ความคิดเห็นที่ 1 น่าแปลกที่รัฐบาลหลายๆ รัฐบาลพยายามลดค่ารักษาพยาบาลในส่วนของข้าราชการ แต่ไม่เคยไปดูที่สาเหตุเลยว่าทำไมข้าราชการถึงได้มีปัญหาสุขภาพกันมากมายแล้วไปแก้ไขที่จุดนั้น จากคุณ : สายลมปุยเมฆกับฟ้าสีคราม เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 00:19:15

ความคิดเห็นที่ 2 แกล้งโง่ ก็เป็นประเด็นที่ยังไม่มีใครพูดถึงหรือเปล่าครับ? มันยากนะที่จะพาระบบมาถึงจุดนี้ได้โดยใช้ความคิดอ่ะครับ จากคุณ : น้องเอยแก้มอ้วน เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 01:11:23

ความคิดเห็นที่ 3 ประเด็นคือข้าราชการใช้ยามากเกินความจำเป็น มักจะได้ยินข้าราชการพูดบ่อยๆว่า "หมอจ่ายยาแพงๆเลยนะ เบิกได้" ถ้าหมอจ่ายยาตามความจำเป็น คนไข้ไม่ขอยาที่ไม่จำเป็น ก็ไม่มีปัญหา จากคุณ : paramedian เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 07:56:06

ความคิดเห็นที่ 4 กลายเป็นเรื่องขำๆ ไปแล้วครับตอนนี้ cinnarizine ยาแก้วิงเวียน กับ orphenadrine ยาคลายกล้ามเนื้อ ถูกเหมือนให้เปล่าแต่ัดันถูกถีบไปอยู่ในกลุ่มยา NED เพราะเหตุผลเรื่องความปลอดภัยทั้งๆ ที่ท่านทั้งหลายใช้กันมาจนหัวหงอก ทีนี้ก็ตลกสิครับ ยาพื้นๆ สิทธิ์เบิกได้ต้องจ่ายเงินเองและเบิกคืนไม่ได้ แต่บัตรทองยังใช้ได้ตามปรกติ 555 ..... ผมว่ามันงี่เง่าในแง่ของเรื่องความยุ่งยากที่เพิ่มขึ้นนะครับไม่คุ้มเลยกับค่ายาเล็กๆ น้อยๆ เลย ตลกดี จากคุณ : Always Red เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 08:09:09

ความคิดเห็นที่ 5 คนออกกฏไม่ได้ใช้ หรือไม่ทำตามกฏ คนรู้ปัญหาไม่มีสิทธิทักท้วง แก้ไขกฏ จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 08:41:53

ความคิดเห็นที่ 6 เครื่องหมาย .....กับ - ทำให้อ่านแล้วปวดหัวลายตามากเลยครับ จากคุณ : on One X (badbadnus) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 09:00:14

ความคิดเห็นที่ 7 ใครเป็นคนบอกครับว่า  ยาโน้น ไม่ให้ใช้  ยานี้ใช้ได้  หมอหรือเปล่าครับ หรือรัฐบาลเป็นคนบอก  หรือรัฐบาลเป็นเพียงผู้ทำตามเท่านั้นหรือเปล่าครับ นโยบายลดการใช้ยาอาจจะมาจากรัฐบาล แต่ก็เป็นข้อเสนอจากข้าราชการ สธ.ทั้งนั้น แหละครับ ถ้าจะแก้ไข ก็ต้องแก้ที่หมอทั้งหลายที่เป็นคนให้ข้อมูล  ส่งปัญหาและวิธีแก้ปัญหาให้ รัฐบาล   คนนั้นหรือคนกลุ่มนั้นเป็นใครครับ นโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับสาธารณสุข ก็มาจากหมอทั้งนั้นครับ  อาจจะหมอที่เป็นคนใน พรรคการเมือง  หรือ ใน สธ. ก็ได้ครับ แต่ก็คือ หมอ  พวกหมอๆควรจะแก้ไขโดยระบบ คือ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ กลุ่มหมอที่กำหนดนโยบายเหล่านั้นครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:03:24

ความคิดเห็นที่ 8 คนอนุมัติสิ่งที่มีผลในทางกฏหมายก็ต้องร่วมรับผิดชอบ จะมาบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นมันไม่ได้ จะทำตามคำแนะนำจากแพทย์โดยไม่ศึกษาหรือใช้วิจารญาณแล้วบอกปัดไม่รับผิดชอบมันไม่ได้ เหมือนคุณไปทำธุรกรรมทางกฏหมาย บอกปรึกษาทนายแล้วเราไม่ผิด เราไม่รู้เรื่องไม่ได้ ความไม่รู้ไม่ใช่ข้ออ้างของการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 14:27:30

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนด ผมสั่งใช้ยาตามข้อบ่งชี้ เดือนต่อมาก็กลายเป็นยานอกบัญชีไปซะงั้น จากคุณ : เขียนบน iPhone (Jin Shuu Hei) เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 01:58:13

ความคิดเห็นที่ 10 อีกหน่อยโรงบาลก็เจ๊ง เพราะแต่ก่อนเคยเอากำไรจากข้าราชการมาโปะให้สามสิบบาท จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 55 10:28:38

ความคิดเห็นที่ 11 ฟังวิจารณ์ทีไรก็ชอบอ้างยา Original กับ Generic แต่ในทางกลับกัน ผมพึ่งโดนเภสัชตีกลับใบสั่งยาที่ผมสั่ง Finofibrate คู่กับ Simvastatin เนื่องจากได้รับคำสั่งให้ใช้ยาพื้นฐานก่อนคือ Gemfibrozil คู่กับ Simvastatin เภสัชบอกว่า ยา Gemfibrozil กับ Simvastatin ตัวเป็นยาพื้นฐานที่ใช้ได้ดีทั้งคู่ และคำสั่งใหม่ออกมาให้ใช้ยา 2 ตัวนี้คู่กันแล้วไม่ได้ผลก่อนค่อยเปลี่ยนยาเป็น Rosuvastatin หรือ Finofibrate ได้(ปัญหานี้เจอเฉพาะสิทธิ์ข้าราชการ สิทธิ์บัตรทองไม่มีปัญหา) แต่ยา 2 ตัวนี้มี Contraindication ที่ห้ามใช้คู่กันอย่างเด็ดขาดที่ประกาศโดย FDA ผมแย้งไปอย่างนี้ แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะเบิกยาFinofibrate ให้กับคนไข้ได้ เนื่องจากมีคำสั่งชัดเจนว่าให้ใช้ยาพื้นฐานก่อน "ไว้ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือรักษาไม่ได้ผลก่อน" ค่อยเปลี่ยนยาได้ ซาบซึ้งน้ำตาจะไหลครับ กับการดูแลข้าราชการไทย ปล.ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าให้ Gemfibrozil คู่กับ Simvastatin คือ Rhabdomyolysis หรือภาวะกล้ามเนื้อแตกครับ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันถึงเสียชีวิตได้ สงสัยต้องรอให้มันเกิดก่อนครับแล้วมารักษาให้คนไข้รอดก่อนค่อยเปลี่ยนยาได้ ซาบซึ้งน้ำตาไหลจริงๆ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 03:13:06

ความคิดเห็นที่ 12 ยาแก้ไอก็อยู่ใน NED ทุกตัวเลยค่ะ ถ้าจะเบิกได้ต้องสั่ง m.tussis เพลียค่ะ ==" จากคุณ : kiki_kaka เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 08:57:00

ความคิดเห็นที่ 13 คคห.8 ครับ คนอนุมัติต้องร่วมรับผิดชอบ  ใช่เลยครับ  ต้องรับผลโดยอาจจะไม่ถูกเลือก ตั้งมาในครั้งต่อไป  หรือถูกปฏิวัติยึดอำนาจ   แล้วรัฐบาลใหม่เข้ามา เขาจะวางนโยบาย ใหม่อย่างไรครับ   คิดเองทำเองโดยนักการเมืองพรรคใหม่  หรือคณะทหารที่ยึดอำนาจ หรือว่าต้องฟังจากหมอทั้งหลายครับ  ช่วยบอกทีเถอะครับ     ถ้าจะแก้ปัญหาให้ยั่งยืน ก็ต้องแก้ที่สาเหตุครับ   ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ จาก คคห.11  ไม่ทราบว่าผู้บริหารคนไหนสั่งให้ทำอย่างนั้นครับ คนอนุมัติคนไหน รู้จักชื่อยาจนสั่งแบบนั้นได้ครับ  ก็คงต้องเป็นพวกหมอหรือเภสัชฯในกลุ่มที่ให้คำแนะนำ กระมังครับ   ถ้าหมอและเภสัชฯกลุ่มนี้เป็นคนแนะนำให้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาแทนที่รัฐบาลใหม่ พวกคุณคิดว่า มันแก้ไขได้ตรงไหนครับ เพราะฉะนั้นเรื่องยา เรื่องการรักษา  ก็คงต้องเป็นพวกหมอที่จะต้องลุยกันเองหาข้อสรุป ที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด  กำหนดให้เป็นนโยบายขึ้นไปครับ แล้วรัฐบาลก็จะทำตาม มิเช่นนั้นก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกหมอครับ ที่สำคัญ  ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของการทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แล้วแต่นโยบายรัฐบาล มันเป็นเรื่องวิชาการ อย่าง คคห.11 บอกว่า FDA กำหนดเอาไว้  แล้วหมอเภสัช ทำไม ถึงไม่ทำตาม  เป็นการทำผิดหลักการรักษาหรือเปล่า  แล้วใครเป็นคนเสนอการจ่ายยา แบบนี้  ถ้าเป็นหมอก็ต้องฟ้องถอนใบอนุญาตกันแล้วครับ  ถ้าไม่ใช่หมอ ก็ต้องฟ้องศาล เพราะกำหนดในสิ่งที่เป็นอันตรายกับคนไข้  ทำได้อย่างไรครับ หมายเหตุ แก้ไข คำว่า นักการเมืองเป็น ผู้บริหารกับ คนอนุมัติ ตาม คคห.15 ครับ แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 55 11:38:43 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 10:03:47

ความคิดเห็นที่ 14 #13 ผมไม่ได้พูดถึงนักการเมืองซักคำ อย่าลากเข้าการเมืองได้มั้ย จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 11:07:25

ความคิดเห็นที่ 15 คคห.14  ผมอ้างอิงความเห็นคุณหมอไปบอก คคห.8 ครับ ไม่ได้บอกว่าคุณหมอพูดถึง นักการเมือง อ่ะครับ  สังเกตผมใช้คำว่า จาก คคห.  ไม่ได้  คคห.-- เฉยๆ ครับ เอาอย่างนี้ก็ได้ครับ เปลี่ยนจากนักการเมืองเป็น คนอนุมัติ ก็แล้วกันครับ  เพื่อความเข้า ใจในเหตุผลมากกว่าที่จะโยงเป็นเรื่องการเมือง ครับ ที่ผมพูดมาทั้งหมดก็เพราะว่า  สาเหตุที่แท้จริง ไม่ใช่มาจากนักการเมือง หรือ รัฐบาล ไงครับ  แต่มีหลายคนพยายามที่จะบอกว่า เป็นเพราะรัฐบาล เพราะนักการเมือง ยิ่งแก้ไขปัญหาโดยไม่พูดถึงการเมืองยิ่งดีครับ  จะได้รู้กันว่า สมควรแก้ไขอย่างไร แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 55 11:34:32 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 11:31:32

ความคิดเห็นที่ 16 สาเหตุ สั้นๆ ง่ายๆ เลยก็คือ  "ไม่มีเงิน" ครับ ... ดังนั้น ไม่ว่า จะเป็น นักการเมือง ข้าราชการประจำ หมอ พยาบาล เภสัช กรมบัญชีกลาง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง ฯลฯ ... ใครที่มาเกี่ยวข้อง ก็ต้องทำแบบนี้ ... เป็นข้าราชการต้องทำใจ และ ปรับตัว เวบ บัญชียาหลักแห่งชาติ http://www.nlem.in.th/ รายชื่อ คกก. http://www.nlem.in.th/committee สำหรับแพทย์ ... ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ถ้ารักษาแล้วเกิดปัญหาภาวะแทรกซ้อนขึ้น ก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี ครับ ...  ยิ่งรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดปัญหา แล้วยังให้ ( คห.๑๑ ) ก็รับไปเต็ม ๆ ดังนั้น ...เลือกใช้ยา ( เท่าที่มี ) ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ... แต่ถ้าไม่มียา ก็คงต้องพูดคุยกับผู้ป่วยว่า ไม่มียา หรือ ยาเบิกไม่ได้ ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางฯ   หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้ป่วย (ญาติ) ที่ใช้สิทธิข้าราชการ จะตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรต่อไป จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 12:42:29

ความคิดเห็นที่ 17 ขรก. เงินเดือนน้อย หวังใช้สิทธิการรักษาพยาบาล เพราะไม่มีเงินพอที่จะเข้ารพ.เอกชน แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรักษาขั้นต่ำ เมื่อก่อนให้ใช้ local made ก็เห็นว่า สองมาตรฐานแล้ว แต่นี่ยังจำกัดตัวยาแบบนี้ แล้วจะให้คนไข้ที่เป็น ขรก.ตายเยอะๆ จะได้ลดจำนวนลง หริอไม่ก็ป่วยมากขึ้นเพราะการรักษาไม่หมย เรื้อรังมากขึ้น สิ้นเปลืองระยะยาวอยู่ดี ขรก. ดีๆ ไม่เหมาะกับประเทศไทย เพราะไม่เจริญก้าวหน้า และสวัสดิการต่ำที่สุด จากคุณ : *-* เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 12:56:01 A:115.67.166.192 X: TicketID:308112

ความคิดเห็นที่ 18 ค้านคุณหมอหมูเรื่องไม่มีเงินครับ   ถ้าไม่มีเงินจริง กลาโหมคงไม่ได้เพิ่มงบประมาณ หรอกครับ   เรื่องการเบิกจ่ายยาของข้าราชการก็เริ่มศึกษากันตั้งแต่ 2552 ตามข้อมูล ของคุณหมอ  ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่งบประมาณกลาโหมเติบโตมากที่สุดตั้งแต่หลังปฏิวัติ เป็นต้นมา   ต้องถามว่า  ข้าราชการ สธ.ที่ทำงบประมาณเสนอขึ้นไปนั้น  ทำอย่างไรถึงได้ งบน้อยลงและ  กรมบัญชีกลางทำไมถึงตัดงบเบิกจ่ายยาของข้าราชการไป(ในกรณีนี้ ไม่ทราบว่า ข้าราชการกระทรวงกลาโหมจะโดนด้วยหรือเปล่า เพราะรู้สึกว่าเป็นเอกเทศ จากข้าราชการทั่วๆไป) จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 55 17:28:05

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีเงินน่ะถูกแล้วครับ แต่ไม่ใช่ไม่มีเงินมาจ่ายแต่เงินมันมีไม่พอที่จะรองรับทุกนโยบาย ทีนี้เมื่อรายจ่ายเกิน รัฐบาล(ย้ำว่ารัฐบาล)ก็ต้องหาทางตัดรายจ่ายครับ เรื่องสวัสดิการราชการนั้นเขามองง่ายๆครับว่าประกันสุขภาพถ้วนหน้าใช้เงินประหยัดกว่ามากดังนั้นสิทธิราชการมันจึงเปลืองครับจึงมาลดและควบคุม โดยไม่ได้มองไปว่าแม้จริงแล้วสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้ามันด้อยคุณภาพอย่างมาก อย่ามองหรือเชื่อเลยครับว่าราชการไทยเป็นอิสระจากการเมือง นโยบาย งบประมาณ ก็มาจากรัฐบาลในฐานะผู้ใช้อำนาจบริหารครับ แน่นอนเพราะเขาไม่รู้งัยครับว่าการรักษาที่ได้มาตรฐานแท้จริงเป็นอย่างไรเขาถึงเลือกวิธีนี้แทนที่จะเป็นวิธีอื่นมากมาย แต่เอาเถอะผมไม่ใช่ศัตรูกับรัฐบาลไหน แต่ที่อึดอัดจริงๆคือการบอกว่าเรากำลังรักษาได้คุณภาพ แค่นั้นครับ ในทางวิชาชีพแพทย์นั้นเราเล็งเห็นปัญหานี้มานานมากครับแต่ไม่ว่าจะเสนอไปอย่างไรนักการเมืองทุกฝ่ายก็มองข้ามไป ไม่ว่าจะปัญหาของบัญชียาหลัก ปัญหาเรื่องงบ เรื่องสิทธิ อย่าคิดว่าคนอื่นเอาแต่งอมืองอเท้าเป็นนักเลงบนบอร์ดครับ แต่นักการเมืองและรัฐบาลที่ท่านบูชาเขาไม่มองไม่เชื่อพวกเราครับ แท้จริงแล้วนโยบายลดคุณภาพเหล่านี้มีข้อดีกับนักกการเมืองที่มีผลประโยชน์อยู๋กับรพ.เอกชนครับ เพราะหมอเก่งๆในรพ.รัฐจะทนอึดอัดได้นานเท่าไร รพ.รัฐจะคงคุณภาพได้นานเท่าไร จากคุณ : oncodog เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 00:36:41

ความคิดเห็นที่ 20 .............ในทางวิชาชีพแพทย์นั้นเราเล็งเห็นปัญหานี้มานานมากครับแต่ไม่ว่าจะเสนอไปอย่างไรนักการเมืองทุกฝ่ายก็มองข้ามไป ไม่ว่าจะปัญหาของบัญชียาหลัก ปัญหาเรื่องงบ เรื่องสิทธิ อย่าคิดว่าคนอื่นเอาแต่งอมืองอเท้าเป็นนักเลงบนบอร์ดครับ แต่นักการเมืองและรัฐบาลที่ท่านบูชาเขาไม่มองไม่เชื่อพวกเราครับ................ -ปัญหานี้มีมานานแล้ว   ทุกคนก็รู้   เสนออย่างไร นักการเมืองก็มองข้ามไป.........แล้วทำไม ข้อเสนอของคุณหมอสงวนถึง ได้รับการตอบรับนำมาปฏิบัติ ครับ  คุณหมอสงวนเสนอแนะนักการเมืองอย่างไร  หรือ คุณหมอสงวนเป็นนักการเมือง ครับ -อย่าคิดว่าคนอื่นงอมืองอเท้า.....  ผมไม่คิดอย่างนั้นครับ เพราะคุณหมอทั้งหลายมีการร่วม กันออกมาไล่ทักษิณได้สำเร็จ  เพียงแต่พวกคุณหมอเลือกปฏิบัติกับนักการเมืองที่พวก คุณหมอไม่บูชาหรือเปล่าครับ  พอนักการเมืองคนอื่นเข้ามาถึงไม่ว่าอะไรเลย  แล้ว คุณหมอรู้ได้อย่างไรว่าผมบูชาเขา   ผมเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ยื่นศาลปกครองขอระงับการ ประกาศใช้พรบ.สถานพยาบาลในสมัยคุณหญิงสุดารัตน์  จนเกิดการเจรจาระงับการ ยื่นและมีการรับฟังข้อเสนอที่รัฐสภา และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไปพูดในวันนั้นด้วย ส่วนนโยบายลดคุณภาพเพื่อเอื้อประโยชน์โรงพยาบาลเอกชน นี่  แน่ใจหรือครับว่า คนที่ได้คือนักการเมืองที่มีผลประโยชน์กับรพ.เอกชน  ไม่ใช่คุณหมอทั้งหลายที่มี ประโยชน์กับรพ.เอกชน แต่ยังทำงานในหน่วยงานรัฐหรือเปล่าครับ    ถ้าเป็นนักการเมือง แล้ว ทำไมคุณหมอทั้งหลายไม่ทำลายนโยบายนี้ทิ้งเมื่อพรรคการเมืองนี้ถูกรัฐประหารไป ครับ  ไม่ใช่เพราะคนที่อยากทำอย่างนี้ยังอยู่ในระบบหรือเปล่าครับ  ใครครับที่ยังคง อยู่ยั้งยืนยงในระบบ ทั้งๆที่รัฐบาลเปลี่ยนมือมาหลายรอบแล้วแต่ปัญหาก็ไม่เคยได้ รับการแก้ไขสักที ครับ แก้ไขเมื่อ 29 ต.ค. 55 10:47:36 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 55 10:28:25

ความคิดเห็นที่ 21 " ค้านคุณหมอหมูเรื่องไม่มีเงินครับ   ถ้าไม่มีเงินจริง กลาโหมคงไม่ได้เพิ่มงบประมาณหรอกครับ " ............. ที่ไม่มีเงิน เพราะ นำเงินไปใช้อย่างอื่นที่เขาคิดว่า สำคัญกว่า อย่างที่ยกมาก็จะเห็นว่า นักการเมือง (ข้าราชการ ฝ่ายบริหาร) เห็นว่า กลาโหม สำคัญกว่า สาธารณสุข ............. ส่วนคำถามอื่น ก็คงเกินความสามารถ ที่ผมจะไปแก้ไข หรือ ชี้แจงให้คุณกินลม เข้าใจ   ถ้าอยากจะรู้จริง ๆ ก็คงต้องไปถาม คนที่คุณกินลม ยกมานั่นแหละครับ " แล้วทำไม ข้อเสนอของคุณหมอสงวนถึงได้รับการตอบรับนำมาปฏิบัติ ครับ " ... ........... ที่นำมาปฏิบัติ ก็เพราะ เป็น นโยบายทางการเมือง ของนักการเมือง            ไม่ใช่ ข้อเสนอของคุณหมอสงวน ... ถ้านักการเมือง ทำตามขั้นตอน หลักการที่คุณหมอสงวนเสนอ คงไม่เกิดปัญหา ระบบสุขภาพ แบบในปัจจุบัน ........... เรื่องนี้ จะโทษว่าเป็นเพราะ นักการเมือง อย่างเดียวก็คงไม่ได้  ต้องโทษทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ประชาชน ข้าราชการ นักวิชาการ  ฯลฯ ทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบ รับผลที่เกิดขึ้น               ปัญหาเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่ " หมอ " ที่เห็นแตกต่างกัน คนส่วนหนึ่งได้ประโยชน์ อีกส่วนเสียประโยชน์ คนส่วนหนึ่งเห็นว่าดี อีกส่วนบอกว่าไม่ดี ฯลฯ  .. แต่ ก็มีปัญหาเรื่องที่คล้ายกันนี้ ที่คนในวิชาชีพเดียวกัน เห็นต่างกัน แล้วก็ทำให้เกิดปัญหาตามมา  เช่น ระบบยุติธรรม นักกฏหมาย เห็นตรงกันหรือเปล่า ? มีปัญหาหรือเปล่า ? แล้วที่เกิดปัญหาขึ้น นักกฏหมายได้แก้ไขหรือยัง ? ฯลฯ เป็นต้น               แล้วในฐานะที่เป็นผู้รู้ด้านกฏหมาย คุณกินลมชมทะเล ได้แก้ไข ปัญหา ของระบบ ที่คุณอยู่หรือยัง ?  ทำไม ถึงยังเกิดปัญหาอยู่ ? ไม่ได้อยากชวนทะเลาะ แต่เห็นว่า คุณกินลมชมทะเล มักชอบอ้างว่า " หมอ ทำอะไรอยู่ ทำไม ไม่แก้ไข " นะครับ .. เลยยกมาเทียบว่า  " คุณกินลม ทำอะไรอยู่ ทำไม ไม่แก้ไข " .. ผมก็เห็นด้วยนะครับว่า " ส่วนหนึ่งของปัญหา ก็คือ หมอ " .. แต่ ก็ไม่ใช่ หมอ ทั้งหมด ที่เป็นปัญหา .. จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 14:47:20

ความคิดเห็นที่ 22 เรียนคุณหมอหมู ครับ  ผมก็ทำมาตลอดครับ  เท่าที่พอจะทำได้  เพราะว่าผม ไม่ได้เป็นข้าราชการครับ  เอกชนเต็มตัว และไม่เคยรับราชการ  เพียงแต่อยากเห็น การสาธารณสุขของประเทศพัฒนาขึ้น เท่านั้นครับ เรื่องคุณหมอสงวน  เท่าที่ทราบมา  การปรับเปลี่ยนไม่เป็นไปตามหลักของคุณหมอสงวน เกิดจากทีมที่ปรึกษาที่เป็นหมอในกระทรวงไม่ใช่หรือครับ(ถามเพราะไม่แน่ใจ คุณหมอ หมูไม่จำเป็นต้องย้อนให้ผมไปถามคนในกระทรวงหรอกนะครับ แหะ แหะ) ส่วนเรื่องงบประมาณที่ไปหนักกลาโหม  ไม่ใช่เพราะพวกคุณหมอไปร่วมด้วยช่วยเชียร์ ให้ทหารออกมายึดอำนาจหรอกหรือครับ   น่าจะมีพาวเวอร์พอที่จะเรียกร้องให้มีการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณหมอทั้งหลาย บอกว่าไม่ดีเลย ครับ  เลยสงสัยตามที่บอกข้างต้น เพราะตอนรัฐบาลทักษิณ งบ กลาโหมถูกลดลงนี่ครับ ปัญหาที่เห็นต่างย่อมมีความซับซ้อนของการแก้ไขครับ  แต่ปัญหาที่เห็นตรงกันแล้ว ไม่มีการแก้ไขนี่น่าสงสัย ครับ  อย่างเช่น หมอน้อยไม่พอกับจำนวนคนไข้  หมอทำงานหนัก เกินกว่าที่จะรักษาได้ผลดีกับคนไข้  งบประมาณไม่พอ   สิ่งเหล่านี้เห็นตรงกันทั้งหมอ คนไข้ แม้แต่นักการเมืองก็ยังเห็นด้วย  แต่กลับไม่มีการผลักดันให้เกิดการแก้ไข พวกคุณหมอพร้อมที่จะรวมตัวออกมาไล่นักการเมืองจนสำเร็จ  แต่ ไม่สามารถรวมตัว เพื่อแก้ไขสิ่งเหล่านี้เลยหรือครับ ในฐานะของ กินลม ชมทะเล  ก็พยายามชักจูงให้คุณหมอทั้งหลายมาร่วมกันแก้ไข อยู่ตลอดตามเหตุปัจจัยที่มีอยู่  ไม่พยายามเบี่ยงเบนเหตุปัจจัยไปที่อื่นเพื่อที่จะได้ แก้ไขได้ครับ ตามที่ได้พยายามชี้แจงอยู่ตลอด   (การรวมตัวโทษนักการเมืองเป็น เหตุปัจจัยที่เบี่ยงเบนประการหนึ่งที่ใช้กันอยู่ตลอด เพราะถ้านักการเมืองเป็นเหตุจริงๆ ปัญหาก็น่าจะแก้ไขได้แล้ว เพราะไล่ไปแล้วแต่นี่ยังเหมือนเดิม ดังนั้นก็ไม่น่าจะใช่ กระมังครับ) หมายเหตุแก้ไข..  ลบข้อมูลส่วนตัวออกครับ  คงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่า ผมทำอะไรบ้าง ครับ   ถ้าเห็นว่าที่ผมพูดมา มีเหตุผลสมควรและเป็นความจริง ก็ช่วยๆกันแก้ไข ก็แล้วกันครับ  ถ้าไม่จริง ก็ช่างมันเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 09:37:47 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 55 01:12:34 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 00:12:22

ความคิดเห็นที่ 23 คำขึ้นต้นว่า นพ. ที่เห็นๆกันตามข่าวการเมือง บางทีปัจจุบัน ก็ไม่ได้ทำอาชีพตามคำขึ้นต้น แต่โดนกลืนและเปลี่ยนแปลงไปเป็นนักการเมือง เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนที่รักษาผลประโยชน์ของตนกับพวกพ้องไว้ก่อน เมื่อไม่ได้ทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา แต่กลับทำงานที่อะไรก้ได้ขอแค่ตนและพวกพ้อง อยู่ได้ ผลประโยชน์ไม่เสีย วันๆอยู่แต่กับการเมือง มันก้ต้องมีเวลาที่จะคอยสอดส่องและ ไม่ยอมให้เกิดการแก้ไขอะไรหรอกครับ คนอื่นที่เค้ายังทำงานตามวิชาชีพที่เรียนมา ไม่ว่าจะอยู่สายเอกชน หรือคนของรัฐ แน่นอน ภาระงานที่เกี่ยวกับการรักษามันก็เยอะอยู่แล้ว ยังต้องมาพยายามงัดข้อและผลักดันกับเรื่องแบบนี้อีก เมื่องานประจำยังเต็มมือ จะเอาเวลาไหนไปร่วมมือกันผลักดันในเวลาอันสั้น? จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 01:08:12

ความคิดเห็นที่ 24 " เรื่องคุณหมอสงวน  เท่าที่ทราบมา  การปรับเปลี่ยนไม่เป็นไปตามหลักของคุณหมอสงวน เกิดจากทีมที่ปรึกษาที่เป็นหมอในกระทรวงไม่ใช่หรือครับ " ? ........... หมอในกระทรวง ก็เป็นส่วนหนึ่งครับ .. แต่หลักสำคัญของการปรับ ส่งตรงมาจากนักการเมือง เจ้าของนโยบาย (ซึ่งมี หมอ คนหนึ่งเป็นที่ปรึกษา และ มีนักธุรกิจ ซึ่งเป็นนักการตลาด เป็นผู้คิดนโยบาย แบบสั้น ๆ ง่าย ๆ )   ..........  หลายคนคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจาก คุณหมอสงวน เป็นคนคิด แต่ความจริงก็คือ มีคนคิดเรื่องนี้ ประชุม ปรึกษากันเยอะมากครับ  คุณหมอสงวนและ อาจารย์หมอ อีกหลายท่าน เป็นผู้ที่นำไปเสนอกับพรรคการเมืองสมัยนั้น ทุกพรรค แต่ไม่ได้รับความสนใจ จนที่ปรึกษาของพรรคการเมืองใหม่ (ในขณะนั้น) สนใจ คิดว่าน่าจะ "ขายได้" เลยออกมา .. (เขาพูดว่า "น่าจะขายได้" )  โดยไม่คาดว่า จะได้รับการตอบรับอย่างดีขนาดนั้น จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:27:49

ความคิดเห็นที่ 25 " ปัญหาที่เห็นต่างย่อมมีความซับซ้อนของการแก้ไขครับ  แต่ปัญหาที่เห็นตรงกันแล้ว ไม่มีการแก้ไขนี่น่าสงสัย ครับ  อย่างเช่น หมอน้อยไม่พอกับจำนวนคนไข้  หมอทำงานหนัก เกินกว่าที่จะรักษาได้ผลดีกับคนไข้  งบประมาณไม่พอ   สิ่งเหล่านี้เห็นตรงกันทั้งหมอ คนไข้ แม้แต่นักการเมืองก็ยังเห็นด้วย  แต่กลับไม่มีการผลักดันให้เกิดการแก้ไข พวกคุณหมอพร้อมที่จะรวมตัวออกมาไล่นักการเมืองจนสำเร็จ  แต่ ไม่สามารถรวมตัว เพื่อแก้ไขสิ่งเหล่านี้เลยหรือครับ " ............. ถ้าพูดกันตรง ๆ ก็คือ  " ไม่สามารถ จริง ๆ ครับ "   (ไม่ใช่ ไม่พยายาม นะครับ แต่ ไม่สามารถ ทำให้สำเร็จได้ )              ผม ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า " นักการเมือง " เห็นความสำคัญตรงนี้จริง ๆ หรือเปล่า ดูได้จาก นโยบาย และ การกระทำที่ผ่านมา ของทุกรัฐบาล ( ไม่ใช่แค่รัฐบาลปัจจุบัน ) เพราะ เรื่องนี้เกิดมาหลายสิบปี มีเรื่องราว มีการวิเคราะห์วิจัย มีการผลักดัน จนหลายคนที่ทำเรื่องนี้ สิ้นอายุขัยไปแล้ว  ผลก็เป็นอย่างที่เห็น ถ้าสนใจ ก็ลองแวะไปอ่านดูนะครับ .. สาเหตุที่ทำให้แพทย์ลาออกจากราชการ ... เคยมีการวิจัยมาเพียบ เมื่อไหร่จะเริ่มแก้ไข ??? http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-02-2010&group=7&gblog=140 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:31:51

ความคิดเห็นที่ 26 " การรวมตัว โทษนักการเมืองเป็น เหตุปัจจัยที่เบี่ยงเบนประการหนึ่งที่ใช้กันอยู่ตลอด เพราะถ้านักการเมืองเป็นเหตุจริงๆ ปัญหาก็น่าจะแก้ไขได้แล้ว เพราะไล่ไปแล้วแต่นี่ยังเหมือนเดิม ดังนั้นก็ไม่น่าจะใช่ กระมังครับ " ......... ไม่ใช่ นักการเมือง ปัจจุบัน หรือ พรรคใดพรรคหนึ่งหรอกครับ .. แต่ มันเป็นทุกพรรคการเมือง  ดังนั้น การไล่พรรคใด พรรคหนึ่งไป เปลี่ยนพรรคใหม่ นักการเมืองก็ยังคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลก็ยังเหมือนเดิม .......... สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือ " ความรู้ ความเข้าใจ ของประชาชน "  ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงต่างหาก ที่จะผลักดันเปลี่ยนแปลงเรื่องแบบนี้ได้  เหมือนที่ อ.ประเวศ พูดไว้เรื่อง สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา นั่นแหละครับ ถ้าใครสนใจ แวะไปโหลดมาอ่านได้ครับ  เนื้อหาอ่านง่ายเข้าใจง่าย (แต่ทำยากมาก) ยุทธศาสตร์ เขยื้อนสังคมไทยออกจากโครงสร้างมรณะ http://info.thaihealth.or.th/library/11641 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:39:00

ความคิดเห็นที่ 27 หมอที่ไหนไปเชียร์ทหารยึดอำนาจ ไม่มีใครอยากถอยหลังเข้าคลองหรอกครับ กรณีหมอตุลย์ผมก็ไม่เคยได้ยินแกเชียร์ทหารยึดอำนาจ แต่ก็ทราบว่าต่อต้านทักษิณและพวก กลุ่มนี้ก็กระทำส่วนตัว มีแพทย์อยู่ไม่กี่คน ไม่ใช่ว่าองค์กรแพทย์ที่ไหนไปสนับสนุน อีกอย่างนี้ไม่ใช่ห้องราชดำเนินนะครับ จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:34:34

ความคิดเห็นที่ 28 ความจริงผมเขียนเหตุปัจจัยเปรียบเทียบหลายเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา  แต่พอย้อนไปอ่าน ความเห็นของคุณหมอ 2-3 คคห.ท้ายๆก็เลยลบไปแล้ว คิดว่า  ช่างเถอะครับ  เพราะเท่าที่เขียนมา ถ้าใครคิด ได้ ก็คงคิดออกแล้วว่า  อะไรเป็นอะไร  ใครยังคิดไม่ออก มองไม่เห็นว่า เหตุปัจจัยที่ผมบอกอยู่ ตรงไหน ก็คงไม่เห็นต่อไป  ไม่ใช่ใครถูก-ผิด แต่มุมมองปัญหาอาจจะไม่เหมือนกันครับ สองคนยลตามช่อง  มองไม่เหมือนกัน ก็คิดไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา   ใครมีกำลังทำ อะไรในส่วนของตนก็ทำไป   ใครแก้ไขได้สำเร็จก็ยินดีด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 21:43:48 จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:41:33

ความคิดเห็นที่ 29 แถมอีกนิด ล่ะกัน  จากบล็อคคุณหมอหมู ที่แปะอันสุดท้าย  ..เคยมีวิจัยกันมาเพียบ เมื่อ ไหร่จะเริ่มแก้ไข...  แล้วมองย้อนขึ้นไปไม่กี่บรรทัด จะเห็นความคิดของคุณหมอครับว่า ..ไม่สามารถจริงๆครับ...   แต่ก่อนหน้านั้นทำไมทำได้ครับ   คุณหมอทั้งหลายรวมตัวกัน ประชุมที่โรงแรมปริ๊นเซส ถนนสุโขทัย เชิญกรรมาธิการ สธ.ที่เป็นหมอเข้ามาร่วมรับฟังปัญหา ของ สี่ พรบ.ที่จะประกาศใช้  ทำให้มีการแก้ไขก่อนประกาศ ถึงจะไม่ทั้งหมด  แต่ก็เป็น ผลที่ดีของการสาธารณสุขที่มีการรวมตัวกันได้   แต่หลังจากนั้น...อ้อ ไม่พูดการเมือง ก็ได้ครับ......และหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  ก็ไม่เห็นหมอรวมตัวกันเหมือน ตอนนั้นอีกเลย ครับ  ลองรวมตัวกันใหม่ดีไหมครับ  มีปัญหาอะไร จะได้คุยกันกับหมอ ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในนั้นให้ผลักดัน  คุย 10 ได้สัก 3 ก็ยังดี  ค่อยๆขยับขยายไปเรื่อยๆ เชิญคุยทุกปี ทุกรัฐบาลสิครับ (อ้อ  ผมเป็นคนหนึ่งในที่ประชุมครั้งนั้น และได้เสนอ มุมมองของผมไปด้วยครับ  ไม่ได้เป็นการอวด แต่เพราะเห็นประโยชน์ของการประชุม ครั้งนั้น เลยเอามาพูดครับ) สำหรับคุณหมอที่ไม่ชอบการเมือง   อยากให้เสนอเหตุปัจจัย และวิธีแก้ไขที่ไม่เกี่ยว กับการเมืองด้วยครับ   หรือจะเสนอแย้ง สนับสนุนในส่วนที่ผมพูดที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง ก็ได้ครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:29:18

ความคิดเห็นที่ 30 พวกป่วยไม่จริง พา พวกป่วยจริงลำบาก จากคุณ : อ่อน (augaug) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 12:14:04

ความคิดเห็นที่ 31 กรณีแบบนี้ฟ้องศาลปกครองได้ไหมเนี่ย โดยเฉพาะกรณีแบบ คห.11 เพราะถ้ารอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ก็อาจจะต้องมีคนตายกันก่อนแน่ๆ จากคุณ : สายลมปุยเมฆกับฟ้าสีคราม เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 12:46:28

ความคิดเห็นที่ 32 #31 ผมยุคนไข้ผมฟ้องไปหลายคนแล้วครับ จากคุณ : Umiki เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 02:09:48

ความคิดเห็นที่ 33 หมอที่รักษาแม่เราก็บอกว่า "ต้องทำอะไรสักอย่าง  สงสารคนไข้"  "แต่หมอทำอะไรไม่ได้เลย" เหมือนหมอโดนบีบด้วยนโยบาย  น่าสงสารค่ะ จากคุณ : XICE_AH เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 22:20:31

ความคิดเห็นที่ 34 http://www.facebook.com/ittaporn เลื่อนแล้ว! 1โรคเรื้อรัง 1รพ. ..ขอบคุณ ท่านสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่เข้าใจปัญหาในการปฏิบัติ งานของแพทย์ ในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง และยอมเลื่อนการลงทะเบียน 1โรคเรื้อรัง 1รพ.ออกไปก่อน เพราะระบบไม่พร้อมจะมีผลกระทบกับผู้ป่วยมาก.. หลังจากได้คุยกันที่ กรรมาธิการการสาธารณสุขวุฒิสภา ขอชื่นชมว่า ท่านมีเป็นผู้มีหลักการและเหตุผลที่ดีมากครับ / ต้องการฉบับจริง โหลดที่นี่http://www.alro.go.th/alro/ess/upload/32/pf32_4532_1.pdf เลื่อนแล้ว! "กลูโคซามีน"เจ้าปัญหา..ในที่สุด กระทรวงการคลังแจ้งว่า เพราะ อย.ขึ้นทะเบียนเป็นยา และถูกแพทย์และผู้ป่วยฟ้องศาลปกครองจึงขอเลื่อนให้เบิกจ่ายได้ตามความจำเป็น ไปถึง 31 ธค.55 ก่อน หนังสือฉบับจริงโหลดได้ที่http://www.alro.go.th/alro/ess/upload/32/pf32_4533_1.pdf จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:21:55