ความคิดเห็นที่ 1 แค่งดคาร์บ เราก็รู้สึกกลัวแล้วค่ะ กินบ้างก็ดีนะคะ ไม่งั้นจะเอาแรงที่ไหนทำอะไร แค่เลือกคาร์บดี low Gi อย่าง ข้าวซ้อมมือ / มันเทศซึ่งมีสารอาหารมากกว่าข้าว จากคุณ : uka04 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 06:05:48

ความคิดเห็นที่ 2 20kg ในหนึ่งเดือน!!! วิธีที่ทำนี่หวาดเีสียวเรื่องเหี่ยว ย้วย หนังเกิน มากๆเลย   Calories deficit มากๆ มีโอกาสโยโย่สูง งดคาร์บ เน้น ผัก ปลา ทานเยอะยังไงแคลอรี่มันก็ต่ำอยู่ดี แต่จะเบิร์นออกต่อวันเยอะขนาดนั้น จะไหวรึเปล่า จะไม่หน้ามืด เป็นลมไปก่อนเหรอ ดูจากวิธีแล้วน่าจะโทรมไม่ใช่น้อยเลย ผมร่วงนี่เตรียมใจไว้เลยมีโอกาสมากๆ น่าจะเสียกล้ามเนื้อไปด้วยเยอะเลย คิดให้ดีว่ามันคุ้มรึเปล่า ถ้าได้งานแล้ว น้ำหนักเด้งขึ้นมาอีก เขายังจ้างอยู่ไม๊? ลดได้แล้วคิดต่อรึเปล่าว่าแล้วจะรักษาไว้ยังไง? จากคุณ : ณัฏฐา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 07:54:49

ความคิดเห็นที่ 3 อัยตรายมั้ยก็คงอันตราย แถมไม่มีได้ตามเป้่าด้วย เพราะน้ำหนักก็ไม่ได้เยอะมาก แถมออกกำลัง วันละ 9 ชั่วโมง และต้องทำงานด้วยนี่สุดยอดแล้ว ต้องถามว่าออกกำลังสม่ำเสมอหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงวิ่งสลับเดินเลย เดินอย่างเดียว 2 ชั่วโมงก็ท้อแล้ว นี่ 4 แถมปั่นจักรยานอีก 2 นั่งคิดเล่นๆ วันนึงต้องออกกำลังเท่ากับการวิ่งสัก 50 กิโล ทุกวันถึงจะได้ตามเป้า ยังไงก็สู้ๆครับ ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ ก็ลดแบบยืนยาวได้นะครับ จะได้ไม่น่านั่งเสียใจภายหลัง ทุกคนมีโอกาสเสมอ แต่คนที่เตรียมพร้อมเพื่อรอโอกาส เท่านั้นจะประสบความสำเร็จ จากคุณ : ซาตาน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:02:20

ความคิดเห็นที่ 4 ปัทว่า ถ้าจำเป็นก็ทำ แต่หลังจากนี้ เตียมใจกับน้ำหนักที่ขึ้นมาและขึ้นกว่าเดิม นะมีผลเสียกับงานในอนาคตมั้ย!!! 20 โลแต่ร่างกายไม่เฟริมนะ ก็คิดซะว่าคุณโดนเกณไปสงครามคูเวตแล้วกันคะ ถ้างานสำคัญกว่า สุขภาพ เพราะน้ำหนักที่เสียไปคือ น้ำ และกล้ามเนื้อ และไขมันนิดหน่อย หลังจากนี้ ก็คงต้องกลับมาทานอาหารที่บำรุงสุขภาพสุดๆ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป และกลับมาสร้างกล้ามเนื้อที่เสียไปด้วยนะค่ะ อย่าหักโหมไป ถ้ามีอาการหน้ามืดก็ควรระวังนะค่ะ ลืมอีกอย่าง การลดน้ำหนักมาก มันทำให้สมองเราทำงานแย่ลงด้วยนะค่ะ หงุดหงุด เบลอ มึน เพราะเราขาด สิ่งที่ไปซ่อมแซมสมองคะ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 08:08:56 จากคุณ : WHOPUT เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:05:06

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มอีกนิดนะคะ การเล่นเวทโดยที่อาหารไม่ถึง แทบไม่ช่วยอะไรในเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อเลย แค่ไปทำให้กล้ามเนื้อมันฉีก แต่ไม่มีสารอาหารและพลังงานเพียงพอไปซ่อมสร้าง ยิ่งแย่ไปใหญ่ อย่าคิดว่าเล่นเวทด้วย จะป้องกันกล้ามเนื้อหายจากการลดน้ำหนักสุดโต่งแบบนี้ได้ เรื่องสร้างเพิ่มเลิกคิดเลย แม้จะมีแพทย์ดูแลอยู่ อย่าคิดว่าจะดี ยาลดความอ้วนที่กินแล้วตายๆกัน โยโย่กันน่ะ ก็จ่ายโดยแพทย์ ซื้อจากรพ. ซื้อจากคลีนิค อ่านแนวคิดในการลดความอ้วนของแพทย์บางท่านแล้วได้แต่ส่ายหัว อย่าเรียกมันว่าการลดความอ้วน มีค่าแค่การ "ลดน้ำหนัก" เท่านั้น จากคุณ : ณัฏฐา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:15:28

ความคิดเห็นที่ 6 หมอจริงรึเปล่า ที่แนะนำมันดูแปลกๆ เหมือนหมอรับจ๊อบสถานเสริมความงามมากกว่า คือเป็นหมอจริงแต่หน้าที่ทำตรงนั้นไม่ใช่หน้าที่หมอแต่เป็นหน้าที่เซลขายคอร์ส ลด 20kg ในหนึ่งเดือน ถ้าคนเป็นหมอจริงและคนไข้ยืนยันว่ายังไงต้องลดให้ได้ สุขภาพไม่สน ถึงที่สุดแล้วคุณหมอคงจะแนะนำให้ผ่าตัด(ตัดเนื้อทิ้ง)มากกว่ามาขายคอร์ส thermage หรือ mesofat ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไปจะช่วยได้แค่ไหน จากคุณ : The Starry Night เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:36:50

ความคิดเห็นที่ 7 หมอชื่ออะไร จบจากไหน ทำงานที่ไหน อายุเท่าไร สงสัยอยากได้เงินค่าเลเซอร์ ผ่าตัดหนังย้วยเพิ่มมั้ง ปรึกษาจ่าย ฉีดยังไม่พอ ได้หลายต่อเลย หุหุ จากคุณ : KhuenChayOA เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:46:12

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆ เราเคยคุยกับเพื่อนที่ไปหาหมอพญาไท ปรึกษาเรื่องน้ำหนักจริงๆจังๆค่ะ รู้สึกว่าเค้าแนะนำให้กินปกตินะคะ เน้นอาหารมีประโยชน์และออกกำลังกาย เราว่าเนี่ยะ คือหมอจริงๆที่เค้ารู้จักร่างกายมนุษย์จริงๆ รู้ว่ามนุษย์ต้องกินแป้งเพื่อสร้างพลังงาน และไขมันดีเพื่อลดระดับคอเลสเตอร์รอล หมอที่คุณไปหาน่ะ เราว่าน่าจะเป้นหมอตามคลีนิคสถาบันลดน้ำหนัก เสริมสวยอย่างที่ คห บนๆว่า สารภาพนะคะเราเคยไปหา หมอเดิร์มแคร์คลีนิคตอนยี่สิบต้นๆ เค้าแนะว่าให้งดเลย แป้ง-มัน-หวาน  ซึ่งพอเราโตขึ้นมาก็พบว่า :-)หมอมั่วนี่หว่า ลดแบบนี้คือได้เห็นผลไวแน่ โอเค ไม่นานลด แต่ผลกระทบที่ตามมาคือโยโย่ และมันมีมากกว่านั้น ช่วงนั้นเล็บเหลืองซีดมาก ดอกขึ้นเต็มเล็บเลยเป้นสัญญาณว่าขาดวิตามินขั้นรุนแรง แถมผิวก็เหี่ยวๆด้วย จากนั้นมาเราไม่เรียกหมอ ตามพวกสถาบันพวกนี้ว่าหมอค่ะ คำที่ให้เกียรติที่สุดอาจจะเรียกพวกเขาว่า "ผู้ประกอบกิจการลดน้ำหนักใส่ชุดกราวเหมือนหมอ" มากกว่าค่ะ เค้าอยากให้ นน. คุณลดไวๆจะได้เห็นผลแล้วกลับไปหาเค้า เอาเงินไปจ่ายค่ายาอยู่เรื่อยๆ มันเป็นวัฏจักรแบบนี้จริงๆนะ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 09:53:00 จากคุณ : uka04 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:48:44

ความคิดเห็นที่ 9 แค่เริ่มก็ไม่น่าจะใช่หมอแล้วครับ ... ลดแบบนี้ไม่ไหว จากคุณ : Hernf@ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:22:54

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าร่างกายจะพังก่อนที่จะผอมและแข็งแรงนะครับ จากคุณ : crazyyos เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:05:07

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าระยะยาวสุขภาพเสียจริงครับ  ถือว่าโหดมากแต่คุณจะทำผมก็ไม่ห้ามแต่สงสัย เพราะประกอบอาชีพที่ใช้รูปร่างหน้าตา แล้วคุณปล่อยให้ร่างกายคุณไปถึงจุดนั้นได้ไงครับ หรือเป็นลักษณ์ เปลี่ยนบทกะทันหัน แบบว่าเป้นคนติดยาไรแบบนั้น สูง 170 cm น้ำหนัก 78 ก็ไม่ได้หนักมาก แต่ให้ลงไปถึง 58 นี้มันสุดโต้งมากครับ จากคุณ : ninjathai เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:52:06

ความคิดเห็นที่ 12 เดือนหนึ่งจะให้ลด20โล คุณจะรีบร้อนไปไหน เดือนหนึ่งไม่ควรเกิน4โล และคุณออกกำลังหนักขนาดนั้น แล้วยังกินน้อยอีก จะเอาแรงที่ไหนไปออกกำลังกาย ควรคิดใหม่นะ มันหักโหมไป  ร่างกายอาจได้รับการบาดเจ็บได้ครับ ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะ จากคุณ : ongreen เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 14:47:09

ความคิดเห็นที่ 13 งั้นฉีดเมโสแฟต อย่างเดียวเถอะ ขายหน้าตานี่ ตัวคงลดไม่ทันล่ะ จากคุณ : Graphabia เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:02:12

ความคิดเห็นที่ 14 ก็ไม่แน่นะ ซันนี่ยังทำมาแล้ว พวกดาราฮอลลีวู้ดที่มีเทรนเนอร์คอยฟิตหุ่นให้ก่อนเปิดกล้องก็เห็นทำกันได้ แต่เห็นปิดกล้องทีไรน้ำหนักเด้งกันหมด แต่ก็นะอาชีพเค้า ถ้าอาชีพทำให้จำเป็นต้องทำก็คงทำได้ แต่ถ้าทำแบบนี้ สมมุติว่าได้งานแล้ว แล้วน้ำหนักคุณโยโย่ขึ้นมา (โอกาสโยโย่มีสูงมาก ถ้าจิตไม่แข็งจริง)จะมีผลอะไรกับงานรึเปล่าคะ ปล เช็คดูดีดีนะคะ ว่าเป็นวิตามินจริงๆ ไม่ใช่ยาลดความอ้วนแอบแฝง จากคุณ : ทิป (นิกะชิ) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:43:20

ความคิดเห็นที่ 15 1 วิตามินก่อนอาหาร  ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไร แต่ถ้ากินแล้วรู้สึกไม่หิว   ให้สงสัยว่าเป็นกลุ่มยาระงับความอยาก ก็กลุ่มยาลดน้ำหนักนั่นล่ะ  เดิม  ยาลดน้ำหนักที่ผ่าน อย คือreductil แต่ปัจจุับัน reductilได้ถูกถอดออกจากตลาดแล้ว เพราะพบว่า ทำให้เกิดผลข้างเคียงในแง่หัวใจ เส้นเลือด 2 thermageไม่ได้ช่วยเรื่องไขมัน  หลักการคือความร้อนที่ลงลึกในชั้นผิว ทำให้เกิดการเสียหายของโปรตีน ที่เป็นส่วนประกอบของ คอลลาเจน อีลาสติน  เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ ให้ได้ชั้นผิวหนังที่มีคุณภาพมากขึ้น (ลดริ้วรอย ช่วยเพิ่มความตึงตัว)   แต่ไม่ได้ผลทันทีหลังทำ    healing process  ใช้เวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป  จะเริ่มเห็นผลจริงๆ ว่าผิวตึงขึ้นน่าจะราวๆ  1เดือนขึ้นไป  แต่ใหม่ๆหลังทำอาจรู้สึกว่าตึงกระชับขึ้นเพราะบวมนิดๆ 3เมโส สลายไขมัน ยาที่ทำให้เกิดการฝ่อตัวของเซลล์ไขมัน (แค่ยุบตัวชั่วคราว และไม่นานก็จะขึ้นใหม่)  เหมาะกับพื้นที่เล็กๆ  เช่นใต้คาง แก้ม  ท้องแขน  ถ้าพื้นที่กว้าง  ผลไม่ดี ไม่แนะนำ 4การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะเครียด  จะมีการหลั่ง stress hormone  (cortisol)   ซึ่งมีผลต่อการสะสมของไขมันส่วนเกิน    การออกกำลังอย่างต่อเนื่องนานๆ ต้องจัดตารางเวลา ออก เวลาพัก ให้สมดุลย์ รวมทั้งอาหารที่จะเสริมระหว่างการออกกำลังกายด้วย 7 นอนไม่เกินสี่ทุ่ม อันนี้ก็ีดีค่ะ 8คาร์โบไฮเดรตเป็นเชื้อเพลิงหลักในการดำรงชีวิต  แม้จะออกกำลังกายให้อยู่ในโซน แอโรบิค ก็ยังต้องใช้คาร์โบไฮเดรตร่วม  ไม่สามารถนำไขมันเดี่ยวออกมาใช้สร้างพลังงานได้   ส่วนตัวคิดว่า เทคนิค ไม่น่าได้ผลสำหรับการลด20kg ใน1เดือน      และมีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก   ส่วนที่ว่า  แพทย์เป็นผู้แนะนำ   คงต้องตอบว่า  แพทย์ทุกคนเรียนเกี่ยวกับระบบในร่างกายมา  แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับศาสตร์การควบคุม ลดน้ำหนัก ได้  ต้องเรียนต่อเฉพาะทางด้าน nutrition medicine,sport medicineค่ะ   เอาง่ายๆ คุณลองเอาคำถาม ในคลับลดน้ำหนัก ไปถามแพทย์ท่านนั้นดู ว่าสามารถอธิบายในแง่วิชาิการได้ยังไงบ้าง  อาจเจอคำตอบแปลกๆ จากคุณ : สาวน้อยกระป๋องแป้ง เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:07:37

ความคิดเห็นที่ 16 แพทย์สถาบันความงามใช่มั้ยคะ ส่วนใหญ่แพทย์กลุ่มนี้จะเป็นแพทย์ทั่วไปแต่ผ่านคอร์สอบรมระยะสั้นค่ะ ส่วนน้อยเป็นเพทย์เฉพาะทางจริง พบแพทย์ตามคลินิกนอกรพ.ต้องระวังด้วยนะคะเพราะจะมีเรื่องธุรกิจค่อนข้างมาก แพทย์ที่ดูแลด้านลดน้ำหนักโดยตรงคือแพทย์ด้านNutrition ที่รองลงมาคือ Endocrineกับ Cardio(ลดriskของโรค) Ortho-sport science(เน้นเสริมกล้ามเนื้อ ป้องกันการบาดเจ็บมากกว่าค่ะ) วิธีที่เขาให้คุณทำ เป็นวิธีที่ลดได้จริงแต่ไม่ดีและไม่ยั่งยืนค่ะ คือคุณให้โจทย์หมอไปอย่างนั้นเขาก็ทำให้ ถ้าเอาด่วนเข้าว่าเขาก็คงต้องใช้วิธีนี้แหละค่ะ ลดจริง แต่หลังจากนั้นเป็นเรื่องของคุณแล้วนะคะ ที่จะรับกับอาการโยโย่และความแปรปรวนของระบบเผาผลาญที่จะเกิดขึ้นแน่นอน...ต้องทำใจค่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงอย่าทำเลยค่ะ อันตรายมาก...เป็นห่วงค่ะ จากคุณ : InTheMist เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 19:21:19

ความคิดเห็นที่ 17 ดีหรือเปล่า คงไม่ดี แต่จะทำไหวเหรอครับ ออกกำลังกายหนักขนาดนี้ทุกวัน จากคุณ : bermby38 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 13:07:11

ความคิดเห็นที่ 18 ขอตอบแตกต่างจากชาว pantip หน่อยนะครับ ส่วนตัวผมมีเพื่อน และคนรู้จักลดความอ้วนหลายคน และได้ทราบว่าแต่ละคนใช้วิธีไหนบ้าง ผมบอกตรงๆว่าถ้าอยากผอม ก็กินให้น้อยครับ ลดไปก่อนเลย ไม่ต้องกลัวโทรม กลัวเสียสุขภาพ ผมเห็นห้องนี้หลายคนกลัวโยโย่ ทั้งๆที่ยังไม่เคยลดถึงจุดที่ต้องการ บางคนกลัวเสียสุขภาพที่กินน้อย ทั้งๆที่ปัจจุบันเป็นทั้งเบาหวาน ความดัน จากการที่น้ำหนักเกิน สิ่งสำคัญและเคล็ดลับง่ายๆ "คุณจะห้ามใจตัวเองได้นานหรือเปล่า" เพื่อนผม ลดความอ้วนด้วยการไม่ทานมื้อเย็น และลดแป้งให้น้อยที่สุด 3 เดือนลดไป 20 โล จาก 80 เหลือ 60 ถ้ามาถามคนในเว็บนี้ แน่นอนมีแต่คนบอกโยโย่แน่ๆ เพราะ 3 เดือนที่ว่า ไม่ได้ออกกำลังกายด้วย ถามว่าดูโทรมมั้ย แน่นอน โทรม เพราะคนมันเคยมีน้ำมีนวล แต่ไม่โยโย่ครับ หลังจากลดน้ำหนักเสร็จ ก็เริ่มปรับร่างกายมากินมากขึ้นและสร้างกล้ามเนื้อ อีก 3 เดือนทุกววันนี้มันกินมากกว่าผมก็ไม่อ้วน มีแต่จะผอมลง โยโย่มันอยู่ที่ใจ คุณไม่กิน มันจะเอาไขมันที่ไหนมาอ้วนให้คุณ? การลดน้ำหนักแบบที่ผมบอกคือต้องใช้ใจเยอะ แต่มันก็มีกำลังใจเยอะ เพราะลดเห็นผลได้เร็ว ผมเห็นบางคนกินปรกติ ออกกำลังกายอย่างหนัก น้ำหนักลดกันไหมครับ 3 เดือน 2 โล บางคนอ้วนกว่าเดิมเพราะใช้พลังเยอะ ก็ดันไปกินเยอะขึ้น ขอโทษที่เห็นต่าง แต่อยากให้ จชกท ได้รู้ว่าที่ท่านทำน่ะ มันไม่อันตรายเท่าไหร่หรอกครับ ขอให้ใจแน่วแน่ไว้ ไม่ต้องไปกลัว yoyo effect จากคุณ : TonYee เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 22:06:27