ้าหลักเขต เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:55:21

ความคิดเห็นที่ 88 ^^ จริงๆเคสนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตำรวจหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนบางกลุ่มเปรียบเทียบหมอกับตำรวจ ว่าหมอโง่ ส่วนตำรวจฉลาด ทำคลอดได้รอดทุกเคส ซึ่งคนกลุ่มนั้นที่มีจำนวนเป็นพันๆคน ก็คงจะเข้ามาอ่านกระทู้นี้อยู่ด้วย เราไม่อิจฉาตำรวจหรอกนะ และไม่มีคำไหนที่ว่าตำรวจด้วย แต่อยากให้คนกลุ่มนั้นมองอีกมุมว่าคลอดกับตำรวจ ดีกว่ามาหาหมอแน่หรือ แล้วทำไมหมอถึงต้องส่งต่อ ทำไมทำคลอดเองอย่างตำรวจไม่ได้ ถ้าคำไหนพูดแล้ว ทำให้ตำรวจไทยรู้สึกไม่พอใน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:03:00

ความคิดเห็นที่ 89 เข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณหมอ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกันนะคะ ใจเย็นๆค่ะ เพราะบางคนเขาเข้าใจอะไรยากจริง ๆ อย่าเพิ่งสิ้นหวังกับอุดมการณ์นะคะ จากคุณ : Sparking Gunner เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:03:37

ความคิดเห็นที่ 90 อ่านแล้วเพลียใจกับบางคห. จากคุณ : kkcontrol เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:10:52

ความคิดเห็นที่ 91 เคยได้ยินคนรุ่นปู่ย่าตายายสมัยก่อน พูดเปรียบเทียบถึงการคลอดลูกของผู้หญิงกันว่าเหมือนกับผู้ชายไปออกรบ ทำศึกสงคราม ไม่รู้ว่าไปแล้วจะได้กลับมาหรือเปล่า  คงจะเป็นอย่างนี้นี่เอง   ได้อ่านกระทู้นี้แล้วทำให้คิด และนึกถึงพระคุณของ"แม่"ขึ้นมาอีกเยอะเลยค่ะ.. จากคุณ : phanet เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:19:11

ความคิดเห็นที่ 92 สงสารน้องๆหมอที่ใช้ทุนต่างจังหวัดคะ ได้เงินน้อยเทียบกับความรับผิดชอบและความคาดหวังของคนในสังคม โรงพยาบาลชุมชนทำอะไรได้ไม่มากหรอกคะ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครอยากเปิด OR หรอกคะ ทำดีเสมอตัว ถ้าพลาดล่ะโดนเหยียบจมดิน อยากให้หมอและรพ มาแถลงข้อเท็จจริง เชื่อว่า เวลาปฏิบัติหน้าที่ไม่มีหมอคนไหนอยากให้เกิดปัญหาหรอกคะเพราะนั่นคือซวย ทุกคนทำเต็มความสามารถ ไม่มีใครชุ่ยและสักแต่ทำๆไปหรอกคะ เดี๋ยวนี้หมอกลัวโดนฟ้องร้องกันมาก เชื่อว่า หมอคงมีเหตุผลในการที่ส่งต่อเคส และปกติหมอจะไม่นั่งไป refer ด้วย แต่การไปด้วยก็แสดงเจตนาที่ดี รอฟังข้อเท็จจริงดีกว่าคะ จากคุณ : natties เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:23:00

ความคิดเห็นที่ 93 โบราณสมัยก่อน แม่ตายหลังคลอดมาก การคั้งครรภ์และการคลอดลูกเป็นภาวะเสี่ยงตายโดยแท้ ต่อมาการแพทย์เจริญขึ้น ลูกตายหลังคลอดน้อยลง แม่ตายน้อยลงมาก ปัญหา ที่ทำให้แม่ตาย จริงๆก็เดิมๆ คือ ครรภ์เป็นพิษ ตกเลือดขณะและหลังคลอด และภาวะน้ำคร่ำอุดปอด ปัญหาเดิมๆ ไม่เกี่ยวกับ 30 บาท และเรื่องคนจนคนรวยเลย เพราะกรณีนี้ก็เคยเกิดกับคนรวย และใน รพ เอกชนแพงๆ เช่นกัน กรณีนี้พอมีขึ้นมา เป็นข่าวทุกที เพราะความสูญเสียมันมาก และไม่เกี่ยวกับแม่จะสุขภาพดีเพียงใด จะผากครรภ์ครบแค่ไหน กรณี มีคนมาผสมโรง พวกอารมณืค้างมีมาก ถึงขนาดว่าการแพทย์ประเทศนี้ หรือจะไม่รีกษากับหมอประเทศนี้อีก เรียกว่าไม่รู้อะไรจริง เอาแต่อารมณ์ค้าง ทั้งที่การเข้าถึงบริการ เข้าถึงหมอ ดีมากๆแล้ว ไหนจะมาตราฐานที่สูง แต่อย่างว่า ใกล้เกลือกินเป็ดย่าง ต่อเลยๆ ชอบอ่านพวกด่าหมอ จากคุณ : วิชยุ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:23:48

ความคิดเห็นที่ 94 จะบอกว่า ปีที่ผ่านมา รพ เรา ไม่มีใครสมัครเป็นหมอสูติ  มันน่ากลัวอย่างงี้แหละ เรียนมาแทบตาย สุดท้ายโดนด่า คิดถึงเคส ไส้ติ่ง .. คิดว่านะ.. ถ้าเคารพอาชีพแพทย์ จนไม่คิดว่าแพทย์คือนิพพาน ละแล้วซึ้ง รัก โลภ โกรธ หลง ... ไม่ต้องไหว้ คิดไว้ แพทย์ก็แค่คนธรรมดา คนนึง ผิดได้ พลาดได้ คิดว่าเป็นอาชีพอาชีพนึงแล้วกัน ถ้าใช้บริการแล้วพอใจก็ดีไป ถ้าไม่พอใจ ก็ด่ามา แล้วเดี่ยวจะชี้แจงให้  เพราะทุกเรื่องที่หมอทำ มีบันทึกและเหตุผลเสมอ จากคุณ : kolanya เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:25:34

ความคิดเห็นที่ 95 สูติเป็นวิชาที่น่าเรียนนะคะ แต่เป็นอาชีพที่น่ากลัวจริงๆค่ะ ปล. ขอบคุณอาจารย์สำหรับข้อคิดดีดีนะคะ เอามาแชร์ต่อค่ะ จากคุณ : โซมาโตฟอร์ม ดิสออร์เดอร์ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:31:31

ความคิดเห็นที่ 96 คห.77 เอ้า โลกสวยกันเถิด~~~ (เพลียจริง) พักผ่อนกันเถิดพี่น้องเพื่อนแพทย์ เราคงแก้ไขความเข้าใจหรือทัศนคติของคนอื่นที่มีต่อพวกเราด้วยคําพูด(และการตอบคอมเมนท์)ไม่ได้ แต่ ?ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน  เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศ  จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์? ตามพระราชดํารัสสมเด็จพระราชบิดาครับ "การที่เรียนจบหลักสูตรวิชาแพทย์นั้น ไม่ได้หมายความว่า นักเรียนผู้นั้นได้เรียนรู้การแพทย์หมดแล้ว แต่เป็นการตรงกันข้าม การที่เรียนจบนั้นเป็นแต่เีพียงขั้นหนึ่งของวิชาการศึกษาทางการแพทย์ คือว่าความจริงนักเรียนผู้นั้นได้เรียนจบตามตำรา และบัดนี้ เป็นผู้ที่สมควร และสามารถรับผิดชอบในการเรียนต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชนที่ไม่สมบูรณ์ โดยวิธีการทำจริงและโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น เป็นการเรียนวิชาแพทย์ต่อ แต่เป็นโดยวิธีที่ต่างกับวิธีเดิมบ้างเล็กน้อย จะเป็นแพทย์ที่ดีต่อไปในภายภาคหน้าไม่ได้ นอกจากแพทย์ผู้นั้น เมื่อสำเร็จวิชามาใหม่ๆ จะรู้สึกตนว่าตนจะยังคงเป็นนักเรียนอยู่ต่อไปอีกตลอดเวลาที่ทำการแพทย์นั้น"  สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:38:08

ความคิดเห็นที่ 97 คารวะคุณหมอที่จะเรียนต่อสูติกรรมนะครับ ส่วนผมขอไปเรียนต่อทางอายุรกรรมดีกว่า คดีนี้ก็เคยเกิดมาก่อนหลายๆครั้งแล้วในประเทศไทยเรา ลงข่าวมันแทบจะทุกครั้ง คราวนี้ได้ดาราดังใจบุญมาร่วมประโคมข่าวด้วยเลยยิ่งดัง นับถือว่าพี่เค้าลูกผู้ชายมาก แต่พี่เค้าใช้อารมมากไปหน่อย และเหมือนจะบอกว่าว่าฝ่ายที่ผิดแน่ๆเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวิชชาชีพเป็นอย่างมาก ต่อไปก่อนจะฝากครรภ์ คงต้องมีใบเซ็นยินยอมเรื่องภาวะน้ำคร่ำอุดตันในเส้นเลือดด้วยกระมัง ผมในฐานะเป็นหมอคนหนึ่ง ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของคนไข้กับความสูญเสียใหญ่หลวงครั้งนี้ด้วยครับ และขอวิงวอนบุคคลที่ยังคงด่าทอบุคลากรทางการแพทย์ให้หยุดการกระทำเหล่านั้นเสีย ไม่มีใครอยากให้คนไข้ต้องตายหรอกครับ ผมก็หมอคนนึง จะสิทรักษาอะไร คนไข้ป่วยมาจะเสียชีวิต ผมพยายามช่วยคนไข้เต็มที่ทุกคนครับ ไม่มีแบ่งแยกแน่นอน หมอเป็นอาชีพมีแต่จะให้ งานศพญาติเราเอง เรายังไม่ได้ไปร่วมก็มี "เพราะหน้าที่ของเราสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว" ขอบคุณครับ จากคุณ : Newnaja เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:40:09

ความคิดเห็นที่ 98 จำนวนคนกดไลค์ไม่ได้บอกอะไร เพราะแค่มีนิ้ว ไม่ต้องมีความรู้ ก็กดไลค์ได้ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:44:44

ความคิดเห็นที่ 99 ออกตัวก่อนเลยละกันว่าเป็นหมอในรพ ชุมชนแห่งนึงทางภาคใต้  สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ขอออกความเห็นเรื่องใครถูกผิด เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์  แต่ก็ขอแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน  แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคือ ไม่มีอะไร 100% ใน Medicine  เราไม่เคยบอกคนไข้ว่ารักษาแล้วจะหายขาดนะ บอกได้แค่ว่าเรารักษาเต็มที่ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องอาศัยตัวคนไข้เองที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ รักษาต่อเนื่อง  คนไข้แต่ละคนที่มาก็ต่างคนต่างโรค ไม่ได้เดินออกมาจากตำราที่เรียนเป๊ะๆ  บางอย่างก็ยังอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้เลย (เริ่มออกทางไสยศาสตร์แระ = = ่ )   โรคบางโรคมันเป็น unpredictable คือไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนทางสูติศาสตร์   ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหมอ คนไข้หรือญาติก็ตาม  มีอาจารย์สูติท่านหนึ่งเคยสอนเราว่า คนท้องคือคนป่วยคนนึง เวลารักษาต้องดูทั้งแม่และเด็กในท้อง ต้องฝากครรภ์ตามนัด ต้องตรวจนู่นนี่นั่น มากมาย และอาจารย์จะบอกคนไข้ทุกครั้งว่าไม่ว่าจะคลอดเอง ผ่าคลอด ทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งนั้น ... เราเองอยู่รพ ชุมชน ไม่มีหมอเฉพาะทาง ต้องดูเองทุกอย่าง (เรียกว่าเฉพาะทุกทางเลยก็ว่าได้555) กลัวทุกครั้งเวลามีเคสทางสูติศาสตร์ ต้องบอกคนไข้และญาติตลอดว่าตอนนี้เราได้ทำอะไรให้บ้าง อาการคนไข้เป็นอย่างไรแล้ว (แต่โบราณว่าเกลียดอะไรได้อย่างนั้น เวรเราทุกเวรเลยมีเคสสูติมาตลอดเลย T_T)   ชีวิตก็มีทุกข์สุขปนกันไปอ่ะนะ คนไข้บางคนก็ดี๊ดี บางคนก็ ... จนบางครั้งก็คิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ข้าวปลากินไม่เป็นเวลา บ้านเบิ้นไม่ได้กลับ อยากลาแต่ละครั้งก็ยากเหลือเกิน 5555 เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้เพื่อนแพทย์ทุกคนแล้วกัน ไม่ว่าอาชีพไหนก็มีข้อดีข้อเสียทังนั้นแหละ อยู่ที่เราจะมอง ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆก็จะกลับมาสู่ตัวเราเอง ^^ จากคุณ : หลวมตัวไปแล้วทำไงได้ (Du_Da) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:51:14

ความคิดเห็นที่ 100 คุณลูกหมีครับ ต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณผิดหวัง ผมอ่านข้อความของคุณ 2 รอบ (ก่อนสรุปได้ว่า คุณต้องการให้หมอ "โลกสวย") และกลับไปอ่านซ้ำอีก 2 รอบหลังจากคุณบอกว่าคุณผิดหวัง ผมสรุปได้แค่ว่า คุณต้องการให้หมอ "โลกสวย" จริงๆครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:56:07

ความคิดเห็นที่ 101 เพลีย กับบาง คห. จริงๆ ทำให้นึกถึง คำๆนึงขึ้นมาได้ " ไม่โดนกับตัว ไม่รู้สึก" แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 21:00:40 จากคุณ : viewdevilz เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:59:50

ความคิดเห็นที่ 102 คุณ ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เคยดูซีรีส์ฝรั่งเรื่อง HOUSE MD ไหมคะ.. เราว่าคุณควรไปหาซีรีส์เรื่องนี้มาดูนะคะ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:04:07

ความคิดเห็นที่ 103 ขอไม่ตัดสินถูกผิดนะครับ ไม่รู้รายละเอียดครับ แต่รู้สึกดาราคนนี้ ทำไม่เหมาะสมครับ 1. ไม่ควรเอารูปผู้ป่วยลงครับ 2. ไม่ควรใส่ไข่ หรือเข้าข้างใคร จากคำพูดดูใส่ไข่เติมเรื่องลงไปมากครับ โดยที่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้ความจริงทั้งหมด 3. ชื่นชมในความหวังดีกับญาติคนไข้ครับ แต่ไม่ควรตัดสินว่าใครถูกผิดครับเพราะคุณเองก็ฟังความมาข้างเดียว หลังจากได้อ่านความเห็นหลายความเห็น ก็ได้บทเรียนกับแพทย์ด้วยครับ โดยเฉพาะน้องหมอที่กำลังเรียน หรือเพิ่งจบครับ บางครั้งหมอเองก็ไม่ได้ทำได้ perfect ไปทุกอย่างครับ เพราะเราไม่ใช่เครื่องจักร ทำให้ดีที่สุดครับ แต่สิ่งสำคัญคือการสื่อสารกับผป และญาติครับ บางครั้งหมอเองก็มัวแต่ทำงานยุ่งกับผป จนลืมคุยกับญาติ ถ้าญาติเข้าใจสิ่งที่เราทำอยู่ รู้ว่าเราตั้งใจรักษาผป เต็มที่ ทุกอย่างอาจดีขึ้นครับ อย่าใช้อารมณ์ อย่าหนีปัญหาครับ ฝากไว้เป็นประสบการณ์ครับ จากคุณ : ataxia เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:22:13

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าวันหนึ่งคุณเคยมีโอกาสเป็นทั้งหมอ และ เป็นคนไข้ อาจจะเข้าใจหมอได้มากกว่านี้ค่ะ แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง คุณก็เหนื่อยในงานของคุณ เราก็เหนื่อยในงานของเรา แต่คงจะยากถ้าจะเอามาเทียบว่าใครเหนื่อยกว่าใคร เราได้ค่าตอบแทนจากการอดตาหลับขับตานอน ถ้าเราไม่อยู่เวรหลังสี่โมงเย็น โรงพยาบาลคงต้องปิด เหมือนโรงเรียน เหมือนอำเภอ เหมือนไปรษณีย์ เด็กไม่ไปโรงเรียนตอนเย็นและดึกได้ คนไม่ไปทำบัตรประชาชนตอนดึกได้ แต่คนเจ็บป่วยไมเลือกเวลา เพราะเหตุนี้ถึงมีคนให้ความสำคัญกับเราผู้ซึ่งจะปฏิเสธเขามิได้ ชีวิตของคนอื่นอยู่ในมือเรา ความรับผิดชอบนี้จะหนักแค่ไหนลองเอาชีวิตเราไปฝากกับคนอื่นดูสิคะ จะมีใครรับฝากหรือไม่ เราก็เหมือนหุ้นที่ผลตอบแทนเยอะ แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน เราจ่ายภาษีแพงพอๆกับ อาชีพบางอาชีพที่นั่งพูดอย่างเดียวเท่านั้น ... ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณอาจจะเพียงแค่ได้เห็น ได้สัมผัส แต่ไม่เคย เข้าใจในสิ่งที่เป็นเลย ครั้งหนึ่งของการเป็นคนไข้ เราได้รู้ว่า ต้องมาตรวจตามนัดห้ามผิด ซึ่งนั่นก็เพราะถ้าเราผิดคนไข้ จะเยอะ. คิวยาว.หมอน้อย พยาบาลน้อย ตรวจไม่ทัน ทำหัตถการไม่ทัน คนไข้ที่มาคนหลังๆ ต้องรอไปถึงดึก ดังนั้นเราก็เลือกไปตามนัด ...ในบางท่านอาจไม่เคยไป รพ.รัฐบาล หรือเคยไป แต่เส้นใหญ่ ก็คงไม่ค่อยเจอแบบนี้ ....เราเลือกที่จะไหว้หมอที่ไปพบเพราะเราคิดว่าให้เกียรติกับคนที่จะดูแลเรา ให้ความช่วย เหลือเรา ซึ่งเมื่อเราเป็นหมอที่มีคนไข้ไหว้ ก็คงยินดีรับเกียรตินั้นเช่นกัน หรือแม้จะมิได้ยกมือไหว้ใดๆ มันก็เป็นหน้าที่ ที่หมอทุกคนพึงรักษาผู้ป่วยคนนั้นตามมาตราฐานวิชาชีพอยู่แล้ว ...ทุกอย่างที่กล่าวมาก็ล้วนแล้วแต่ว่าใครจะมอง นั่นเอง ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสัมผัสไม่ได้แปลว่าเข้าใจ บางคนคิดว่าอยู่มานาน เจอมานาน รายไหนรายนั้น เป็นแบบนี้ ขอบอกนะคะว่าไม่ใช่สูตรจะต้องเป็นเหมือนกันทุกคน. จากคุณ : Lumduan เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:28:40 A:27.55.13.235 X: TicketID:374442

ความคิดเห็นที่ 105 ห้องนี้หมอเยอะจัง แต่เวลาตั้งคำถามเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ส่วนใหญ่กลับมีแต่คนไข้ด้วยกันมาตอบ จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:44:54

ความคิดเห็นที่ 106 ให้กำลังใจคุณบิน จากอดีตคนไข้โรงพยาบาลนี้อยากให้ทุกคนที่ด่าคุณบินไปรักษาโรงพยาบาลนี้จัง เราคนตลาด12 ไม่แปลกใจเลยที่เกิดเหตุการณ์นี้. ปล.วันนี้ไทยมุงเต็มโรงพยาบาล จากคุณ : Ujang_Takahashi เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:48:49

ความคิดเห็นที่ 107 บนพื้นฐานความเข้าใจของตนเอง ไม่มีหมอคนไหนอยากให้คนไข้เสียชีวิตหรอก ถ้าคุณจะด่าหมอ คุณน่าจะด่าระบบมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่าในประเทศของเรา โรงพยาบาลที่พร้อมไม่ได้มีอยู่ทั่วไป มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวหมอผู้รักษาแต่ขึ้นอยู่กับระบบต่างหาก แม้กระทั่งในต่างประเทศที่เจริญมีทรัพยากรมากมาย มีสวัสดิการที่ดี ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถรับมือได้ หรือเรื่องฉุกเฉินต่างๆ มีคนไข้ที่ไม่รอด สภาวะแทรกซ้อนที่ไม่อาจจะรักษาได้ก็มีถมไป อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกคนด้วยนะคะ จากคุณ : Jai_ya เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:50:39

ความคิดเห็นที่ 108 ไม่ได้เป็นหมอแต่มีแฟนเป็นหมอ เรียนหนัก ฝึกงานโหดความรับผิดชอบสูง ความเสียสละสูง เราอ่ะฝึกงานแค่ปีเดียวตื่นหกโมงเลิกสี่โมง รับผิดชอบแค่สอนหนังสือคนให้เข้าท่า ยังเครียด  คนที่ต้องฝึกงานสามปี อยู่เวรดึกทุกสองวัน เรียนทุกวัน อ่านหนังสือเล่มเท่าบ้าน รับผิดชอบชีวิตคนอื่น งานแบบนี้ไม่มีใครที่ไหนจะทำก็ได้ ยกย่องและให้เกียรติเสมอ ทั้งหมอและคนไข้ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมตตาต่อกัน ส่วนคนอื่นๆ ที่เอาตนเป็นหลัก ก็ขอให้อยู่กับแนวคิดนั้นอย่างมีความสุขค่ะ จากคุณ : via Galaxy Tab2 (ฮิมาวาริซซัง) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:56:36

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณคุณลูกหมีมากที่เตือนเรา แต่ไม่ต้องห่วงคนไข้ที่มาหาเราหรอก คนไหนดี เราก็ดี คนไหนไม่ดี เราก็ไม่สนใจ หรือไม่ก็โต้กลับพอให้รู้ตัวบ้าง ทุกวันนี้ เราก็ยังทำอาชีพนี้ได้อย่างสบายใจ ไม่เคยมีปัญหาฟ้องร้อง ไม่เคยโดนร้องเรียน วิวาทกันใหญ่โตแต่อย่างใด เรามองว่าสิ่งที่อันตรายกว่าทัศนคติของเรา คือทัศนคติของคนไข้หลายๆคนที่มองว่าหมอคือคนขายบริการ หมอคือเทวดา ต้องเก่ง ต้องดี ต้องทนรองไม้รองมือคนไข้ได้ ห้ามตอบโต้ เวลาด่า ด่ากันออกสื่อ เวลาขอโทษ ขอโทษเงียบๆในห้องตรวจ จบ... นี่เป็นปัจจัยสำคัญ นอกเหนือไปจาก primary care อันต่ำเตี้ย ที่ทำให้หมอชนบทไม่เคยพอ และคอยบั่นทอนคนทำงานหลายๆคนให้ปลีกตัวออกไป จนรัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยการเปิดคณะแพทย์เพิ่ม เพิ่มเงินชดใช้ทุน และวิธีแปลกๆอีกมากมาย ทางอุดมคติ อาจจะพูดได้ถึงอุดมการณ์แรงกล้า คุณธรรม จรรยาบรรณ ต่างๆนานา แต่ในชีวิตจริง โลกจริง เจอน้ำหยดลงทุกวันๆ หินยังกร่อนได้ จิตใจคนมันไม่ได้ทำจากก้อนหินนี่ ไม่เคยคิดนะว่าอาชีพหมอจะเหนื่อยอยู่อาชีพเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาชีพหมอ แบกรับความคาดหวังของสังคมไว้สูงมาก สูงกว่าหลายๆอาชีพ เรื่องโดนขัดแข้งขา โดนอุ้ม โดนซ้อม อาชีพไหนก็เจอได้ ถ้าทำไม่ถูกใจคน หมอเองก็โดนได้ เราก็ไม่ทราบว่าคุณลูกหมีทำงานอะไร แต่ถ้าคุณทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายขนาดนั้น แล้วยังสามารถรองรับอารมณ์คน บริการคนได้ทุกรูปแบบได้ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา เราก็ยินดีกับคุณด้วยที่พบกับความสุขแท้จริง ส่วนเรา ยอมรับว่าเป็นคนมีกิเลส มีโมหะ โทสะ เราไม่เลือกบริการคน ยืนยันว่าไม่เคยปฏิเสธการรักษา แต่ถ้าเลือกได้ ก็ขอเจอคนไข้ที่ให้เกียรติหมอ พูดรู้เรื่องดีกว่า การที่คุณเกิดมาจน ไม่มีความรู้ เกิดมาอาภัพ ไม่ได้เป็นข้ออ้างให้คุณมาด่าทอคนที่ไม่ตามใจคุณได้ ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ มันก็เหมือนชีวิตคู่ ถ้าจะเรียกร้องให้ฝ่ายหนึ่งปรับตัว อดทน โดยที่อีกฝ่ายไม่เคยปรับตาม ไม่เคยคิดที่จะมายืนในมุมเดียวกัน โดยอ้างว่าฉันด้อยกว่า การศึกษาน้อย เธอต้องเข้าอกเข้าใจฉัน ชีวิตคู่มันก็พัง ต้องแยกทางกันไป เหมือนอย่างที่กำลังเกิดอยู่ทุกวันนี้แหละนะ แต่การปรับตัว มันคงต้องอาศัยความร่วมมือจากพ่อผัว-แม่ยายอย่างรัฐบาลด้วย ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่สนับสนุนการศึกษา เอาแต่ออกนโยบายประชานิยม ทั้งรักษาฟรี ทั้งสิทธิ์ฉุกเฉิน เอาใจคนไข้ เพิ่มภาระงานหมอ-พยาบาลอยู่ มันก็เป็นแบบนี้ อีหรอบนี้ต่อไป ความคิดเห็นดีๆที่มาเตือนสติเราอย่างคุณน้องหนูสู้หุ้น เราก็ยินดีรับฟังนะ แม้ว่ามันจะแฝงคำตำหนิอยู่หลายดอกก็ตาม แต่ความคิดเห็นที่แฝงการประชดประชันของคุณลูกหมี โดยไม่ย้อนกลับไปมองความคิดของตัวเอง เราขอรับฟังแค่บางส่วนเถอะนะ อย่างกระทู้ที่เราไปตอบคุณว่าทำไมถึงไม่ควรด่วนตำหนิพยาบาลคนนั้น คุณก็ยังให้ gift เราอยู่เลย จำไม่ได้หรือ? แต่แค่เดือนต่อมา คุณก็ลืม และยังตั้งหน้าตำหนิพยาบาลว่าบกพร่องอย่างเดิม ไม่เชื่อว่าระบบห่วยๆมันมีอยู่จริง เห็นได้ชัดว่าคุณเองก็มีอคติต่ออาชีพหมอและพยาบาลพอตัว เพียงแต่อาจจะไม่มากถึงขั้นกดให้จมดิน ก็เท่านั้น ใครโลกสวย อยากฟังคำชม หรือใครโลกมืด อยากให้คนอื่นเป็นจำเลยสังคมตามใจตัวเอง ใครต้องปิดคอมพิวเตอร์ไป มันก็ตัดสินยากเนอะ พิมพ์ยืนยันความคิดเห็นเดิมสองครั้ง ทั้งที่ได้รับการอธิบายแล้วแบบนี้ มันคงออกมาจากใจ มือกับใจตรงกันที่สุดแล้วล่ะ ไม่มีคำไหนที่เราว่าคุณด่าพ่อล่อแม่ใคร หรือเป็นผู้สนับสนุนการประณามหมอ แต่จากหลายๆกระทู้ที่คุณเข้าไปโพสท์ในลักษณะเหยียดหยัน ประชดประชัน หรือพูดย้ำแต่ความผิดพลาดของหมอ ไม่ได้อธิบายกันดีๆเหมือนคุณน้องหนูฯ มันก็พอจะบอกอะไรได้มากแล้ว พูดดีๆ เราก็ตอบดีๆ กล้าให้กิฟท์ ลงชื่อว่าเห็นด้วย แต่จะมายัดเยียดให้หมอผิดเสมอ เลวเสมอ ถึงจะถูกก็ถูกเพราะมีอัยการให้ท้าย แบบที่คุณลูกหมีทำ ก็คงพูดกันไม่รู้เรื่องไปอีกนานเช่นกัน หวังว่าคุณลูกหมีจะไม่ใช่ตำรวจ อัยการ หรือผู้พิพากษาที่ต้องผดุงความยุติธรรม ไม่งั้นสังคมไทยคงจะต้องหลั่งน้ำตาไม่ต่างกัน เอาเป็นว่า ต่อแต่นี้ ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถึงเราบ่น แต่เราก็ยังรักษาคนไข้ต่อ คุณลูกหมีก็กลับไปทำงานพิทักษ์ความสงบของบ้านเมืองให้ดีที่สุดเถอะ วันนี้คุณอาจจะโตในวงการ ในโลกของคุณ แต่ในโลกของสายงานอื่น คุณอาจจะยังเหมือนเด็กเล็กๆกระจองอแงที่ด้อยประสบการณ์และขาดความเข้าใจก็เป็นได้ ก็ดูเอาเถอะว่า ปัญหาที่คุณหมอ เพื่อนของคุณชี้โพรงให้เห็น มันถูกแก้ไขไปซักกี่เรื่อง ถ้าแก้ไขไปมากแล้ว ทำไมยังมีหมอลาออก หมอขาดแคลนทุกปี? ไม่ทราบว่าได้สนทนา ติดตามผลกับเพื่อนแพทย์ต่อหรือไม่ ใครจะว่าอาชีพอื่นลำบากแสนสาหัสเหมือนหมอ อันนี้เราน้อมรับฟัง และไม่ออกความคิดเห็น เพราะไม่ได้ทำงานสายนั้น แต่ในเมื่อกระทู้นี้ คือการพูดถึงการใส่ไคล้หมอ และกระแสสังคมที่มองหมอเป็นวัตถุให้บริการ เราก็มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงปัญหาที่เราเจอมา และโต้แย้งคนที่หมิ่นประมาทอาชีพเราได้เช่นกัน หากเป็นกระทู้อื่นที่บ่นถึงปัญหาของวิศวกร ทหาร ตำรวจ ฯลฯ เราก็จะไม่ก้าวก่ายเช่นกัน ตราบใดที่อาชีพของเรายังไม่ถูกพาดพิงในทางเสื่อมเสีย ขอฝากไว้หน่อยเถอะว่า เราก็เคยเป็นคนไข้ พ่อแม่เราเคยป่วย เราเข้าใจญาติคนไข้ดี แต่เราไม่เคยข่มหมอ ไม่เคยลามปามหมอ ตั้งแต่ที่เรายังไม่เข้ามาเรียนคณะนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งมาเป็นหมอ เราก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกของอาชีพนี้มากขึ้น แต่ถามหน่อยเถอะว่าจะมีคนไข้ซักกี่คนที่เคยมาดูหมอทำงาน หรือเข้าใจความรู้สึกหมอ   ไม่ต้องเห็นใจ ไม่ต้องกราบไหว้หรอก แค่ให้เกียรติ ให้ความเข้าใจก็พอแล้ว หมอต้องมีความอดทน มีจรรยาบรรณ แต่คนไข้เองก็ต้องมีมารยาท รู้จักกาลเทศะด้วยเช่นกัน สงสัยได้ ถามได้ หมอที่ประมาท รักษาผิดพลาดก็มีอยู่ แต่อย่าแสดงตัวอวดรู้ คอยจับผิด หรือวิพากษ์วิจารณ์หมอ-พยาบาลเสียๆหายๆทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะถ้าคุณเองมาเจอสถานการณ์อย่างหมอ คุณก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน สังเกตให้ดีว่าเราวิจารณ์เฉพาะคนไข้ที่มีคุณสมบัติอย่างที่กล่าวมา ความคิดเห็นแรกๆ เราไม่ได้เอ่ยชื่อใครด้วยซ้ำ ใครไม่เข้าข่ายก็อย่าร้อนอกร้อนใจไป และไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หมอก็รักษาคุณตามมาตรฐานแน่นอน เพราะวิชาชีพแพทย์มีทั้งจรรยาบรรณและกฏหมายกำกับอยู่ หากคุณไม่เชื่อใจจรรยาบรรณ จะเชื่อกฏหมายก็ได้ ปิดคอมพิวเตอร์ไป เจอหน้ากันตาม ER ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครเป็นใคร ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองทั้งนั้น จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:57:31

ความคิดเห็นที่ 110 จากคดี ที่ร่อนพิบูลย์ ผลปรากฎว่า หมอผิด ผลที่ตามมาห้องผ่าตัดตามรพช หายไปเยอะ เคส amniotic fluid embolism ก็เป็นปัญหาดังซึ่งครั้งนี้ก้ไม่ใช่ครั้งแรก คดีก่อนหน้าหมอก็ผิดอีก ผลที่อาจตามมา ห้องคลอดตามรพชอาจปิดไป(แต่คงเป็นไปได้ยาก) แต่ถ้าปิดจริงๆ ตอนผมจบออกไปอยู่รพช ผมจะทำอะไรได้บ้างเนี่ย?นอกจากตรวจผู้ป่วยนอกไปแต่ละวันๆ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 22:04:46 จากคุณ : อะมีบา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 22:04:02

ความคิดเห็นที่ 111 ชาติหน้ามีจริง ขอให้ได้เกิดในสังคมที่ดี มีหมอใจดี เหมือนในหนังทีเถอะ อย่าได้เกิดเป็นคนไข้ในประเทศนี้เลย ที่เสี่ยภาษีเป็นเงินเดือนแพงๆ ให้คุณหมอแล้ว ยังจะถูกจิกด่า ถูกมองด้วยสายตาเหยี่ยดหยาม ทำให้คุณหมอต้องหงุดหงิดรำคาญใจที่จะป่วยอะไรกันนักหนา ไม่มีเวลาให้คุณหมอได้พักผ่อนชอปปิ้งมั่งเลย ========================================== โอ้โห.. ดิฉันเพิ่งทราบนี่เองค่ะ ว่าประเทศเรามีแต่หมอใจร้ายแบบนี้หรือ ?? แล้ว "หมอ" ในความพึงพอใจของผู้ป่วย ต้องดีเลิศขนาดไหนกันนะ ขนาดในหนัง?? ถ้าเป็นละครไทย ดิฉันว่าดิฉันคงเป็นไม่ได้ค่ะ ดิฉันอายุเกือบสามสิบปีแล้ว ชีวิตนี้ยังไม่เคยถูกร้องเรียนเรื่องใด แต่ยอมรับว่ามีโกรธ โมโห ดุ และเสียน้ำตาให้กับคนไข้มาหลายต่อหลายเคส จะให้ดูน่ารักเรียบร้อย ดูแลเอาใจใส่คนไข้ แต่งตัวสวยเหมือน "หมอน้ำ" ใน "ธาราหิมาลัย" ตลอดเวลานั้น.. ดิฉันทำไม่ได้จริงๆ ดิฉันเคยดุคนไข้ ที่ไม่ยอมมาตรวจติดตามการรักษา ทั้งๆที่เป็นโรคหัวใจ เคยดุคนไข้เบาหวานที่ไปกินยาเบาหวานของเพื่อนบ้าน เคยโมโหคุณแม่บางคนที่ไม่ยอมมาฝากครรภ์ มาอีกทีก็พร้อมคลอด โดยที่หมอเป็นหมอเพียงคนเดียวในรพ.เล็กๆห่างไกลตัวเมือง น้องตัวใหญ่มาก ดิฉันนั่งน้ำตาคลออยู่ใต้ขาหยั่งตอนที่เด็กเกือบคลอดติดไหล่ จะให้น้ำตาไหลออกมาไม่ได้ เพราะกลัวพี่พยาบาลจะใจเสียไปด้วย   ถ้าหากสิ่งเหล่านี้มันเป็น "ความไม่พึงประสงค์" ของผู้ป่วย ดิฉันก็ขอยอมรับจุดบกพร่องอันนี้ค่ะ แต่จะให้ไม่ดุคนไข้เลย ดิฉันคงทำไม่ได้ค่ะ หากแต่สิ่งที่ทำก็เพราะหวังดีเท่านั้น ในเคสบางเคสที่ดิฉันรู้สึกว่าดุมากไป.. ก่อนผู้ป่วยจะออกจากห้อง ดิฉันจะไหว้แล้วบอกว่า "ขอโทษที่หมอต้องดุนะจ๊ะ แต่ป้าก็ต้องเชื่อหมอนะ" เรื่องเงินเดือนหมอ... ดิฉันทำงานมาสามปี เงินเดือน 16,700 ค่าเวรเหมาจ่าย 5,000 บาท อยู่เวรสัปดาห์ละสามวัน วันละ 24 ชั่วโมง เดือนละ 288 ชั่วโมง ค่าเวรชั่วโมงละ 17.36 บาท กินข้าวเวรเป็นข้าวปิ่นโตเสียภาษีในอัตราเท่ากับประชาชนทั่วไป วันๆใส่เสื้อผ้าสองชุดคือชุดทำงานและชุดนอน(ซึ่งวันไหนได้สวมชุดนอน ถือเป็นวันพิเศษของเรา) ช้อปปิ้ง..มีค่ะ แต่ครั้งสุดท้าย จำไม่ได้ และไม่ค่อยอยากช้อป เพราะเสื้อแบรนด์เนมตัวหนึ่งราคาเท่าค่าเวรครึ่งเดือน ตัวที่ซื้อมาก็ทันใส่ครั้งเดียวก่อนที่มันจะลงไปอยู่ในกระบะลดราคา เพราะไม่มีโอกาสได้ใส่ เรื่องเวลาพักผ่อน... ขอโทษด้วยค่ะ ที่ดิฉันเองก็ต้องการเวลาพักผ่อนเหมือนคนทั่วไป แต่จริงๆแล้ว ขอแค่เวลานอนวันละห้าชั่วโมง หรือซักแปดชั่วโมงต่อสองวันก็ยังดีค่ะ(เชื่อว่าหมอทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์การไม่ได้นอนสองวันติดกัน) เวลากินข้าวยิ่งไม่ต้องพูดถึง หมอสั่งห้ามคนไข้หลายคนกินมาม่า แต่ที่หอมีเพียบค่ะ เพราะมาม่าใช้เวลาต้มและกินซักแปดนาทีก็เสร็จแล้ว เรารีบกินเพื่อจะนอน หรือไปอยู่เวร พระบิดาตรัสกับพวกเราว่า "ฉันไม่ต้องการให้พวกเธอเป็นเพียงหมอเท่านั้น แต่ฉันต้องการให้พวกเธอมีความเป็นมนุษย์ด้วย" ดิฉันคิดว่าพระบิดาทรงประสงค์ให้หมอทุกคนเป็น "มนุษย์" ที่ดี แต่สำหรับตัวดิฉันเอง ไม่อาจทราบได้ว่าความเป็นมนุษย์ของตัวเองเพียงพอกับพระราชประสงค์ของสมเด็จพระบิดาหรือยัง เพราะตอนนี้ดิฉันเองก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลง และอยู่ในขั้นตอนความเพียรที่จะละมัน หมอทุกคนไม่ใช่คนดี.. เหมือนกับทุกๆอาชีพบนโลกใบนี้ แต่หากหมอที่เป็นคนดี ถูกบั่นทอนกำลังใจเข้ามากๆ หมอเหล่านั้นจะมีแรงยืนอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร ...พ่อแม่ของดิฉัน(ผู้ซึ่งต่อต้านการเลือกเรียนแพทย์ของดิฉันในตอนแรก) ถึงกับเคยพูดตลกร้ายว่า "เป็นยังไงล่ะ.. ทำงานแบบยื่นแขนเข้าช่วยคนป่วย แต่ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก" ดิฉันก็ได้แต่ยิ้มฝืดๆ และเป็นที่มาของการอวดของอะไรก็ตามที่คนไข้เอามาฝากให้พ่อแม่ดู มีตั้งแต่พระ, ผลหมากรากไม้, ปลาเค็ม, ผ้าไหม, ดอกแก้ว(เคยมีคุณยายเอาดอกแก้วมาให้.. แกภูมิใจมาก บอกว่าดอกแก้วบ้านแกหอมมากที่สุดในบ้านโนนสะวาง) พร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า "นี่แหละ..เป็นสิ่งที่ทำให้หนูอยู่ได้ เพราะมีคนคิดว่าหนูมีประโยชน์อยุ่ ที่เหลือก็เพื่อพ่อกับแม่นะ" เพื่อนพี่น้องหมอทั้งหลายจ๋า.. โดยเฉพาะคนที่อยู่รพช.ตอนนี้ อยากบอกว่าดิฉันชื่นชมพวกคุณมากๆ ขอให้มีกำลังใจกันต่อไปเถิด ทำสิ่งที่เราคิดว่ามันดีที่สุด และเติบโตเป็น "มนุษย์" อย่างที่พระบิดาประสงค์ อย่าท้อแท้สิ้นหวัง เพราะพวกคุณเป็นแสงเทียนให้กับคนอีกมากมายในประเทศนี้ ที่เค้าอาจไม่รู้จักแม้กระทั่งอินเตอร์เน็ต จากคุณ : Abandoned Star เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 22:08:33

ความคิดเห็นที่ 112 คือต้องเข้าใจนะว่าเหตุการมันเกิดขึ้นแล้วใครๆก็พูดง่าย มาพูดภายหลังเนี่ย อย่างเช่น คำว่า"ทำไมหมอ รพ ชุมชน ไม่ยอมผ่าคลอด จะส่งตัวทำไม" ผมจะเทียบกับเรื่องง่ายๆอย่างนี้ครับ -สมมุติเพื่อนผมไปเที่ยวอุบล ขึ้นเครื่องบินไป ปรากฎว่าเครื่องตก ตายยกลำ--ทีนี้พอเกิดเรื่องก็จะมีคนมาพูดทำนองว่า ทำไมไม่ไปรถยนต์ล่ะ ในทางกลับกัน จะบอกว่าถ้าเหตุการณ์นี้หมอที่ รพ ชุมชมซึ่งไม่ใช่แพทย์เชี่ยวชาญตัดสินใจผ่าท้องคนไข้เอง แล้วถ้าเกิดคนไข้ตายทั้งแม่ลูก ผมก็คิดว่าก็จะมีคนด่าหมอว่าจะผ่าทำไม ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ น่าจะรีบส่งตัวไป รพ ใหญ่โดยเร็ว คือเข้าใจไหมครับ สังคมไทย มันเป็นอย่างนี้จริงๆ จากคุณ : ข้าวผัดไข่เจียว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 22:16:09