ความคิดเห็นที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12687021/L12687021.html ลองอ่านๆ ดูก่อนน่ะค่ะในกล่องดำ มีข้อมูลมากพอสมควร หรือรอผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จจากประสบการณ์ตนเอง มาตอบอีกที (ถ้าเค้าจะตอบให้นะคะ เพราะตอนนี้มีกล่องดำแล้ว ท่านเหล่านั้นอาจจะไม่ค่อยเข้ามาในนี้แล้วก็ได้) จากคุณ : ขอพิมพ์ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 14:00:30

ความคิดเห็นที่ 2 ตามความเข้าใจผมว่าโยโย่เอฟเฟ็คต์เกิดจากการที่ร่างกายเราถูกสอนให้จดจำการลดนน.แบบผิดธรรมชาติเช่น กินยาลดความอ้วนหรืออดอาหาร เมื่อวันหนึ่งเราไม่สามารถทำอย่างนั้นต่อไปได้ ร่างกายเราก็จะแสดงออกถึงความผิดปกติเช่น กินมากกว่าความต้องการ และมีการเผาผลาญที่แย่สุดขีด (กินอะไรก็อ้วน) เป็นผลทำให้นน.ขึ้นกลับมาแบบพรวดพราด จากคุณ : สมองซีกขวาและตาที่สาม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:33:12

ความคิดเห็นที่ 3 บังเอิญความสูงและนน.ปัจจุบันของคุณ capiton คล้ายผม (ต่างกันที่ผมตั้งต้นลดนน.ที่ 90 กว่ากิโลกรัม) เลยขอยกตัวอย่างโปรแกรมที่ผมใช้สำรวจความเป็นไปได้ในการลดนน.มาให้ดู DCN คือแคลอรี่ที่ร่างกายเราต้องการในแต่ละวัน ผมเดาว่าค่านี้ก็คือ BMR (Basal Metabolic Rate) หรือจำนวนพลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน นั่นเอง ค่านี้คำนวณจากน้ำหนัก ส่วนสูง และกิจกรรมการใช้พลังงาน ของผมคำนวณเฉลี่ยในระดับปานกลาง คือออกกำลังกาย 3-5 ครั้ง ต่อสัปดาห์ จะเห็นว่าที่น้ำหนักปัจจุบันและน้ำหนักเป้าหมาย ค่า DCN นั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นเรื่องโยโย่ที่คุณกังวลในส่วนแรกจึงไม่น่าจะเป็นปัญหา ส่วน Calculated Diet คือปริมาณแคลอรี่ที่เราไม่ควรจะกินเกินนี้ ถ้าต้องการลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้ กรณีนี้คือ 1,352 Cal แต่ Calculated Diet นี่ซับซ้อนอยู่ครับ กินไม่เกินนี่ไม่ได้หมายความว่ากินให้น้อยที่สุด เพราะช่วงหนึ่งของการลดน้ำหนักผมเคยกินวันละไม่เกิน 1,000 Cal และเบิร์นทุกวัน น้ำหนักลดเร็วมาก แต่ร่างกายทรุดโทรมครับ ขี้หงุดหงิด ขับถ่ายผิดปกติ สุขภาพก็ไม่ดีเท่าที่ควร (ป่วยง่ายหายยาก) จนผมเริ่มมาได้เรียนรู้ว่า กินให้น้อยที่สุด ไม่ใช่ทางออก แต่กินอย่างฉลาด และออกกำลังกายให้เหมาะสม ต่างหากคือทางออก กินอย่างฉลาดผมว่าคุณมาถูกทางบ้างแล้ว แต่อยากให้เรียนรู้เกี่ยวกับไขมันและคาร์โบไฮเดรตฝ่ายดีไว้บ้าง รวมถึงการบริโภคโปรตีนไขมันต่ำ และการกินให้ครบ 5 หมู่ เพราะสารอาหารเหล่านี้จำเป็นสำหรับร่างกายและการดำรงชีวิต และยิ่งคุณออกกำลังกายมากเท่าไร ยิ่งต้องเรียนรู้จะกินอย่างฉลาดครับ เหมือนรถที่ใช้งานหนักก็ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าปกติ ลิงค์ข้างล่างเหล่านี้คือที่ผมรวบรวมไว้ใน facebook ส่วนตัว แนะนำให้เข้าไปศึกษาดูครับ http://www.dietriffic.com/category/weight-loss/ - บทความเกี่ยวกับสุขภาพ การลดและควบคุมน้ำหนักของ Melanie Thomassian http://www.doofit.com/?p=291http://www.doofit.com/?p=70 - ไขมันและคาร์โบไฮเดรตฝ่ายดีและเลว   http://www.doofit.com/?p=539 - ความจริงเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและสลายไขมัน   http://www.shape.com/fitness/workouts/8-benefits-high-intensity-interval-training-hiit - ข้อดีของการออกกำลังกายแบบ HIIT   http://goodcarbs.org/ - ข้อดีของคาร์โบไฮเดรตฝ่ายดี และข้อเสียของคาร์โบไฮเดรตฝ่ายเลว   http://www.helpguide.org/life/healthy_diet_fats.htm - ไขมันต้องเลือกกิน และความจริงเกี่วกับไขมันที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนหรือเคยเข้าใจผิดมหันต์   http://www.never-age.com/training/bmr.php - ลิงค์นี้ดีมาก ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการกิน ปริมาณแคลอรี่ การออกกำลังกาย รวมถึงการลดน้ำหนัก แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:30:58 จากคุณ : สมองซีกขวาและตาที่สาม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:59:26

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมแนบรูปครับ จากคุณ : สมองซีกขวาและตาที่สาม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:00:39

ความคิดเห็นที่ 5 ผมซื้อกินที่ Seven ประจำ ไม่เห็นจะมี Effect อะไรเลย จากคุณ : MysticRiver เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:04:47

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.dietriffic.com/2010/04/27/are-nuts-fattening/ ส่วนเรื่อง snack บทความนี้ทำให้ผมกินอัลมอนด์อบวันละหนึ่งกำมือโดยประมาณ บางวันก็สลับไปกินเมล็ดแตงโม เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวันอบ หรือบางทีก็เปลี่ยนเป็นถั่วต้มแถวที่ทำงาน แทนการนั่งเคี้ยวสาหร่ายอบหรือนั่งดูดเจเล่บิวตี้ที่ให้พลังงานแค่ 30 Cal เพราะได้ประโยชน์จากสารอาหารมากกว่า แต่ก่อนผมไม่กล้ากินถั่วหรือธัญพืชพวกนี้เลย เพราะข้อมูลโภชนาการบอกว่ามันให้พลังงานมาก แต่ผมลืมไปว่า การเบิร์นไขมัน ร่างกายจำเป็นต้องใช้คาร์โบไฮเดรต โปรตีน รวมถึงไขมันฝ่ายดีในปริมาณที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ถูกนำไปใช้เบิร์นเป็นหลักก็คือกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อที่เป็นแหล่งสูบไขมันไปใช้ เมื่อกล้ามเนื้อหดหาย ไขมันในตัวเราก็ร่าเริง เพราะไม่มีใครมาเอามันออกไปจากเราอีกแล้ว นั่นคืออีกหนึ่งข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบไม่เหมาะสมครับ นอกจากถั่ว ผมยังกล้ากินไข่ต้มรวมถึงผลไม้ที่ให้พลังงานเช่นกล้วยมากขึ้น (ไม่ใช่มากสุดๆ นะครับ) ทั้งหมดที่บอกมา ผมใช้เวลาไม่นานเองนะครับ ยังรู้สึกได้ว่าร่างกายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น น้ำหนักอาจจะลดช้าลง แต่ผมคิดว่าท้ายสุดแล้ว มันจะลดอย่างยั่งยืนครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:10:29 จากคุณ : สมองซีกขวาและตาที่สาม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:09:48

ความคิดเห็นที่ 7 ผมบอกคนรอบข้างเสมอ ว่าถ้าจะเริ่มลดน้ำหนัก คุณก็กินอย่างที่คุณเคยกินนั่นแหล่ะ ไม่ต้องไปลด ไปอดอะไรหรอก แต่ให้เริ่มที่ออกกำลังกายก่อน จนร่างกายแข็งแร็ง ปรับสภาพได้ แ้ล้วค่อยมาคุมเรื่องอาหาร ถ้าอยากสุภาพดี ------------------------- โจทย์คือ กินเยอะ >> ไม่ออกกำลังกาย แค่เปลี่ยนมา กินเท่าเดิม >> ออกกำลังกาย แต่่คนเรามักทำอย่างนี้ กินเยอะ >> ไม่ออกกำลังกาย แล้วเปลี่ยนมา ลด,งด,อดอาหาร >> ไม่ออกกำลังกาย กับ ออกกำลังกาย คุณคิดดูว่าร่างกาย มันจะปรับสภาพยังไง แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:14:08 จากคุณ : MysticRiver เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:12:43

ความคิดเห็นที่ 8 ผมมีรุ่นน้องอยู่คน คุณเธอนี่เข้าลัทธิ อดมื้อเย็น งดแป้งไปแล้ว ผมพูดปากเปียกปากแฉะว่าให้ไปออกกำลังกาย คุณเธอย้อนผมมาทุกทีว่า ไปออกกำลังกาย จะทำให้หิวมากขึ้น กินมากขึ้น ไม่รู้มันไปเอามาจากไหน ผมว่าประโยคนี้มันน่าจะมาจากพวกขี้เกียจไปออกกำลังกายมากกว่าน่ะ กลับกัน ตอนผมยังไม่ได้ออกกำลังกาย หิวมื้อดึกบ่อยมาก แต่พอมาเริ่มออกกำลังกายแรกๆ แปลกมาก ไม่หิวมื้อดึกเลย แถมมื้อเย็นบางมื้อต้องทนกิน (ใช้คำว่าทนเลยครับ ผมมันไม่อยากกินเลย แต่ก็ต้องกิน) แต่มีบางวันก่อนนอนซัก 2 ชั่วโมง ก็ซัดโยเกิร์ตกับกล้วย 1 ผล เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับมากินมือเย็นได้ปกติแล้วครับ แต่จะเน้นโปรตีนเป็นหลักมากกว่าอย่างอื่น ส่วนมื้ออื่นๆก็ตามอยาก ของทอดมีบ้าง ของมันๆแทบจะไม่กินอยู่แล้ว ส่วนดึกๆก็ไม่หิวเช่นเคย อย่างมากก็ที่บอกโยเกิร์ตกับกล้วย หรือไม่ก็ ฝรั่ง apple ชิ้นสองชิ้น แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 16:26:08 จากคุณ : ตงฟางปุ๊ป้าย เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:23:00

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่อง YoYo นี่ คงต้องดูลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลมากกว่าครับ เพราะบางคนเค้ายินดีและโอเคกับการไม่กินมื้อเย็น เพราะ YoYo จะเกิดต่อเมื่อ ระบบเผาพลาญลดลง แล้วกลับมากินเหมือนปกติ (แต่ถ้าไม่กิน มันก็ไม่ YoYo) มองดูเฉพาะตัวเองก็พอครับ ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหน ยังอยากกินมื้อเย็น อยากซัดบุฟเฟ่ต์ อยากกินของหวาน เราก็ปรับร่างกายเราให้เหมาะสมกับแบบนั้นๆ อธิบายเรื่อง YoYo ให้จขกท. ตัวอย่างผม BMR 1700 kcal ถ้าผมกินอาหารน้อยๆ เอารวมๆแค่วันละ 1000 kcal ร่างกายก็จะรับรู้ว่า อ่อ นี่พลังงานมีมาให้น้อยนะ แย่ละ ไม่พอใช้ ทำไงดีล่ะ งั้นก็สลายสิ่งที่มีอยู่ในตัว มาใช้เป็นพลังงานละกัน ที่นี้จะสลายอะไรก่อนหลังดีล่ะ ตามสเต็ปครับ นึกถึงสุขศึกษา กินเข้าปากมาอะไรย่อยก่อน เวลาสลายสิ่งนั้นมาเป็นพลังงานก็เหมือนกัน คาร์โบ โปรตีน ไขมัน ที่นี้คาร์โบมีไม่มากพอ มันก็ไปสลายโปรตีน พอโปรตีนลดลง BMR ก็ลดลงๆ อาจจะลดจนเหลือ 1000 kcal ทีนี้วันดีคืนดี เพื่อนชวนไปกินบุฟเฟ่ต์ จัดไปเลย 2500 kcal แล้วที่เกินมา 1500 kcal ก็กลายเป็นลงพุงไปเต็มๆ จากคุณ : AnnyongBonjour เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:31:14

ความคิดเห็นที่ 10 เล่นเวทเพิ่มด้วย ให้กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ได้พัฒนา แรกๆ คุณจะเล่นแบตได้ดีขึ้นกว่าเดิม อาการปวดเมื่อยลดลง แข็งแรงขึ้น หลังจากนั้น สามารถออกกำลังกายอื่นๆ ได้หนักขึ้น เข้มข้นขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นน้ำหนักคุณก็จะลดลงได้อีก คุณจะได้รู้ว่าถ้าออกกำลังกายไม่ถึงมันไม่โดน จากคุณ : mynameism เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:55:27