ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะกุมารแพทย์คนนึงหน่อยนะครับ ผมว่าช่วงแรกๆที่เด็กมีอาการไข้สูงมาได้ 5 วัน อาการไอ น้้ำมูก การวินิจฉัยตอนแรกที่บอกว่าเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้ไวรัสต่างๆนั้นก็เห็นว่าเหมาะสมดีนะครับ ไข้หวัดนั้นผู้ป่วยจะมีอาการเพลีย บางคนมีหน้ามือเป็นลมได้ถ้ากินอาหารได้น้อย ปวดเมื่อยตามตัวได้ ในทางปฏิบัติตามมาตราฐานวิชาชีพแล้วก็จะจัดยารักษาตามอาการให้ไป แล้วแนะนำคนไข้ว่าหากอาการไข้ยังไม่ลดลงอีก 2-3 วัน หรือไข้ลงแล้วอาการไม่ดีขึ้น ซึมลง กินไม่ได้เลยก็จะให้มาตรวจเลือดซ้ำ อาจจะพิจารณาให้นอนโรงพยาบาลสุดแล้วแต่
แต่เนื่องจากว่ากรณีนี้คนไข้ไปรับการรักษาต่อที่ รพ.เอกชน ซึ่งส่วนมากแล้วเอกชนจะถือว่าถ้าคนไข้มาตรวจที่เขา แสดงว่ามีกำลังที่จะจ่ายอยู่แล้วก็จะมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างเต็มที่ ซึ่งพบว่ามีการตรวจเจอ dengue type 3 ซึ่ง หมายความว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไข้ไวรัสเด็งกี่นั้นเอง ซึ่งตอนนั้นได้ตรวจ CBC (ผลเลือดทั่วไป) ด้วยแต่ไม้่ทราบผล คาดว่าเกร็ดเลือดอาจจะยังไม่ต่ำ การวินิจฉัยว่าเป็นไข้ไวรัสเด็งกี่นั้นเกร๊ดเลือดของผู้ป่วยนั้นจะ มากกว่าหรือน้อยกว่า 100,000 ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรง แม้ว่าเกร็ดเลือดน้อยกว่า 100,000 อาจจะยังไม่วินิจฉัยว่าเป็น ไข้เลือดออกก็ได้ ซึ่งในตอนนั้นเด็กมีอาการแผลร้อนใน ในปาก กินอาหารไม่้ได้ และมี postural hypotension ด้วยหมายความว่าความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่าทาง ซึ่งบ่งบอกว่ามีภาวะขาดน้ำ จึงได้รับการนอนโรงพยาบาล ซึ่งถือว่าเหมาะสมดีแล้ว การให้ยา clafaran ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื่อแบคทีเรียในโรคไข้เด็งกี่ หรือไข้เลือดออกนั้นไม่มีความจำเป็น แต่คิดว่าที่หมอโรงพยาบาลเอกชนให้ ก็อาจจะคิดได้ว่าเด็กอาการหนักหรือหมอสงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
หลังจากนั้นเด็กนอนอยู่โรงพยาบาลเอกชน อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่านอนเป็นระยะเวลานานกี่วัน แล้วอาการของโรคระหว่างที่นอนเป็นอย่างไรบ้าง แม่ขอกลับมารักษาต่อโรงพยาบาลเดิมที่เคยรักษา ตอนวันนั้นที่ออกมาเห็นบอกว่าไม่มีไข้ แล้วมีผื่นแล้วซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผื่นแบบใด ถ้าเป็นแบบ คหที่ 7 ซึ่งเป็นผื่น convalescent rash ลักษณะเป็นวงขาวในผื่นแดง เป็นตามขา ที่ตัว แล้วเด็กจะเริ่มมีอาการคัน ความอยากอาหารมากขึ้น เหนื่อย กระสับกระส่ายจะเริ่มน้อยลง ถ้ามีเช่นนี้คาดว่าน่าจะเป็นระยะปลอดภัยของไข้เลือดออกแล้วนะครับ
เมื่่อมาโรงพยาบาลแรกเข้าใจว่าคงเป็นระยะที่มีผื่น convalescent rash แล้วหมอเลยไม่ได้ให้นอนโรงพยาบาลเพราะคิดว่าเป็นระยะปลอดภัยของไข้เลือดออกแล้วผมคิดว่าน่าจะพอเป็นข้อมูลให้ จขกท ได้นะครับ
สรุปว่า
1. เด็กคนนี้ถ้ามีผื่นตามที่ว่านั้นจริง คงให้การวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออก
2. ตอนแรกที่ไปโรงพยาบาลแรก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐอาการเด็กนั้นอาจจะยังไม่รุนแรงทางหมอที่โรงพยาบาลแห่งแรกจึงยังไม่ได้ให้นอนโรงพยาบาล แต่นัดตรวจเลือดวันรุ่งขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว
3. เมื่อเด็กกลับบ้านไปทานอาหารอะไรไม่ได้ เจ็บคอมากขึ้นไปโรงพยาบาลเอกชน ตรวจเลือดพบว่ามีเชื้อไวรัสเด็งกี่ แล้วให้นอนโรงพยาบาล นั้นก็คิดว่าเหมาะสมแล้ว
4. วันที่ออกจาก รพ.เอกชนนั้้นเด๊กมีผื่นขึ้น มีคันหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าเป็นระยะปลอดภัยยของไข้เลือดออกแล้ว ทางโรงพยาบาลแรกน่าจะคิดว่าเป็นระยะปลอดภัยแล้วจึงไม่ได้ให้นอนโรงพยาบาล
จึงอยากให้ จขกท.และทุกคนเข้าใจตัวโรคนี้ คาดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิด และถ้าหมอที่โรงพยาบาลแรกพูดจาไม่สุภาพ ถ้าพูดจริงตามที่ จขกท เขียนมานั้นก็ถือว่าหมอพูดจาไม่ดีจริง แต่ก็ต้องดูว่าเราพูดจากับหมอเขาตอนแรกนั้นดีมากน้อยแค่ไหน