PANTIP.COM : L12839543 อยากให้มีการแยกห้องแพทย์แผนปัจจุบันออกเป็นกลุ่มย่อย ดีไหม ? [คลินิกหมออาสา]

ความคิดเห็นที่ 21

ูู^
^
^
อันตรายของการกินไข่ดองน้ำส้มสายชูหมัก
ผมขอแปลให้ใหม่ โดยไม่อคติดังนี้
1. ไข่มีไขมัน แต่ไขมันในไข่ มีสัดส่วนระหว่าง hdl กับ ldl ที่เหมาะสม
ดังนั้นการทานไข่ไก่วันละฟอง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
และมีการออกกำลังกายแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่เป็นโทษอันใด
2. ขอแหล่งข่าวด้วยครับ มันหมายถึงไข่ดอง picked egg รึเปล่า
ซึ่งอันนั้นมันไม่ได้ดองด้วน้ำส้มนะครับ ธรรมดากรดน้ำส้ม 5% และแช่ถึง 5 วันนี่
เชื้อก่อโรคทั่วไปตายเรียบร้อยแล้วครับ จะทนได้ก็เชื้อจุลินทรีย์บางชนิด ที่ไม่ก่อโรคครับ
และตามธรรมดาการนำไข่มาดองนี่ต้องเลือกดูลักษณะที่มันไม่เน่านะครับ
คือคนซื้อต้องเลือกเป็น จะบ่งบอกว่ามันไม่มีเชื้อโรค ถึงมีก็น้อยมาก
แต่ถ้าเอาไข่เน่ามาดอง(บางคนเซ่อ)
ก็น่าจะเป็นอันตรายอยู่ครับ ถ้าทำถูกวิธีขอรับรองว่าไม่เป็นอันตรายครับ
เชื้อจุลินทรีย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวทั้งหมด เพียงเราเข้าใจมัน เราก็จะอยู่กับมันได้
โลกมนุษย์ต้องอาศัยจุลินทรีย์ ถ้ากลัวจุลินทรีย์ก็อย่าก้าวออกมานอกบ้านเลยครับ
เพราะในดินมันมีเชื้อบาดทะยักอยู่นะครับ โอกาสตายมีสูงมาก ก้าวออกมานอกบ้าน
โอกาสตายมีสูงมาก อยู่แต่ในบ้านเถอะครับ อาหารที่ทานนอกบ้าน
ก็เต็มไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์ อย่าไปกินเลยครับ ตามร้านค้าข้างทางกินไม่ได้ครับ
จุลินทรีย์ทั้งนั้น เชื้อโรคทั้งนั้น หุหุ..
3. แผลร้อนใน มีเพียงเล็กน้อยในบางคน 5% ยังไม่เคยเกิดแบบรุนแรงครับ
และเมื่อหยุดแล้วอาการก็หายไป
4. สาร Avid จับกับไบโอตินแล้ว ทำให้สูญเสียมากน้อยเท่าไหร่
ขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยครับ
ดูจากเน็ตบอกว่า
** สาเหตุหนึ่งที่ร่างกายอาจขาดไบโอตินได้ก็คือ
การรับประทานไข่ขาวดิบในปริมาณมากเป็นระยะเวลานานๆ
สังเกตุมีคำว่า อาจ ปริมาณมาก ระยะเวลานาน ๆ
--- ไข่ดองนี้ อันนี้กินแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และไม่ได้กินไข่ขาวดิบอย่างเดียว
เรากินไข่แดงด้วย ในไข่แดงก็เป็นแหล่งไบโอตินอันสมบูรณ์อยู่แล้ว
ดังนั้นการทานไข่ดิบดองระยะเวลาหนึ่ง
ไม่น่าจะขาดมากมายจนทำให้เกิดโรคได้นะครับ
และจากประสบการณ์คนที่กินไข่ดองเป็นเดือน
ก็ไม่มีอาการ ผิวหนังแพ้ง่าย โลหิตจาง
หรือติดเชื้อราง่ายนะครับ แสดงว่าไม่ได้ขาดไบโอติน
จุดนี้คงไม่จำเป็นต้องไปใช้เครื่องมืออันใดตรวจให้เสียเงิน
และเสียเวลาครับ
ส่วนเรื่องโลหิตจางนี่ชัดเจนครับ การทานไข่ดิบดองจะทำให้โลหิต
ไหลเวียนดีขึ้นสังเกตุได้ง่าย ๆ คือ คนที่เล็บขาว เมื่อทานไข่ดองแล้ว
เล็บจะเริ่มมีสีชมพูดขึ้น แสดงว่าเริ่มมีเลือดเพิ่มขึ้น
**********************************
- ในปัจจุบันนี้มีหลายท่านยืนยันแล้วว่าการใช้ไข่ดองบรรเทาโรคนั้นเป็นไปได้จริง
คืออาการของโรคที่เป็นอยู่ดีขึ้น
แต่มีบุคคลที่หลงไหลการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการรักษาโรคไม่ยอมรับ

จึงเล่นคำตามมุขเดิมที่ถนัดด้วยการบอกว่า มักรักษาโรคไม่ได้
จริงอยู่ว่ามันรักษาไม่ได้ แต่มันบรรเทาได้
ยกตัวอย่างคนที่หลอดเลือดตีบ เห็นได้ชัดจากภายนอกคือเส้นเลือดขอด
เมื่อทานไข่ดองน้ำส้มไประยะนึงจะมีอาการดีขึ้น ซึ่งมันเกิดจากการที่ตัวไข่ดอง
ไปละลายสิ่งที่อุดตันหลอดเลือด ทำให้เลือดเดินได้สะดวก
อาการต่าง ๆ ที่เคยแย่ก็ดีขึ้น เช่น
ปวดตามข้อนิ้ว ชาตามปลายมือปลายเท้า อาการปวดหัวก็ลดลงมาก
ผมเป็นคนแนะนำให้เค้าทานเองเอง แล้วเค้าพูดเอง ผมได้ยินมากับหู
***
การจะบรรเทารักษาโรคนั้น จะให้ผลตรวจออกมาดี แต่ผู้ป่วยรู้สึกแย่
หรือจะให้ผลตรวจออกมาแย่ แต่ผู้ป่วยรู้สึกดีก็พิจารณาเอาเองได้ครับ
-
คนที่ต่อต้านก็บอกแต่สรรพโทษ ไม่ยอมบอกสรรพคุณ
คนที่เห็นด้วยก็บอกแต่สรรพคุณ ไม่บอกสรรพโทษ
ทำให้ข้อมูลบิดเบือนไปได้
ก็ต้องทำใจ
*** เสียดายกับองค์ความรู้ที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาเป็นพัน ๆ ปี****
ต้องมาโดนเหยียบย่ำ โดยคนไทยด้วยกัน
*** แต่อย่างว่านะครับ ผมยังไม่เคยเห็นสิ่งใดที่เอาเข้าปากแล้วไม่มีผลข้างเคียงเลย
แม้แต่น้ำเปล่า ทุกอย่าง ถ้ากินไม่ถูกวิธีมันก็มีโทษทั้งนั้น
ดังนั้นการที่เอาแต่ผลเสียมาพูดนั้นผมรู้สึกว่า อคติมาก ๆ "
--
ส่วนมากคนที่แนะนำไข่ดองให้คนอื่นทานนั้น
ส่วนมากจะได้ลองทานมาด้วยตัวเองมาแล้ว
ส่วนคนที่โจมตีนั้น มักไม่เคยทาน และพยายาม
เขียนทฤษฎีต่อต้านมาเสียน่ากลัว
....
ผมได้ลองแล้ว มันไม่ได้่น่ากลัวอะไรเลยซักนิด
แต่คนที่จ่ายสารเคมีสังเคราะห์ให้ผู้อื่นทานน่ะ
มันมีผลข้างเคียงมากขนาดไหน
คนจ่ายเคยบอกคนกินบ้างหรือเปล่า
คนจ่ายกล้าทานเองหรือเปล่า
ถ้ามันดีจริง ทำไมคนจ่ายจึงไม่กล้ากิน
*** มองตรงตรรกะง่าย ๆ ก็ได้ ***
--
คิดง่าย ๆ ถ้าเป็นเส้นเลือดอุดตันหมอจะทำยังไง
ก็รอให้มันอุดตันหนักขึ้น หนักขึ้น แล้วก็รอผ่า ฟันเห็น ๆ
อย่างนี้แหละที่เรียกว่ารักษาโรค
คือหมอรักษาโรคไว้ หมอรวย คนไข้ซวยไป
---
ส่วนไข่ดองนั้น ช่วยอาการอุดตันของเส้นเลือด ที่เกิดจาก
ลิ่มเลือด คราบไขมัน plaque หรือหินปูนได้ดีมาก
มีการใช้และเห็นผลชัดเจน
ขอบอก...
พูดมากพอแล้ว
ถ้าใครไม่อยากรับฟังความจริง อยากกดลบก็ลบไป
....
ทิ้งท้าย ผมเคยไปหาหมองวดสุดท้าย 2 ปีก่อน
ผงเข้าตาผมล้างตาแล้วมันมันไม่หาย
พอดีผ่านโรงพยาบาล เลยแวะเข้าไปสักหน่อย
คิดว่าตาเราสำคัญเสียเงินซักร้อยสองร้อยคงไม่เป็นอะไร
ผมรอทำบัตร 1 ชม. หมอล้างตาให้ จ่ายยาพารามา
ผมดูค่ายาค่ารักษา รวมเป็นเงิน 800 บาท
ตั้งแต่นั้นมา ผมไม่กล้าฝากชีิวตของผมไว้กับหมออีกแล้วครับ
เพราะผมไม่ใช่คนร่ำคนรวยอะไร....
...ผมขอเดินตามทางที่บรรพบุรุษได้วางไว้ดีกว่า
-
-

****ใครไม่ชอบก็กดลบได้ครับไม่ว่า เพราะผมเข้าใจครับ***
ที่นี่ประเทศไทย ฝรั่งหัวแดง มันเอาคอคนไปหมดแล้ว
ตั้งแต่มาทำเครื่องพิมพ์ดีดให้ประเทศไทย
เหลือแต่คอควายไว้ มันเห็นว่าเมืองไทยไม่ควรมีคอคน
ควรให้เหลือแต่คอควาย เอาไว้สนตะพาย...หุหุ
*******
ถ้าหมอปัจจุบัน พยายามจะเหยียบย่ำแต่แนวทางอื่น มันก็เข้ากันไม่ได้
แยกไปเลยก็ดีครับ แต่ควรจะใช้คำดีๆ หน่อยเช่น
natural medicne หรือ ยาฟ้าประทานก็ได้
ฟ้าก็คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ดังนั้นการใช้คำว่ายาฟ้าประทานก็ไม่น่า
จะเว่อร์เกินไป เป็นการลดเกรดลงด้วยซ้ำ
อย่าใช้เลย คำว่ายาแผนโบราณ หรือแพทย์ทางเลือก
อย่างที่เคยกระทำมา
มันฟังดูแ้ล้วไม่น่าศรัทธาเลย
....
ส่วนแพทย์แผนปัจจุบัน
ก็ควร บอกตรง ๆ ไปเลยว่า
แพทย์ ใช้สารเคมีสังเคราะห์ เพื่อรักษาโรค
ใจกว้าง ๆ และใจถึง ๆ ไปเลย ใช้อะไรก็บอกอย่างนั้น
อย่าไปตั้งชื่อให้โก้เก๋เกินความเป็นจริง
ยอมรับความจริง คนทุกวันนี้จะได้เฉลียวใจและฉุกคิดขึ้นว่า
ที่หมอเอาให้กินทุกวันนี้ มันก็คือสารเคมีสังเคราะห์นั่นเอง
ใครกล้ากินก็กิน

จากคุณ : ไก่แดง

เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 22:38:57