ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ต้องตกใจครับ เดี๋ยวมีตามมาอีกเยอะ ในเมื่อรัฐถังแตก ก็ต้องเสาะหาวิธีลดรายจ่ายสารพัด ในเมื่อรัฐต้องกู้เงินแปดแสนล้านมารับจำนำข้าว เพื่อช่วยชาวนาหลักล้านคน เค้าก็ต้องมาปรับลดกับค่ารักษาข้าราชการ ที่มีเพียงสี่แสนคน คะแนนเสียงต่างกัน ฉะนั้นก็ต้องเข้าใจครับ สิ่งที่ผมทำมาตลอดคือ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับคนไข้ทราบ ว่าคนที่ลดยาดีๆ ไม่ใช่หมอ แต่เป็นผลมาจากนโยบายจากนักการเมือง ที่พยายามจะรวมกองทุนสวัสดิการต่างๆ เพราะถังแตก ทั้งกองทุนสามสิบบาท ประกันสังคม ข้าราชการ อยากทำให้ได้ตามที่หาเสียง แต่ไม่มีเงินสุดท้ายก็ต้องดึงทุกคนให้ลงมาอยู่ในมาตรฐานขั้นต่ำเดียวกัน ให้ใช้ยาทุกตัวเหมือนกัน ขอให้ราคาถูกสุด ผลการรักษาขอแค่ไม่ตายก็พอ ผมทำงานรพ.รัฐอย่างเดียว ไม่ทำคลีนิค ไม่ทำเอกชน โดนข้อจำกัดมากมายในการจ่ายยาคนไข้ คุณลุงคุณป้าหลายคนไม่เข้าใจ ทำไมทุกทีได้ยานี้ ทานแลวดีขึ้น มาครั้งนี้แล้วไม่ได้ ก็ต้องบอกไปว่าเป็นคำสั่งจากรัฐบาล หมอไม่เกี่ยว เพราะสั่งยาแพง หมอโดนสอบ โดนเรียกเงินคืน มีคดีมาหมดนะครับ ยังอยากขำว่าหลายๆคนชอบบอก หมอไม่ชอบสามสิบบาทเพราะทำให้มีคนไข้น้อย แต่กลายเป็นยิ่งมีสามสิบบาท รพ.เอกชนยิ่งเติบโต ขยายกิจการทุกปี หุ้นขึ้นตลอด เพราะจริงๆคือเค้าบีบให้รพ.รัฐใช้ยาแบบประหยัด รักษาตามหลักประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานแบบพื้นฐานสุดๆ หากใครอยากได้ยาดีๆ ก็ต้องจ่ายตังค์เองแล้วไปเอกชน แล้วลองไปดูรายชื่อคนถือหุ้นเอกชนนะ ก็นักการเมืองทั้งนั้น ยิ่งคนที่คิดนโยบายสามสิบบาทนั่นหนะ ถือหุ้นเอกชนตั้งกี่รพ. แต่คนทั่วไปก็ยังคิดว่าเค้าเป็นนักบุญทำเพื่อรากหญ้า ยอมรับว่าเก่งมาก เพราะ นโยบายที่ดีที่สุดคือนโยบายที่ทำให้เค้าได้ประโยชน์ ได้เงินและได้ความศรัทธา แล้วคนที่ถูกด่าก็ยังเป็นหมออีก ย้ำอีกทีว่าผมไม่ได้ทำคลีนิค และเอกชน เป็นหมอรพ.รัฐอย่างเดียว นโยบายที่ดีควรจะเป็นอธิบายข้อจำกัดต่างๆให้ผู้ป่วยเข้าใจก่อน เพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่างหมอกับคนไข้ นักการเมืองมาแล้วก็ไปแต่หมอคือคนที่ต้องอยู่กับคนไข้ไปหลายสิบปี การพูดความจริงเรื่องงบประมาณเป็นการทำความเข้าใจกับผู้ป่วยที่ดีที่สุด ฟื้นระบบร่วมจ่ายให้สมความเป็นจริง จะเป็นครั้งละร้อยก็ได้ แต่ไม่ใช่ฟรีหรือสามสิบบาท ลองกำเงินสามสิบบาทไปเซเว่น คุณจะได้แค่ยาพาราสองแผงเอง ดังนั้นคุยกับเค้าตามจริง คนไข้ก็น่าเข้าใจและช่วยประคับประคองระบบสาธารณสุขไทยให้ไปต่อได้ รณรงค์ให้คนไทยดูแลสุขภาพโดยออกเป็นกฎหมายเลย เช่นอุบัติเหตุจากการเมา เบิกไม่ได้ ไม่งั้นวันๆรพ.ก็รักษาแต่พวกตีรัน ฟันแทง เมาแล้วขับสารพัด เสียดายเงินที่น่าจะเอาไปซื้อยาดีๆมารักษาคนที่เค้าเดือดร้อนจริงๆมากกว่า จากคุณ : สาลิกาโบยบิน (สาลิกาโบยบิน) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 13:17:22

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับประชาชนทั่วไปนะครับ ปีล่าสุดรัฐบาลตั้งงบกระทรวงสาธารณสุขไว้ 200000 กว่าล้าน ฟังดูเยอะไหมครับ แต่ในสองแสนล้านนี่คือรวมทั้งหมด ตั้งแต่ค่าก่อสร้าง เงินเดือนหมอพยาบาล จนท ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าครุภัณท์ ค่าอุปกรณ์ต่างๆในรพ. รวมถึงค่ารักษาพยาบาลและค่ายาของประชาชนทั้งหมดหกสิบล้านคนครับ ฉะนั้นหารแล้วจริงๆ จะเหลือตกคนละสองพันกว่าบาทต่อคนต่อปี ซึ่งสองพันบาทนี่คือใช้ทั้งปีนะครับ คือป่วยได้ปีละครั้ง มากกว่านั้นรพ.ขาดทุน หลายคนบอกรพ.หลวงขาดทุนไม่เป็นไร แต่จริงๆคือคำว่าขาดทุนคือไม่มีเงินจ่ายค่ายาให้โรงงาน ค้างเงินเดือนหมอพยาบาลนะครับ พอไม่จ่ายค่ายา โรงงานเค้าก็ไม่ขายยา สุดท้ายยาในรพ.ก็จะเหลือพารา แก้ปวด และก็คำปลอบใจให้ออกกำลังกายเยอะๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ครับ เพราะไม่มียา ค้างเงินเดือนหมอ พยาบาล ซึ่งทุกคนเค้าก็ต้องกิน ต้องใช้ ไหนจะค่าเทอมลูก สุดท้ายเค้าไม่มีทางเลือก เค้าก็ต้องลาออกไปเอกชน และก็เป็นวงจรอุบาทว์คือหมอเหลือน้อย คนไข้เยอะ คิวรอตรวจรอผ่านาน ตายก่อน สุดท้ายคนไข้ที่รอไม่ได้และพอมีกำลัง ก็ไปเอกชน ซึ่งเจ้าของก็คือพวกท่านๆที่กำกับนโยบายสาธารณสุขนี่แหละครับ ก็บ่นไปงั้นแหละนะครับ คนไทยเราก็ต้องทนไป ได้แต่รอเมื่อไหร่แกมีหรือพระพิรุณจะพัดถล่มหลังคาวันประชุมสภาซักที เผื่อพรุ่งนี้จะมีความหวังครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 13:27:08

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ายังไม่สามารถทำให้ยา local made ดีเท่ายา original แล้วมาบังคับใช้แบบนี้ มันก็เหมือนรังแกคนไม่มีทางสู้ ต้องการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ของรัฐ ไปประหยัดเงินทางอื่นก่อนดีไหม เริ่มจากลดงบดูงานต่างประเทศของนักการเมืองทั้งสภาสูง สภาผู้แทน ลดเบี้ยประชุมกรรมาธิการชุดต่างๆ จำกัดการเดินทางโดยเครื่องบินโดยกำหนดเป็นจำนวนครั้งต่อเดือน เอาแค่นี้ก่อน คิดออกอีกจะเข้ามาเติม อ้อ พวกผู้บริหารชั้นสูงธนาคารพานิชย์ต่างๆ รวมทั้งค่าตอบแทนที่ปรึกษา เบี้ยประชุม ลดมันลงสักครึ่งดีไหม ค่าเครื่องบินของพวกท่านลดจากชั้นหนึ่งเป็นชั้นธุระกิจ เอามาเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ประชาชนจะได้มีสภาพการเงินคล่องขึ้น ตอนนี้รายได้และสวัสดิการของพวกท่านเว่อเกิน พวกแบงค์ชาติอีก มันต่างจากข้าราชการมากมาย หันไปดูกันบ้าง จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 13:42:41 A:171.99.156.142 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 4 แทนที่จะมามุ่งเน้นเรื่องสุขภาพของคนไทย มุ่งแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ วันนี้ผมสั่งวัคซีนให้คนไข้ ปรากฏว่าวัคซีนผู้ใหญ่หมดโรงพยาบาล ตอนนี้เหลือแต่วัคซีนเด็กเฉพาะที่ฉีดตาม EPI เท่านั้น เครื่อง ultrasound ที่ห้องฉุกเฉินพังไปเป็นชาติ ยังไม่มีงบส่งซ่อมเลย เพลีย จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 15:01:56

ความคิดเห็นที่ 5 รัฐบาลที่แล้วก็ลดค่ายารักษาโรคกระดูก ไปจนถึงยกเลิการจ่ายยากระดูกหลายตัว ของข้าราชการบำนาญไปแล้วรอบนึงครับ     มีหมอดื้อจ่ายยากระดูกเยอะ โดนย้ายเลย จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 15:05:00

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ายานอกบัญชียาหลักมียาในบัญชียาหลักทดแทนได้เท่าเทียมกัน ก็ไม่มีปัญหา ผมเห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะคนไทยใช้ยากันมากเกินความจำเป็น แต่ยาในบัญชียาหลักบางตัวมีผลข้างเคียง หรือประสิทธิภาพยังสู้ยานอกบัญชีไม่ได้ น่าจะบรรจุยาที่ไม่มีผลข้างเคียงหรือมีประสิทธิภาพสูงกว่าลงในบัญชียาหลักด้วย จากคุณ : paramedian เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 16:37:32

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนนี้ลดยามันสนั่นมือเลยครับ โดนด่าทุกวัน จริงๆผมไม่เคยใช้ยา NED เองเลยครับ มีแต่หมอคนอื่นเขาใช้ไว้ก่อน แล้วผมก็ต้องใช้ตาม ลดยาลงเองไม่ได้ แต่พอคราวนี้ ต้องทำใจหินลดยาลง ไอ้ครั้งจะบ่นในห้องตรวจก็กลัวหาว่าไม่เป็นกลางทางการเมือง ทั้งๆที่จริงๆแล้วเป็นนโยบายจากฝ่ายการเมืองทั้งนั้นที่ทำให้ต้องลดยาลง = =" สุดท้าย เลยลดบางตัว บางตัวคงไว้ แล้วค่อยๆลดอีกทีตอนมาครั้งหน้า แต่ถ้าใครอยู๋ฝ่ายการเมืองที่เป็นคนสั่งให้ผมลดยา(ถ้าโจ่งแจ้งมากขนาดให้ผมจับได้ในระยะเวลาคุยกันไม่ถึง 10 นาทีนะ) ผมลดหมดทันที เนื่องจากหมั่นไส้ครับ เบื่อมาก จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 20:44:21

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าลดยาแล้วไม่ถึงตายหรือพิการก็น่าจะลดๆไป หายช้าหน่อยก็ช่วยไม่ได้ละ โรงบาลก็น่าจะเอายานอกบัญชีออกจากโรงบาลให้หมด จะได้ตัดปัญหาคนไข้อยากได้ยา  ถ้ายาตามบัญชีรักษาไม่หายก็ให้คนไข้ไปบอกกรรมการยาให้เพิ่มยาตามบัญชีให้มากชนิดขึ้น จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 22:06:54

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าใช้คำว่า วอน เลย ใช้คำว่า บังคับ ไปเลยดีกว่าครับ จะหลอกประชาชนทำไม จากคุณ : oncodog เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 22:36:36

ความคิดเห็นที่ 10 ปัญหาแรกของการจ่ายยา คือ เมื่อยาเป็นของฟรี คนไข้เลยขอไปเก็บบ้าง ไปแจกบ้าง เผื่อญาติพี่น้องเพื่อนบ้าน ขอยาให้แทนบ้าง บ้างก็เอ่ยปากขอหมอตรงๆ บ้างก็ขอยาซ้ำกับที่เคยใช้ทั้งๆที่หายแล้ว เคยมีแม่ชีมาขอยาไปให้พระ เราเองก็พูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าอย่างนี้น่าจะเข้าข่าย ผิดศีล ถือเอาของที่เจ้าของไม่ให้นะครับ แม้แต่คนถือศีลยังไม่รู้สึกผิดเลย กลับคิดว่าเป็นเรื่องเผื่อแผ่ไป บ่อยครั้งยาที่ได้ไปเอาไปทิ้งขว้างเปล่าๆ ไม่ได้ใช้ ทำอย่างไร คนไข้ที่เป็นผู้มีสิทธิจะช่วยรัฐประหยัดบ้าง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องตัดสินใจ วิธีหนึ่งคือ ร่วมจ่าย ถ้าคนไข้มีส่วนร่วมจ่ายสัก 10-20% ในกรณียานอกบัญชี ก็จะไม่เอายาไปทิ้งขว้าง แต่รัฐเองก็ไม่กล้าบอกผู้มีสิทธิตรงๆ มาบีบเอาจากหมอ ผล้กให้หมอเผชิญหน้ากับผู้ป่วยเอง จากคุณ : หมอตาตี่ี่ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 23:47:58 A:171.98.64.215 X: TicketID:307618

ความคิดเห็นที่ 11 ข้าราชการไทย เตรียมทำใจไว้ เพราะ รายการนี้เป็นเพียงเริ่มต้น เท่านั้นครับ .. ยังมีอีกหลายกลุ่มที่จะตามมา คลังสั่งห้ามจ่าย9ยานอก คนเป็นมะเร็ง-ไขมัน-ความดันกระอัก นาย รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางจะเข้มงวดการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการให้มากขึ้น โดยจะควบคุมการจ่ายยานอกบัญชีหลักใน 9 กลุ่มโรคให้ครบภายในปีนี้ โดยจะทยอยห้ามใช้นอกบัญชีทีละกลุ่ม หลังจากปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้วใน การห้ามจ่ายยาในกลุ่มกลูโคซามีน คอนดรอยตินซัลเฟต และไดอะเซอเรน ทุกรูปแบบ ที่ใช้รักษาโรคข้อและกระดูกเสื่อม เพราะพบว่ากลุ่มยาดังกล่าวเป็นอาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรค คาดประหยัด 442 ล้านบาท สำหรับยาอีก 8 กลุ่มจะทยอยพิจารณายกเลิกการจ่ายยานอกบัญชีหลักทีละกลุ่ม โดย 2 กลุ่มแรกที่จะเร่งดำเนินการต่อจากนี้ คือ กลุ่มยาลดไขมันในเลือดประหยัด 1,009 ล้านบาท และ กลุ่มยาป้องกันโรคกระดูกพรุน ประหยัดได้ 712 ล้านบาท ส่วน อีก 6 กลุ่มจะทยอยพิจารณา ประกอบด้วย กลุ่มยาลดการเป็นแผลและเลือดออกในกระเพาะอาหาร คาดประหยัดได้ 599 ล้านบาท กลุ่มยาต้านอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ คาดประหยัด 415 ล้านบาท กลุ่มยาเบื้องต้นในการรักษาความดันโลหิตสูงและภาวะหัวใจล้มเหลวแบบเลือดคั่ง ประหยัดได้ 87 ล้านบาท กลุ่มยาลดความดันโลหิตประหยัด 158 ล้านบาท กลุ่มยาป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือดประหยัด 376 ล้านบาท และ กลุ่มยารักษามะเร็ง คาดประหยัดได้ 647 ล้านบาท ทั้งนี้หากทำทั้ง 9 กลุ่มจะประหยัดงบประมาณได้ 4,851 ล้านบาท http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFkyOHdNVEUzTURFMU5BPT0=§ionid=TURNd05RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB4Tnc9PQ== จากคุณ: I Promise เขียนเมื่อ: 20 ม.ค. 54 17:04:40 แถม .. งานเข้า ข้าราชการไทย " คลังสั่งห้ามจ่าย9ยานอก คนเป็นมะเร็ง-ไขมัน-ความดันกระอัก " .. นำกระทู้มาลงไว้ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-01-2011&group=7&gblog=124 ขรก.จ๊ากแน่ คลังเลิกจ่าย ยานอก9กลุ่ม (ไทยโพสต์) .... นำกระทู้มาลงไว้เป็นข้อมูล http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-01-2011&group=7&gblog=123 สรุปอภิปราย “มาตรฐานการกำหนดค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ ใน สวัสดิการการ ของ ข้าราชการ” http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=26-02-2010&group=7&gblog=52 คลังตั้งทีมรื้อค่ารักษา ข้าราชการ 7 หมื่นล. ... คลังหน้ามืด! ค่ารักษาขรก. พุ่ง1.5แสนล. http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=08-12-2009&group=7&gblog=43 เสนอเลือกเบิกจ่ายยาให้ข้าราชการบางกลุ่ม ??? .... ข้าราชการ ก็เตรียมตัวไว้บ้าง http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-05-2009&group=7&gblog=26 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 23:49:34

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นหนังสืิอเวียนแล้วครับ จากคุณ : pooly_a เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 08:23:41

ความคิดเห็นที่ 13 ก็รัฐถังแตก เงินมีจำกัด ถ้าจำเป็นต้องเลือกเขาเลือกลงทุนหาเสียงกับคนกลุ่มใหญ่ดีกว่า เพราะมีจำนวนมากกว่าข้าราชการเยอะ เพราะ 1 คน 1 เสียงเท่ากัน รอหน่อยเี๋ดี๋ยวจะมีมาตรการรัดเข็มขัดอื่นๆตามมาอีกเยอะแต่จะทำเงียบๆไม่โฉ่งฉ่าง แต่อีกทางก็กู้เงินทำโครงการประชานิยมอย่างครึกโครมและครึกครื้น เบื่อ เพลีย แต่ทำไงได้เมื่อคนส่วนใหญ่เขาเลือกของเขา เราก็ต้องยอมรับและทำใจ ตอนนี้ก็ได้แต่เตรียมตัวเองให้พร้อมถ้าหากประเทศต้องล้มละลายเหมือนกรีก สเปญ จากคุณ : >>Jou<< เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 09:54:14

ความคิดเห็นที่ 14 เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้นักการเมือง โกงกินกันปีละกี่พันล้านตั้งแต่ระดับชาติยันท้องถิ่น เกลียดๆๆๆ จากคุณ : angelzpuu เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 11:38:18

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนนี้คนไข้ป่วยโรคอะไรผมก็สั่ง amoxy + para อยู่แล้ว เพราะมันไม่มียาอื่นให้เลือก จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 55 20:02:45

ความคิดเห็นที่ 16 ตัดยากันสนุกสนานล่ะงานนี้ ได้ด่านักการเมืองในห้องตรวจนี่มันสะใจในอารมณ์จริงๆ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 00:55:40

ความคิดเห็นที่ 17 จากที่อ่านข้อมูลย้อนหลังของคุณหมอหมู   คำสั่งนี้มาจากข้าราชการของกรมบัญชีกลางที่รวบรวมข้อมูลขึ้นมาให้ นักการเมือง มากกว่ากระมังครับ  และข้อมูลส่วนใหญ่ก็คือหมอด้วยกันนั่นแหละที่สรุปส่งขึ้นมา ผมว่า จะให้ดี คุณหมอทั้งหลายไปเคลียร์กันเองก่อนดีกว่าไหมครับ ด่าพวกเดียวกันเอง  หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ  ด่านักการเมืองนี่สนุกเพราะมีคนร่วมด้วยช่วยกัน เยอะ   ไม่นับว่า ข้อมูลของคุณหมอหมู มีย้อนหลังไปหลายปี หลายรัฐบาล  ถ้าจะบอก ว่า เพราะรัฐถังแตกเลยต้องออกมาตรการนี้ ก็คงเป็นเพราะรัฐประหารกระมังครับ   เพราะข้อมูลคุณหมอหมูย้อนหลังไปตอนหลังเผด็จการได้สองสามปี  ผลาญเงินของ ประเทศหมด หาใหม่ไม่ทัน เชิญกระทู้นี้ได้ครับhttp://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L12784449/L12784449.html แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 17:24:54 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 16:23:17