ความคิดเห็นที่ 1 ทำงานเอกชน-รัฐบาลค่ะ เอาใจช่วย จากคุณ : เล็ก (papalek1) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 20:10:22

ความคิดเห็นที่ 2 ผมลองวิเคราะห์ปัญหาจากมุมมองของคนที่ทำงานในชนบทห่างไกลชนิดติดชายแดนเลยนะ เหตุที่โรงพยาบาลจริงๆ  มีคนไข้ล้นก็เพราะโรงพยาบาลเล็กที่ยกระดับมาจากสถานีอนามัยนั้นไม่สามารถให้บริการที่คนป่วยต้องการได้ ถ้าเราสามารถกระจายแพทย์และพยาบาลพร้อมเครื่องมือ   ออกไปตามโรงพยาบาลขนาดเล็กเหล่านั้นได้   อัตราการกระจุกตัวของคนไข้ก็จะเบาบางลง จากคุณ : Tanis เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 20:15:18

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นใจเป็นอย่างมากคะ ทำงานโรงพยาบาลรัฐ เงินเดือนน้อย แถมงานหนักจนไม่ได้พักผ่อน ใครจะทนไหวคะ  มีแต่คนลาออก ภาครัฐต้องรีบเข้ามาแก้ปัญหาโดยด่วน จากคุณ : Alchemy เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 20:25:23

ความคิดเห็นที่ 4 เราทำงานรัฐบาลค่ะ แต่เอกชนก็แทบไม่ต่างกัน ตอนหวัด2009ระบาด. มีเงินก็หาเตียงนอนแทบจะไม่ได้ เมื่อวานเตียงเต็ม แต่ก็มีคนมารอที่ฉุกเฉินมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีทั้งเด็กชัก คนไข้หอบ อาการหนัก ทั้งๆที่มีตัววิ่งว่าขณะนี้ต้องให้การรักษาคนไข้หนักก่อนก็ยังมีคนไข้เจ็บคอที่มาที่ฉุกเฉินตอนสามทุ่มเขียนข้อร้องเรียนว่ารอนาน เราว่าระบบมันรวนทั้งของคนให้บริการและคนรับบริการ ยิ่งเห็นยิ่งคิดไปไกล แล้วตอนเราแก่ๆเราจะทำยังไง จะเป็นยังไง คิดแล้วกลัวจังเลยค่ะ จากคุณ : นานนุนนอน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 20:29:24

ความคิดเห็นที่ 5 นั่นหละครับปัญหาของคนทำงาน ในขณะที่ระดับผู้บริหารผู้วางนโยบายพยายามยัดเยียดระบบคุณภาพต่างๆ นาๆ เข้ามาแต่ไม่ได้สนับสนุนหรือลงทุนอะไรเพิ่มเติม ปากบอกว่าอยากให้คุณภาพมากขึ้นแต่ได้แค่พูด เหมือนจับเสือมือเปล่า ทีนี้ภาระต่างๆ ก็ต้องมาตกที่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น งานที่ตัองดูแลคนไข้ที่นับวันยิ่งจะเพิ่มขึ้นก็ส่วนหนึ่ง ต้องมารับงานคุณภาพงานเอกสารอีก ค่าตอบแทนก็เท่าเดิมแต่เหนื่อยกว่าเดิมและต้องทำอย่างเดิมซ้ำๆ ทุกวัน บุคลากรก็คนยังไงมันก็ต้องมีเบื่อมีเหนื่อยอยู่แล้ว อย่าว่าแต รพ เล็กๆ เลยครับ รพ ใหญ่ๆ หลายที่ก็เหมือนกัน งานบางอย่างไม่ใช่หน้าที่เลยก็ต้องรับเพิ่มเพราะ รพ ไม่จ้างคนเพิ่ม ทีนี้คนรับมาก็เครียดเพราะไม่ได้เชี่ยวชาญทางนี้ เกิดปัญหาตลอด ก็กลายเป็นว่ามารบกวนงานของตัวเองอีก และทุกวันนี้คนไข้ก็ VIP ขึ้นเรื่อยๆ เหวี่ยงนิดเหวี่ยงหน่อยนี่ก็เอาละ รอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้ ..... โลกความเป็นจริงผู้วางนโยบายที่นั่งในส่วนกลางไม่เคยรับรู้ พอมาตรวจ HA ทีก็ทำอย่างกับ รพ รัฐเป็น รพ เอกชน นั่นจะเอานี่จะเอานั่นไม่ได้นะไม่ได้มาตรฐาน ชี้อย่างเดียวสั่งอย่างเดียว ไม่ได้รับรู้(หรือคงรู้แต่แกล้งโง่)อะไรเลยว่าบางอย่างมันทำไม่ได้ หลายที่ก็เลยแบบว่าตัวชีั้วัดตั้งมาเถอะ อยากได้ตัวเลขสวยงามขนาดไหนจะจัดให้ เพราะบ้านเรามันชอบแบบนี้ "ตามองดาว เท้าหล่มโคลน" .... เข้าใจคนทำงานใน รพ นะครับว่าความกดดันมันไม่ได้มีแค่เรื่องต้องดูแลคนไข้ ถ้าตัวเองยังดูแลตัวเองไม่ได้เต็มที่แล้วจะดูแลคนอื่นยังไง จากคุณ : Always Red เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 20:34:56

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นมาแล้วที่มหาราช นครราชสีมาชั้นแปดตึกแปดชั้น พยาบาลต้องอยู่กับคนไข้ไกล้ตาย นอนขี้นอนเยี่ยว เหม็นมากๆ คนป่วยก็เครียด พยาบาลก็เครียด เหวี่ยงใส่กันทั้งวันทั้งคืน คนไข้เต็มจนล้นไปนอนหน้าลิฟต์ ญาติก็มาเยอะมากเกะกะไปหมด ทำงานก็ลำบาก ห้องน้ำผุพัง จากคุณ : Mumbi เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 21:14:19

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ใช่คุณ แค่ได้ทำงานอย่างเดียวนะครับ คุณได้ทำกุศลด้วย ทุกคนทีี่มาโรงพยาบาล เขาหวังพึ่งคุณทั้งนั้น สู้ ๆ ครับ จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 21:22:22

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาให้กำลังใจค่ะ อยากให้ทางรัฐช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เห็นใจเจ้าหน้าที่ใน รพ.ทุกท่านจริงๆ จากคุณ : Flaminio เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 21:42:49

ความคิดเห็นที่ 9 คุณGreeny pony คะ เราเชื่อค่ะเรื่องทำบุญกุศล งานในหน้าที่เราทำเต็มที่  ที่เราจิตตกก็คือ ต่อให้เราทำจนหมดแรงแค่ไหน งานมันก็ยังมีอยู่  เหมือนในเพลงน่ะค่ะที่บอกว่า กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็เดินไม่ถึง. เดินวนไปวนมา เรารักงานนี้ แต่รูปแบบมันแตกต่างไปมาก คนรับบริการเลือกที่จะฟังและทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ในด้านธุรกิจมันทำได้ แต่ในงานสุขภาพเราต้องร่วมมือกัน บางคนอยากตรวจเลือดอยากรู้ทุกอย่างที่ตัวเองอยากตรวจ แต่พอได้ผลก็ไม่ปรับตัวเอง ไขมันสูงก็ไม่ลดไขมัน น้ำตาลสูงก็ไม่ควบคุม พอถึงจุดจุดนึงร่างกายรับไม่ไหวก็ต้องมานอนในโรงพยาบาล ยังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่ต้องเครียด เช่น ไม่เคยสนใจว่าตัวเองมีสิทธิอะไร บัตรประชาชนไม่เคยมี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ายุคที่เรากำลังประมูล3Gกันยังมีปัญหาแบบนี้อยู่อีก งานเราจะยุ่งเป็นพักๆ เรายังพอไหว แต่คนที่ต้องทำงานต่อเนื่องอย่างเช่น คนที่ดูแลผู้ป่วยใน ดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน พลังกำลังจะหมด เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นยังไง จริงๆเราอาจจะกังวลมากไปก็ได้ แต่เมื่อวิเคราะห์จากเหตุการณ์รอบตัว มันน่ากลัวจริงๆนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 55 21:57:37 จากคุณ : นานนุนนอน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 21:56:31

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นใจว่างานหนัก เหนื่อย รายได้น้อย หัวอกเดียวกัน เพราะทำงานรพ.รัฐเหมือนกัน วันนี้ตรวจผู้ป่วยนอก ตั้งแต่ออกจากห้องคอนเฟอเร็นซ์ 9 โมงกว่า กว่าคนไข้หมดก็บ่ายสามกว่า ไม่กินข้าวเที่ยง ขอร้องว่าเหนื่อยล้าแค่ไหน อย่าไปเหวี่ยงใส่คนไข้ ไม่ว่าเขาจะทำให้ไม่พอใจแค่ไหน เพราะเขาทุกข์กว่าเรามากนัก วันนี้เสียเวลากับผู้ป่วยคนหนึ่งมากกว่า 1/2 ชั่วโมง มาก่อนนัดเพราะต้องการมาปรับทุกข์ ดูแลกันมาเรื่องฮอร์โมนผิดปกติ น้ำนมไหล ตั้งแต่อายุ 40 กว่า จนปัจจุบันนี้อายุ 78 เมื่อเดือนก่อนส่งไปปรึกษาหมอนิวโรเม็ด เรื่องขาขวาอ่อนแรง ยัยหมอนั่นก็เอ็ดฝากผู้ป่วยมาว่าส่งมาทำไม แต่ยัยหมอปากเสียนั่นแกก็ดูแลดีนะ ตรวจละเอียดส่งตรวจนั่นนี่จนรู้สาเหตุ ส่งไปพบนิวโรศัลย์เพื่อทำการผ่าตัดกระดูกสันหลังกดเส้นประสาทระดับ L4 L5 (ทั้งหมดนี่อ่านเอาจาก OPD card ผู้ป่วยไม่รู้เรื่องอะไรเลย) ยัยหมอนั่นทำดีไม่ได้ดีน่ะเนี่ยเพราะพูดไม่ดี สมโดนผู้ป่วยเกลียดเอาเลย ผู้ป่วยมาพบเราเพราะอยากรู้ว่าเป็นอะไร ทำไมต้องผ่าตัด ไม่ผ่าได้ไหม รอไปสักปี 2556 ได้ไหม มีหมอนิวโรศัลย์ตั้งฝูงทั้งหมอเด็กๆ และหมออาจารย์พากันมาดู มาตรวจ มาดูผล MRI นัดให้มาอยู่รพ.วันนั้นวันนี้ เจาะเลือดวันนั้นวันนี้แล้วก็พากันออกไป ไม่พูดไม่อธิบายกับเขาสักคำ รู้สึกคุ้นๆไหม เหตุการณ์แบบนี้ เราก็โทรตามจนได้พูดกับแพทย์ประจำบ้านผู้ดูแลและสั่งนัดผ่าตัด เขาอยู่ในห้องผ่าตัด แต่เขาก็ใจดีนะ ได้นัดให้ผู้ป่วยไปรอเขาวันนี้เวลาบ่ายโมงที่ OPD ศัลย์ เขาจะไปอธิบายให้ฟัง เพราะที่ OPD วันนั้นเขาไม่มีเวลา ก็หวังว่าคงจะพูดกันเข้าใจนะ เพราะฟังเสียงคุณหมอหนุ่มคนนั้นก็นุ่มนวลอยู่ ทั้งที่เขาก็ไม่รู้จักเราด้วย เพราะอยู่กันคนละสาขาวิชา นี่แหละงานของพวกเรา ชาวรพ.รัฐบาล วันนี้กว่าจะได้กินข้าวกลางวันก็สี่โมงเย็น น้องดีเทลซื้อมาให้ตั้งแต่เที่ยง จนเย็นแล้วเย็นอีก จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:06:57 A:110.169.139.119 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่แน่ใจเรื่องทำกุศลนะครับ ถ้าเราไม่แก้ไขอะไร ปล่อยให้เกิดการใช้คนเกินกำลังจะทำได้ และเกิดความผิดพลาดในระบบการรักษา คนไข้ตายขึ้นมาแล้วจะเป็นบุญได้ยังไง งงครับ ปล. เห็นด้วยว่าต้องแก้ไข ไม่ใช่ทนทำได้ก็ทำไป เพราะปัญหาไม่ใช่แค่เราเหนื่อย การรักษาที่ไม่มีคุณภาพย่อมไม่ก่อให้เกิดผมดีต่อคนไข้ บางครั้งการแก้ระบบต่างหากที่เป็นคำตอบ จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:11:40

ความคิดเห็นที่ 12 #2 แก้ยากมากครับ ความต้องการของคนเราสูงขึ้น งบประมาณและกำลังคนมีจำกัดแถมลดลงเรื่อยๆ เราพยายามรณรงค์ให้ทุกคนเห็นคุณค่าของบริการ แต่รัฐประกาศนโยบายแจกแหลกไม่อั้น(แต่มาบีบกับแพย์ลับหลัง) ตอนนี้แม้แต่แถวๆชายแดนเอง "ผู้ป่วยเริ่มไม่ยอมรับการรักษาจากแพทย์ทั่วไปแล้วนะครับ" เด็กเป็นไข้ก็จะตรวจกับแพทย์กุมารอย่างเดียว กรณีแบบนี้เริ่มเจอเยอะขึ้นเรื่อยๆ บางอำเภอ ผู้ป่วย ไม่ให้ความเชื่อถือ รพสต (แทบจะไม่ไปใช้บริการ) ผมทราบครับ ว่าปัญหามีไว้แก้ และ การทำสารธารณสุขเชิงรุกเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งพวกเราก็ทำมาตลอด แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ "เรื่องพวกนี้ทำกันเป็นปีๆกว่าจะเริ่มเห็นผล" "ออกสรยุทธ์ ไม่กี่นาที ก็มลายไปกับตา" พวกผมเองก็จนใจเหมือนกันครับ จากคุณ : Elixir The High Priest เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:15:30

ความคิดเห็นที่ 13 บางครั้งปัญหามันจะแก้แบบลวก ๆ(เพิ่มคน OT เพิ่มรอบ) ก็ได้แต่ปัญหาเชิงระบบมันไม่จบ ถ้าคิดดูก็จะพบว่ามีทางออกที่ดีกว่า ตัวอย่างเช่น สมัยก่อนจะเก็บน้ำใช้ก็ไปหาบกันมาจากแหล่งน้ำ พอมีความต้องการใช้มากขึ้นก็เพิ่มคนหาบเข้าไป หรือ หาบครั้งละมากๆ หรือ เพิ่มรอบ สุดท้ายก็มีคนพบว่าใช้ระบบท่อส่งน้ำดีกว่าเยอะ ต้องลงทุนก่อสร้างหน่อยแต่สบายอีกนาน จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:18:13

ความคิดเห็นที่ 14 นึกไม่ออกครับ ว่าจะแก้อย่างไร จากคุณ : พี่ไก่ (kai golf) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:43:57

ความคิดเห็นที่ 15 มันต้องเริ่มจาก health education ขั้นพื้นฐานด้วยแหละครับ หลายคนจริงๆแล้วดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านก็ได้ แต่ทำไม่เป็น ไม่รู้ กลัวตาย (ที่จริงเป็นแค่ท้องอืดอาหารไม่ย่อย อะไรแบบนี้) เลยมาโรงพยาบาล อีกกลุ่มนึงคือพวกโรคทำตัวเองครับ เมาแล้วขับ ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน๊อค ขับรถเร็ว ไม่คาดเข็มขัด ดื่มเหล้าจนตับพัง ตับอ่อนอักเสบ สมองฝ่อ สูบบุหรี่จนเป็นถุงลมโป่งพอง เป็นมะเร็ง มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ติดเชื้อกันระเบิดระเบ้อ ท้องแล้วไม่พร้อม เลยไปทำแท้งเถื่อน กินแต่ยาคุมฉุกเฉินจนท้องนอกมดลูก มีโรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง แต่ไม่กินยา ไม่ควบคุมอาหาร เด็กๆเกิดมาพ่อแม่ไม่เลี้ยง ให้ตายายเป็นคนเลี้ยงเอาตามมีตามเกิด ฯลฯ ถ้าคนเรารักตัวเองมากกว่านี้ พวกโรคทำตัวเองคงจะลดน้อยลงไปเยอะเลยล่ะครับ ยอมรับเลยว่าบางครั้งผมก็อดไม่ได้ จัดหนักกับคนไข้ไปสักดอกสองดอกเหมือนกัน จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 22:48:06

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็ทำร.พ.รัฐครับวันนี้กับพรุ่งนี้H Aเข้าตรวจอยู่ นี่ถ้าเขานับแค่พื้นสะอาดนะร.พ.ผมได้แชมป์โลกไปแล้ว พวกเล่นขัดซะไม่ได้ทำงานทำการอย่างอื่นกัน ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ปัญหาที่คุณเป็น ผมก็เป็น ผมเป็นผู้ปฏิบัติงานชั้นล่างๆตามคำสั่งและงานประจำไปวันๆ ก็รู้สึกแค่ว่านับวันมันจะมีเรื่องเยอะขึ้น ข้อแม้มากขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆ พอมันเริ่มไม่ไหว ก็จะมีพวกหลบๆอู้ ไม่พอใจแสดงออกก็ไม่ได้ ระดับสูงกว่าเราเห็นแล้วไม่ปลื่มอีก งานว่ายากแล้ว อยู่กับคนกากยิ่งยากไปอีก ตอนนี้ก็เห็นแก่ตัวมากขึ้นครับ ตอนพัก มีคนโทรตามก็ไม่รับรู้ ใครมายัดเยียดงานให้ ไล่ได้ก็ไล่ หนีได้ก็หนี เช้าชามเย็น2ชาม มันหนักเกินแบกก็ต้องโยนๆทิ้งไปบ้าง ไม่งั้นทับเราตายก่อนคนไข้ จากคุณ : iamfat เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 00:10:27

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าทนไม่ไหว ลาออกเถอะครับ ในเมื่อรัฐบาลเฮงซวยมันไม่ได้คำนึงถึงคนที่ทำงาน นึกแต่นโยบายที่จะมำให้มันได้หน้า ได้เสียงเข้ามา กอบโกย จะทนทำไม ทุกคนต้องเรียนรู้ประชาชนก็ต้องรู้ว่านี่แหล่ะผลพวงจากนโยบายที่เหลวแหลก หวังแต่คะแนนนิยม จากคุณ : เแสงดาว เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 05:25:50 A:124.122.47.70 X: TicketID:378455

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาอ่าน เจ้าหน้าที่ รพ. เข้ามาปรับทุกข์กัน คนไข้อย่างเรา ตาดำๆๆ..แถมจนด้วย จะทำอย่างไร ต่อไปนี้หน๊อ.. จากคุณ : trn (ธีอาร์เอ็น) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 09:02:06

ความคิดเห็นที่ 19 เปลี่ยนไปทำโรงบาลดีๆเถอะครับ ถ้างั้น พวกโรงบาลอินเตอร์หนะครับ ที่โรงบาลยังกับโรงแรม จากคุณ : darkness2 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 09:40:19

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นกำลังใจให้ครับ ผมคนหนึ่งที่ทำงานโรงพยาบาลเช่นเดียวกัน จากคุณ : ละอ่อนเจียงฮาย เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 09:53:41

ความคิดเห็นที่ 21 รพ.รัฐบาลเป็นทุกที่ละครับ งบประมาณน้อย ลดจำนวนเจ้าหน้าที่ แต่คนไข้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยาก็กระเบียดกระเสียน ตัดแล้วตัดอีก เหลือยาที่ใช้ได้ดีๆ บ้างหรือเปล่าไม่รู้ รักษาคนไข้ไม่หายก็มาอัดกันล้นห้องตรวจ บัญชียาหลักใหม่ยิ่งเข้มงวด ต่อไปจะเป็นโรคอะไรๆ ก็คงให้ได้แต่พวก amoxy, para กระเษียณอายุก่อนกำหนดปีนี้เจ้าหน้าที่หายไปเพียบเลย ไม่มีคนใหม่มาเพิ่ม ที่เหลือก็ก้มหน้าก้มตารับงานกันไป ระบบที่เบื้องบนกำหนดมามันบังคับให้เป็นแบบนี้พวกเราระดับปฏิบัติงานก็ต้องทนทำตามเขาสั่ง คิดถึงสมัยผมเข้าทำงานใหม่ๆ ยี่สิบปีก่อน บรรยากาศการทำงานดีกว่านี้มากๆ จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 10:05:56

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยในอนาคตคงจ่ายได้แค่ยาสามัญประจำบ้าน จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 10:51:08

ความคิดเห็นที่ 23 นึกถึงสมัยรับราชการเลยเรื่องHA........ผักชีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ พอกรรมการจะลงตรวจที่  ต้องติดป้ายงดใช้ห้องน้ำ( ให้ไปใช้บริเวณอื่นๆแทน)เพราะ กรรมการจะลงตรวจ คนไข้เยอะมากห้องจะน้ำสกปรก ประชุมกรรมการบริหาร รพ อนุมัติงบ ..ทำห้องน้ำเสร็จภายใน 3อาทิ( ทำเอาไว้โชว์ห้ามใช้ ตอนประกวดส้วมโลก แถมได้ที่1ของประเทศด้วย 55555+) กว่าจะผ่าน HAขั้น 1 2 3 ก็ต้องเสียเงินจ้างครู ก ข มาดูงานก็ต้องให้พิเศษอีก ลากหมอที่วันๆต้องหัวหมุนกับคนไข้ที่ล้น(ทั้ง รพ มีหมอ2คน)มาเป็นกรรมการ ไปประชุม ดูโน้นนี้นั้น ปล่อยให้คนไข้รอคิวตามยถากรรมต่อไป จากคุณ : ใครเอ๋ยเดาเอา เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 12:04:57

ความคิดเห็นที่ 24 ปัญหาการขาดแคลนคนจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้คนทำ ทั้งนี้ผมว่าตอนนี้คนเกิดน้อยลง บางครอบครัวไม่มีลูก บางครอบครัวมีลูกแค่คนเดียว ทำให้คนน้อยกว่างาน จากคุณ : ขายหัวเราะ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 12:13:45

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นปัญหาโลกแตกครับ เป็นทุกที่ ทั้งรพ.รัฐบาล หรือรพ.เอกชลทั้งหลาย เหตุผล รพ.รัฐบาล พยาบาลเยอะ หมอเยอะ แต่คนไข้เยอะกว่า ส่วน รพ.เอกชล บางที่คนไข้เยอะหมอมีน้อย พยาบาลมีน้อย ด้วยเหตุที่อัตราจำนวนพยาบาลมีจำกัด แต่ระบบเอกชลอยากได้เงินเยอะๆๆ รับคนป่วยแอดมิดแบบไม่จำกัด ..... เจ้าหน้าที่พยาบาล หรือหมอ อยากดูแลคนป่วยให้ทั่วถึง อยากดูแลให้ได้มีประสิทธิภาพ แต่เป็นไปได้น้อยมาก เพราะจำนวนคนป่วยเพิ่มขึ้นทุกวินาที แต่หมอและพยาบาล ก็แทบจะลาออกกันเป็นวินาทีเหมือนกัน....... ......................................................................................................... เป็นกำลังใจให้พยาบาลและบุคลากรทางการพทย์ทุกท่าน สู้ต่อไปครับ เกลียดพวกใหญ่ๆๆโตๆๆ งบประมาณจัดสรรของ รพ. ก็กินกันจนไม่เป็นอันพัฒนาระบบ จากคุณ : Raiso Akira เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 12:40:36

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นกำลังใจให้บุคคลากรที่ทำงานใน รพ.ทุกท่านค่ะ จากคุณ : aicm เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 13:59:49

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านแล้วแอบท้อ จริงๆท้ออยู่บ่อยๆก่อนที่จะอ่าน เพราะเราไปโรงพยายาลบ่อย ทั้งไปเป็นเพื่อนแม่ ไปเป็นเพื่อนพี่สาว และไปเพราะตัวเองก็กำลังป่วย เห็นจำนวนคนไข้แล้วรู้สึกหมดกำลังใจ เจอเจ้าหน้าที่เหวี่ยงใส่ยิ่งไปกันใหญ่ เคยยืนน้ำตาไหลด้วยความอัดอั้น กังวลเรื่องอาการของตัวเอง แล้วมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ เราเป็นประเภทโมโหแล้วพูดอะไรไม่ออก ไม่สู้คน เดินถอยหนีออกมา ยืนน้ำตาไหลอยู่แถวนั้น นึกแล้วอนาถตัวเองมาก แต่เจ้าหน้าที่บางท่านน่ารักมากๆจริงๆทั้งๆที่คนไข้เยอะและตัวเองก็ดูเหนื่อยมากแต่ยังพูดจาดีเสียงดังฟังชัดตั้งใจอธิบายให้คนไข้เข้าใจจริงๆ ไม่ใช่พูดผ่านๆด้วยความเคยชินและรำคาญ คนไข้ก็เดินออกมางงๆแล้วเอามาถามคนไข้ด้วยกันเองต่อ เราเองก็พยายามดูแลตัวเองอย่างเต็มที่มานานแล้ว เพราะฝังใจตอนที่คุณพ่อเสียเพราะโรคมะเร็งตอนตัวเองอยู่ปอสี่ คือตัวเองค่อนข้างเป็นคนช่างสังเกตุ เห็นปฎิกิริยาของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เวลาดูแลพ่อหรือคนไข้คนอื่นๆ รู้สึกไม่ค่อยชอบ ไม่อยากให้ตัวเองต้องมาเจอคนแบบนี้ เลยติดเป็นคนชอบหาความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพและพยายามทำมาตลอด แต่เราก็ยังป่วยต้องไปพึ่งโรงพยาบาลอยู่ดี ซึ่งเราก็คิดในแง่ที่ว่า ถ้าไม่ดูแลตัวเองแบบที่ทำ อาจป่วยหนักกว่านี้ ก็ไม่ได้ท้อว่าทำทุกอย่างแล้วทำไมยังป่วยอีก ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้และเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจทำงานท่านอื่นๆด้วยนะคะและขอขอบคุณจากใจจริงในฐานะผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย เวลาเจอเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจทำงานบริการผู้ป่วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันช่วยลดบรรกาศที่ตึงเครียดและคลายความกังวลในใจไปได้มากจริงๆ จากคุณ : goldfish memory เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 14:13:49

ความคิดเห็นที่ 28 คนที่บ่นรำคาญ HA คือคนที่ไม่ได้ศึกษา HA และไม่มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง จึงไม่เข้าใจ ไม่เห็นความสำคัญ รำคาญ เห็นเป็นงานเอกสาร เป็นผักชีโรยหน้า ลองเข้ามามีส่วนร่วมจริงจังดูไหม จะเห็นว่า HA นี่ละจะทำให้เราทำงานอย่างมีคุณค่า ให้คุณค่าต่อคนอื่นโดยเฉพาะผู้ป่วย ลาออกจากรพ.รัฐเพื่อหนี HA จะพ้นหรือ นอกจากคุณจะออกไปพ้นวงการสุขภาพไปเลย รพ.เอกชนน่ะ ทั้ง HA TQA และ JCI เลยนะ ไม่รู้หรอกเหรอ จากคุณ : OG เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 16:22:53 A:58.11.208.20 X: TicketID:324242

ความคิดเห็นที่ 29 เรา จขกท เองนะคะ ดีใจที่มีคนมาช่วยแชร์ความรู้สึกค่ะ เราอยากให้ทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ มีความเข้าใจกันค่ะ มองกันในแง่บวก ไม่อยากให้ภาระงานมาทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดี บางเรื่องที่ต้องรอก็ควรรอ เรื่องที่เจอล่าสุดคือมีคนไข้ที่ส่องกล้องแล้วพบก้อนมาต่อว่าหมอว่าทำไมไม่เปลี่ยนคิวผ่าตัดเค้าให้เร็วขึ้นด้วยการแซงคิวคนไข้ที่ลำไส้กำลังจะอุดตัน เรารู้สึกว่าทุกคนอยากที่จะได้รับบริการที่ดีที่สุดเร็วที่สุด แต่ในหลักการแพทย์มันไม่ใช่ คนที่จำเป็นที่สุดต้องได้รับการดูแลเร็วที่สุด ส่วนเรื่องการพัฒนาคุณภาพเรานำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานของเราตลอดค่ะ ไม่ได้เบื่อเรื่องแบบนี้ ยิ่งเวลาเข้าประชุมพัฒนาคุณภาพ เรายิ่งอยากให้ผู้รับบริการมาร่วมรับรู้อย่างที่เรารู้เราเห็น ตัวอย่างที่เห็นผลก็ในรายผู้ป่วยหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดสมอง มีคนไข้มารักษาต้องเก็บเวลาในแต่ละช่วง ถ้ามากเกินกว่ามาตรฐานก็ช่วยกันหาทางลดเวลาเพื่อเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยให้มากขึ้น อันนี้ก็จะเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าคนไข้ฉุกเฉิน เฉพาะทางก็ต้องได้รับการดูแลแบบเฉพาะทาง แต่ผู้รับบริการบางส่วนไม่ได้คิดแบบนี้.จึงเป็นสาเหตุให้ภาระงานมันสูงขึ้นและจะทำให้ความปลอดภัยน้อยลง เจ็บคอมา5วันก็มาหาหมอที่ฉุกเฉิน  พอได้รับการดูแลช้าก็ร้องเรียน คนทำงานก็เสียใจ ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันได้   เราว่ามันคงจะดีขึ้น ขอบคุณทุกคนนะคะ เพราะอ่านจากทุกความคิดเห็นแล้วอบอุ่นขึ้นมากเลยค่ะ จากคุณ : นานนุนนอน เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 19:41:38

ความคิดเห็นที่ 30 เจ้าหน้าที่/บุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลายสู้ๆค่ะ เป็นแค่เพียงผู้รับบริการ ทำได้ดีที่สุดก็คงเป็นเพียงเข้าใจผู้ให้บริการให้มากขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากให้คนไข้รอนาน หรือไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี(ที่สุด) ปล. ขอให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขไวๆนะคะ จากคุณ : ร็อดไวเล่อร์ (ร็อดไวเล่อร์) เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 21:31:27

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆ ระดับการรักษาการดูแลสุขภาพเนี่ย มันต้องทั้ง ป้องกัน และรักษา ประเด็นคือ คนส่วนใหญ่เน้นรักษาไม่เน้นป้องกัน   แล้วพอมีปัญหาต้องรักษา  บางทีแค่ไข้หวัดก็พากันไป รพ.ศูนย์ รพ. จังหวัด มันจะไม่ล้นได้ไง เพราะไม่เชื่อมือ จนท. รพสต. จะรอรัฐอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติกันด้วย จากคุณ : ความเป็นจริงที่ว่างเปล่า เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 55 14:06:09

ความคิดเห็นที่ 32 สู้ๆ นะคะ เพิ่งได้มีโอกาสไปใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐเมื่อวันก่อน เห็นแล้วจิตตกไปเลย คนไข้เยอะจนไม่มีที่นั่ง เห็นใจนะคะว่าเหนื่อย แต่ได้โปรดอย่าต่อว่าคนไข้เลย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ท่านมารอกันเป็นวันๆ ร่างกายก็ไม่แข็งแรงคงทรมานน่าดู เห็นแล้วสงสาร บางครั้งเจ้าหน้าที่พูดเบา พูดน้อย คนไข้ก็งง ขนาดเรายังงง รบกวนพูดให้ชัดเจน ชี้จุดที่จะไปต่อให้หน่อย เพราะส่วนใหญ่ต้องไปจุดที่ 1 2 3 ไปไม่ถูก เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย จากคุณ : pyramidas เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 55 16:42:51