ความคิดเห็นที่ 1 พอโหลดลงเครื่องโทรศัพท์เราแล้ว  กดเข้าโปรแกรมครั้งแรกจะเป็นหน้าจอนี้ครับ  กดปุ่ม Get Started โปรแกรมจะให้เราลงทะเบียนสมาชิก คุณจะสมัครสมาชิกใหม่ไปเลย  หรือใครมี Facebook อยู่แล้วก็กด Login ด้วย Facebook ได้นะครับ จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:07:43

ความคิดเห็นที่ 2 พอลงทะเบียน และ Login เรียบร้อยจะเข้ามาหน้าจอนี้ครับ เป็นหน้าจอแรก  จะสรุปว่าเราวิ่งไปแล้วทั้งหมดกี่กิโลเมตร (หรือกี่ไมล์) ตั้งแต่เราใช้โปรแกรมมา  ถ้าใครอยากจะใช้หน่วยวัดเป็นกิโลเมตร แต่หน้าจอขึ้นเป็นไมล์ ไม่ต้องตกใจ เราแก้ไขทีหลังได้   สำหรับท่านที่เพิ่งใช้โปรแกรมครั้งแรก  หน้าจอจะขึ้นว่าวิ่งมาแล้ว 0.0 กิโล (หรือไมล์) นะครับ ส่วนแท่งยาวๆข้างล่างนั้น เป็นการบอกว่า วันนี้คุณวิ่งไประยะทางเท่าไหร่   แท่งสีเทาๆด้านหลัง  จะเป็นค่าเฉลี่ยการวิ่ง 7 ครั้งหลังสุดของคุณ  ซึ่งเขาจะเอามาเทียบกับของวันนี้ให้ดูว่า  ในวันนี้ คุณวิ่งเก่งกว่า หรือไม่เก่งกว่า การวิ่งเฉลี่ย 7 ครั้งล่าสุดของคุณนั่นเอง จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:11:40

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากนั้น ถ้าคุณกดปุ่ม 3 ขีดที่มุมบนซ้ายของจอ  จะมีเมนูแบบนี้โผล่ออกมาครับ จะมีเมนูแยกย่อยดังนี้ - Home  จะไปหน้าเมื่อกี้ที่สรุปการวิ่งรวมๆให้ดู - Activity  จะเป็นการสรุปว่า การวิ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมา ข้อมูลเป็นยังไงบ้าง - Setting  ตั้งค่าต่างๆ ตรงนี้ครับ  จะเปลี่ยนหน่วยจากไมล์เป็นกิโล หรือค่าต่างๆ ของตัวเราเอง ก็กดตรงนี้ - อันสุดท้ายขอข้ามครับ จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:15:02

ความคิดเห็นที่ 4 ทีนี้เราลองกดเข้ามาที่ Setting กันนะครับ Share Setting  เป็นการกำหนดค่าการแชร์ ว่าเราจะโพสโชว์สถิติตัวเองยังไง  (แต่ผมมักจะไม่ใช้  แต่จะแคปเจอร์หน้าจอโทรศัพท์ไปโพสเองมากกว่า) Run Countdown  เป็นการกำหนดว่า จะให้นับถอยหลัง ก่อนจะเริ่มวิ่งมั้ย ถ้าเราเลือกให้เป็น On  พอเราจะเริ่มวิ่ง โปรแกรมจะนับถอยหลังก่อนที่จะเริ่มบันทึกค่า Screen Orientation  คือกำหนดให้จอเป็นแนวตั้งแนวนอน Auto Voice Feedback  เป็นการกำหนดให้โปรแกรม คอยพูดบอกเราอยู่เรื่อยๆ ว่าเราวิ่งไปกี่นาทีแล้ว  กี่กิโลแล้ว  ความเร็วเท่าไหร่  โดยเราตั้งได้ว่าจะให้บอกทุกๆ 1 กิโล หรือกี่กิโล  หรือกี่นาที  อันนี้มีประโยชน์ คือทำให้เราไม่ต้องคอยหยิบโทรศัพท์มาดูขณะที่วิ่ง  (ซึ่งมันน่ารำคาญพอดู) PowerSong  แปลง่ายๆ คือให้เราเลือกเพลงปลุกใจ  เพลงที่คิดว่าฟังแล้วจะมีแรงฮึดวิ่งนั่นแหละ 555  ซึ่งจะแยกกับเพลงอื่นๆ ทีเราจะฟังเวลาวิ่ง  เหมือนประมาณว่า เวลาวิ่ง ฟังเพลงปกติแล้ว  แต่ก็หมดแรง ก็กดปุ่ม Powersong  เลือกเพลงปลุกใจที่คิดว่าฟังแล้วฮึด  (ต้องเลือกเพลงไว้ก่อนนะ)  มาฟังตอนวิ่ง Pause Run for Call อันนี้ยังไม่เคยลอง  คิดว่าโปรแกรมจะหยุดให้เอง ถ้ามีโทรฯเข้าตอนนั้น หัวข้อสุดท้าย  Music Pause with run  อันนี้ไม่เคยลอง จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:24:22

ความคิดเห็นที่ 5 อีกส่วนนึง ตรง  Setting  จะมีข้อมูลคร่าวๆของเราอยู่   unit of measure  คนไทยอย่างพวกเรา ส่วนใหญ่จะเลือกเป็น Metric ที่เหลือ ส่วนสูง  น้ำหนัก  เพศ ก็ใส่กันไปครับ จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:28:21

ความคิดเห็นที่ 6 มาดูการ Setting ส่วน Auto voice feedback กัน ส่วนนี้อย่างที่บอกคือ จะให้โปรแกรมคอยบอกข้อมูลการวิ้งของเราขณะที่วิ่งเป็นระยะๆ  โดยที่เราไม่ต้องคอยหยิบโทรศัพท์มาดูจอ  เราก็ต้องเซ็ตกันก่อนว่าจะให้โปรแกรมคอยแจ้งเตือนเราบ่อยแค่ไหน Audio Feedback  กดให้เป็น On นะครับ ถ้าจะฟังเสียงแจ้งเหล่านี้ผ่านหูฟัง Voice Type  ก็เลือกว่า จะเอาเสียงพูดเป็นเสียงผู้ชายหรือผู้หญิง Feedback  เป็นการเลือกว่าจะให้โปรแกรมบอกอะไรเราบ้าง เลือกให้เป็น ON ในสิ่งที่ต้องการ Time  คือให้บอกว่าวิ่งไปกี่นาทีแล้ว   Distance  คือให้บอกว่า วิ่งไประยะทางเท่าไหร่แล้ว  (ใช้ GPS วัดระยะทาง) Pace  ให้บอกความเร็วเฉลี่ยในการวิ่ง  (หน่วยเป็น นาทีต่อกิโล) Preview Voice Over  กดเพื่อลองฟังดูว่า  โปรแกรมจะพูดบอกเรายังไงบ้าง จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:33:29

ความคิดเห็นที่ 7 เลื่อนลงมานิดเป็น Feedback Frequency  เป็นการตั้งว่าจะให้บอกข้อมูลผ่านทางหูฟังบ่อยแค่ไหน End of Run only  คือ บอกสรุปทีเดียวตอนจบเลย ไม่ต้องฟังบ่อยๆ รำคาญ (ว่างั้น) ที่เป็นเลขระยะทาง  เช่น 0.25 กม. 0.50 กม. 1 กม.  ก็คือ  ให้โปรแกรมบอกข้อมูลการวิ่ง ทุกๆ ระยะทางที่เราตั้งไว้  เช่น ทุกๆ 1 กิโล ให้บอกข้อมูลการวิ่งผ่านทางหูฟัง ทีนึง ที่เป็นนาที คือ เซ็ตให้บอก ข้อมูลการวิ่ง ทุกๆ กี่นาที  (ตามแต่จะตั้ง) จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:36:41

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อไป  มาว่ากันถึงส่วนที่เรียกว่า Activity  เป็นการสรุปว่า แต่ละวันที่ผ่านไป คุณวิ่งไปเท่าไหร่กันบ้าง  จากรูปจะเห็นว่า มีทั้งไอคอน ลู่วิ่ง  และ ไอคอน ถนน  แปลว่า โปรแกรมนี้  จะใช้บนถนน หรือในฟิตเนส ก็ได้ทั้งนั้น   แต่ถ้าใช้ในฟิตเนส  ต้องถือโทรศัพท์ไว้ในมือตลอดการวิ่ง  หรือ จะใส่ Arm Band คาดไว้ที่แขนก็ได้  โปรแกรมจะวัดระยะทาง ตามการสั่นของมือ   ทีนี้ก็จะมีคำถาม  แล้วมันจะได้ระยะทางแม่นเท่าบนจอเครื่องลู่วิ่งที่ฟิตเนสเหรอ   คำตอบคือ ไม่ตรงหรอก  แต่ทุกครั้งหลังจากวิ่งเสร็จ มันจะมีปุ่มชื่อว่า  Calibrate  เอาไว้ใส่ค่าระยะทางที่เราอ่านจากเครื่องลู่วิ่งในฟิตเนส  เพื่อให้มันตรงกับความเป็นจริง  ดังนั้นไม่ต้องกลัว ตรงเป๊ะแน่นอน แต่ถ้าวิ่งกลางแจ้ง  โปรแกรมจะใช้ GPS จับระยะทาง อันนี้ค่อนข้างแม่น จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:42:50

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้เป็นหน้าจอสรุปข้อมูลสถิติการวิ่งของเราที่ผ่านมา จะเห็นว่า  มี  Total Nikefuel  4 หมื่นกว่า   ถามว่ามันคืออะไร   ตอบง่ายๆ มันคือคะแนนการวิ่งที่ NIKE จะให้เราหลังจบการวิ่งทุกครั้ง อ้าวแล้วมันคำนวนยังไงล่ะ ตอบได้เลย  ผมไม่รู้  5555  เอาเป็นว่า  มันมีคะแนนให้ ก็ดี ทำให้เราสนุก เหมือนกับวิ่งเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ  และมีเป็น Level ด้วย  เริ่มจากนักวิ่งสายเหลือง  ไปจนถึง นักวิ่งสายดำ (ต้องเก็บให้ได้ 5 หมื่นกิโลแน่ะ) ข้างล่างลงมาหน่อย เป็นสถิติต่างๆ ของเรา  เช่น  Farthest Run  คือ  เราวิ่งได้ไกลสุดตั้งแต่ใช้โปรแกรมมา  ที่กี่กิโล   Longest Run  เคยวิ่งนานสุดกี่ชั่วโมง นาที Fastest 1K  5K  10K  เป็นสถิติว่า  เราทำความเร็ว  1 กิโล  5 กิโล หรือ 10 กิโล  ได้เร็วสุดเท่าไหร่ หน่วยเป็น  นาที/กิโล จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:48:22

ความคิดเห็นที่ 10 เลื่อนหน้าจอลงมาหน่อย  จะเป็น โทรฟี่  เป็นถ้วยรางวัลที่ให้เราในโอกาสต่างๆ เช่นวิ่งในวันฮาโลวีน ก็ได้ตราหัวฟักทองมา 555   นอกจากนี้ยังมีตรารางวัลน่าสนใจอื่นๆ อีกเยอะ ยั่วให้เรากระหายอยากจะวิ่งเพื่อเอารางวัล จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:50:10

ความคิดเห็นที่ 11 เอาล่ะ เมื่อเราพร้อมที่จะวิ่ง  ก็กดปุ่ม  Run  ที่อยู่มุมบนขวาของจอได้เลย  จะเข้ามาหน้านี้ จะมีให้เลือกว่าเราจะวิ่งในร่ม (ในฟิตเนส ในบ้าน ฯลฯ)  หรือกลางแจ้ง จะฟังเพลงจาก Playlist ไหน ในไอโฟนของเรา   Get Cheer  อันนี้  ถ้าเรากดให้ ตรา Facebook สว่าง  เวลาที่เรากำลังวิ่งอยู่  ระบบจะโพสลงเฟซบุ้คเราว่าเรากำลังวิ่งอยู่  ใครมากด LIKE ปั๊บ  ขณะที่เราวิ่งอยู่ เราจะได้ยินเสียงเชียร์ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที  เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆได้ 555 เอาล่ะ เมื่อพร้อมจะวิ่งแล้ว  กด Begin Run  เลย   โปรแกรมจะเริ่มจับเวลา จับระยะทางที่เราวิ่งไป กรุณาพกไอโฟนติดตัวไว้ตลอดเวลา  หรือใช้เคสที่ผูกติดกับแขนอย่าง  Arm Band ก็ได้  เพื่อไม่ให้เราวิ่งไปต้องคอยถือโทรศัพท์ไป  หรือบางคนจะใส่โทรศัพท์ในกระเป๋าคาดเอว ก็ตามสะดวก   พอวิ่งเสร็จ ก็กด End Run  ระบบจะบันทึกการวิ่ง  และให้คะแนนเรา ถ้าอยากจะโชว์การวิ่งของตัวเอง  ง่ายที่สุด ก็กด Capture หน้าจอตัวเองไปโพสลงเฟซบุ้คได้เลย  โดยกดปุ่ม  เปิดเครื่อง+Home  พร้อมกัน เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ ก็ขอจบรีวิวแบบสั้นๆเท่านี้นะครับ รีวิวครั้งแรก อาจจะติดขัดอะไรก็ขออภัยด้วยครับ ที่ทำรีวิวนี้ เพราะอยากให้เพื่อนๆ มาใช้โปรแกรมนี้กันเยอะๆ  มันช่วยในการพัฒนาการฝึกวิ่งได้ดีเลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนจบนะครับ  555 จากคุณ : ลุงโนะ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 19:58:02

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเพิ่มค่ะ สามารถ ดูเพซ ทุกๆ 1กิโลได้ด้วยค่ะ เพียงแค่คุณเอียงโทรศัพท์ค่ะ มันจะโชว์เลยค่ะ บอกด้วยว่าโลไหนวิ่งเร็วสุดค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (poojo_ke) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:15:36

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มด้วย สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปไซต์ http://nikeplus.nike.com/plus/ ใช้ login เดียวกับใน app ข้อมูลจะซิงค์ขึ้นเวปไซต์ จากคุณ : daandart เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:50:40

ความคิดเห็นที่ 14 มี simulate ให้ดู มี pace(ระยะฝีเท้า) และ elevation(ความชัน) ตามระยะที่เราวิ่ง จากคุณ : daandart เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:53:32

ความคิดเห็นที่ 15 อันทีพี่ดา #13 บอก มันเจ๋งมากเลย ชอบๆ เห็นแพทเทิร์นการวิ่งของตัวเอง :) จากคุณ : เขียนบน iPhone (poojo_ke) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 20:54:38

ความคิดเห็นที่ 16 เพิ่มอีกอัน มีเปรียบเทียบสถิติของเรากับ คนที่อายุใกล้เคียงเรา และสถิติของสมาชิกในกลุ่ม nike+ ด้วย จากคุณ : daandart เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:05:46

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ จริงงง ปูก็ดูของตัวเองงงง 555 เค้าดีกว่า ผญ รุ่นตัวเองหน่อยนึง จากคุณ : เขียนบน iPhone (poojo_ke) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:30:34

ความคิดเห็นที่ 18 app นี้สุดยอด ใช้อยู่เหมือนกันครับ จากคุณ : เสี่ยวรำพึง เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 21:31:47

ความคิดเห็นที่ 19 เยี่ยมมากเลยค่ะ พัฒนาการวิ่งได้ดีกว่า ไม่มีอะไรวัดเลย ขึ้นอีกเป็น หลายเท่า จากคุณ : ขอพิมพ์ เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 16:23:54

ความคิดเห็นที่ 20 อยากใช้บ้าง แต่โทรศัพท์มันโบราณเกิ๊น จากคุณ : ณัฏฐา เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 17:17:42

ความคิดเห็นที่ 21 มีข้อสงสัยค่ะ แอปนี้ต้องใช้ร่วมกับรองเท้ารุ่นที่มี Wireless System หรือเปล่าคะ ขอบคุณค่ะ :) จากคุณ : Iam_fly เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:55:51

ความคิดเห็นที่ 22 ใครพอรู้บ้างครับ ถ้าผมซื้อ polar H7 มาต่อกับ iphone4s or iPhone5 จะใช้ได้กับ nike+ app หรือเปล่าครับ เพราะปกติ ผมก็ใช้ nike + มานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ซ์้อ HRM  ครั้นจะซื้อ แบบที่มีนาฬิกาข้อมือมาด้วย มันจะดูเยอะไปไหน ไหนจะต้องพกมือถือออกวิ่ง (เพราะต้องการฟังเพลง แถมจับเวลา จับความเร็ว พล๊อตแผนที่ ส่งข้อมูลขึ้น nike web ได้ด้วย) ผมเลยคิดว่า จะซื้อแค่ตัว sensor ก็พอ ใครมีข้อมูลบ้างครับ จากคุณ : fotamin (fotamin) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:05:54

ความคิดเห็นที่ 23 ขอรบกวนสอบถามด้วยค่ะ.. 1. พอเชื่อมต่อระหว่างแอพกับเซนเซอร์เสร็จ ก็ใช้งานได้เลย จบการออกกำลังก็มาหยุด ระหว่างนี้มันจะมีโอกาสหลุดมั้ยคะ 2. เห็นโฆษณาไอพอดนาโนอันใหม่ (7th Gen) เหมือนว่าเราไม่ต้องใช้ตัวรับ/ตัวต่อสัญญาณแล้ว ไม่ทราบว่าเคยมีใครใช้บ้างรึยังคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^ จากคุณ : viee เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:08:51

ความคิดเห็นที่ 24 สมัยก่อน ผมใช้ nike+ ที่จำเป็นต้องมี sensor ไว้ที่รองเท้า เหมือนกับตัว nike+iPod แต่ต่อมา nike ปล่อย nike GPS มา ตัว sensor ที่ฝังไว้ที่รองเท้า เลยมีความจำเป็ฯน้อยลง เพราะว่า ใช้ GPS จากเครื่องโทรศัพท์ วัดความเร็วได้เลย ไม่ต้องนับก้าว (แล้วเอาไปคุณกับ ระยะก้าวเฉลี่ย ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน ต้องทำการ แคลิเบรด ของใครของมันเอง)   ยุคต่อมา ใน nike GPS ก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกับ nike+ เป็น nike+ ยุคปัจจุบัน ตอนนี้ถึงผมจะวิ่งบนลู่ หรือว่า เอาท์ดอร์ ผมก็ยังไม่ได้ใช้ sensor ตัวนี้อีกอยู่ดี ผมจึงให้ความสำคัญที่ ตัว HRM มากกว่า   แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า เมื่อทำการวิ่ง indoor ไม่มีการส่งถ่ายข้อมุลจากลู่วิ่งมาที่เครื่อง iPhone app รุ้ได้ยังไง ว่าเราวิ่งไปไกลแค่ไหน ด้วยความเร็ว(บนลู่) เท่าไร    แต่เดานะครับ คงวัดจาก แรงสั่นสะเทือนของการก้าวของเรา แล้วไปคุณกับค่าเฉลี่ย เหมือนเดิม ค่าบนลู่วิ่ง กับบน iPhone ค่อนข้างแตกต่างกัน ถึง 500 m ถ้าหากวิ่งนาน ๆ เข้า ก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ sensor ตัวที่ฝังในรองเท้า เมื่อไม่มีการก้าวเกิดขึ้น เครื่องก็จะตัดการทำงานไปเองครับ จากคุณ : fotamin (fotamin) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 14:56:21