เล่าประสบการณืทำ ReLex และส่งต่อ contact lens ฟรีๆค่ะ

จขกท.สายตาสั้งมาตั้งแต่ป. 6 และสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มใส่ contact lens ครั้งแรกคือม. 4 ค่ะ จำได้ว่าตอนนั้นสั้นประมาณ 600 เป็นคนโชคดีส่วนหนึ่งคือ ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์เลยตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เราใส่ตอนเช้า ถอดตอนเข้านอน ไม่เว้นวันหยุด จนระยะปีสองปีมานี้มีแบบ one day เวลาไปเที่ยวเราก็ใส่แบบนี้ ไม่ต้องพกน้ำยาล้างให้ยุ่งยาก

ประมาณปี 2006 เรามีความคิดจะทำอยู่ครั้งนึง จีงไปตรวจ จำได้ว่าตาสั้นประมาณ 750/775 ไม่เอียง และกระจกตาหนามาก สามารถทำได้ แต่ตอนนั้นคิดไงไม่รู้ เปลี่ยนใจ กลับมาใส่เลนส์ต่อไป

พอต้นปีปีนี้ มีเพื่อนที่ไปทำมากระตุ้นต่อมอยาก เรามานั่งคิดว่า แว่นตาเราไม่ใส่แน่ เราจะใส่เลนส์ไปเรื่อยๆเลยเหรอ เลยตัดสินใจหาข้อมูล โทรไปนัด จัดการนัดให้น้องชายซึ่งตาสั้นเหมือนกันด้วยซะเลย พอดีคุณหมอคิวยาวมาก เราเลยมีเวลาทำใจค่ะ

พอ 3 วันก่อนตรวจ เราต้องใส่แว่นตา โห นรกมีจริงค่ะ เรื่องทำงานยังไม่เท่าไหร่ มีปวดหัวบ้างวันแรก แต่ขับรถนี่เรารู้สึกแย่มากๆ มองได้น้อยกว่าตอนใส่เลนส์ประมาณ 20% ตอนกลางวัน 40% ตอนกลางคืน ไม่มีความมั่นใจในการขับรถโดยสิ้นเชิง ทำให้เราคิดว่า ดีแล้วล่ะ ที่ตัดสินใจทำ

พอไปตรวจ สรุปได้ว่า กระจกตาเราหนาดี ตาสั้นขึ้นนิดหน่อย ประมาณข้างละ 25 ซึ่งเป็นปรกติของคนสั้นมาก ส่วนน้องชายเรากระจกตาบางกว่า และตาสั้นมาก เวลาทำจะเสี่ยงกว่าหน่อย และอาจเติมเลเซอร์อีกไม่ได้ถ้าแก้สั้นได้ไม่หมด และแนะนำให้ใช้วิธีใหม่ เรียกว่า Relex วิธีนี้ แทนที่จะเปิดกระจกตา เค้าจะเปิดเป็นแผลเล็กแค่ 2 มม. และใช้เลเซอร์ตัดกระจกตาข้างใน เรียก lenticule แล้วดึงผ่านรอยแผล ซึ่งจะทำให้ประหยัดกระจกตากว่า แผลหายเร็วกว่า และที่สำคัญ แพงกว่าค่ะ

เรากะน้องก็ ไหนๆก็ไหนๆ ทำแบบดีๆเลยแล้วกัน

พอถึงวันทำ เราก็ไม่ตื่นเต้นนะคะ เชื่อมือหมอ ว่างั้น จนท.ให้ทานแวเลี่ยมก่อน 1 เม็ด แล้วเริ่มหยดยาชากับยาปฏิชีวนะ น้องเราเข้าไปก่อน เราเข้าตามไป ขั้นแรกจะเป็นเครื่องเลเซอร์ที่ตัด lenticule ไว้ก่อน หมอจะถ่างตา และให้เราจ้องจุดสีเขียว มองตรงไว้ จุดจะค่อยๆขุ่นลงๆและหายไป กลายเป็นขุ่มหมดเลย แล้วก็ย้ายไปทำอีกตาค่ะ ตอนทำอีกตานี่เรา "รู้สึก"มากกว่า นอนตัวเกร็งเลยค่ะ แต่ไม่เจ็บนะ ระหว่างนั้นจะมีคนนับถอยหลัง "20 วินาทีครับ...10 วินาทีครับ..." ขอบอกว่าเป็น 1 นาทีที่นานที่สุดในชีวิตเลยค่ะ พอเสร็จแล้วก็ลุก ย้ายห้อง เพื่อไปดึงเอา lenticule ออก ก่อนทำก็หยดยาชาเพิ่ม ติดสติ๊กเกอร์เหนียวๆที่หน้า คุณหมอเอาเครื่องมืออะไรไม่รู้มากดๆตาเรา ให้เรามองที่ขอบล่างของไฟขาว กดไปๆมาๆ แต่ไม่เจ็บเหมือนเดิม พอเสร็จ คุณหมอหยดน้ำ แล้วกดทั้งตาอีกที ตอนนี้แหล่ะค่ะ ไฟขาวที่เราเห็นมัวๆ มันเริ่มชัดแล้ว แล้วก็ทำกับตาอีกข้าง แล้วก็ดึงสติ๊กเกอร์ออก ขอบอกว่าการดึงสติ๊กเกอร์เนี่ยแหล่ะ เจ็บที่สุด

พอทำเสร็จมานอนพัก เราแอบมองลอดตาแมลงปอ แสบตาหน่อยแต่กรี๊ดมากค่าาาา ชัดพอๆกับใส่แว่นเลย เราเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้สบายๆ

พอกลับบ้านมาเราก็นอนเต็มที่ ตื่นปุ๊บกินยาแวเลี่ยมที่ให้แล้วนอนต่อ ตอนกินข้าวก็รู้สึกว่าชัดแล้วล่ะ แล้วก็นอนต่อจนเช้า ไปเปิดตาค่ะ พอจนท.มาเปิดตา ลองให้อ่านดู เราเห็นเส้นแดงเลยค่ะ ไม่แสบอะไรเลย เฉยมาก คุณหมอบอกแผลสมานดี ให้งดล้างหน้าสระผมออกกำลังกาย 3 วัน ครอบตานอน 3 วัน (เป็น Relex แผลเล็กกว่า Lasik เลยแค่ 3 วันจากปรกติ 7 วัน) กีฬาทางน้ำงด 7 วัน และหยอดยาตามที่สั่ง

เมื่อวานเปิดครอบตาเราก็ขับรถอ่านหนังสือดูทีวีได้ปรกติมากค่ะ กลางคืนแสงไม่จ้าไม่กระจายขับรถได้ สรุปว่ามีความสุขมากๆค่ะ

ส่วนน้องชายเราก็เห็นชัด แต่ตายังสู้แสงไม่ค่อยได้ ต้องใส่แว่นกันแดดช่วง แต่โดยรวมแล้วโอเค น้องชายไม่เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหน้าตัวเองชัดแบบไม่ใส่แว่น ถึงกับตกใจว่าไอ้ตี๋นี่ใครวะ ฮ่าๆๆๆ

สุดท้าย เรามี contact lens Acuvue moist แบบ 1 day สั้น 750 อยู่มากพอสมควร (เต็มกล่องกับอีกนิดหน่อย แต่กล่องมีรอยแกะนะคะ) ขอส่งต่อให้กับผู้ที่จะใช้งานจริงๆ ให้ส่งชื่อที่อยู่มาทางหลังไมค์นะคะ ขอให้กับคนแรกที่ส่งมาค่ะ ไม่คิดค่าส่งใดๆค่ะ

จากคุณ	: ไอริน
เขียนเมื่อ	: 12 ต.ค. 55 13:31:03