ความคิดเห็นที่ 1 เห็นด้วยกับ จขกท และขอความกรุณาท่านอื่นอย่าเบี่ยงเบนประเด็นไปในเชิงแตกแยกที่ไม่เข้ากับเหตุการณ์นี้ครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 13:21:59 จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 13:18:12

ความคิดเห็นที่ 2 โหวตค่ะ เห็นด้วยที่สุด จากคุณ : plavix เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 14:05:08

ความคิดเห็นที่ 3 เคยเป็นอาสามูลนิธิเดียวกะคุณคนนี้มาก่อน หลายต่อหลายครั้งที่มีอุบัติเหตุแล้วคุณคนนี้ให้รอแกก่อน แบบว่าอารมณ์อยากสร้างภาพ คนเจ็บก็นอนรอไปเถอะค่ะ รถชนบางบอนแกอยู่โน้นบางพลี รอกันเป็นครึ่งช่ัวโมงรอแกมาจับ 10 วิแล้วถ่ายรูป เห็นแล้วอนาถแทนคนเจ็บมากๆ บางทีชื่อเสียงทีแกมีอยู่มันก็ทำให้แกดังพอแล้วไม่ต้องสร้างอะไรนักก็ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 14:19:25 จากคุณ : กบบนดอย (กบบนดอย) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 14:18:28

ความคิดเห็นที่ 4 อยากบอกคุณบิณฑ์และทุกคนที่"พิพากษา"เหตุการณ์นี้ไปแล้วว่า "Don't judge someone until you've walked a mile in their shoes." Atticus Finch - From "To Kill a Mockingbird" จากคุณ : BBQ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 14:29:08

ความคิดเห็นที่ 5 ผมขอออกความเห็นในฐานะ คนทำงานในโรงพยาบาล ไม่มีใครอยากให้มีเรื่องแบบนี้ คิดว่าทุกคนพยายามทำดีที่สุดแล้ว  ต่างคนก็ต่างมุมมอง บางทีผมเคยนอนร้องไห้ เพราะว่าผมต้องทำงานดูแลคนไข้ไม่มีโอกาสที่จะดูแลป้าของตัวเองยามเจ็บป่วยจนวาระสุดท้าย เคยทิ้งสามี(พิมพ์ไม่ผิดครับ)ไว้ให้อยู่คนเดียวหลังจากผ่าต้ด ทุกสิ่งผมทำไปเพื่อดูแลคนไข้ของผม ครอบครัวของผมจึงมาทีหลัง  ผมว่าเรื่องนี้ยิ่งพูดไปครอบครัวผู้สูญเสียก็ยิ่งเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกครับ จากคุณ : ชิงเยี่ยม (ชิงเยี่ยม) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 14:34:55

ความคิดเห็นที่ 6 โหวตค่ะ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 15:00:53

ความคิดเห็นที่ 7 คนนี้เป็นแบบนี้มานานแล้ว ชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนดีที่สุดอยู่คนเดียว ทำทุกเรื่องถูกต้องอยู่คนเดียว จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 15:10:58

ความคิดเห็นที่ 8 จขกท. ยังไม่เข้าใจในความคิดของคนๆนี้และคนอื่นอีกมากมาย คนทั่วไปไม่ต้องการเข้าใจเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งคุณบิณฑ์ด้วย เพราะถ้าอยากจะรู้จริงๆเค้าหาข้อมูลก่อนที่จะเขียนความเห็นอะไรก็ตาม นานแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้อยากรู้ แต่อยากมีส่วนร่วมในการเชิดชูฮีโร่ (จำแลง) ของตนมากกว่า กลัวที่จะได้รู้ความจริงว่าอะไรคืออะไร กลัวที่จะยอมรับความผิดจากการกล่าวหาผู้อื่นของตนเอง ข้อความดังที่จขกท.นำเสนอ ถูกแชร์กันมากมาย รวมทั้งถูกอธิบายให้คนอื่นเข้าใจด้วยวิธีต่างๆ แต่สุดท้ายก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ด้วยข้อความสั้นๆว่า "คุณอย่าเอาวิชาการมาพูดกับผม" และผู้คนมากมายก็พร้อมที่จะเชื่อว่าความคิดนี้"ถูกต้อง" บทสรุปของเรื่องนี้ถึงแม้ว่ามีการพิสูจน์แน่ชัดว่าเสียชีวิตจากอะไร (ซึ่งจากประวัติและอาการมันก็ค้อนข้างชัด) -ช่องข่าวชื่อดังพร้อมพิธีกร บริจาคเงินช่วยเหลือ = ฮีโร่ -ดาราชื่อดัง ยังคงเที่ยวเอารูปผู้ป่วย ผู้เสียหายลงสื่อออนไลน์ต่อไป เพื่อเป็นการปิดทองหลังพระ !!!= ฮีโร่ -รพ.และบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ถูกพูดถึง และคนอีกมากมายก็ยังคงไม่รู้จักโรคนี้ ไม่มีความเข้าใจ อีกส่วนก็มองว่าฝากท้องแล้วยังตาย ไม่ฝากดีกว่า = เหยื่อ และอีกสักพักก็จะมีความเห็นทำนองว่า สามสิบบาทบลาๆๆๆ หมอได้เงินเยอะบลาๆๆๆ เอวังประการฉะนี้แล จากคุณ : สงสารคนไทย (พิเศษไม่ใส่ผักโรย) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:07:14

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ถ้าเป็นเมื่องนอก คุณบิณฑ์โดนฟ้องหมดตัวไปแล้วแน่ๆ แต่นี่เพราะเป็นสังคมไทยหมอและโรงพยาบาลเค้าถึงยังได้ไม่ได้ฟ้องร้องอะไร ผิดแล้วก็ยอมรับผิดดีกว่านะคะ ไม่มีไรเสียหาย ลูกผู้ชาย แมน ๆ กันไป จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:43:20

ความคิดเห็นที่ 10 เราไม่เคยมองว่าเขามีเจตนาดีเลย เพราะ 1. ลงรูปคนตาย ถึงแม้จะขออนุญาตสามีแล้วหรือไม่ แต่ก็ไม่สมควร ถ้าเขาอยู่ในสภาพนั้นบ้าง ก็คงไม่อยากมานอนอยู่กลางเฟซบุ๊คเหมือนกัน 2. ใช้คำพูดโอ้อวด บอกว่าตัวเองไปร่วมงานศพ ให้เงินไปเป็นหมื่น ซ้ำยังชี้นำให้คนต่อว่าหมอ เช่น ถ้าหมอคิดถึงความเป็นความตาย เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิด หมอไม่เห็นมาร่วมงานศพเลย (แต่ปรากฏว่าร.พ.เป็นเจ้าภาพ ส่งเงินมาด้วย) คุณบิณฑ์คงเข้าใจว่าถ้าหมอรักษาคนไข้ไม่สำเร็จ หมอจะต้องไปร่วมงานศพทุกครั้ง แบบนี้ นอกจากอยู่เวรวอร์ด เวรห้องฉุกเฉิน เวรชันสูตรศพ หมอต่างจังหวัด โดยเฉพาะหมอรพ.ชุมชนที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนต่อหนึ่งโรงพยาบาล คงต้องเพิ่มเวรร่วมงานศพเข้าไปในตารางแทบทุกสัปดาห์ด้วยมั้ง 3. ไม่ยอมรับผิด เถียงข้างๆคูๆ บอกให้หมอใช้ความรู้สึก ไม่ต้องใช้สมอง อย่าอ้างหลักวิชาการ ถ้าคนไทยทุกคนคิด(สั่วๆห่วยๆ)อย่างคุณบิณฑ์ หมอคงสบายเนอะ จ่ายยาตามอารมณ์ ปั๊มหัวใจตามความรู้สึก ไม่รู้ว่าที่คุณเขากู้ชีพคนเจ็บคนป่วย ใช้ความแนว ความติสท์ล้วนๆรึเปล่า สงสัยต้องให้กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาตรวจสอบแล้วล่ะ คนท้องคนไหนมาร.พ. ไม่ทันก็เรียกหน่วยอื่น หรือไม่ก็กลั้นใจคลอดเองเถอะ อย่าเรียกศิลปินท่านนี้มาช่วยเลย เห็นในเฟซเขา มีรูปโปรโมท โฆษณาการทำงานของตัวเองมากมาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอะไร แต่จากเหตุการณ์นี้ และปากคำของผู้ร่วมงานบางคน บอกได้คำเดียวว่า "เอาหน้า สร้างภาพ" จริงๆ เวลาหมอ พยาบาล หรือทหาร ตำรวจ ไปปฏิบัติงาน ไม่เห็นจะมีใครโพสท์รูปตัวเองเก็บศพ จับคนร้าย กู้ระเบิด หรือปั๊มหัวใจคนไข้แล้ว หันมาชูสองนิ้วเลย แล้วคุณบิณฑ์แกทำไปทำไมน้าาาา ?? สร้างความเสียหายให้คนอื่น ทำให้เขาโดนด่าพ่อล่อแม่ โดนสาปแช่งไปถึงโคตรเหง้า ละอายบ้างมั้ย? ผิดแล้วยอมรับผิด ยอมขอโทษแบบแมนๆดีกว่าน่ะ อย่าให้ได้ชื่อว่าเป็นชายแค่เพศ มีไว้กรอกในใบประวัติสมัครงานอย่างเดียวเลย น่าสมเพช จากคุณ : ทะเลหน้าหนาว...กับดาวพันดวง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:46:47

ความคิดเห็นที่ 11 ขอถามว่า เหตุการณ์นี้ เราสามารถฟ้อง หรือมีใครจะฟ้องได้ไหมคะ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าทางรพ.คงไม่ออกมาฟ้อง แต่ทำไมไม่ทำอะไรๆให้เป็นกรณีตัวอย่างบ้าง มันเป็นไปได้รึเปล่าคะ จากคุณ : ต้นไม้สีเทา เพลงเบาเบากับลูกอม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:50:53

ความคิดเห็นที่ 12 จากที่ได้พยายามสื่อสารให้แฟนคลับคุณบิณฑ์เข้าใจ พบว่า ไม่เกิดผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นค่ะ ต้องให้คุณบิณฑ์ออกมาชี้แจงให้แฟนคลับของเขาเข้าใจเอง ซึ่งดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน... น่าเห็นใจหมอและโรงพยาบาลมากค่ะ จากคุณ : KimJi_KISZ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 16:53:49

ความคิดเห็นที่ 13 ขอปรบมือดังๆให้คห. 8 ครับ.... เหมือนรอให้มีสถานการณ์  ร้ายๆเกิดขึ้น แล้วมาแสดงตัวเป็นฮีโร.... หลังจากนั้น  ใครจะอธิบาย เหตุผลอะไรยังไง ก็ไม่รับรู้แล้ว.... เหมือนกลัวความจริง.... แบบนี้อธิบายไปเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์แล้วครับ.... ในขณะที่คนหนึ่ง พยายามช่วยผป.เต็มที่ เมื่อเสียผู้ป่วยไปยิ่งทำให้เครียดมากไปอีกไม่รู้กี่เท่า....และกลายมาเป็นจำเลยของสังคมบางส่วน... แต่อีกคนหนึ่ง ผ่านมาเจอ แสดงความสงสาร โพสต์รูป โพสต์ข้อความ ให้กระทบใจคนอ่าน .... แล้วกลายเป็น ฮีโร....แถมไม่ยอมรับฟังคำอธิบาย เพราะจะกระเทือนถึงความเป็นฮีโรของตัวเอง.... เฮ้อ...ยอมรับครับว่ามีความสามารถทางการแสดงจริงๆ... จากคุณ : LVP@HEART เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:32:34

ความคิดเห็นที่ 14 ขอเข้ามาแสดงตัวนะคะ ว่ารู้สึกไม่ชอบดาราคนนี้ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพระเอกอยู่ เพราะได้รู้ข้อมูลส่วนตัวจากผู้ใหญ่ในวงการมาบ้าง แต่เอาล่ะเค้าทำงานกับ มูลนิธิ ช่วยเหลือสังคมก็ดีน่าชื่นชม แต่อย่างไรก็ตามก็ได้เห็นมาตลอด ว่านิสัยดั้งเดิมยังคงอยู่ อย่าให้บรรยายเลยนะคะเดี๋ยว จะเป็นการสาวใส้  เพราะต่างคนต่างอยู่ไม่ข้องแวะกัน แต่ก็ไม่แน่อาจได้ใช้บริการพ่อพระเอก คนนี้ในวันข้างหน้า ก็เป็นได้ ( เห็นเค้าโพสดักคอคนที่มาตำหนิเค้าแบบนี้เลยด้วย !!!??? ) แต่คิดไม่ถึงว่า คุณบิณฑ์จะใช้วิธีที่หยาบคาย และ  สิ้นคิด โดยการลงรูปผู้เสียชีวิต โพสข้อความ ที่อ่านก็รู้ว่าพยายามจะให้หมอและโรงพยาบาลเป็นผู้ร้าย และแน่นอน พระเอกคือ คุณบิณฑ์ งานนี้ถือว่ากระทบตัวดิฉันทางอ้อม จากผลงาน " เสร่อๆ"   ของคุณบิณฑ์ในครั้งนี้ เพราะเค้าได้เพิ่ม ความหนาของกำแพงระหว่างผู้ทำการรักษา กับผู้ป่วยไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : - (สมหนิง) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:33:57

ความคิดเห็นที่ 15 อยากฝากบอกถึงคุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ว่า กรุณารักษาสุขภาพของคุณให้ดีนะคะ อย่าให้ต้องเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลให้หมอรักษา เพราะหมอทุกท่านต้องใช้ความรู้วิชาการที่เรียนมาทั้งหมด เพื่อมารักษาคุณ ซึ่งคุณคงไม่พอใจ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสียค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้กับคุณหมอทุกท่าน ดิฉันคิดว่ายังมีอีกนับแสน นับล้านคนที่เข้าใจคุณหมอค่ะ จากคุณ : NIN เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:59:03 A:61.91.117.194 X: TicketID:252238

ความคิดเห็นที่ 16 อยากฝากเรื่องหนึ่งครับ ไอ้การโพสรูปผู้เสียชีวิตนี่คิดว่าทำถูกแล้วหรือครับ ถ้าเป็นญาติพี่น้องผม ผมจะไม่ยอมนะครับ เป็นฮีโร่แล้วมีสิทธิ์หรือครับ ฮีโร่นี่เป็นง่ายจังนะครับ จากคุณ : แรงเสียดทาน เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 19:57:37

ความคิดเห็นที่ 17 เราเข้าไปโพสใต้ภาพผู้ตายว่า มันไม่เหมาะสมที่จะเอารูปคนตายมาลงแบบนี้ เค้าโพสถัดไปว่า เค้าขอสามีผู้ตายแล้ว และเค้าทำหน้าที่เหมือนสื่อ  คนเราไปงานศพก็เห็นศพอยู่แล้วเป็นธรรมดา แถมมีการบอกว่า "ไม่แน่ต่อไปผมอาจจะช่วยเหลือพวกคุณก็ได้ครับ" อึ้งเลยค่ะ นอกจากไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทมากๆแล้ว ยังขู่ล้ำเลิกบุญคุณด้วย .. - -" จากคุณ : Fierce cat เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 20:13:12

ความคิดเห็นที่ 18 บอกให้ใช้ความรู้สึก  ไม่ต้องใช้วิชาการ มิน่าเมืองไทยมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ แอบสงสัยว่าตอนตระกูลบัณลือฤทธิ์คลอดออกมาดูโลก     ใช้ความรู้สึกหรือใช้วิชาการทางการแพทย์ เอ...หรือว่าไม่ต้องใช้อะไรเลย       เพราะรีบชิงอะไรบางอย่างมาเกิด เลยไม่ทันได้ใช้ความรู้หรือความรู้สึกใดๆ จากคุณ : รู้ใจไม่รู้หน้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 20:27:44

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เห็นด้วยกับโพสรูปผู้เสียชีวิตค่ะ เอาเขาลงทำไม มันไม่ได้น่าดูนักนะคะ ถ้าเราบาดเจ็บ มีนักข่าวมาถ่ายรูป เราก็ไม่ยอมนะ นอกจากถ่ายไว้เป็นหลักฐานน่ะพอได้ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 21:45:55 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 21:32:15 จากคุณ : ต้นลูกตาล เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:30:01

ความคิดเห็นที่ 20 ดีนะคะที่คุณอยู่ประเทศไทย ถ้าเป็นประเทศอื่น ยิ่งกว่าหมดตัวอีก จากคุณ : Ready_NomoneyGo เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:10:06

ความคิดเห็นที่ 21 เราชื่นชมเค้านะ แต่เริ่มแปลกๆตอนสึนามิที่มีหน่วยงานค้นหาของอเมริกาเข้ามา แล้วขอให้หน่วยงานมูลนิธิออกจากพื้นที่ เพราะการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตไม่เป็นไปตามแนวทางสากล เห็นแกโวยวายออกทีวี ว่าทำมาก่อนที่หน่วยงานนี้เข้ามา จะมาไล่เค้าได้ยังไง เค้าช่วยไว่หลายคนแล้ว เราก็รู้สึกแปลกๆ แทนที่จะเห็นเป็นโอกาสที่ได้ร่วมมือกัน ช่วยกันค้นหาผู้รอดชีวิต แถมมูลนิธิจะได้ดูการทำงานคนอื่นเค้าบ้าง กลับโวยวายว่าตัวเองถูกไล่ ยังไงก็จะทำอย่างที่เคยทำต่อไป หลังเหตุการณืนี้เราเลิกติดตามข่าวเค้าไปเลย ตอนนี้รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:21:36

ความคิดเห็นที่ 22 ดารา=สร้างภาพ จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:30:06

ความคิดเห็นที่ 23 สมัยที่เราเรียนผดุงครรภ์ที่หัวเฉียวเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว สิ่งที่ผดุงครรภ์กลัวที่สุดก็คือการที่น้ำคร่ำหลุดเข้าไปในกระแสเลือดนี่ล่ะ เพราะโอกาสเสียชีวิตสูงมากแต่มันพบได้ไม่บ่อยนัก   เห็นด้วยกับ คห.10 คุณบิณฑ์ คงไม่เคยเห็นการทำงานของหมอมั้งคะ สมัยที่เรายังทำงานในโรงพยาบาล บางคืนหมอแทบไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวคนนี้ปวดท้อง คนโน้นไข้ขึ้นสูง อีกคนก็กำลังจะคลอด ห้องผ่าตัดก็เปิดรอเพราะคนไข้ไส้ติ่งกำลังจะแตก แต่คุณบิณฑ์แค่่ใช้คำพูดไม่กี่คำก็ได้เป็นฮีโร่แล้วเหรอ อย่าสร้างภาพด้วยการซ้ำเติมคนอื่นเลยนะคะ ไม่มีหมอคนไหนอยากให้คนไข้เสียชีวิตหรอกค่ะ จากคุณ : kikirumba เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:42:30

ความคิดเห็นที่ 24 บิณฑ์ บรรลัยแล้ว จากคุณ : meisboo เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:04:27

ความคิดเห็นที่ 25 สุดท้ายแล้ว ถึงเขาจะไม่ออกมาขอโทษหรือออกมาฟังเหตุผล ก็ให้อภัยเขาไปเถอะค่ะ เราว่าเขาขาดความรู้(ไม่ได้ดูถูก) เขาเลยโพสต์ไปตามอารมณ์ ถ้าเอามาคิดก็บั่นทอนเปล่าๆ ชาวบ้านร้านตลาดก็แบบนี้เยอะแยะ อันนี้ได้กระแสเพราะเป็นที่รู้จัก จากคุณ : ม่องเท่ง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:26:27

ความคิดเห็นที่ 26 เมตตาธรรมค้ำจุนโลก แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 11:35:04 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 09:10:24 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 23:46:12 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 23:43:51 จากคุณ : ข้าวผัดไข่เจียว เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:39:45

ความคิดเห็นที่ 27 ขอโหวต ด้วยคนน่ะครับ ผมไม่อยากให้กำแพงระหว่าง คุณหมอ และ ผู้ป่วย หนาไปกว่านี้แล้ว เมืองไทยเรายังมี doctor relationship ที่ดีๆอยู่มากกว่าประเทศอื่นๆ ผมหลงรักเสน่ห์เหล่านี้จึงมาเรียนหมอ อย่าได้พรากมันไปจากพวกเราเลยครับ จากคุณ : kanapo (kanapo) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 00:18:15

ความคิดเห็นที่ 28 บิณฑ์เอ๊ย.. มาแนวนี้อีกแล้ว ทำให้นึกถึงตอนคุยกับอ.วีระเลย จากคุณ : โลครึ่ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 01:37:31

ความคิดเห็นที่ 29 ทำกู้ภัย....แต่การคลอดบุตรฉุกเฉิน อาจเสี่ยงกับภาวะอันตรายเฉียบพลันอะไรบ้าง....ไม่รู้ แถมวิพากย์ได้เป็นฉากๆ ผมว่าตรวจสอบมาตราฐานทางนี้บ้าง น่าจะดีนะครับ จากคุณ : หัวใจข้างซ้าย พวงมาลัยข้างขวา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 01:59:35

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เคยรู้เบื้องหลังคนคนนี้เลย มีแหล่งแนะนำให้อ่านหรือเล่าให้ฟังบ้างได้ไหมคะ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 03:35:43

ความคิดเห็นที่ 31 ภาวะที่เกิดน้ำคร่ำในกระแสเลือดเนี่ย โดยปกติแล้วการส่งตัวไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด เพราะระยเวลาอาจไม่ทัน เพราะในกรณีนี้ทางฝั่งแม้ น่าที่จะไม่รอดค่อนข้างสุงอยู่แล้ว แต่หมอแทนที่จะเสี่ยงเลือกช่วยเด็ก แต่หมอกลัวการถูกฟ้องซะมากกว่า นี่คือในกรณีเคสในบ้านเรา ถ้าเป็นต่างประเทศคงให้หมอชุมชุนผ่าคลอดไปเลย ถึงแม้ผลสรุปแม่ตายแต่ช่วยชีวิตเด็กทารกไว้ได้ แต่หมอบ้านเราส่วนมากกลัวการถูกฟ้องกับกลัวการลงมือในเคส "น้ำคร่ำในกระแสเลือดซะมากกว่า" ที่ต่่างประเทศส่วนมากที่ิเกิดกรณีนี้ หมอจะรีบผ่าทันที เมื่ออาการคนไข้มีท่าทีปกติ ช่วยชีวืตเด็กไว้ได้ แต่แม่ตายนี่คือกรณีต่างประเทศ แต่บ้านเราตายทั้งแม่ลูกระหว่างส่งตัวนี่ไม่ใช่วิสัยเลย กรณีบ้านเราอยากให้เป็นเคสศึกษา ว่าหมอสมารถผ่าท้องคนไข้ได้ในช่วงแรกเริ่มที่ผิดปกติ เพื่อเซฟตัวเด็กน่ะครับ เพราะภาวะน้ำคร่ำในกระแสเลือด อาจเกิดขึ้นต่อเนื่องจนไม่สามารถช่วยแม่ได้ แต่ต้องอย่างน้อยช่วยเด็กได้ อยากให้สาธรณสุขบ้านเราฝึกหมอให้รู้จักภาวะนี้เยอะๆครับ เพราะบางทีมันก็เกิดขึ้นได้ มากกว่าอัตราส่วนที่มีมา แล้วถ้าหมอไม่สามารถช่วยคนไข้ได้ ก็ถือว่าหมอทำดีที่สุดแล้ว ไม่ควรมีการฟ้องร้อง อดีตแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่อนาคตแก้ได้ ผมว่าให้หมอเรียนรู้เรื่องนี้ไว้ดีกว่าครับ มากกว่ากลัวการลงมือทำและฟ้องร้อง ซึ่งในอนาคตอยากให้หมอลงมือทำไปเลย แต่จะไม่มีกรณีฟ้องจากเคสนี้เด็ดขาด ดีกว่าการส่งตัวแน่นอนครับ จากที่ผมศึกษาการแพทต่างประเทศมา เรพาะอย่างน้อยเปอเซนที่จะช่วยทรกได้มีสูงมากกว่า แต่ถ้าส่งตัวก็มีสิทธิเสียชีวิตหมดครับ เพราะกรณีน้ำคร่ำโดยปกติคนเป็นแม่คลอดเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากอยู่แล้ว แต่เราสามารถเพ่ิมโอกาสการรอดของทารกได้จิงไหมครับ อยากให้บรรจุสิ่งๆต่างๆเหล่านี้ใหม่จริงๆ หมอจะได้เรียนรู้การผ่าคลอดกรณีนี้ ส่วนเรื่องฟ้องร้องผมไม่อยากให้มีเด็ดขาด เพาะถือว่าเป็รการเสี่ยงอยู่แล้ว อันนี้ต้องเข้าใจทั้งสองฝั่งนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไร แต่อยากหาหนทางที่ดีที่สุด สุดท้ายขอให้แม่ลูกไปสู่สุขติครับ จากคุณ : samui เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 04:09:46 A:171.98.80.87 X: TicketID:374582

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าผมเป็นดาราที่กำลังจะตกอับ ทำยังไงให้มีชื่อลงหนังสือพิมพ์ได้ผมก็ยินดีทำละครับ กรณีนี้ได้เหยียบหมอขึ้นสู่ที่สูงยิ่งดังไว จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 06:13:54

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ออกความเห็นดีกว่า มโนกันได้หลุดมาก แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 07:34:59 จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 07:31:19

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่31 พูดได้ดีครับ แต่ๆๆๆ เคยมีคดี ที่อพทย์ผ่าแล้วไม่พร้อม สุดท้ายแพทย์ผิด เพราะไม่มีวิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยาสลบ ตอนนี้ก็ไม่มี คดีนั้นคงเป็นบรรทัดฐานให็เห็นแล้วครับ ว่ากรณีนี้ผ่าไม่ได้ ไม่เชื่อ ลองหาข้อมูลคดีที่ รพ.ร่อนพิบูลย์ดูนะครับ เกี่ยวกับการผ่าไส้ติ่ง ซึ่งฉุกเฉินเช่นกัน จากคุณ : อะมีบา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:11:07

ความคิดเห็นที่ 35 หรือเขาคิดว่า เขาแสดงละครอยู่ เลยไม่ต้องกลัวคนอื่นเดือดร้อน จากคุณ : อะมีบา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:14:01

ความคิดเห็นที่ 36 เราไม่ค่อยชอบพวกหน่วยกู้ภัยซักเท่าไหร่เลยค่ะ ใกล้ๆบ้านเรามีรถกู้ภัยอยู่คันนึง ดึกๆเวลาเดินผ่าน บางทีก็นั่งกินเหล้ากัน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกแว๊นเก่ากันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่านะคะ จากคุณ : Gingerging เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:27:23

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ได้เกี่ยวกับการกลัวโดนฟ้อง แต่เกี่ยวกับการเคยโดนฟ้องเรื่องผ่าตัดไส้ติ่งทำให้ รพ.ทั้งหลายยุบห้องผ่าตัดไปแล้ว รวมถึงไม่มีทั้งหมอที่ฝึกมาให้ผ่าตัดได้และไม่มีทีมบุคคลากรด้วย อย่าหวังแบบสมัยโบราณที่หมอจะกางตำราผ่าตัดทั้งที่ไม่เคยทำ สมัยนี้ไม่พร้อมคือส่งต่ออย่างเดียว ไม่ไหวคือตาย เป็นความจริงที่เจ็บปวด จากคุณ : ZtahC เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:30:36

ความคิดเห็นที่ 38 คห.๓๑ ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ ผมเข้าใจว่าทาง รพ. คงพยายามชั่งน้ำหนักทั้งสองฝั่งแล้วเห็นว่าตัวเองไม่มีความพร้อมที่จะผ่าออกให้จริง ๆ เพราะมันไม่เหมือนกับผ่าท้องเอาเด็กออกทั่วไป และอาจเห็นว่าการส่งตัวคนไข้ไป รพ. อื่น น่าจะเพิ่มโอกาสรอดให้คนไข้ได้มากกว่า และแน่นอน เป็นการลดความเสี่ยงของ รพ. เองด้วย ผมมองว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เค้าต้องเลือกที่จะตัดสินใจน่ะครับ จะผิด หรือถูกผลมันก็ออกมาแล้ว และทางรพ.ก็รู้ข้อบกพร่องของตัวเองแล้ว ซึ่งควรได้รับการปรับปรุงและแก้ไขต่อไป   เห็นใจหมอตรงที่เคสนี้มันเกิดได้ยาก และไม่ค่อยพบเห็น เพราะฉนั้นก็เป็นธรรมดาที่ รพ. ทั่วไปย่อมไม่ได้เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า รพ. ก็ผิดครับที่ไำม่พร้อม แต่จะตั้งความหวังให้ 100% ก็สูงเกินไป *แก้คำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 09:53:55 จากคุณ : TOSHy เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:52:00

ความคิดเห็นที่ 39 คห 31 การจะให้หมอผ่าคลอดโดยไม่ให้มีการฟ้องร้องได้ ต้องออกเป็นกฎหมายออกมาคุ้มครองหมอบ้างล่ะครับ ว่าหากเป็นการรักษากรณีฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุไม่ถือเป็นความผิด (ต้องแค่เฉพาะกรณีฉุกเฉินกับอุบัติเหตุนะครับ รักษาปกติไม่รวม) เมื่อไม่นานมีคนพยายามเรียกร้องออกกฎหมายให้หมอต้องรับผิดในการรักษา ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะบุคคลากรของเรายังไม่พร้อมที่จะต้องให้หมอต้องรับผิดชอบขนาดนั้น จากคุณ : ขายหัวเราะ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:56:40

ความคิดเห็นที่ 40 รบกวนถามครับ มีใครรู้จัก email คุณสรยุทธ์ หรือสามารถส่งข่าวส่งกระทู้นี้ไปทางรายการได้มั้ยครับ ผมคิดว่าเรื่องมันกำลังจะเงียบไป โดยจบลงที่หมอเลวหมอผิด เรื่องนี้ต้องให้จบแบบทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม คนทั่วไปต้องรู้ความจริง และคนผิดต้องออกมาขอโทษ ใครมีช่องทาง ช่วยหน่อยนะครับ จขกท. จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:07:34

ความคิดเห็นที่ 41 ด้วยความเคารพครับ ไม่ได้จะหาเรื่องแต่อย่างใด คุณ samui เป็นแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ใช่มั้ยครับ แล้วรู้และเข้าใจถึงระบบสาธารณสุขประเทศไทย ใช่มั้ยครับ รบกวนตอบด้วยนะครับ จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:13:55

ความคิดเห็นที่ 42 เหมือนจะเป็นคนดี ที่ไหนได้ หลงคิดว่าดีอยู่เกือบครึ่งชีวิต ที่แท้สร้างภาพทั้งนั้น จากคุณ : แทยอน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:15:03

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ samui ด้วยความเคารพครับ 1."ภาวะที่เกิดน้ำคร่ำในกระแสเลือดเนี่ย โดยปกติแล้วการส่งตัวไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด   เพราะระยเวลาอาจไม่ทัน เพราะในกรณีนี้ทางฝั่งแม้ น่าที่จะไม่รอดค่อนข้างสุงอยู่แล้ว" - อันนี้เป็นจริงครับ เพราะ แม้ในที่ที่มีเครื่องมือและแพทย์พร้อมอัตราการเสียชีวิตของแม่ก็สูงมาก 60-80% และมักจะเสียชีวิตภายหลังเกิดอาการแสดงภายใน 1 ชม. 2."แทนที่จะเสี่ยงเลือกช่วยเด็ก แต่หมอกลัวการถูกฟ้องซะมากกว่า นี่คือในกรณีเคสในบ้านเรา ถ้าเป็นต่างประเทศคงให้หมอชุมชุนผ่าคลอดไปเลย " การเสี่ยงที่จะเลือกช่วยเด็กหรือไม่ในกรณีที่แม่ไม่รอดแน่ๆ มีองค์ประกอบหลายประการนะครับ - 1. คนที่จะเลือกไม่ใช่หมอ หมอต้องเป็นคนให้ข้อมูลและให้ญาติเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะให้แพทย์ดำเนินการรักษาอย่างไร -2.บุคลากรและเครื่องมือในการทำผ่าตัดมีพร้อมแค่ไหน ในโรงพยาบาลชุมชน 30 เตียงมีหมอเฉพาะทางสูตินารีเวชหรือไม่ มีหมอวิสัญญีหรือไม่ จากประสบการณ์คือไม่มี มีแต่หมอทั่วไป และหมอจบใหม่ ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องไม่ใช่สิ่งที่แพทย์ทั่วไปจะต้องทำได้ครับ ถ้าทำโดยที่องค์ประกอบต่างๆไม่ครบ แม้ว่าจะทำด้วยความหวังดี ก็ผิดกฎหมายและมีความผิดอาญา เหมือนที่เคยเกิดกรณีผ่าไส้ติ่งอักเสบ ที่ รพ.ร่อนพิบูลย์ คุณพูดไม่ได้หรอกครับว่าให้ลงมือทำมากกว่ากลัวการฟ้องร้อง โดนฟ้องเพราะตั้งใจช่วยเหลือ แล้วติดคุกนะครับ ติดคุกเหมือนข้อหาพยายามฆ่าน่ะครับ ใครจะทำครับ ต่างประเทศกับบ้านเรามีระบบสาธารณสุขที่ต่างกันครับ ยอมรับในจุดนี้ก่อน ถ้าต้องการให้เราสามารถทำได้เหมือนต่างประเทศ ต้องยกระดับโรงพยาบาลทุกโรงเทียบเท่าโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลศูนย์ ที่มีแพทย์เฉพาะทางทุกสาขา ทำการฝากครรภ์และคลอดในโรงพยาบาล เหล่านั้นเท่านั้น ไม่มีการคลอดในโรงพยาบาลชุมชนอีกต่อไปเพราะจะไม่สามารถรองรับกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่างๆได้ ถ้าทำได้ตามนี้ทั้งหมด เมื่อนั้น โรงพยาบาลและแพทย์จะรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เจอน้อยนี้ได้ดีขึ้นครับ ผมฝากคำถามเอาไว้ ว่าคุณคิดว่าต้องแก้ เริ่ม จากตรงไหน ??? แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 10:41:09 จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:37:44

ความคิดเห็นที่ 44 ต้องเข้าใจครับคุณบิณฑ์แกมีหลายอาชีพ ทั้งทำงานมูลนิธิ, เป็นดารา, เป็นพิธีกรและยังมีอาชีพเสริมเป็นจิตรกรด้วยครับ จากคุณ : Rhythm in the Air เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:48:21

ความคิดเห็นที่ 45 ผมคนนึงละครับที่กำลังจะเดินทางต่อไปในสายอาชีพนี้ อยากเป็นหมอมากๆ แต่สอบที่ไทยไม่ติด ตอนนี้เลยยื่นเกรดดั้นด้นไปเรียนถึงจีน อนาคตก็ไม่เเน่นอน เพราะถ้าจะกลับมาทำงานที่ไทยโรงพยาบาลที่จะรับเข้ามาฝึกอาจจะมีไม่พอหรือไม่มีเลย ทำให้การสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมใบสุดท้ายมีปัญหาไปด้วย ใจจริงๆอยากกลับมาทำงานช่วยเหลือคนไข้ที่ไทยมากๆ แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนมุมมมองละครับ เห็นคนไทยเป็นแบบนี้กันเเล้วรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก :( จากคุณ : Stradivarius302 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:52:03 A:223.204.80.69 X: TicketID:374607

ความคิดเห็นที่ 46 อย่างน้อยเราหนึ่งคนที่เข้าใจความรู้สึกหมอในห้องนี้  อย่าเอาเคสนี้มาทำให้หมดกำลังใจเด็ดขาด คนไข้ที่น่ารัก ๆ ก็ยังมีอีกเป็นล้านที่เฃ้าใจ อย่าหมดกำลังใจ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : flying frog (Flying frog) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:11:38

ความคิดเห็นที่ 47 สงสาร หมอ พยาบาล รักษาคน ร้อยพ่อพันแม่ คนแต่ละคนจิตใจไม่เหมือนกัน และคนที่ชอบว่าให้หมอ ก็พยายามรักษาเนื้อรักษาตัวด้วยละ เจ็บป่วยมาเข้าโรงพยาบาล สำนึกด้วยนะว่าใครรักษาคุณ ละอายใจจังเลย  ...................สุดท้าย เป็นกำลังใจให้หมอ พยาบาลทุกๆท่านครับ จากคุณ : pirat เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:28:59

ความคิดเห็นที่ 48 พวกที่ด่าหมอเนี่ย ไม่คิดว่าซักวันจะต้องไปหาหมอจริงๆเหรอ อีกหน่อยหมอคนไหนมีโอกาสได้รักษาคุณบิณฑ์ หรือครอบครัว อย่าลืมถามซะก่อนว่าจะให้รักษาตามหลักวิชาการหรือความรู้สึก จะได้ชัวร์ จากคุณ : ari เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:36:08 A:125.24.97.132 X: TicketID:313880

ความคิดเห็นที่ 49 ให้หมอผ่าตัดใน รพ.ชุมชน แล้วใคร .. ไปฟ้องหมอที่ผ่าตัดใน รพ.ชุมชนล่ะครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:43:59

ความคิดเห็นที่ 50 คคห.31 ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์แน่ หรือถ้าใช่ก็ต้องไม่เคยสนใจบริบทของระบบสุขภาพของประเทศเลย จึงไม่รู้ว่า รพ.ชุมชนขนาด 30 เตียง (รพ.ที่เกิดเหตุการณ์) ทำผ่าตัดใหญ่ไม่ได้ เพราะไม่มีวิสัญญ๊แพทย์ ไม่มีคลังเลือด การทำผ่าตัดคลอดผู้ป่วยคนนี้ก็เท่ากับฆ่าผู้ป่วย และไม่รู้ว่าลูกจะรอดหรือไม่ รพ.ตัดสินใจส่งต่ิอนั่นถูกแล้ว โอกาสตายสูงเพราะผอ.รพ.ออกมาให้สัมภาาณ์แล้วว่าผู้ป่วยเกิดอาการเขียวและช็อคกระทันหัน นั่นคือภาวะน้ำคร่ำเข้ากระแสเลือด(amniotic fluid embolism) โอกาสเกิดน้อยมาก เมื่อเกิดแล้วโอกาสตายสูงมาก หมอสูติทุกคนกลัวภาวะนี้กันมาก เพราะมันป้องกันไม่ได้ ไม่มีสิ่งบอกเหตุมาก่อน หญิงตั้งครรภ์ที่แข็งแรงก็เกิดได้ ฝากครรภ์อย่างดีก็เกิดได้ เกิดกับใครก็ได้ เกิดในมือหมอคนใดก็ได้ สุดแต่เบื้องบนจะลิขิตมา(มั้ง) จำกรณีแบบเดียวกันนี้ที่รพ.สมิติเวชได้ไหม ที่ผู้ป่วยตายแล้วรพ.ถูกฟ้องน่ะ ขนาดสมิติเวชนะ หมอพร้อมทั้งสูติแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์หัวใจ เครื่องมือทันสมัยพร้อมสรรพ ยังเอาไม่อยู่เลย จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:14:15 A:58.97.55.158 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 51 throll เนี่ย บางทีมันก็ failure to LOGIC thrive นะครับ ปล่อยๆไปเถอะ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:35:16

ความคิดเห็นที่ 52 ถึงคุณ megamovie คุณ samui เค้าน่าจะแค่อยากให้มีกฏหมายมารองรับคุ้มครองแพทย์ หากเกิดการเสียชีวิตของคนไข้ในภาวะไม่ปกติเท่านั้นหน่ะครับ แพทย์จะได้สามารถลงมือช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ถึงแม้อุปกรณ์ต่างๆอาจจะไม่พร้อมบ้างก็เถิด(ประเทศไทยอ่ะเนอะ รู้ๆกันอยู่ จะให้อุปกรณ์พร้อม100%คงเป็นไปได้ แต่ยาก) ถ้าการส่งตัวไปต่อแล้วจะต้องเสียชีวิต99.99% สู้ให้แพทย์ที่มีเครื่องมือไม่พร้อมลองช่วยชีวิตดูไม่แน่อาจจะได้อยู่ใน 0.01% ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่คุณ samui บอกไว้ ตอนนี้ไม่มีกฏหมายมาคุ้มครองแพทย์ในกรณ๊นี้เลย เรื่องอื่นๆที่ต้องดำเนินการเพื่อให้ผลเป็นไปตามที่คุณsamuiเสนอไว้ คงต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกกฏหมายดังกล่าวและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆเป็นผู้ดำเนินการ แต่...เรื่องนี้จะไปถึงคนเหล่านั้นได้อย่างไร ผมเองก็อยากให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่คุณบิณฑ์ไม่ทราบ ได้ถูกนำไปออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์บ้าง เพื่อเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และจะได้มีการหาทางออกสำหรับสิ่งเหล่านี้ในอนาคตอย่างเหมาะสมด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : หมอสู้ๆนะครับ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:40:15 A:171.7.176.227 X: TicketID:368293

ความคิดเห็นที่ 53 บาปกรรมจริงๆครับ จากคุณ : noooon010 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:59:51

ความคิดเห็นที่ 54 สังคมนี้ข้อมูลไม่ฟัง ชอบฟังอะไรที่สะใจ ดราม่า กฏระเบียบไม่มี ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นคนจนถูกเสมอ จากคุณ : da dent เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:07:30

ความคิดเห็นที่ 55 ไอ้พวกที่ตะโกนแหกปากให้ทำๆๆๆ ไม่ต้องกลัวโดนฟ้อง มักง่ายเกินไปมั้ยที่จะพูด ทุกอย่างมันมีกฏ มีระเบียบ มีขอบข่ายอันไหนทำได้ ทำไม่ได้ เเมร่งดราม่า โลกสวย คนที่มันจะตาย ยังไงมันก็ต้องตาย ต่อให้รวยก็ตาย..........บุญทำมาเเค่นี้ ทำไมไม่คิดตรงนี้บ้าง ว่าทำไมคนอื่นๆ เขาถึงไม่เป็นเคสพิเศษเเบบนี้ ไอ้คนที่สักเเต่จะด่าหมอ ใช่น่ะซิ ตัวมันเองไม่ได้ยืนอยู่ในจุดเดียวกับคนที่อาจจะถูกฟ้องปากพล่อยมักง่าย นึกจะพูดก็พูด ลองมาเป็นตัวเองมั่ง รู้ว่ายืนอยู่ระหว่างเส้นขีดความเป็นกับความตาย อาจจะขี้หดตดหาย ขาสั่นเลยก็ได้ หนีการหนีงาน อาจจะไม่มีความรับผิดชอบเท่าคุณหมอคนนั้นเลยก็ได้ พวกสักว่าเเต่เชื่อ ดารา .........ทะ ทะ ทุ้ยยยยยยยยยยยย !!!! จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:07:57

ความคิดเห็นที่ 56 สอระยุด ไม่เกาะกระแสข่าวนี้เลยเหรอ หรือว่าพวกเดียวกันกะ Bin (ถังขยะ) จากคุณ : ก็เธอไปอยู่ไหนมาที่รัก เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:14:20

ความคิดเห็นที่ 57 56* สรยวย เกาะตลอดครับข่าวแบบนี้ ด่าหมอตลอด จากคุณ : ข้าวผัดไข่เจียว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:16:29

ความคิดเห็นที่ 58 ส่งตัวไปอีก รพ คนไข้และเด็กตาย ---> ส่งทำไม มันเสียเวลา ทำไมไม่ผ่าคลอดเอง ผ่าคลอดเอง คนไข้ตาย เด็กตาย ---> ทำไมไม่ส่งอีก รพ ที่ดีกว่านี้ ผ่าคลอดเอง คนไข้ตาย เด็กรอด ---> ทำอิท่าไหนให้แม่ตาย ทำไมไม่ส่งอีก รพ ที่ดีกว่านี้ ผ่าคลอดเอง คนไข้รอด เด็กตาย ---> ทำอิท่าไหนให้เด็กตาย ทำไมไม่ส่งอีก รพ ที่ดีกว่านี้ คนมันจะด่าอ่ะครับ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:37:49

ความคิดเห็นที่ 59 หกปีที่แล้ว ผ่าตัดไส้ติ่ง เกิดหารเสียชีวิต ห้องสวนลุมมีคนด่าหมอมากมายว่าทำไมไม่ส่งต่อไปที่ที่พร้อม หมอมั่นใจเกินไปหรือเปล่า เพราะหมอมั่นใจ รพ.ไม่พร้อม คนไข้เลยตาย ปีนี้ ส่งไปตามควร รพ.และสภาพคนไข้ทำให้ต้องส่งลูกเดียว ก็ด่าว่าทำไมหมอไม่ผ่าไปเลย ถ้าผ่าทำตามหลักวิชาไม่มีใครว่าหรอก ความจริงทุกเคสที่เกิดขึ้น มีการคิดตัดสินใจตามสถานการณ์อยู่แล้ว ไม่มีใครเอาอรามณ์ความกลัวมาหรอก ทุกคนเอาคนไข้เป็นที่ตั้ง และหากสมมุติว่าไม่ได้เอาคนไข้เป็นที่ตั้ง เอาตามที่ว่า บทเรียน6ปีที่แล้ว สังคมไทยต้องการแบบไหนมันก็เป็นตัวอย่างครับ ถ้าตายตอนผ่า เคสนี้ในสวนลุมก็รับประกันได้ว่าต้องด่าว่าหมอมั่นใจไปรึเปล่า ผ่าทำไม ไม่ผ่าอาจจะรอด จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:56:23

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยกับ หมอแมวครับ จากคุณ : ข้าวผัดไข่เจียว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 14:01:30

ความคิดเห็นที่ 61 ผิดหวังกับคุณบิณฑ์เหมือนกัน ทำงานร่วมกับแพทย์มาหลายปี ไม่น่ามาสร้างความลำบากให้กันแบบนี้ ลักษณะการโพสในเฟสมันไม่ใช่เพื่อต้องการคำตอบ แต่เป็นลักษณะหาพวกให้ตัวเองและด่าอีกฝ่ายมากกว่า ส่วนcommentอื่นๆที่ด่าหมอ ส่วนมากมาจากอารมณ์ร่วมหรือมีอคติกับหมออยู่เดิม ซึ่งตรงนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าระบบบัตรทองมันได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้เสื่อมลงมาก และก็มีแนวโน้มจะแย่ลงไปเรื่อยๆ จากคุณ : Lia เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 14:57:18

ความคิดเห็นที่ 62 ต้นทุนชีวิตบิณฑ์ ลดลงอีกแล้ว อยู่เฉยๆ ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอก ก้าวล่วงอาชีพคนอื่น พอมีคนมา ก้าวล่วงอาชีพคุณบ้าง คุณก็ไม่พอใจ ทุกอาชีพเค้าต้องทำหน้าที่ของเค้าเต็มที่ เพราะเค้าเคารพในอาชีพและอาจารย์ ที่เค้าเรียนมา ออกเรือคุณต้องดูลม ไม่งั้นเรือล่ม การเอารูปผู้เสียชีวิตมาลง ถึงจะขออนุญาต สามีเค้าแล้ว แต่ต้องดูด้วยว่าควรหรือไม่ควร เพราะคนเสียชีวิตกลับมาบอกอะไรคุณไม่ได้แล้ว ต้องให้เกียรติเขาอย่างมาก และให้เขาอยู่ ในโลกของเขาอย่างสงบ คุณบิณฑ์ สงสัยต้องไปสะสมต้นทุนชีวิตใหม่อีกมาก นับจากวันนี้ เครดิต ติดลบ จากคุณ : sope เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:56:55

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นด้วยกะความคิดเห็นที่5  ถึงเวลาทำงานทั้งหมอและพยาบาล เขาทำงานอย่างเต็มที่จนหมดความสามารถของเขาแล้ว เขาทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อให่คนไข้ของเขารอด จากคุณ : gazeclub เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:02:00

ความคิดเห็นที่ 64 สรยุทธ์เค้าไม่เชิงไม่เกาะ แต่ไม่อยากเข้าข้างใคร เวลาเชิญใครมาพูด เพราะเด๋วสุดท้ายตัวเอง จะต้องลงจากหลังเสือเร็วเกิน แค่พูดจาเสี้ยม คนก็เกลียดเยอะแล้วครับ เวลามีเคส เอามาออกข่าวจัง พอหมอไม่ผิด สรยุทธ์ไม่เห็นออกข่าวบ้าง จากคุณ : atto-zepto-yocto เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:18:55

ความคิดเห็นที่ 65 คนที่ด่าหมอ ลองมาดูการทำงานของหมอ รพ.ชุมชนซัก 5 วันมั๊ยคะ ปล.เป็นกำลังใจให้กับหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกๆคนค่ะ จากคุณ : คนวังเย็น เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:18:52

ความคิดเห็นที่ 66 ขอถามหน่อย มีใครที่อยู่วงการสายสุขภาพแล้วคิดว่าสิ่งที่หมอท่านนี้ทำ มันผิดบ้าง ขอถามเลยอ่ะ ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีค่ะ  เพราะหมอทำถูกแล้ว เข้าใจไหม คนทั้งวงการนี้เค้าคิดว่าหมอทำถูกแล้ว เพราะเป็นใคร ใครก็ทำแบบนี้ แล้วจะไม่เคารพการตัดสินใจของคนที่อยู่วงการนี้ ที่มีความรู้มากกว่าคุณ ปสก.มากกว่าคุณ รู้จริงกว่าคุณ เลยหรือ?? หรือสักแต่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่า มันน่าจะ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่ต้องมีมันแล้วแหละ อาชีพหมอ พยาบาล ตำรวจ ทนาย หรือคนขายกล้วยปิ้ง เพราะทุกคนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันน่าจะถูกหมด ก็ทำอะไรๆเองเลยทั้งชีวิตไปเลยสิ เหนื่อยใจกับการรับฟังสาร และการหาคำตอบของสิ่งที่เราไม่รู้ของคนไทยอ่ะ เอาบรรจุเป็นวิชาบังคับเลยได้ไหม วิชาการพัฒนาสติปัญญาในการรับสารและการหาความจริง 101 เหนื่อย จากคุณ : Stinky Cat เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:41:43

ความคิดเห็นที่ 67 พูดเรื่องการแพทย์ ไม่ให้เอาวิชาการมาพูด มรึงจะให้เอา 5 อะไรมาพูดวะครับ ไอ้คุณบิณฑ์!!!!!!! จากคุณ : Sifer2002 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:14:41

ความคิดเห็นที่ 68 เป็นกำลังใจให้คุณหมอและ จนท. โรงพยาบาลทุกท่าน.... คุณบิณฑ์ควรออกมาขอโทษ...ในสิ่งที่ได้ทำไป.. เราเชื่อว่า...ไม่มีใครอยากให้เกิด..และเป็นเหตุสุดวิสัยทางการแพทย์... อย่ามองว่า..คลอดกับหมอตำแยไม่เห็นเป็นไร..(ใครสักคนพูด)...เพราะไอ้ที่เค้าเป็นไรไปแล้ว..คุณก็ไม่รู้... เวลามีอุบัติเหตุ...คุณปอ..คุณอาสาทั้งหลาย..มาอย่างไวก็จริง...เห็นกับตาเลย..ว่ามาเร็วมากง..แต่ปรากำว่ามาจอดขวางถนนและทำให้รถติด...รถพยาบาลเข้าถึงผู้ป่วยได้ยากขึ้น..ไม่รู้มีใครเคยเห็นแบบเราบ้าง.. แล้วคุณก็ช่วยคนป่วยไม่ได้..มาเท่ห์อย่างเดียว... จากคุณ : pectin เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:15:25

ความคิดเห็นที่ 69 เพิ่งได้เข้าไปดูใน facebook คุณบิณฑ์ นี่คือ post ชี้แขงข้อเท็จจริงที่ได้ จากหมอครับ จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:21:05

ความคิดเห็นที่ 70 มาให้กำลังใจคุณหมอค่ะ... จากคุณ : ป้าฟู เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:52:44

ความคิดเห็นที่ 71 ล่าสุด คุณบิณฑ์ได้ออกมาบอกว่าได้ถามความจริงจากหมอและพยาบาลแล้ว และบอกประมาณว่าเมื่อทุกคนรู้ความจริงก็หวังว่าจะไม่เข้าใจคุณหมอผิด "ก็คงจะกระจ่างกันแล้วนะครับเพื่อนๆ เราก็คงไม่มาเข้าใจอะไรผิดๆกับหมออีกนะครับ" ตอนด่าเหยียบหมอจม ธรณี ผ่านไปไม่กี่นาที คนต้าน สุดท้ายคนด่าว่า ไม่เหมาะ อย่าเข้าใจผิดหมอนะ พูดได้ อายเขา โคลงสี่ตามใจฉัน จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:56:39

ความคิดเห็นที่ 72 คนสมัยนี้.... - ตามกระแส อะไรกำลังดังก็ต้องขอวิจารณ์ด้วย ถ้ามีเหตุผลมาวิจารณ์จะไม่ว่าเลย - ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เหตุผลสนับสนุนมาทีหลัง รู้ข้อมูลด้านเดียวแต่รีบด่าก่อน บางครั้งอ่านยังไม่ครบบรรทัดหรอก เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่แค่กรณีคุณBhin และเหล่านักคอมเม้นต์ในเฟสหรอก แต่มันเห็นได้เยอะแยะในสังคมปัจจุบัน สังคมมีแต่เสื่อมลงไปทุกวันๆ เพลียอ่ะ ลองนึกภาพกว่าจะเป็นหมอคนนึงได้อ่ะ ต้องเรียนหนักกกกกกกกกขนาดไหน เรียนเป็นสิบปี แต่แค่เหตุการณ์ในวันเดียว วันเดียว มันทำให้เสียกำลังใจแค่ไหน (กรณีที่หมอไม่ผิด) อีกหน่อยผลเสียก็สะท้อนกลับตัวคุณแหละ จากคุณ : หิมะสีนํ้าเงิน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:34:23

ความคิดเห็นที่ 73 ตัวอย่างการโพสต์อย่างไร้ความรับผิดชอบของนายบิณฑ์ คือตัวอย่างของสังคมไทยที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล คนที่ไม่มีความรู้ หรือรู้อย่างครึ่งๆกลางๆมีเยอะและเป็นส่วนมากของสังคม ถึงทำให้ประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาทัดเทียมกับประเทศอื่นๆได้ จากคุณ : Bonus&Bogie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 23:13:40

ความคิดเห็นที่ 74 อยากฝากพวกนักข่าวสักนิดครับในการถ่ายรูปร่างผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะในเขตรพ.รัฐ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เคยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ร่างอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน กั้นม่านอยู่ แต่คุณนักข่าวได้พยายามเข้ามาถ่ายรูปเพื่อเอาไปทำข่าว โดยที่ไม่ได้มีการขออนุญาตทางรพ.หรือญาติก่อน เจ้าหน้าที่ พยาบาล หมอ ห้ามก็ไม่ฟัง  คิดว่าตัวเองใหญ่มาก จะเอาไปทำข่าว ขอให้เกียรติกับผู้เสียชีวิตหน่อยเถอะครับ และในสถานที่ราชการ ไม่ใช่คุณจะเข้ามาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ จากคุณ : medit เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 00:24:51

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านมาทั้งหมด.. ได้แต่คิด สงสารหมอ พยาบาลมากค่ะ จากคุณ : love mom so much เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 03:36:01

ความคิดเห็นที่ 76 เป็นกำลังใจให้คุณหมอทุกท่านค่ะ เราเป็นคนนึงที่ป่วยบ่อย หาหมอบ่อย ล่าสุดก็เจออุบัติเหตุเข้ารับการรักษากับหมอถึง 5 ท่านในครั้งนั้น ต้องขอบคุณหมอมากๆค่ะที่ทำให้มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ เราประสบเหตุรถชน เสียเลือดมาก มีภาวะความดันต่ำ มีเลือดออกในช่องท้อง ประกอบกับเป็นคนเกร็ดเลือดน้อยอยู่แล้ว ในห้องไอซียู เรารู้แค่ว่าทั้งหมอทั้งพยาบาลมารุมล้อมอยู่รอบเตียง ไม่รู้พวกเขาทำอะไรแต่ฟังเสียงวุ่นวายกันมาก เราสลบไม่รู้เรื่องมารู้สึกตัวอีกทีก็มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด ทั้งสายยางที่สอดจากปากลงในช่องท้อง เครื่องช่วยหายใจ ถุงให้เลือด น้ำเลือด สายใส่ท่อปัสสาวะ แม่เล่าให้ฟังว่าหมอและพยาบาลเวียนมาเช็กอาการตลอดเพราะความดันเราตกมาก ยังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอด พอเราออกจากโรงพยาบาลแรก ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลในสิทธิประกันสังคม มีหมอประจำตัว 4 คน หมอศัลยกรรมกระดูก หมอศัลบกรรมประสาท หมอที่ตรวจภายในไม่รู้เรียกว่าอะไร และหมอหู หมอทุกท่านให้การรักษาดี ดูแลรักษาตามอาการ กระดูกเราหักตรงสะโพกกับเชิงกราน หมอตัดสินใจไม่ผ่าเพราะอันตรายและเสี่ยงกับการเเดินไม่ได้ เพราะหักช่วงข้างหลัง เราอายุยังน้อยหมอให้กระดูกติดกันเอง โดยให้เสริมแคลเซียม ผ่าแค่กระดูกแขนที่หัก และก็มีกายภาพบำบัด ทุกวันนี้เรากลับมาเดินได้แล้ว ไม่เจ็บตัวมากนัก หมอศัลยกรรมประสาทก็ตัดสินใจไม่ผ่าสมอง เพราะผลการสแกนไม่มีเลือดคั่งเพราะเลือดไหลออกหู จมูก ปาก เราเลยโชคดีไม่ผ่า ทุกวันนี้ก็กลับมาทำงานได้แล้ว สมองยังใช้การได้เหมือนเดิม หมอช่องท้องก็มาตรวจมาอัลตราเซาวน์ตลอดจนแน่ใจว่าช่องท้องเราไม่มีเลือดออก หมอหูก็นัดเดือนละครั้งเพื่อส่องดูเยื่อหูที่ฉีกว่าเจริญเติบโตได้ดีหรือยัง ทุกวันนี้เรามีชีวิตรอดอีกครั้งเพราะแพทย์และพยาบาลทุกท่านที่ช่วยเหลือ ขอบคุณจริงๆค่ะ เราเชื่อว่าหมอทุกคนไม่อยากให้คนไข้ตายหรอกค่ะ แต่ต้องวินิจฉัยและแน่ใจว่าไม่เกินความสามารถของตัวเองถึงจะรักษาให้ ใครอยากจะเสี่ยงกับชีวิตคนกันค่ะ ขอส่งกำลังใจให้คุณหมอทุกท่าน อย่าท้อนะคะ สัญญาว่าจะเป็นคนไข้ที่น่ารักของคุณหมอทุกท่านอีกคนค่ะ จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:30:34

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ  บ้านสายไหม ขอบคุณครับ จากคุณ : megamovie เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:52:29

ความคิดเห็นที่ 78 ขอเห็นต่างกับ 31 รพ. 30 เตียง หมอดมยาไม่มี หมอสูติไม่มี หมอเด็กไม่มี เกิดเด็กมี hypoxia อีก หมอที่ดูคนไข้ น่าจะเป็นหมอเพิ่งจบ ผมว่า ถ้าพบเคสที่ฉุกเฉิน และเกินความสามารถ ควรส่งต่อ เป็นหลักปฎิบัติดีกว่า จะให้หมอลุยถั่วเหมือน 30 - 50 ปีก่อน คงไม่ได้แล้ว เข้าใจที่คุณคิด เพราะเป็นการ retrospective หมออาจไม่ทันคิดเรื่องโดนฟ้องด้วยซ้ำ  แค่รีบช่วยใส่ท่อ ปั้มหัวใจ แล้วรีบส่งต่อ ยังไม่ทันคิดว่า แม่จะต้องตายหรือไม่ตาย แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 12:24:34 จากคุณ : วิชยุ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:58:58

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่องคำชี้แจงต่างๆส่วนมากก็พูดไปเยอะแล้ว แต่จากcaseนี้ก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เช่น การด่าไว้ก่อนโดยไม่ได้อ่าน ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงเลย(ทั้งๆที่มีชี้แจงอยู่ทนโท่ แต่ก็ยังถามว่าทำไมถึงไม่ผ่าเอง) ด่าตามน้ำ ใช้ความรู้สึกตนเองเป็นที่ตั้ง ฯลฯ เห็นแล้วน่าสงสารสังคมไทยในปัจจุบัน ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่อนาคตข้างหน้ามันจะเป็นยังไง จากคุณ : THANODOM เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 00:07:58

ความคิดเห็นที่ 80 ที่ขำที่สุดก้อคือ ผมไปไล่อ่านบน FB แค่เห็นหน้าแล้วเดาถูกหมดเลย comment จะมาแนวไหน พวกปากจู๋ ทำหน้าสก๊อย โพสแบบไร้สมอง ไม่อ่านคำอธิบาย คนที่เป็นรูปปกติคุยกันอยากวิชาการมีเหตุผล จากคุณ : Laganus เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 23:40:23

ความคิดเห็นที่ 81 ..เอาเวบนี้ไปโพส ทั้งข้อความตักเตือนสติ ที่FB นายบิณ   สักพัก หาย ถูกลบ? คงเหลือแต่พวกโพสเชียร์กันเอง โพสต่อว่ารพ.จนท.หมอ โครงการ30บาทฯลฯ เหมือนคนโพสไม่ได้อัพเดตข่าวสารกัน? หรือลัทธิ...เขาแรงส์จริง จากคุณ : somelike เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 10:57:44

ความคิดเห็นที่ 82 ดูคลิปรายการสรยุทธแล้วก็รู้สึกว่า นายคนนี้พกอคติมาเต็มที่ แนวทางการพูดการจา แถมถามสามีว่า ฟ้องไหมๆๆ เสี้ยมกันชัดๆ จากคุณ : หวงหลิง เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 15:05:05

ความคิดเห็นที่ 83 ตอนนี้มีแต่คนอวย 555 เจ้าของเฟสก็ไม่ฟังใคร แฟนคลับก็ไม่ฟังใคร ใช้แต่ความรู้สึกว่าตรูถูก ไม่ใช้วิชาการ 555 จากคุณ : atto-zepto-yocto เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 18:07:06

ความคิดเห็นที่ 84 คนที่ทำงานวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่มีใครอยากให้เกิดการผิดผลาดหรือภาวะแทรกซ้อนขึ้นหรอกค่ะ แต่แปลกใจผู้ป่วยสมัยนี้ที่ไม่เข้าใจพยาธิสภาพของโรค และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ แล้วมาฟ้องหมอฟ้องพยาบาล แปลกนะ มีแต่สิทธิผู้ป่วย ไม่เห็นมีสิทธิของคนที่ทำงานสายการแพทย์. อยากให้ประเทศไทยมี การฟ้องกลับแบบว่าเรียกหนัก ๆ ทำข่าวแบบียวกลาวซักครั้ง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ จากคุณ : Minnieza (minnieza) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 02:37:39