ความคิดเห็นที่ 1 มันก็พูดยาก เพราะเรามีคำว่ามโนธรรม ยังไงก็ต้องช่วยนะท่าน จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า (ไกด์ไม่เก่า) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 18:48:01

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่รักษาก็ใจดำเกินไปล่ะครับ แล้วคนติดเอดส์จาการเที่ยวมาเข้าข่ายรึปล่าวถ้าใช้ตรรกะนี้ จากคุณ : laekul เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 18:59:06

ความคิดเห็นที่ 3 ไอ็โรคทำตัวเองอย่างที่ จขกท. ว่า มันมีหลายโรคนะคะ อย่างเช่น โรคเก๊าท์ เพราะกินสัตว์ปีกมากเกินไป มีพยาธิ เพราะกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ โรคมะเร็ง อันนี้เกิดได้หลายสาเหตุมาก ถ้ากินของปิ้งๆ ย่างๆ มากๆ ก็เป็นได้ ลองคิดดูเถอะค่ะ  โรคทำตัวเองน่ะ  ^ ^" ้ จากคุณ : อัตสึฮิเมะ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:04:13

ความคิดเห็นที่ 4 ขอตอบว่า ควร ครับ เนื่องจากประชาชนคนไทยทุกคน ได้เสียภาษี ทั้งทางตรง(ส่วนบุคคล,นิติบุคคล,สรรพสามิต) และ ทางอ้อม(Vat7%) อยู่แล้วครับ การนำเอาส่วนหนึ่งของภาษีมาใช้เพื่อประโยชน์ในการรักษาย่อมเป็นการดี ผมว่าเหมือนเป็นการได้ดอกเบี้ยครับ คือเรานำเงินไปฝากไว้กับรัฐบาล พอถึงจุดหนึ่ง เราไม่สบาย เราก็เบิกเงินมารักษาตัวเรา ครับ และก็เหมือนการทำบุญให้กับส่วนรวม พอวันหนึ่งถ้าเราเจ็บป่วย ผลบุญที่เราได้ทำไว้ ก็กลับมาช่วยเราให้มีการรักษาพยาบาลที่ไม่แพง และเข้าถึงได้ครับ ปล. คนไทยมีความโอบอ้อมอารี อยู่ในหัวใจ สมัยก่อน เกือบทุกบ้านจะมีโอ่งน้ำไว้หน้าบ้านใครหิวน้ำมาก็ตักดื่มได้ ครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:25:28

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเป็นอย่างที่ นายหมีพูห์ ว่ามา คนเป็นตับแข็ง หรือ ถุงลมโป่งพอง เป็นสุดยอด Value investor ฝากเงินผ่านภาษีนิดเดียว ได้เงินกลับมาเป็นค่ารักษามากกว่า 100,000 % ไม่นานคงได้รับเชิญออกรายการ money talk จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 19:42:09

ความคิดเห็นที่ 6 ควร.... ไม่แน่ว่าคนที่สูบบุหรี่ทุกคนจะเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ไม่แน่ว่าคนที่กินเหล้าทุกคนจะตับแข็ง ส่วนตัวไม่ชอบคนที่กินเหล้า สูบบุหรี่.......แต่กรณีนี้   ควร . จากคุณ : ลักษณาพร เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:09:09

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าป่วยระยะแรก  รักษาให้ฟรี  และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง  ลด ละ เลิกปัจจัยที่ทำให้ป่วย  ถ้ายังไม่เชื่อฟังหมอ  อย่างตับแข็งถ้ายังกินเหล้าอีก  พอป่วยก็ต้องกลับมาหาหมอ  ก็ให้จ่ายค่ารักษาเอง อีกประเภทคือเมาแล้วขับ  หรือเด็กแว้นซ์ก็สมควรจ่ายค่ารักษาเอง  ถ้าไปชนชาวบ้านก็จ่ายค่ารักษาให้ชาวบ้านด้วย  เพราะนี่ไม่ใช่โรค  แต่เกิดจากความประมาท   ความคึกคะนอง  การขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม จากคุณ : ต่อเวลา เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:24:04

ความคิดเห็นที่ 8 ใจจริงผมไม่อยากรักษาเลย แต่จรรยาบรรณมันค้ำคอครับ เลยได้แต่อบรมสั่งสอนคนไข้ แล้วทอดถอนใจไปวันๆ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 20:39:22

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคนมันจะเจ็บป่วยแล้วละนะใครมันจะแกล้ง ทรมานตัวเอง แค่เค้าเจ็บป่วยรอวันตาย ญาติพี่น้องก็ไม่มีความสูข ก็น่าเห็นใจนะ คงสมควรจะช่วยๆกันจนนาทีสุดท้ายละ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคนที่สูบบุหรีกินเหล้าที่รู้อนาคตว่า ต้องจบยังงัย แล้วยังไม่รู้ตัว มีเยอะ ก็คงต้องทยอย รับกรรมกันไป น่าจะมีประกันสำหรับคนแบบนี้ จะได้แบ่งเบาภาระครอบครัว ใครรู้ตัวกินเหล้าสูบบุหรี แล้วเลิกไม่ได้ เชิญเข้าโครงการช่วยเหลือกันเอง เพราะที่นี่เมืองไทย เมืองพุทธ มีความเมตตาต่อ เพื่อนมนุษย์ที่ลำบากถึงจะประมาทก็เถอะ จากคุณ : AU-NAGUN เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 21:03:05

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ : megacure (SET50.com) เป็นระบบที่ประเทศเจริญแล้วเขาทำกันจนเป็นปกติครับ ในยุโรป ประชากรเสียภาษีเยอะกว่าเรา และชาวยุโรปก็ดื่มเหล้าเยอะมาก จนมีปัญหาสุขภาพ แต่เนื่องจากมีระบบดูแลสุขภาพ ทำให้การดูแลผู้ป่วยทั่วถึงครับ ไม่ว่าใครก็ตามถ้าเขามีความเจ็บป่วย แล้วทรมาน ถ้าเราสามารถช่วยได้ เราย่อมต้องช่วยครับ แต่เราช่วยในส่วนของการนำเงินส่วนรวมของทุกคนเข้าไปช่วย ทำไมผมถึงเรียกว่าดอกเบี้ย เพราะเงินที่เราจ่ายไปส่วนหนึ่ง เราได้ใช้ประโยชน์โดยตรงเช่น ถนน เสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า ก็เป็นเงินของเราทั้งนั้น แต่การรักษาพยาบาล คนวัยทำงานส่วนใหญ่นานๆครั้งถึงจะเจ็บป่วย แต่พอถึงช่วงเจ็บป่วย ซึ่งก็ส่วนมากเป็นคนสูงอายุ ในช่วงชีวิตที่ไม่มีแรงจะทำงานได้มาก การได้รักษาจากสิทธิประโยชน์ของคนไทยอย่างทั่วถึง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีครับ ถึงแม้ว่าจะมีคนที่ดื่มเหล้า หรือ สูบบุหรี่ แล้วเป็นโรคตอนอายุเยอะก็ตาม ปล. ถ้าหมอใน รพ.ของรัฐ ทุกคนคิดว่าเป็นแค่หน้าที่ต้องรักษา ไม่มีความเห็นใจ สนใจในคนไข้ หรือ รักษาให้หมดไปวันๆ ผมว่าคนที่จะป่วยต่อไปคือหมอมากกว่าครับ คือ ป่วยทางใจ ผมว่า การให้ไม่มีการสิ้นสุด ไม่จำเป็นต้องได้รับอะไร หรือ เสียอะไรไป จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 21:17:38

ความคิดเห็นที่ 11 นายหมีพูห์ ครับ คนเป็นตับแข็งใช้ทรัพยากรในการรักษามากมายมหาศาล ขนาดที่ว่ารายได้ของเค้า(ไม่ลบรายจ่าย)ตลอดชีวิตก็ไม่พอจ่าย การให้ต้องดูสถานะของเราด้วย ไม่ใช่ให้หมดจนตัวเองเดือดร้อน จะนามธรรมก็ได้นะครับตามใจครับ แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาได้เองหรอกครับ ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ของฟรีไม่มีจริง ที่ไม่ต้องจ่ายต้องถามว่าใครเป็นคนจ่ายให้ต่างหาก แล้วที่เอามาจ่ายเนี่ย มันติดหนี้ตัวแดงกันแค่ไหนแล้วรู้กันบ้างหรือไม่ สวัสดิการมากๆ ไม่ดูฐานะของชาติ ไม่หารายได้เข้าประเทศเพิ่มเติม ไม่นานเป็นแบบกรีซแน่ ๆ จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 21:34:59

ความคิดเห็นที่ 12 คิดง่ายๆแบบผมนะป่วยก็รักษากันไปยังไงคนที่ทำตัวเองแบบนี้เค้าก็ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาสมแล้ว ผมจ่ายภาษีรายได้บุคคลเยอะครับเดือนละประมาณสามพันแต่ถ้าต้องแบ่งไปเพื่องานนี้บ้าง ผมยอมครับไม่ได้รู้สึกถูกเอาเปรียบอะไร อันนี้ผมคิดง่ายๆนะครับยังไงก็คนเหมือนกันช่วยกันไปเพราะตอนที่ผมเรียน ไม่แน่ภาษีของคนทำตัวเองเหล่านี้ทำให้ผมเรียนจบก็ได้ พอดีผมจบมหาลัยรัฐนะครับ จากคุณ : ลึกลับซับ_tui เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 21:42:23

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วคนเป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ไขมันอุดัน คลอเรสโตรอลสูง และสารพัดโรคที่เกิดขึ้นเพราะความอ้วน กินเก่ง ไม่ออกกำลังกาย ควรได้รับการรักษาฟรีมั๊ยครับ จากคุณ : Yossi เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 21:55:17

ความคิดเห็นที่ 14 ก็รํฐเป็นผู้ให้ขาย   แล้วจะทำงัย    งูกินหาง พูดมากก็เข้าตัว  ส่วนตัวเลิกบุหรี่แล้ว เหล้าก็เบาไปมากถึงมาก   คงไม่มีใครอยากเป็นหรอก   อีม์.....ไม่พูดดีก่า จากคุณ : วิ่งเพื่อเลิก....อบายมุข (RKA_abrasive) เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 22:49:45

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ : megacure (SET50.com) เรื่องนี้มันไม่ทำให้ประเทศล่มละลายหรอกครับ อย่าวิตกให้มาก เงินมากมายที่เราจ่ายภาษีบางส่วนถูกคอรัปชั่นไปมากกว่า จำนวนเงินที่นำมาใช้เรื่องนี้เยอะครับ และกรีซ ก็ไม่ได้ล้มละลายเพราะเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะใช้จ่ายเงินเกินตัว แล้วไม่ชอบทำงานหนัก ด้วยค่านิยมการพักช่วงบ่าย และ เป็นเมืองท่องเที่ยวครับ ของฟรีไม่มีจริงๆ ครับ ตอนนี้ก็เสีย 30 บาทเพิ่มเติมไป แต่เรื่องของจิตใจนี่วัดด้วยเงินไม่ได้ครับ จะว่าเป็นนามธรรมก็ได้นะครับ เมื่อไหร่ที่ทุนนิยมนำจิตใจ และคนเราคิดแต่เรื่องเงินทองผลประโยชน์ที่ตัวเองจะไ้ด้ เมื่อนั้นก็มีแต่ความทุกข์ใจไม่จบสิ้นครับ เงินที่นำมารักษาพยาบาลคนป่วย ย่อมดีกว่าถูกคอรับชั่นนะครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 22:54:09

ความคิดเห็นที่ 16 คนพวกนี้ไม่ใช่คนเลว  ไอ้พวกที่ไม่น่ารักษามันนั่งแดรกภาษีอยู่ในสภาโน่น จากคุณ : hang idaho เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 23:10:46

ความคิดเห็นที่ 17 คห ที่ 15 ครับ ที่คุณบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้ทำให้ประเทศล่มสลาย ถ้าประเทศไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการรักษานะครับ... แล้วประเทศเกิดล่มสลายจริงๆ ผมเชื่อว่าการให้รักษาแบบปัจจุบันก็เป็นสาเหตุหนึ่งในนั้นครับ (เชื่อว่าตอนนี้บุคลากรทางด้านสุขภาพหลายคนคงคิดแบบเดียวกับผม เพราะเริ่มเห็นอนาคตไกลๆแล้ว) ปล. ที่บอกว่ากรีซ ล้มละลายเพราะ "ใช้จ่ายเงินเกินตัว แล้วไม่ชอบทำงานหนัก" ผมว่าตอนนี้คนไทยก็เป็นแบบนี้ชัดๆเลย (ไม่ว่าพรรคไหน รัฐบาลก็ใช้จ่ายเงินเกินตัว ประชาชนก็ไม่ชอบทำงานหนัก รอแบมือขอประชานิยมแบบขอทานเลย) จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 55 23:57:36 A:58.8.105.6 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าคนเดี๋ยวนี้ตรรกะแปลกๆ นะครับ เงินที่โกงกินก็ส่วนหนึ่ง เงินที่ใช้จ่ายไม่เหมาะสมก็ส่วนหนึ่ง เงินที่โกงกินผิดอยู่แล้วครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า... ถ้าเรายังกำจัดคนที่โกงกินไม่ได้ จะสามารถนำเงินมาใช้จ่ายไม่เหมาะสมได้ แล้วอ้างว่าจะแก้ปัญหานี้ไม่ได้ เพราะแกยังไม่ไปจัดการคนโกงกิน ไม่รู้จะเข้าใจความหมายผมไหม???? จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 00:05:35 A:58.8.105.6 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 19 คิดว่าน่าจะแบ่งงบประมาณไปเลย คนที่เป็นโรคจากการกินเหล้าสูบบุหรี่ก็ให้ใช้งบประมาณการรักษาจากภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากเหล้าบุหรี่รักษาตัวเองไป ไม่งั้นก็ให้เหมือนที่ความเห็นที่ 7 เสนอมา ในระยะแรกที่คนไข้มาโรงพยาบาลก็ให้มีการรักษาไปพร้อมกับการบังคับเลยว่าจะต้องเข้าคอร์สบำบัดเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ แต่ถ้ายังกลับมาอีกหลายครั้งเพราะไม่ทำตามที่แพทย์แนะนำก็เป็นอันรู้แล้วว่าคนไข้ไม่ได้สนใจที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะความคิดที่ว่าจ่ายแค่ 30 บาท ถ้าให้จ่ายราคาจริงก็อาจจะมีความเสียดายและฉุกคิดว่ามันไม่คุ้ม ทรัพยากรไม่ได้มีอย่างไม่จำกัด งบประมาณด้านสาธารณสุขก็ไม่ได้มีอย่างไม่จำกัด ทำไมเราต้องเอาเงินมาเปลืองกับกลุ่มคนที่ถึงได้รับรู้แล้วว่ามีโรคร้ายแรงอยู่กับตัวแต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เอาเงินเหล่านั้นไปช่วยทำให้คนไข้อื่นได้ยาดีขึ้น มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ดีขึ้น เพิ่มสิทธิการรักษา เพิ่มจำนวนบุคลากร มันไม่ดีกว่าหรือ การที่เรามีงบประมาณจำกัดหมายถึงเราต้องเลือกใช้ให้ได้ประโยชน์แก่คนหมู่มากสูงสุด ถ้าเป็นอย่างที่ความเห็นที่ 11 บอกว่าค่าใช้จ่ายในการรักษามันเยอะขนาดนั้น เงินก้อนเดียวกันนั้นก็น่าจะพอเอาไปใช้ซื้อเครื่องปั๊มหัวใจ ซึ่งในอายุการทำงานของมันน่าจะช่วยคนได้หลายสิบคน ซื้อรถพยาบาลที่ทำให้สามารถส่งคนไข้ไปรับการรักษาได้ทันท่วงที การใช้เงินอย่างไหนมันดีกว่ากันล่ะ ป.ล.ขอย้ำว่าเราพูดถึงกรณีคนที่ถึงจะเจ็บป่วย ถึงจะได้รับคำเตือนให้ลดละเลิกพฤติกรรมแล้วแต่ก็ยังไม่สนใจยังทำตัวเหมือนเดิม สำหรับคนที่ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตนเองและทำตามคำแนะนำเราก็เห็นว่าเค้าควรจะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จากคุณ : tempus เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 00:10:36

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่รู้ว่าเคยได้ยินแบบนี้กันไหม ชายคนหนึ่งกินเหล้าหนักมาก จนอ้วกเป็นเลือด เข้ามาห้องฉุกเฉินที่ รพ. หมอก็รักษาและให้คำแนะนำเลิกเหล้า คนไข้ก็ตอบกลับมาอย่างไพเราะว่า "-ึงเป็นหมอมีหน้าที่รักษาก็รักษาไป กูจะกินเหล้าจะทำไม อย่ามาเ-ือกเรื่องของกู" แล้วชายผู้นั้นก็มารักษาที่ห้องฉุกเฉินบ่อยๆ นอนรพ.บ่อยๆ ด้วยโรคเดิมๆ ที่เกิดจากการกินเหล้า ที่ถ้าเลิกเหล้าก็หาย โดยใช้เงินภาษีของคุณในการรักษา กว่าเขาจะเสียชีวิตก็หลายสิบปี พร้อมกับใช้เงินภาษีในการรักษาจำนวนมาก จบ.... จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 00:13:16 A:58.8.105.6 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า ต้องแยกก่อนนะครับ ว่า เหล้ากับบุหรี่ นี่มันเป็นพิษต่อร่างกายชัดๆ มันคือสิ่งแปลกปลอมนะครับ เพราะฉะนั้น รับไม่ได้เลยเด็ดขาดพวกนี้ไม่ควรรักษาฟรี แต่ถ้าบอกตับแข็งเพราะไวรัสบี นั่นโอเค อาหาร เป็นสารจำเป็นต่อร่างกายเพียงเพราะ เขาบริโภคมันมากไป แต่ถ้าถามผมนะ รักษาฟรี ควรจะเป็นฉพาะโรคฉุกเฉินเท่านั้น จากคุณ : เแสงดาว เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 06:41:52 A:110.168.53.142 X: TicketID:378455

ความคิดเห็นที่ 22 TicketID:316347 คห.ที่ 17 ผมมั่นใจว่าประเทศเราจะไม่ล่มสลายเพราะเรื่องการรักษาหรอกครับ แต่จะล่มสลายถ้าคนไทยไม่กลับมารักกัน และ เห็นใจกันมากกว่าครับ และ ขอตอบในส่วนภาคประชาชนครับ >> ประชาชนไทย ณ ปัจจุบันนี้ ถ้าเขาสามารถทำงานที่สบายได้เขาก็ย่อมที่จะอยากทำ เพราะ ในภาคเอกชน แรงงานไทยมีศักยภาพและฝีมือเป็นที่ต้องการของตลาดโลก และก็ปรับเปลี่ยนไปเป็นคนคุมงานเสียส่วนใหญ่ ทำให้ปัจจุบันนี้ เราต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติมาทำงานที่ใช้ความเสี่ยงสูงแทน (ไม่มีคนไหนที่อยากแบมือขอเงินหรอกครับ ขนาดคนพิการที่มีศักยภาพยังต้องการช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใครให้เงินฟรีๆพวกเขาก็ไม่ยอมรับนะครับ มีโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ เจ้าของตาบอด และลูกน้องกว่า 90% พิการต่างๆกันไป เขายังทำงานด้วยความตั้งใจ อดทน และ ภูมิใจในความเป็นคนเลยครับ) ------------------------------------------------------------------------------------------------- ทุกประเทศในโลกนี้ เมื่อศักยภาพของแรงงานในประเทศนั้นๆ พัฒนาขึ้น ค่าตอบแทนที่ได้ก็ย่อมมากขึ้น สังเกตว่าสินค้าที่มาจากประเทศเหล่านี้จะมีคุณภาพมาก และชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากมาแบมือขอเงินจากภาครัฐหรอกครับ แต่การเข้าถึงเงินทุนในระบบเอกชน นั้นยากมากๆ พอมีกองทุน พวกเขาก็รวมกลุ่มทำอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและยังมีเงินคืนกลับได้มากทีเดียว แต่สังเกตว่า เงินที่หายไปแล้วไม่ค่อยได้คืนก็คือ เงินกู้ยืมทางการศึกษาของเด็กในยุคนี้ เรียนจบแล้ว มีเงิน แต่ไม่ส่งเงินเข้าสู่ระบบ นี่คือเรื่องที่น่าเศร้ามากกว่าครับ เพราะการเรียนสมัยนี้แข่งขันกันจน ความเอื้ออาทร ความรับผิดชอบ หายไปมากทีเดียว ------------------------------------------------------------------------------------------------- สิ่งนี้เป็นเงินของใคร ก็เงินภาษีของประชาชน นั้นเองครับ ปล.ถ้าเด็กจบแล้วตกงานไม่มีเงินคืน ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่า เรียนจบ มีเงินเดือน แต่ไม่มีความรับผิดชอบ ครับ ปล. อาจเป็นเพราะเด็กๆที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันนี้แข่งขันกันจนลืม ไปว่าเมื่อก่อนคนไทยเป็นชนชาติที่เอื้ออารี มีใจเมตตา และเป็นพี่น้องกัน จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 07:55:06

ความคิดเห็นที่ 23 TicketID:316347 คห.ที่20 ผมว่ามีไม่เยอะหรอกครับที่คุณหมอจะเจอคนไข้ประเภทที่ชอบโวยวาย แพทย์ก็ไม่สามารถเลือกรักษาผู้ป่วยนะครับ แต่ก็สามารถแจ้งความกับตำรวจได้ถ้าโดนกล่าวร้าย ป้ายสี หรือทำร้ายจิตใจ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผมไม่รู้ว่าคุณเคยรู้ไหมว่า คนที่จะเป็นแพทย์และพยาบาลจะต้องเรียนวิชาเกี่ยวกับ จริยธรรมแพทย์ ว่าแพทย์และพยาบาลควรปฏิบัติต่อคนใข้อย่างไรจึงจะถูกต้องและเหมาะสม ได้แนะนำให้ผู้อยู่ในสาขาแพทย์และพยาบาลปฏิบัติต่อผู้ป่วยดังต่อไปนี้ 1. เน้นประโยชน์ผู้ป่วยสูงสุด (beneficence) 2. สิ่งที่จะทำต้องเน้นไม่ให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายใดๆ เพิ่มขึ้น (Non-maleficence) 3. ผู้ป่วยมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะรู้สาเหตุและอาการป่วยของตัวเองและเลือกวิธีรักษาตามความเหมาะสม   (Autonomy) 4. การรักษาต้องอาศัยความบริสุทธิ์ยุติธรรมไปตามสมมุติฐานโรคของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างแท้จริง (Justice) 5. ทั้งผู้รักษาหรือผู้ดูแลพยาบาลและคนไข้ต่างมีเกียรติและสมควรได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างมีเกียรติ (dignity) 6. แพทย์และพยาบาลต้องไม่ปิดอาการป่วยต่อผู้ป่วย และควรให้ผู้ป่วยรับรู้ความหนักเบาของอาการป่วย ตามความจริง แต่ทั้งนี้ ต้องดูความเหมาะสมอย่างอื่นประกอบ เช่น สภาพจิตผู้ป่วยด้วย (Truthfulness and Honesty) --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 08:21:02

ความคิดเห็นที่ 24 ควร ไม่ว่าใครเป็นโรคอะไรด้วยสาเหตุไร ไม่รักษาอย่างน้อยก็ผิดจรรยาบรรณแพทย์แล้ว จากคุณ : หนุกดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 08:36:43 A:58.137.162.66 X: TicketID:348854

ความคิดเห็นที่ 25 ลองคิดว่าเปนพ่อแม่เรา จะทำใจได้มั้ยหากมีคนบอกว่าไม่สมควรรักษา ต้องมองอย่างเมตตาครับ จากคุณ : Binbinkung (Binbinkung) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 09:05:48

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนแรกเข้ามากะจะจัดเต็มวิจารณ์เรื่องนี้ แต่อ่านไปอ่านมา ขอเงียบดีกว่า ขี้เกียจเถียงกับพวกโลกสวย ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปดีกว่า จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 09:19:37

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าหลายคนกำลังเข้าใจผิดว่าหมอจะไม่รักษาคนไข้ทำมีโรคเกิดจากการ ทำตัวเอง  หมอเขารักษาครับ  แต่ให้คนไข้จ่ายเอง ไม่ใช่รักษาฟรี จากคุณ : Sono เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 09:51:46

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าหมอคิดจะไม่รักษา ก็ไม่ใช่หมอแล้วครับ จากคุณ : Madmankrub เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 09:57:16

ความคิดเห็นที่ 29 รู้สึกว่า คำถามจริงๆน่าจะตั้งว่า "ทำไม ต้องจ่ายเงินภาษี/ประกันสังคม รักษาคนอื่นๆ ทั้งๆที่ตัวเราไม่เป็นโรคนี้" จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:00:58

ความคิดเห็นที่ 30 ให้ร่วมจ่ายดีกว่านะครับ หรือพวก พรบ.รถ ปรับวงเงินรักษาให้มากขึ้น มันเป็นเสือนอนกินชัดๆ พรบ.มอเตอร์ไซค์ คุ้มครองแค่ 15,000บาท พรบ.รถยนต์ คุ้มครองแค่ 50,000บาท ที่เหลือตามสิทธิขึ้นพื้นฐาน บางเคส ผ่าตัด หมดเป็นแสนๆ เข้าเนื้อกองทุนอื่นหมด จากคุณ : ละอ่อนเจียงฮาย เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 10:33:54

ความคิดเห็นที่ 31 คห.ที่ 26 โลกนี้ก็สวยนะครับ วันนี้ท้องฟ้าสีสดใสมากๆเลยครับ เพราะบางคนคิดแต่ว่าโลกนี้โหดร้าย เลยทำให้ไม่มีความสุข ลองมองท้องฟ้ายามเช้า มองดาวตอนกลางคืนบ้างนะครับ ปล.ภาพถ่ายหน้าบ้านของผมเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เผื่อคุณไม่มีเวลามองท้องฟ้า จะได้ดูไปพลางๆ ก่อนครับ ฤดูหนาวนี่ฟ้าสวยจริงๆครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 12:28:34

ความคิดเห็นที่ 32 หรือคุณ : Umikiจะลองทำอาหารสวยๆ ไว้ทานในวันว่างๆ ก็ดีนะครับ ทำง่ายๆครับ ลองดูครับ http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D12708340/D12708340.html จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 12:36:15

ความคิดเห็นที่ 33 หรือคุณ Umiki ลองทำออมเลตทานเป็นมื้อเช้าก็ดีนะครับ ทำสิ่งรอบตัวให้สวยงาม มองแล้วทำให้เพลินตา และ มีความสุขครับ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/07/D12439990/D12439990.html จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 12:46:04

ความคิดเห็นที่ 34 โลกแห่งความฝันต่างจากโลกแห่งความจริง ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้นต้องลงมือทำ ไม่ใช่หวังให้อะไรมันเกิดขึ้นเองโดยไม่มีเหตุผล ถ้ายังไม่เข้าใจว่าความจริงทรัพยากรมีจำกัด ก็คงต้องทำใจแล้ว จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 14:01:10

ความคิดเห็นที่ 35 ูู^^แล้วโลกแห่งความจริงของคุณ SET50.com คือโลกแบบไหนครับ ลองมาอยู่ในโลกแห่งความฝันกันซักครู่ไหมครับ เช่นตื่นเช้ามาก็เห็นท้องฟ้า จูงหมาเดินเล่น นำอาหารไปใส่บาตร แล้วก็เข้าไปในไร่รดน้ำต้นไม้ กลับมาดื่มกาแฟ กับขนมที่ทำเอง บ่ายๆก็นอนเล่นอ่านหนังสือ รดน้ำต้นไม้ นั่งดู The Voice ในยูทูป พอเย็นๆ ก็พาหมาเดินเล่น กลางคืนที่พระจันทร์สว่างก็ออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน ปล.ผมอายุ33 ตอนนี้ทำไร่เป็นงานหลัก เวลาว่างก็ทำขนม และ อาหาร และผมก็เห็นชีวิตของชาวไร่ อยู่อย่างมีความสุข ไม่มีความทุกข์ เห็นคนงานก็หัวเราะเฮฮา ไม่เห็นมีใครวิตกกังวล หรือ กลัวว่าทรัพยากรจะหมดเลยครับ แต่เรื่องทรัพยากรทางธรรมชาติเริ่มหมดไปเป็นเรื่องจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการหมดไปก็เพื่อสนองความต้องการของคนเราทั้งนั้น ถ้าคุณกลัวว่าทรัพยากรจะหมดไป ลอง ปิดแอร์นอน แล้วเปิดพัดลม หรือ ปิดทุกอย่างก็ได้ (ปล.ที่บ้านผมก็ไม่ได้ใช้แอร์หรือพัดลมเวลานอนครับ) หรือ นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานแทนที่จะขับรถให้เปลืองน้ำมัน หรือ ก๊าซ (ถ้าคุณทำอยู่แล้วแสดงว่าคุณรักษ์โลกนี้ครับ) แล้วก็อย่าพยายามใช้ถุงพลาสติก รวมทั้งทานอาหารให้หมดทุกครั้งที่กิน แล้วอย่าพยายามไปท่องเที่ยวตามรีสอร์ทที่บุกรุกธรรมชาตินะครับ ลองใช้บริการของอุทยานดีกว่าครับ ปล.โลกจะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับใจและมุมมองของคนๆนั้น คนเรามีชีวิตอยู่แค่ประมาณ 31,000 วันเท่านั้นอย่าลืม^^ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 15:29:08

ความคิดเห็นที่ 36 เพราะไอ้คนไข้แ_กเหล้า สูบยานี่แหละครับ ทำให้ผมมีเวลาแ_กแค่แซนวิช 7-11 ก็บุญหัวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงออมเล็ตโลกสวยหรือว่าภาพถ่ายวิวหน้าบ้านหรอกครับ หนือว่าวันก่อนคนไข้แ_กเหล้าอาเจียนเป็นเลือดออกมา 2 ลิตร ผมกำลังช่วยใส่ท่อช่วยหายใจก็เจอเลือดปนกลิ่นเหล้าออหมาท่วมตัวผมอีกประมาณครึ่งลิตร โดนเลือดผสมกลิ่นเหล้าสาดท่วมตัว ไม่ต้องมองหาโลกสวยหรอกครับ แค่จะอาบน้ำยังไม่ได้อาบ เพราะไอ้ขี้เหล้าคนนี้แหละที่ผมต้องเอายาขวดละ 10,000 บาทมาให้ด้วยความเสียดายภาษีเพราะไอ้ขี้เหล้าคนนี้มันแ_กเหล้าจนตับแข็งก็ยังตะบี้ตะบันแ_กอยู่อย่างนั้น รอบนี้อาเจียนเป็นเลือดมารอบที่ 5 แล้ว แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิก โดนเลือดขี้เหล้าสาดใส่ตอนเที่ยงคืน เวลาอาบน้ำยังไม่มี ได้อาบน้ำอีกที 7 โมงเช้า จะเอาเวลาตอยใหนมาแ_กออมเล็ตโลกสวยครับ มีแซนวิช (ฟาร์มเฮาส์) 7-11 ก็บุญแล้วครับ ถ่ายรูปหน้าบ้านก็ไม่มีหรอกครับ ขนาดได้กลับมาทำงานจังหวัดที่บ้านตุวเิงอยู่ ยังเจอหน้าพ่อ แม่ น้อยกว่าพยาบาลในวอร์ดอีกครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:49:00

ความคิดเห็นที่ 37 รึว่าจะออกไปทำตัวโลกสวยด้วยการลาออกดีครับ... เออ ลืมไป สังคมโลกสวยห้ามหมอลาออกจากราชการนีี่หว่า แล้วผมจะโลกสวยยังไงดีเนี่ย Edit : เออ ลืมไปว่าจะไม่จัดเต็มเรืีองนี้ ขอโทษละกันครับ ถือว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ไปไม่เคยเกิดขึ้นละกันนะครับ ผมผิดไปแล้ว ไม่น่าออกอากาศพูดถึงความจริงของคนไข้ผู้น่ารักเลยจริงๆ ผมขอโทษ Edit2 : ประเด็นไม่ใช่รักษาหรือไม่รักษา เพราะไม่ว่ามายังไงหมอก็รักษาอยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่ควรรักษาฟรีหรือไม่ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก็ไม่ควรที่จะให้สิทธิ์รักษาฟรีแก่คนพวกนั้น ควรให้พวกเขาต้องร่วมรับผิดชอบกับพฤติกรรมทำลายร่างกายตัวเองของพวกเขาด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 17:05:58 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 16:52:19 จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 16:50:22

ความคิดเห็นที่ 38 ูู^^ดีใจครับที่คุณ Umiki ยังสามารถ อดทนรักษาเขาจนสำเร็จลุล่วงได้ เป็นตัวผม ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างคุณหรือเปล่าครับ (นี่จากใจจริงไม่ได้แกล้งพิมพ์ครับ) อยากให้คุณจัดเต็มให้มากกว่านี้ ผมว่าจะช่วยให้คุณผ่อนคลายเรื่องที่อัดอั้นตันใจอยู่ได้ครับ มีอะไรเกิดคุณแบบหนักๆอีกบ้างครับที่คุณเคยเจอมา ระบายออกมาได้ครับ ซึ่งการผ่านเหตุการณ์เช่นที่คุณเจอนั้นก็ถือว่าได้ทำบุญที่ยิ่งใหญ่แล้วครับ รู้สึกดีจังที่ถึงแม้ในใจคุณจะอึดอัดแต่ก็สามารถควบคุมสติให้มั่นคง จนการรักษาสำเร็จไปได้ ทุกอาชีพมีอุปสรรค เมื่อผ่านมันไปได้แล้ว คุณจะมีมุมมองโลกที่เปลี่ยนไป ผมว่าต้องมีคนไข้ และ ญาติของคนไข้ ยกมือไหว้คุณและอวยพรให้คุณ มีความสุข แข็งแรง เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เป็นจำนวนเยอะพอสมควร ผมก็เช่นกันครับ อยากให้คุณลองคิดอีกแง่หนึ่งครับ ถ้าคุณเป็นหมอที่เรียนด้วยการใช้ทุนภาษีของประชาชน คนไข้ที่คุณรักษาเขาก็ทำงานเสียภาษีมาบ้างแหละครับ ถือว่าทดแทนบุญคุณไป นะครับ ส่วนตัวผมตอนนี้ก็อายุ 33 เข้าไปแล้ว ปีหน้าก็ 34 แล้วครับ ก็ขายกิจการ มาอยู่ไร่ เพราะอยากให้สุขภาพแข็งแรง จะำได้ไม่เป็นภาระกับทางคุณหมอตามโรงพยาบาลรัฐ นะครับ ที่ทำอาหารเพราะผมว่าการทำกินเองปลอดภัยกว่าและ เราอยากกินแบบไหนก็ได้เพราะเราทำเองไม่ต้องไปง้อตามร้านอาหารครับ^^ และผมไม่สนับสนุนให้คุณลาออกเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะโลกสวยนะครับ เพราะอาชีพของคุณช่วยต่อชีวิตของคนได้อีกมากมาย ซึ่งส่วนตัวผมช่วยคนได้บริจากเลือดเท่านั้น ยังห่างไกลคุณ Umiki มากๆครับ สู้ๆ ครับ ถึงผมจะไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับคุณ แต่ผมก็จะเอาใจช่วย Log in ที่ชื่อ Umiki นะครับ^^ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:49:06

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นเหมือนคุณหมอข้างบนค่ะ พวกนี้ไม่สำนึกจริง ๆ ลองได้จ่ายค่ารักษาอาจจะได้สติกลับมาบ้างนะ จากคุณ : มนอุ๊งอิ๊ง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 17:49:09

ความคิดเห็นที่ 40 อย่างที่คุณUmikiว่าหนะค่ะ ประเด็นไม่ใช่รักษาหรือไม่ ยังไงก็ต้องรักษา แต่ควรรักษา"ฟรี"อย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ ส่วนตัวคิดคล้ายๆคห.7 จากคุณ : ข้าวฟ่าง&ม่านแพร เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 18:01:02

ความคิดเห็นที่ 41 เอ่อ ผมอยากจะบอกว่า คนไข้ทั้ง 2 คน ตายทั้งคู่ครับ ไม่รอด = =" ซึ่งจริงๆทั้ง 2 คนถือเป็นขาประจำของโรงพยาบาลผมครับ admit กันจนผมจำหน้าได้แล้วก็มาด้วยอาการเดิมๆ เพราะบุหรี่ไม่เลิกสูบ เหล้าไม่เลิกแ_ก แล้วก็มาตายในวันที่ผมอยู่เวร จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 21:34:21

ความคิดเห็นที่ 42 รู้สึกคุณหมีพูห์ จะไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผมต้องการสื่อนะ เหมือนคิดกันคนละประเด็น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่คนไข้โวยวาย และหมอจะไม่รักษา - -" ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การรักษาแบบปัจจุบันเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดการล่มสลายของประเทศ แค่เป็นปัจจัยหนึ่งจากอีกหลายปัจจัยเท่านั้น เหมือนคุยกันคนละเรื่องเลย T T จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 21:56:24 A:61.90.57.206 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 43 ด้วยความเคารพ.... ผมเสนอแนะว่าคุณหมีพูห์อาจจะออกจากไร่ มารับรู้และทำความเข้าปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะที่เกิดในวงการสาธารณสุข อาจจะทำให้เราคุยกันได้ตรงประเด็นมากกว่านี้นะครับ... จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 22:01:57 A:61.90.57.206 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ  Umiki>> ถือว่าคนไข้ของคุณพ้นทุกข์ และคุณก็พ้นทุกข์จากการรักษาเขาไปด้วยครับ ผมว่าถ้าเขารู้ว่าคุณพยายามช่วยเขาขนาดไหน วิญญาณเขาต้องดีใจแน่ๆครับ ดีใจที่ประเทศไทยมีคุณหมอเช่นคุณ Umiki ครับ ขอให้คุณมีแต่ความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน และมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตนะครับ ทุกวินาทีของชีวิตคนเรามีค่า ถ้าคุณเหนื่อยและล้า อยากให้คุณนั่งนิ่งๆลองฟังเสียงลมหายใจดูนะครับ สู้ๆครับ^^ ----------------------------------------------------------------------------------------------- ผมดีใจที่ได้พูดคุยกับคุณ TicketID:316347 คนเราทุกคนมีความเข้าใจที่ต่างกันครับ และการถกเถียงกันด้วยเหตุและผลของแต่ละบุคคล ด้วยการใช้แนวความคิดของแต่ละคนมาพูดคุยกัน ในการเสวนาเรื่องใดก็ตาม มันต้องมีข้อโต้แย้งอยู่แล้วครับ เพราะประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนั้นต่างกัน แต่มีเรื่องที่ผมเจอ อยากเล่าให้ฟังจะได้ไหมครับ ผมเองผ่านงานในครัว ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ มาแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ก็จะมีพ่อครัวซัก 1 - 2 คน จะติดเหล้าและบุหรี่ ติดเหล้าแบบว่าขาดไม่ได้ มือสั่น หน้าซีดทีเดียว และถึงกับแอบนำมาดื่มระหว่างทำงาน เท่าที่ผมรู้ พวกเขาค่าแรงต่ำมากกว่าปริมาณงานที่ทำ ซึ่งงานทำอาหารที่ออกมาดูดีแต่ละจานและขายราคาแพง แลกมากับแรงงานอันหนักและจำนวนชั่วโมงที่ยาวนาน ทำให้เกิดความเครียส จนถึงขั้นพึ่งพาเหล้ากันเลยทีเดียว พอแก่ตัวไปเงินทองที่มีก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว แรงงานเหล่านี้ นำความสุข ความอิ่มเอม มาสู่ลูกค้าที่ทานอาหาร โดยที่ลูกค้าไม่รู้เลยว่า อาหารแต่ละจาน มาจากความเหนื่อยยาก กดดัน แค่ไหน พนักงานเหล่านี้เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม จากค่าแรงอันน้อยนิด และ ยังต้องโดนหักถ้าทำอาหารผิดพลาด และเงินรายได้ส่วนใหญ่ของร้านที่มาจากแรงงานคนใช้แรงงานแบบพวกเขา ก็มีการเสียภาษีในจำนวนที่สูงพอสมควร ซึ่งเงินเหล่านั้นก็เข้าสู่รัฐ เพื่อนำไปบริหารจัดการ ทำไมพวกเขาเหล่าจะไม่สามารถรับสิทธิในการรักษาจากรัฐละครับ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ถ้ามันจะล่มจมคงเกิดจากปัญหาเหล่านี้หรือไม่ครับ เช่น 1. การโกงกินที่เกิดขึ้นในกระทรวง... 2. การเิบิกยาเกินของข้าราชการ 3. การที่หมอกินค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทยาหรือเครื่องมือแพทย์ ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินแพงเกินจริง 4. การที่หมอบางท่านได้เงินพิเศษจากคนไข้ในการนำตัวผู้ป่วยที่มีฐานะสูง    แล้วนำเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ    ด้วยการใช้สิทธิการจ่ายเงินเหมือนคนหาเช้ากินค่ำ แถมยังได้ห้องพิเศษ    โดยคนไข้จ่ายเงินในจำนวนน้อยนิด 5. การลักลอบขายยาที่ผิดกฏหมายให้กับร้านขายยาบางแห่ง 6. การเบิกยาเกินกว่าปริมาณการใช้จริงของคนไข้ เพื่อนำไปขายต่อแล้วทำสต๊อก.ลมเอาไว้ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 22:46:22 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 55 22:43:22 จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 22:41:32

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าบางโรคก็ควรรักษานะครับ แต่บางโรคที่เรารู้แน่ชัดว่าทำตัวเองแน่ๆ อย่างโรคเอดส์เนี่ย น้อยมากครับที่ติดจากแม่สู่ลูกสมัยนี้ ยิ่งมีระบบการกินยาต้านไวรัสด้วยแล้วโอกาสน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วโรคนี้เรียกได้ว่าเกือบ 80-90 % มันได้มาจากการสำส่อน การรักสนุก มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เป็นโรคทำตัวเองแท้ๆ  ตอนนี้รัฐบาลมีเงินช่วยเหลือกลุ่มคนไข้โรคเอดส์ ที่เรียกว่าเงินสงเคราะห์ประจำปี ได้ปีละ 5000 บาท ผมนั่งตรวจไปผมยังนึกในใจอยู่เลยครับว่า " เอามาให้พวกมันทำไม " บางคนมันมาขอใบรับรองแพทย์เอาไปเบิกเงินทั้งๆ ที่มันท้องโย้เลย แล้วก็ไม่ฝากครรภ์ ผมว่ามันไม่เคยสำนึกเลย ถามไปถามมามันบอกว่าเป็นสามีคนที่ 3 เพิ่งคบกันเลยอยากมีลูกด้วย แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าลูกมันจะติดเชื้อจากมันได้ เหอออออ เห็นแล้วก็เพลีย เอาเงินภาษีไปจ่ายให้คนพวกนี้มันถูกแล้วเหรอ (ว่ะ) จากคุณ : topmania (topmania) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 22:41:57

ความคิดเห็นที่ 46 คือประเด็นที่คุณอ้างว่าเขาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ หรือนำความสุขให้คนอื่น มันไม่ได้เป็นข้ออ้างในการที่บอกว่าเขาควรที่จะได้รับการรักษาฟรีนี่ครับ เหตุผลเพราะเขาไม่ดูแลตัวเอง ผมคิดว่าหากเจอคนไข้สุราเรื้อรัง การแพทย์ของเราต้องปรับด้วยการบันทึกส่งตัวผู้ป่วยเข้าบำบัดสุราเรื้อรังฟรี หากเข้ารับการบำบัดแล้ว หรือปฏิเสธที่จะเข้ารับการบำบัดแล้วยังมาด้วยโรคเดิมๆซ้ำๆซากๆ อีก พวกเขาสมควรจะจ่ายเองครับ เพราะเขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดที่เขาควรจะทำแล้วแต่เขายังคงทำร้ายตัวเองอย่างต่อเนื่อง มุมมองของผมเป็นแบบนี้ครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 23:13:18

ความคิดเห็นที่ 47 ยังไงก็ต้องรักษาครับ บางทีก็ต้องเชื่อเรื่องเวรกรรมนะครับ ถ้าเขาไม่ยอมเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ในที่สุดจะได้รับผลกรรมเอง เราไม่มีหน้าที่ในการพิภากษา แต่ยอมรับว่าแอบเซ็งคนพวกนี้อยู่เหมือนกัน ก็นะ เล่นเมาแอ๋มารพ.มาอาละวาดเลยหนิ -*- จากคุณ : HengKung เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 23:29:22

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่ดูแลตัวเองแต่ก็เสียภาษีให้กับรัฐนี่ครับ ขนาดโรคอ้วนที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เกิดจากการไม่ดูแลตัวเองเช่นกันครับ ทานแป้งและน้ำตาลเยอะเกิน จนเป็นโรคความดัน หัวใจ เบาหวานฟันผุ ทานเค็มมากก็เป็น โรคไต โรคบวมน้ำ ทานของที่มีออกซาเลตสูง จนเป็นโรคเกาฑ์ ถามว่าเราจะแยกแยะได้อย่างไรกับโรคที่ผู้ป่วยทำตัวเองเช่นนี้ครับ เพราะโรคต่างๆเหล่านี้ก็ทำให้เสียงบประมาณการรักษาไม่ด้อยไปกว่าโรคพิษสุราเรื้อรัง เลยครับ ------------------------------------------------------------------------------------------------- ส่วนเรื่องคนไข้สุราเรื้อรัง ที่คุณ Umikiเป็นความคิดที่ดีครับ อยากให้คุณ Umiki นำเสนอในวงการแพทย์ ครับ หรือ ทำหนังสือส่งให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ไขนโยบาย ของรัฐบาล ครับ แล้วถ้าไม่ยากเกินไปอยากให้แนบข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของแพทย์เข้าไปด้วยครับ ประเทศเราจะได้ไม่มีการนำเงินไปใช้จ่ายเกินความเป็นจริง ปล.ผมอยากให้มีคนอย่างคุณช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับคนธรรมดาเหมือนผมครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 23:43:27

ความคิดเห็นที่ 49 ความคิดเห็นที่ 45     ผมว่าบางโรคก็ควรรักษานะครับ แต่บางโรคที่เรารู้แน่ชัดว่าทำตัวเองแน่ๆ อย่างโรคเอดส์เนี่ย น้อยมากครับที่ติดจากแม่สู่ลูกสมัยนี้ ยิ่งมีระบบการกินยาต้านไวรัสด้วยแล้วโอกาสน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วโรคนี้เรียกได้ว่าเกือบ 80-90 % มันได้มาจากการสำส่อน การรักสนุก มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน เป็นโรคทำตัวเองแท้ๆ  ตอนนี้รัฐบาลมีเงินช่วยเหลือกลุ่มคนไข้โรคเอดส์ ที่เรียกว่าเงินสงเคราะห์ประจำปี ได้ปีละ 5000 บาท ผมนั่งตรวจไปผมยังนึกในใจอยู่เลยครับว่า " เอามาให้พวกมันทำไม " บางคนมันมาขอใบรับรองแพทย์เอาไปเบิกเงินทั้งๆ ที่มันท้องโย้เลย แล้วก็ไม่ฝากครรภ์ ผมว่ามันไม่เคยสำนึกเลย ถามไปถามมามันบอกว่าเป็นสามีคนที่ 3 เพิ่งคบกันเลยอยากมีลูกด้วย แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าลูกมันจะติดเชื้อจากมันได้ เหอออออ เห็นแล้วก็เพลีย เอาเงินภาษีไปจ่ายให้คนพวกนี้มันถูกแล้วเหรอ (ว่ะ) กลับ กันครับ เคยอ่าน ใน สวนลุม นี่แหละ   คุณ หมอ โดนเข็ม และมีเชื้อ  เอช ไอ วี   คงจะอยู่ ในข่าย ทำตัวเอง เหมือนกันนะครับ   เพราะไม่ระวังเอง   ดราม่า   อีกแล้ว  คุณหมอ จากคุณ : คำผาลาด เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 23:49:58

ความคิดเห็นที่ 50 เกือบลืม ขอบคุณคุณTicketID:316347 ที่เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผม ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาถกเรื่องนี้กันอีกนะครับ ราตรีสวัสดิ์ ขอให้คุณTicketID:316347หลับลึกไม่ฝันอะไร ตอนเช้าตื่นมาจะได้สดชื่นแจ่มใสครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 23:54:24

ความคิดเห็นที่ 51 ผมอาจจะแย่กว่า จขกท อีกนะครับ เพราะผมเลือกที่จะรักษาไม่เต็มที่ ถ้ากินเหล้ามาก อาเจียนเป็นเลือด รักษาไปแล้วไม่เลิกเหล้า รอบหน้ามาก็ให้การรักษาแบบครึ่งตัวครับ ไม่ผ่าตัด ไม่ให้เข้า icu ไม่มาทำ scope ให้นอกเวลา และไม่ติดต่อ refer ให้ ถ้าอยากไปเขียนใบ refer ให้แล้วติดต่อกันเอง จะให้รถพยาบาลไปส่งก็ได้ ได้ผลดีนะครับ ตายเร็วประหยัดงบประมาณชาติ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เหนื่อย ไม่มีโดนฟ้องด้วยเพราะบอกญาติไปว่ารักษาไม่ได้ ติดต่อส่งตัวปลายทางไม่รับ มีแรงก็ใช้รักษาคนที่ได้ผลดีดีกว่า อย่าไปดึงทุกอย่างไว้กับตัว แปลกดีนะครับ ตอนที่เราทุ่มเทรักษาเขาเต็มที่กลับทุกข์ ว่าทำไมเขาไม่ดูแลตัวเองบ้างเลย ทำไมเราต้องเหนื่อยขนาดนี้ ทุ่มเทขนาดนี้เพื่ออะไร พอปลงได้ว่าชีวิตเป็นของเขา เขาเลือกแล้วที่จะตายจากสิ่งที่เขาชอบ ก็ปล่อยเขาไปเถิดครับอย่าไปรั้งเขาไว้ เมื่อเขาตายไปกลับสบายใจไม่ทุกข์ หรือผมอาจจะไม่ใช่หมอแล้วหว่า จากคุณ : ละเหี่ยศักดิ์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 00:41:18

ความคิดเห็นที่ 52 เราว่าสมควรให้เขาจ่ายร่วมด้วยถ้าหากไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมค่ะ และ เราว่าปกติเราก็เป็นคนโลกสวยมากพอควร แต่คราวนี้รู้สึกเพลียเบื่อเซ็งหงุดหงิดแทนคุณ Umiki ด้วยคนค่ะ จากคุณ : millian เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 02:16:58

ความคิดเห็นที่ 53 #52 เอ่อ อันที่เล่ามายังไม่ได้ถึง 1/100 ของวีรเวรพวกขี้เมานะครับ มีอีกเยอะ แต่ขี้เกียจจัดเต็ม เดี๋ยวจะหาว่าเป็นหมอโลกมืด ปล.คืนนี้ก็อีกแล้ว ไอ้พวกขี้เมา ทำตูไม่ได้หลับไม่ได้นอน ต้องมาเฝ้าพวกมัน T T จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 02:41:03

ความคิดเห็นที่ 54 สวัสดีตอนเช้าครับ คุณ : topmania การจะทำให้เด็กไทยเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เรื่องแรกต้องกำจัดคลิป ลามกอนาจาร แอบถ่าย ทั้งหลายก่อน ซึ่งเด็กสมัยนี้ ไม่ว่าจะโรงเรียนเอกชนค่าเรียนราคาแพง หรือ โรงเรียนวัด ช่วงวัยประมาณ ป.4 ขึ้นไปก็เริ่มรู้เรื่องพวกนี้แล้วครับ ต้องมีการเรียนการสอนในโรงเรียนตั้งแต่ ป.4 แล้วแจกถุงยางอนามัย ให้เด็ก และเด็กสามารถขอเพิ่มได้ครับ  น่าจะเป็นทางเดียวที่ช่วยได้ ขนาด หมอที่ รพ.อำนาจเจริญ ยังปีนตึกแอบดูผู้หญิงเพื่อถ่ายคลิปเลยครับ ---------------------------------------------------------------------------------------- คุณ Umiki ครับ ลองทำตามวิธีของคุณ ละเหี่ยศักดิ์ ดูนะครับ คุณจะได้หายเครียสเรื่องนี้ จะได้ไม่ต้องมาวิตกเรื่องนำเงินไปใช้จ่ายเกินความจำเป็น กับการรักษาผู้ป่วยพิษสุราเรื้อรัง ทุกอย่างอยู่้ที่การวินิจฉัยของแพทย์ทั้งสิ้น คนเป็นแพทย์ย่อมมีวุฒิภาวะสูงกว่าคนทั่วไป การตัดสินใจทำสิ่งใดลงไปก็แสดงว่าได้ไตร่ตรองมาแล้ว อย่างถี่ถ้วน ว่าสิ่งที่ทำลงไปแล้วไม่เสียใจ ไม่รู้สึกบาป คิดดูแล้ว คุณละเหี่ยศักดิ์ ได้เสียสละเพื่อประเทศนะครับ ที่นำแนวคิดด้านนี้มาลดจำนวนเิงินของรัฐที่เสียไปเพื่อการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่สำหรับตัวผม แค่ผมคิดเองว่า วิญญาณของคนไข้เหล่้านั้นถ้ามีจริง ตอนกลางคืนคงเย็นยะเยือกน่ากลัวพอควรนะครับคุณ ละเหี่ยศักดิ์   เพราะมีวิญญาณพวกเขาอยู่เป็นเพื่อนด้วย action = reaction ครับ ปล.เวลามีข่าวนายแพทย์เกี่ยวกับการฆาตกรรมนี่ เวลาพวกเขาถูกจับทำไมสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีแวววิตกกังวลอะไรเลย น้ำเสียงเรียบและดูปกติมาก นี่แหละที่ผมสงสัยอยู่เสมอ ---------------------------------------------------------------------------------------- คุณ : millian ^^สวัสดียามเช้าครับ ลองตั้งกระทู้ในห้องนี้เลยครับ หาแนวร่วม ถ้ามีรายชื่อสนับสนุนเยอะๆ ก็สามารถทำการยื่นข้อเสนอกับทางกระทรวง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ครับ ---------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 07:23:35

ความคิดเห็นที่ 55 การจะแก้ค่านิยมการดื่มเหล้า ต้องมีการนำความรู้เข้าสู่ชุมชนโดย นำเอกสารความรู้ ติดทั่้วทุกหมู่บ้านในประเทศ ทำเป็นภาษาท้องถิ่น และให้ผู้ใหญ่บ้านเรียกลูกบ้านมาพูดคุยกันเรื่องนี้จะดีมากๆครับ ยกตัวอย่าง สมมุติว่ารูปนี้เป็นภาษาไทย ให้ทางอนามัยจัดการอบรมกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเป็นผู้บอกกล่าว ว่าตับมีประโยชน์อะไร ทำงานอย่างไร ถ้าเสียไปแล้วจะมีโทษภัยอะไรกับตัวผู้ดื่ม ครับ จัดงบส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นเอกสารแจก แล้วมีการเล่นละครแสดงการติดเหล้า และการแก้ไขปัญหาในชุมชน ทีมใดเก่งที่สุดก็จะได้ช่วยแนะนำกระจายความรู้ต่อๆกันไป จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 08:14:35

ความคิดเห็นที่ 56 ความเห็นส่วนตัวนะครับ ตามจรรยาแพทย์ บวก ความรู้ที่ร่ำเรียนมา ผมเห็นว่า "ต้อง"รักษาและใช้งบที่มาจากภาษีโดยตรงเท่านั้นครับ ปัญหาคือการช่วยเหลือในปัจจุบัน บางส่วนขาด บางส่วนเกิน จึงเกิดปัญหา การรักษาเกินไปในบางครั้ง ส่งผลเสียต่อ โรงพยาบาลและหมอ เพราะรพ.และหมอรับภาระ คุณหมีพูห์คงไม่ทราบว่ายาหลายชนิดที่รักษาให้คนเหล่านี้รอด บางครั้งรัฐบาลไม่ให้เบิก หมอคนไหนรพ.ไหนจ่ายยาแล้วรพ.ขาดทุน ไปรับผิดชอบค่ายาเอาเอง เบิกจากภาษีรัฐไม่ได้ เพราะรัฐจ่ายตามDRG และบัญชียาหลัก และหมอต้องเสียกำลังกับการรักษาคนกลุ่มนี้จนคนกลุ่มอื่นได้รับผลพวงไปด้วย เป็นเสียทางอ้อม การรักษาขาด ก็เอาเปรียบคนกลุ่มนี้ เพราะคนที่กินสูบ ไม่ใช่ทุกคนที่จะป่วย เป็นแค่บางคน และสังคมทั้งสังคม มีส่วนทำให้เค้ากินและสูบ ดูอย่างง่ายๆ ที่ผ่านมา ผมแค่ระบุเรื่องการดื่มเหล้าว่าไม่ดี ผมยังสามารถโดนคนต่อว่าได้พอสมควรว่ามีสิทธิอะไรไปตัดสินว่าการดื่มเหล้ามันไม่ดีไม่เหมาะ ... สังคมที่มีมุมมองแบบนี้ไม่ยุติธรรมที่เราจะไปจำกัดสิทธิคนกลุ่มนี้ครับ และสุดท้าย ในฐานะหมอ มันจะยุ่งยากมากหากเราต้องมาหาเกณฑ์ตัดว่าโรคนี้เกิดจากเหล้าจริงหรือไม่ จริงๆทำไม่ๆด้หรอก จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 08:21:26

ความคิดเห็นที่ 57 ดีใจที่คุณหมอแมว เข้ามาช่วยตอบกระทู้ครับ ส่วนตัว ได้อ่านผลงานของคุณหมอแมวผ่านทาง Exteen และ บางส่วนจากหลายๆเวป ------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผมรู้สึกดีครับที่ หมอส่วนใหญ่ถึงรู้ว่า รพ.ต้องขาดทุน ก็ยอมรักษา(รวมทั้งคุณ Umiki) ผมถึงบอกว่าการที่จะทำให้เรื่องพิษสุราเรื้อรังต้องอาศัย ผู้มีความรู้และหัวหน้าในชุมชนช่วยกัน เพราะคนที่ติดเหล้าจะมีปัญหาด้านจิตวิทยาร่วมด้วย เพราะการแก้ไขทางการรักษาปกติอย่างเดียวทำได้ยากครับ เมื่อเขาเหล่านั้นติดเหล้าในระดับที่ เส้นประสาทส่วนปลายเสียหาย ซึ่งจะมีอาการชา ทำให้มือสั่น และสมองเสื่อมถาวร ทำให้เวลายืนก็เซไปมา ตาเหลืองแล้วเริ่มกระตุก ชัีกเกร็งเมื่อขาดแอลกอฮอลล์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------- การแก้ปัญหา 1.นำเสนอเรื่องปัญหาด้านค่าใช้จ่ายยาที่ใช้รักษาโรคพิษสุราเรื้อรังให้เรียกเก็บ จากบริษัทที่ขายสุรา รวมทั้งผู้นำเข้าสุรา โดยคิดตามรายการยาที่จ่ายไปจริงทั้งหมด 2. ต้องให้ครอบครัวและชุมชนของเขาร่วมด้วยช่วยกันครับทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ------------------------------------------------------------------------------------------------------- ปัญหาที่คุณหมอแมวโดนผู้คนต่อว่าเรื่อง การดื่มเหล้าว่าไม่ดี แล้วโดนคนต่อว่า นั่นเพราะค่านิยมทางสังคม ซึ่งคงการแก้ไขต้องใช้ความรู้และความเข้าใจปลูกฝังด้านจิตใจ กับเด็กๆ ทุกระดับชั้น ไปจนจบมหาวิทยาลัย เลยครับ ปล.ส่วนตัวผมทำได้เพียงตั้งกฏกับคนที่มาทำงานว่าห้ามเมามาทำงาน ใครเมามาก็ ให้นั่งพักจนหายเมาแล้วทำงาน โดยจะคิดค่าแรงให้เฉพาะตอนทำงานเท่านั้น และผมก็หยิบหนังสือText ต่างประเทศมาให้พวกเขาดูรูป ตับ ปอด ที่เสียหาย ในบางครั้งเพื่อให้เขาเห็นอวัยวะภายในว่าถ้ามันเสียไปแล้ว เขาต้องเจอกับอะไรในชีวิตบ้าง ขอบคุณครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 09:55:52

ความคิดเห็นที่ 58 อีกทีนะครับ.... "ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การรักษาแบบปัจจุบันเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดการล่มสลายของประเทศ แค่เป็นปัจจัยหนึ่งจากอีกหลายปัจจัยเท่านั้น" <<< ไม่รู้ผมพูดอะไรผิดหรือป่าว ผมไม่ได้เถียงนะครับว่าปัจจัยที่คุณพูดมาผิด ถ้าจะพูดเกี่ยวกับปัจจัยอื่นมันมีอีกเยอะครับ อย่างการโกงการเบิกยา การยักยอกเงิน ที่คุณพูดมาก็ถูก มันก็ต้องตามแก้กันไป แต่มันไม่เกี่ยวข้องกับในกระทู้นะครับ กระทู้นี้น่าจะคุยเรื่องการรักษาตามชื่อกระทู้ ผมถึงบอกว่าเราพูดกันคนละประเด็น และการทำให้ลูกค้าอิ่มเอิมใจก็ไม่ใช่เหตุผลนะครับ ที่ต้องได้รับการรักษาฟรี ไม่งั้นรัฐคงต้องประกาศรักษาฟรีทุกโรคอย่างไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ถึงเท่าเทียมกับทุกคน ตอนนี้บางโรคยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม บางโรคก็ไม่ยังครอบคลุมทุกสิทธิ ในกระทู้นี้เลยพูดกันว่า โรคที่ถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ และตับแข็งจากการดื่มเหล้า ที่คนไข้ไม่ยอมสนใจที่จะรักษาตัวเอง แล้วทำไมต้องเอาภาษีไปเสียให้มากมายกับโรคแบบนี้ (เนื้อหาตามที่ผมเข้าใจจากการทู้นี้นะครับ) ไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจตรงกับผมรึป่าวนะครับ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 09:58:55 A:61.90.57.206 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 59 กินกันได้ กินกันดีจริงๆ เหล้าน่ะ กินแล้วตับแข็ง กินแล้วตับอ่อนอักเสบ กินแล้วสมองฝ่อ กลายเป็น Wernicke-Korsakoff syndrome เมาแล้วขับ บาดเจ็บ บ้างก็ทุพพลภาพ เลิกเหล้าแล้วก็มี withdrawal symptoms ถ้ายังมีสติคิด ก็เลิกเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน ถ้าจะกินต่อไป ก็เชิญ คิดว่าดีก็ทำต่อไป แล้วรีบๆหายไปซะ จะได้ไม่เป็นภาระของสังคม จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 10:03:15

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ คุณTicketID:316347 มากๆครับที่เข้ามาร่วมสนทนาในครั้งนี้ การพูดคุยถกเึถียงกันในบรรยากาศแบบนี้ ตัวผมเองรู้สึกดีมากจริงๆครับ เนื้อหาในการพูดคุยกันส่วนมากก็จะเริ่มจากหัวข้อกระทู้ และตามมาด้วยส่วนอื่นๆ ครับ การชี้แจงด้วยเหตุและผลต้องรอบด้าน ไม่เช่นนั้น เกิดมีคนบ้าจี้นำเรื่องที่ขึ้นหัวกระทู้ไปเป็นประเด็นออกสื่อ ผมว่า คนในประเทศนี้จะทะเลาะกันอีกยกใหญ่เลยครับ รับประกันชัวร์ ------------------------------------------------------------------------------------------------ ส่วนเรื่องการทานอาหารอันนั้นเป็นประเด็นรองครับ การเขียงเรื่องใดๆที่อ้างอิงจากความเป็นจริง มันก็ต้องมีการเกริ่นนำก่อนครับ เรื่องหลักคือ การที่นายทุนสร้างความกดดันให้ผู้ใช้แรงงาน เกิดความกดดัน โดยการกดค่าแรง และ หักเงิน และ พวกเขาก็ต้องเสียภาษีอีกด้วย รายได้จากร้านอาหารที่สูงก็ถูกหักภาษี จนหาทางออกอย่างอื่นไม่ได้นอกจากดื่มเหล้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตวิทยา ถามว่า เจ้าของร้านนำเงินมาเสียภาษีมาจากไหนครับ ถ้าวัตถุดิบมันอยู่เฉยๆ หยิบมาวางบนจานให้ลูกค้ากิน เป็นตัวคุณจะกินได้ไหมครับ พวกเขาไม่มีเงินทองและเวลามากพอที่จะไปเดินเล่นตามห้าง หรือเข้าไปนั่งดูหนัง ฟังเพลงตามผับ สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาลืมความทุกข์ชั่วขณะคือ เหล้า ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขายึดได้ง่ายเพราะราคาถูก ดื่มได้ทุกที่ ทุกเวลา ------------------------------------------------------------------------------------------------ การแก้ปัญหา 1.  นำเสนอเรื่องปัญหาด้านค่าใช้จ่ายยาที่ใช้รักษาโรคพิษสุราเรื้อรังให้เรียกเก็บ    จากบริษัทที่ขายสุรา รวมทั้งผู้นำเข้าสุรา โดยคิดตามรายการยาที่จ่ายไปจริงทั้งหมด 2. ต้องให้ครอบครัวและชุมชนของเขาร่วมด้วยช่วยกันครับทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย 3. สถานประกอบการต้องจ่ายเงินค่าแรงให้ลูกจ้างอย่างเหมาะสม    ประเภทคิด เซอร์วิส ชาร์จ++ กับลูกค้า แล้วเจ้าของเก็บเงินส่วนใหญ่เข้ากระเป๋าตัวเองมีเยอะครับ    เงินไม่ได้ตกถึงพนักงานซักเท่าไหร่ (เห็นบางร้านบอกว่าเก็บเงินบางส่วนไว้เป็นทุนสำรองของลูกน้อง) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------- คุณTicketID:316347 ควรเป็นหัวขบวนให้เกิดการจัดเก็บค่ารักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง กับบริษัทที่ผลิตและนำเข้าสุรานะครับ เพื่อ รพ.รัฐจะได้ไม่มีภาระตรงนี้ครับ การทำก็ไม่ยากเพราะ บริษัทที่ผลิตหรือนำเข้าต้องมีปริมาณการจำหน่ายเป็นขวดหรือตันอยู่แล้ว เริ่มด้วย รพ.รัฐ ส่งยอดค่าใช้จ่ายด้านนี้เข้าสู่ส่วนกลาง แล้วนำยอดในการรักษาแต่ละปี ไปหารเฉลี่ยกับ ปริมาณการจำหน่าย แล้วก็เก็บเงินจากบริษัทเข้ารัฐ ส่วนรัฐก็สำรองจ่ายให้กับ รพ.รัฐ ก่อน ผมว่าวิธีนี้ดีที่สุดครับ ส่วนต่อไปก็ทำให้ชุมชนเข้าใจ และ ปรองดองกันเพื่อให้ทุกคนได้รับความสุขจากคนในครอบครัว ----------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : หมีพูห์ (นายหมีพูห์) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 11:45:35

ความคิดเห็นที่ 61 การแก้ปัญหาก็เหมือนที่คุณหมีพูห์พูดก็ถูก แต่ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาที่บริษัทที่ผลิตซะส่วนมาก เหมือนโยนความผิดทั้งหมดให้บริษัทที่ผลิตเหล้า และบุหรี่ (ซึ่งผมก็ว่าผิดส่วนหนึ่ง) แต่ผมว่าควรแก้ทั้งบริษัทที่ผลิตตามที่คุณหมีพูห์พูด และรวมคนที่สูบให้ร่วมจ่ายด้วย ซึ่งเป็นคนไม่สนใจที่จะเลิกสูบ ซึ่งผมเห็นว่าไม่ควรโยนความผิดให้คนอื่นทั้งหมด (ปล. เหมือนข่าวที่คนสูบบุหรื่ไปฟ้องบริษัทที่ผลิตว่าทำให้เค้าป่วย ทั้งที่คุณก็รู้และเลือกที่จะสูบเอง ผมมองว่าพวกนี้เป็นพวกที่ชอบปัดความผิดให้แต่คนอื่น) ส่วนการแก้ปัญหาถ้าทำได้ก็ดี แต่ผมก็แค่คนที่ชอบติดตามข่าวสาร คงไม่มี power พอ แต่ถ้าอธิบายแล้วมีคนที่เห็นด้วยจำนวนมากขึ้น สักวันก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 19:35:51 A:58.8.105.6 X: TicketID:316347

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีครับ คุณTicketID:316347 ยินดีที่ได้ร่วมพูดคุยกับคุณครับ ------------------------------------------------------------------------------ ผลกระทบของโฆษณาทำให้คนไทยมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นจำนวนมากครับ เช่น โฆษณาขนมกรอบแกร็บ น้ำอัีดลม อาหารเสริม ฯลฯ รวมทั้งเรื่องเหล้าและบุหรี่ เมื่อก่อนมีเยอะจนเสรี ทั้งในTVและหนังสือ จนทำให้ค่านิยมนั้นยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้ ในความเห็นของผม บริษัทเหล้า บุหรี่ จึงต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เขาต้องไป เพิ่มราคาของสินค้าให้แพงขึ้น แล้วคนก็จะซื้อน้อยลงไปเอง ------------------------------------------------------------------------------ ส่วนการฟ้องร้องเรื่องบุหรี่ในสหรัฐเคสนี้เกิดขึ้นนานแล้วครับ ผู้ฟ้องก็ชนะทั้งที่ รัฐมินิโซตา สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย เขาทำถูกต้องแล้วครับ เพราะอุตสาหกรรมนี้กำไรมหาศาล แต่ประเทศไทย องค์กรด้านผู้บริโภคยังไม่เข้มแข็ง ดังนั้นคนติดแล้วมันเลิกยากถ้าไม่มีครอบครัวเป็นกำลังใจ และส่วนมากก็ไม่มีเงินมาเป็นค่ารักษาตัวเอง ------------------------------------------------------------------------------ ปล.ผมว่าถ้าหมอทั้งหลายเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ     คงต้องออกมาช่วยกัน ผลักดันให้ บริษัทที่ผลิตสุรา และ นำเข้าสุรา     รวมถึงบุหรี่ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านนี้ให้กับคนป่วย ครับ         และปัญหาการคอรัปชั่นนั้นปล่อยไว้ไม่ได้เช่นกัน     แปลกที่ทำไมหลายคนคิดว่าจะปล่อยปัญหาด้านคอรัปชั่นไว้ค่อยๆแก้     แล้วไปยกเลิกสิทธิผู้ป่วยแทน ผมว่าความคิดแบบนี้อันตรายมากๆครับ     ยกตัวอย่างเครื่องCT Scan คนที่สั่งได้%เท่าไหร่ต่อเครื่อง     ผมว่านำมารักษาคนป่วยตามโรงพยาบาลรัฐ ได้หลายร้อยคนเลยนะครับ     และปัญหาด้านคอรัปชั่นที่ผมกล่าวไม่เห็นมีหมอคนไหนออกมาแย้งเลยครับ     อ่านแล้วก็เห็นเงียบๆกันไป แปลกจัง ขอบคุณครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 21:41:19

ความคิดเห็นที่ 63 ขำๆ นะคะ อย่าซีเรียส ภาษีเหล้า บุหรี่ ที่เค้ากินจนเป็นโรค เผลอๆ อาจจะเยอะกว่าภาษีที่เราจ่ายอีกนะคะ จากคุณ : Miss.Ployzmoo เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 23:46:41

ความคิดเห็นที่ 64 สงสัยว่างจัด เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา.... จากคุณ : Believe in destiny เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 23:52:57

ความคิดเห็นที่ 65 คนเลิกเหล้าไม่ได้ คนติดเหล้า ติดเซ็กส์ ติดบุหรี่ ยาเสพติด การพนัน อบายมุข ฯลฯ สมควรตายทุกคน ถ้าไม่มีตังค์ .... .... .... ผิดตั้งแต่เกิดมาได้แล้ว "T๐T" จากคุณ : LHLic (เจริญจิต) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 00:34:01

ความคิดเห็นที่ 66 เลิกไม่ได้กับไม่เลิกมันต่างกันเยอะนะครับ ถ้าได้พยายามเลิกแล้วแต่ไม่สำเร็จ (พยายามจริงๆ นะ ไม่ใช่แค่พูดว่าพยายาม) ใครเขาจะว่ารับ จากคุณ : ปรายภพ เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 13:58:34

ความคิดเห็นที่ 67 ชั้นรำคาญตาหมีพูห์มากเลย อะไรมันจะโลกสวยในกระลาขนาดนั้น โผล่ออกมาดูโลกข้างนอกหน่อยเถอะ ชีวิตจริงมันไม่สวยงามเหมือนในนิยายนะคุ้น อ่านไปอ่านมาชักรู้สึกว่าเหนื่อยป่าว คนนี้ไม่มีทางเข้าใจว่าเค้าคุยเรื่องอะไรอยู่ จากคุณ : พยาบาลคนนึง (dokmayom) เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 20:32:07

ความคิดเห็นที่ 68 ูขอบคุณคุณ dokmayom ครับ ที่เข้ามาอ่านความคิดเห็นของผม แล้วโลกนอกกะลามันเป็นยังไงครับ มัวแต่มาตั้งกระทู้แบบนี้แล้วไม่ลงมือทำอะไรให้ดีขึ้น ผมเห็น คุณหมอ บางท่านอดทนตอบกระทู้กับคนที่เข้ามาป่วน เช่นกระทู้ ของสมาชิกที่ มีสูตรยาครอบจักรวาล แบบเข้ามาตอบโต้กันเรื่อยๆ ก็แสดงว่ามีเวลาว่างพอสมควรนี่ครับ พวกคุณอาจจะเจอเหตุการณ์กดดันในหลายๆ เคสที่เจอ แต่คุณคือ หมอ และ พยาบาล คุณรู้ไหมครับว่า หมอ และ พยาบาล ในสายตาของคนทั่วไป คือ พ่อพระ แม่พระ ที่จะมาช่วยพวกเขาได้ ส่วนบางคนที่ทำกริยาไม่ดีกับคุณเนื่องจากพิษสุราเรื้อรัง คงเกิดจาก เซลล์สมองที่เสียไปกับการดื่มสุราครับ มนุษย์มีความแตกต่างด้านความคิดเป็นทุนเดิม และการตั้งกระทู้ก็สามารถมีข้อโต้แย้งได้เป็นปกติ ถ้าทุกคนเห็นด้วยกับการยกเลิกสิทธิ จากโรค ตับแข็งจากกินเหล้า ถุงลมโป่งพองจากสูบบุหรี่ แล้วถ้าเกิดมีการยกเลิกสิทธิตรงนี้จริงๆ ขึ้นมา คุณคิดว่าอะไรจะเกิดกับสังคมไทย คุณพยาบาล ลองบอกผมหน่อยซิครับ ส่วนชีวิตของผม ผมก็สามารถทำชีวิตให้เหมือนในสิ่งที่ผมฝันไว้ได้แล้วนี่ครับ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เป็นภาระของรัฐ ลูกน้องก็ไม่มีใครป่วยด้วยโรคร้ายแรง โรคหวัดเป็นกันบ้าง มีดบาด หนามเกี่ยวนิ้ว นานๆ จะเป็นโรคอาหารเป็นพิษบ้างครับ ขอบคุณที่ผมสามารถทำความรำคาญให้คุณพยาบาลได้ครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 21:18:16

ความคิดเห็นที่ 69 ก็ควรรักษาครับ ผมว่าหมอไม่น่าจะคิดว่าใครควรหรือไม่ควรรักษา ที่มารพ.ด้วยผลแทรกซ้อนต่างๆแล้ว ส่วนมากก็เป็นระยะที่ตับแย่ไปเยอะแล้วทั้งนั้น ไปว่าตัวคนไข้หรือญาติเวลานั้น ผมว่ามันไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกครับ คนรักษาก็หงุดหงิด คนไข้ก็คงเหมือนกัน(หรืออาจจะไม่ เพราะไม่มีสติไปแล้ว) อีกอย่าง การป้องกัน มันก็ไม่เห็นจะจริงจังอะไร อาจจะเพราะคนใหญ่คนโตก็ดื่มด้วยกระมัง จึงแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ส่วนเรื่อง ความเห็นส่วนตัวเรื่องการ ทุ่มเททรัพยากร ผมว่าหมอที่อยู่ในขณะทำการรักษาคนไข้แบบนี้คิดว่าน่าจะมองแต่คนไข้คนนั้นๆมากกว่าครับ แล้วหลังเหตุการณ์ค่อยมาว่ากัน ว่าให้อะไรไปเท่าไรคุ้มค่าอย่างไร อย่าเพิ่งเป็นผู้บริหารขณะช่วยชีวิตคนไข้เลย เรื่องเหล้าค่านิยมในสังคมมันไปทางนั้นเยอะและมีนานแล้ว บางส่วนก็อ้างกันว่าเพื่อ เข้าสังคม  ทั้งหมอและพยาบาลบางส่วนก็ดื่มเหล้า งานปีใหม่ก็มีเหล้า อาจารย์ดื่ม รุ่นพี่ดื่ม ชวนน้อง นศพ.ดื่ม ควรแก้ที่ตัวเองในสังคมแพทย์ก่อนด้วยครับ(หมายถึงบุคคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด) จะบอกว่า ดื่มแบบควบคุมตัวเองได้ ผมว่าก็ไม่ค่อยถูกนัก จากคุณ : Kazu (KZ_ra) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 23:18:32