Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตอนที่ 9 และ ตอนจบ วันสุดท้ายของชีวิต "ผู้ป่วยมะเร็ง" ดวงวิญญาณสู่สุขคติ ติดต่อทีมงาน

เดินทางมาถึงตอนจบแล้วนะครับ ทั้งหมด 10 ตอนที่ผมเขียนจากประสบการณ์จริง ตลอดเวลาที่คุณอาป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย


ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12687873/L12687873.html

ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12691771/L12691771.html

ตอนที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12695631/L12695631.html

ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12697054/L12697054.html

ตอนที่ 5

http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12700640/L12700640.html

และ ตอนที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12701001/L12701001.html

ตอนที่ 7 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12703843/L12703843.html

ตอนที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12705495/L12705495.html

และ ตอนที่ 9 วันสุดท้ายของชีวิต "ผู้ป่วยมะเร็ง" ดวงวิญญาณสู่สุขคติ

ตอนที่แล้วผมได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ “การฉีดมอร์ฟีน” ซึ่งตัวยามอร์ฟีนนี้เป็นเรื่องของการตัดสินใจระหว่างแพทย์กับญาติเท่านั้น และแพทย์จะอธิบายอย่างละเอียดว่าการฉีดมอร์ฟีนจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลงไปเรื่อยๆ

ซึ่งหากถึงเวลานั้น เราจะปรึกษากับแพทย์อีกทีว่าจะทำอย่างไร เพราะเราอัดมอร์ฟีนให้กับคุณอาลำใยจากเดิม 8 ชั่วโมง เหลือ 6 ชั่วโมง และ 4 ชั่วโมง

ซึ่งในทางการแพทย์แล้ว 4 ชั่วโมง ถือว่าเยอะมาก และต้องเฝ้าไข้ดูแลคุณอาอย่างใกล้ชิด แต่แล้วด้วยความที่เซลล์มะเร็งลุกลามกระจายไปอย่างรวดเร็ว บริเวณช่วงขาทั้งสองข้างของคุณอาเริ่มบวม มีลักษณะที่บวมใส เหมือนมีน้ำในขา

ในช่วงนี้ คุณอาเริ่มจะดื้อยามอร์ฟีนที่ฉีดทุก 4 ชั่วโมง ดังนั้นพอยาหมดฤทธิ์ คุณอาจะตื่นและร้องระงมด้วยความเจ็บปวด

เจ้าเซลล์มะเร็งเริ่มออกฤทธิ์กระจายไปตามผนังหลอดเลือดเข้าใกล้หัวใจ และสมองอย่างรวดเร็ว เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอีกครั้ง โดยที่คุณอาลำใยก็ต่อสู้ด้วยความทรมาน เจ็บปวดแสนสาหัส

ดังนั้นผมและญาติจึงต้องไปตามแพทย์เพื่อฉีดยามอร์ฟีนให้อีก ซึ่งเป็นการร้องขอจากพวกเราเองที่ไม่อยากเห็นคุณอาลำใยต้องเจ็บปวด ทุรนทุราย ทนทุกข์ ทรมานอยู่แบบนั้น

ณ เวลานั้น การฉีดมอร์ฟีนไม่ถึง 4 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งในช่วงนี้ต้องเปลี่ยนจากสายออกซิเจน มาเป็นที่ครอบออกซิเจนแทน อาการคุณอาลำใยในตอนนั้นมีการหายใจลักษณะที่แรง และ หายใจหัก เสียงดังน่ากลัวมาก

ในช่วงนี้ผมได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดเทศนาให้คุณอาฟัง และได้ทำการถวายสังฆทาน ซึ่งเป็นการทำบุญที่คนไทยเชื่อกันว่าได้บุญมาก

ปฏิกิริยาของคุณอาลำใยรับรู้ได้ว่ามีการทำบุญและสวดเทศนาให้ท่านฟัง ซึ่งหลังจากพระสงฆ์กลับวัดไปแล้ว ผมก็จะอ่านหนังสือธรรมะให้คุณอาฟังใกล้ๆ หู รวมทั้งเปิดวิทยุบทสวดมนต์ทำวัตรเช้า และทำวัตรเย็นให้ท่านฟังเสมอ

ช่วงวันสุดท้ายของชีวิตคุณอาลำใย คือวันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2555 จากการที่แพทย์ได้ฉีดมอร์ฟีนไปจำนวนมาก ทำให้คุณอาหลับสบายมากขึ้น และ ตื่นขึ้นมาบ้างเป็นพักๆ ไม่มีการร้องเจ็บปวดทรมานเหมือนอย่างที่เคยเป็น

ช่วงนี้คุณอาสามารถรับรู้ได้ทุกเรื่อง จากการกระซิบที่ข้างๆ ใบหู โดยญาติแต่ละคนก็จะบอกให้คุณอาหลับให้สบาย ไม่ต้องกังวลใดๆ

ผมบอกกับแพทย์ว่าจะไม่มีการเจาะสายยางหรือเจาะหลอดลมใดๆ เพราะหากจะยื้อในสภาพนี้แล้วไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการสร้างเวรสร้างกรรม ให้คุณอาทรมานต่อไปอีก

เพราะแค่พยาบาลนำเครื่องมาดูดเสมหะออกจากคอ คุณอาก็ทรมานอย่างมาก ร้องทุรนทุรายลั่นห้อง ผมเชื่อว่าหากคุณอาสามารถเซ็นต์เอกสารสิทธิการตายได้ คุณอาคงจะเซ็นต์ไปนานแล้ว แต่คุณอาไม่สามารถสื่อสารได้ และ ผมก็ไม่บังอาจจะเซ็นต์ให้ได้ แม้ญาติจะมีสิทธิในการตัดสินใจตามกฏหมาย

ช่วงเวลา 11.00 คุณอามีลมหายใจที่แผ่วลง และ ดวงตาที่เบิกโพรง ผมคิดในใจว่าคุณอาจะจากเราไปในสภาพนี้ไม่ได้ เพราะดวงตาที่เบิกโพรงนั้นทำให้จิตใจผมไม่ดีเลย เสมือนคุณอายังห่วงอะไรอยู่

ผมจึงเดินไปที่ศาลพระภูมิหน้าโรงพยาบาลและอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์ทั้งหลายว่า “หากคุณอาจะจากไป ก็ขอให้ไปด้วยอาการสงบ อย่าได้ทรมานอีกเลย”

จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.45 น. ผมและญาติ รวมทั้งหลานๆ ได้รับประทานอาหารเย็นที่พื้นด้านล่างเตียงนอนคุณอา และ ก่อนที่ผมจะทานข้าวได้บอกกับคุณอาว่า “ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวจะพากลับบ้านแล้ว”

พอผมพูดจบก็มานั่งรับประทานอาหารที่พื้นด้านล่าง และมองคุณอาไปด้วย ซึ่งก็สังเกตุถุงครอบออกซิเจนที่เวลาคุณอาหายใจเข้าออกจะมีการพ่องและแฟบลงตามจังหวะการหายใจ

ในระหว่างที่ทานข้าวนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร ต่างคนก็รีบทานข้าวเพื่อที่จะไปดูอาการคุณอาลำใย เพราะเสมหะเริ่มเต็มคออีกแล้ว

ช่วงเวลา 17.17 น. ผมทานข้าวเสร็จและนั่งอยู่ใกล้ที่สุดได้ลุกขึ้นมาก็พบว่าคุณอาลำใยไม่หายใจและดวงตาที่เคยเบิกโพรงก็ค่อยๆ รี่ลงไป

ตอนนั้นหลานๆ วิ่งไปตามแพทย์ ส่วนผมรออยู่ที่เตียง และได้อธิษฐานจิตให้ดวงวิญญาณของคุณอาลำใยไปสู่สุขคติอยู่ในภพภูมิที่ดี

ก่อนที่พยาบาลจะมาจับชีพจรและบอกเวลาการเสียชีวิตในเวลา 17.20 น. ซึ่งพยาบาลก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า และพาไปห้องดับจิต

เนื่องจากตอนนั้นค่ำแล้วจึงไม่สามารถพาคุณอาลำใยกลับบ้านได้ในคืนวันนั้น พวกเราญาติๆ จึงกลับบ้านเพื่อเตรียมงานฌาปนกิจศพ

มาจนถึงขั้นนี้แล้วทำให้ผมได้รับรู้ว่าผู้ป่วยมะเร็งและญาติผู้ป่วยจะมีอาการหดหู่ ทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจ ในช่วงที่ผู้ป่วยเจ็บปวดทุรน ทุราย เพราะไม่ว่าใครก็ตามทรุดลงไปหมด ผมและญาติก็ทรุดลงไปด้วยจิตใจที่ย่ำแย่ เพราะจากการเฝ้าดูอาการตลอด 4 เดือน

จากนี้ไปคุณอาลำใยหลับสบาย ไม่ต้องทรมานอีกต่อไปแล้ว !

อ่านตอนที่ 10 (จบ) ในกระทู้นี้ครับ

 
 

จากคุณ : hybridball
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 11:00:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com