Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตุลาคมนี้มีอะไรเกิดขึ้นกับสิทธิเบิกราชการ ติดต่อทีมงาน

หลายคนอาจจะพอทราบมาแล้วบ้างนะครับว่า กรมบัญชีกลาง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับข้าราชการและครอบครัวนั้นได้มีนโยบายในการลดค่าใช้จ่ายจากการ

รักษาพยาบาล เริ่มแรกคือจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในตามความหนักเบาของโรค ไม่ใช่จ่ายตามจริง ทำให้โรงพยาบาลต่างๆต้องรัดเข็มขัดลงซึ่งไม่ได้มีผลกระทบอะไรนักต่อการ

รักษาพยาบาล อย่างไรก็ตามในเดือนตลาคมที่จะถึงนี้ นโยบายระดับต่อไปคือการจำกัดการใช้ยานอกบัญชีจะมีผลต่อโรงพยาบาลหลายๆแห่งทั่วประเทศ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคำศัพท์กันก่อน

1 ยาในบัญชี
คือยาที่ได้ประกาศไว้ใน ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ซึ่งจะมีคณะกรรมการมาพิจารณาว่ายาใดนั้นคุ้มค่าพอจะมาอยู่ในบัญชี

หรือไม่ และบัญชีนี้ยังผูกพันไปถึงระบบเบิกจ่ายอื่นๆด้วย คือ บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ สามสิบบาทรักษาทุกโรค และ ประกันสังคม คำว่า "คุ้มค่า" นี้ไม่ได้ดูถึงว่ายานั้นมี

ประสิทธิภาพดีกว่าหรือไม่ แต่จะดูว่าการใช้ยานี้เมื่อเทียบกับไม่ใช้หรือการรักษาอื่นให้ผลลัพธ์ต่อสุขภาพที่ดีขึ้นคุ้มกับค่าเงินจำนวนหนึ่งหรือไม่ ดังนั้นยาในบัญชีเหล่านี้จึงมักจะเป็นยา

ราคาถูกเป็นหลัก หรือเป็นยาราคาแพงแต่มีความจำเป็นอย่างมากและประสิทธิภาพดีมากๆ

2 ยานอกบัญชี
คือยาที่ได้ขึ้นทะเบียนต่อ อย. แล้วว่ายามีประสิทธิภาพ (อย.สำหรับอาหารเสิรมรับรองแค่ว่าปลอดภัยนะครับ) แต่ไม่ได้จัดอยู่ในบัญชียาหลักเนื่องจากไม่คุ้มค่า ยาเหล่านี้มักจะเป็นยาต้น

แบบ หรือเป็นยาสามัญแต่ราคายังแพงมากอยู่ หรือเป็นยาที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพดีนัก

3 ยาต้นตำรับ หรือที่ชอบเรียกกันว่า ยานอก
คือยาที่บริษัทยาเอกชนได้คิดค้น พัฒนา และวิจัยในคน ยาว่ามีประโยชน์เหนือกว่าการรักษามาตรฐานเดิมๆ จึงทำให้ต้นทุนของยานั้นๆสูงกว่ามูลค่าของวัตถุดิบของยา ราคาขายจึง

แพงขึ้นมาก ยาต้นแบบเหล่านี้จะได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรตัวยาระยะหนึ่ง ทำให้ในช่วงแรกของยาต้นแบบจะไม่มียาบริษัทมาแข่งขัน ยาเหล่านี้คนไข้มักจะคิดว่าดีกว่าเสมอ ทั้งที่บาง

ครั้งก็จริงและไม่จริง

4 ยาสามัญ หรือที่ชอบเรียกกันว่า ยาเลียนแบบ ยาไทย
คือการที่บริษัทยาเอาสูตรยาที่หมดสิทธิบัตรมาผลิตและจำหน่าย ดังนั้นต้นทุนหลักจึงอยู่ที่วัตถุดิบ และ กระบวนการผลิต ราคาจึงถูกลงกว่ามาก อย่างไรก็ตามยาเหล่านี้มักจะไม่ได้ทำ

การวิจัยในคนเนื่องจากต้นทุนจะสูงมาก โดยมากจะเป็นการวิจัยว่าตัวยามีปริมาณเท่ากัน ความปลอดภัยเท่ากัน หรืออาจทดลองในระดับเซลล์และสัตว์

นโยบายจำกัดการใช้ยานอกเป็นอย่างไร
หลัง 1 ตุลาคม นี้เกือบทุกรพ.จะทำการจ่ายแต่ยาในบัญชีเท่านั้นให้แก่สิทธิราชการ (สิทธิบัตรทองและประกันสังคมได้แต่ยาในบัญชีเป็นหลักอยู่แล้ว) อย่างไรก็ตามยังมีข้อยกเว้นอยู่

บ้างเช่น (คัดลอกมาจากเอกสารที่แจกในรพ.รามา)
"หากผู้ป่วยมีความจำเป็นในการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ จะต้องให้แพทย์ระบุเหตุผลของการใช้ยา ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ระบุเงื่อนไขที่สามารถใช้ยาได้ ดังต่อไปนี้"
1 ผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา (ในบัญชียาหลัก)
2 ผู้ป่วยใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้วผลการรักษาไม่บรรลุเป้าหมาย
3 ไม่มียาในบัญชียาหลักให้ใช้ แต่ผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ในการใช้ยานอกบัญชียาหลักซึ่ง อย. ได้กำหนดไว้
4 ผู้ป่วยมีข้อห้ามในการใช้ยาหรืออาจจะมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาในบัญชียาหลักที่ใช้อยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย
5 ยาในบัญชียาหลักมีราคาสูงกว่า
6 ผู้ป่วยมความต้องการใช้ยานอกบัญชียาหลัก ซึ่งผู้ป่วย(จะ)ไม่สามารถเบิกได้

หลายคนอาจจะงงๆว่าแล้วมีผลกระทบอย่างไรบ้าง
1 คนที่ใช้ยาต้นแบบอยู่ จะได้รับการเปลี่ยนมาเป็นยาสามัญ จนกว่าจะตรงกับเงื่อนไขข้างต้น เช่นเกิดผลข้างเคียง หรือยาไม่ได้ผล
ตัวอย่างที่อาจจะเห็นง่ายหน่อย เช่น ยาลดกรดรักษาโรคกระเพาะ ยาลดไขมัน ยาความดัน ยาเบาหวาน
2 คนที่ใช้ยานอกข้อบ่งชี้จะไม่สามารถใช้ยาต่อไปได้
3 ยาบางอย่างมีการจำกัดระยะเวลาที่ให้ใช้ได้และต้องหยุดแม้ข้อมูลการศึกษาจะพบว่าการใช้นานกว่านั้นจะได้ประโยชน์
4 โรคหายาก ซึ่งยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าการรักษาใดจะดีที่สุด

ใครมีข้อมูลอะไรก็มาแชร์กันได้ครับ
ปล.ผมไม่ใช่ราชการนะครับ

จากคุณ : oncodog
เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 07:42:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com