|
พออ่านแล้ว..อยากจะพาทั้งครอบครัว ไปบริจาค เราบริจาคเลือดไม่ได้ เพราะโลหิตจาง ด้วยไม่กินผัก และกินชามากเกินไป (ชายับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก ที่ใช้ในการสร้างเลือด)
เสิรช มาให้อ่านค่ะ ****************************
บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell)
เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell)เป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิตซึ่งอาศัยในไขกระดูก และจะเจริญเติบโตไปเป็นเม็ดโลหิตแดง เม็ดโลหิตขาว และเกล็ดโลหิต ซึ่งหล่อเลี้ยงอยู่ในร่างกาย เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตสามารถบริจาคให้บุคคลอื่นได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคแต่อย่างใด และเป็นความหวังเดียวที่จะรักษาผู้ป่วยโรคทางโลหิตให้หายขาดได้ในปัจจุบัน โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการปลูกถ่าย Stem Cellเช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย, โรคโลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ,โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวเฉียบพลัน / เรื้อรัง ,โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นต้น
ขั้นตอนการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัคร มีดังนี้
1.ตรวจสอบคุณสมบัติของอาสาสมัคร
-อายุระหว่าง 18-50ปี -เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง -ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง
2. การลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell
สามารถติดต่อขอรับเอกสารเพื่อลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cellได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือเจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการก่อนทำการบริจาคโลหิต
หมายเหตุ :แม้ไม่ใช่ผู้บริจาคโลหิต ก็สามารถลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตได้ เช่นกัน แต่จะรับลงทะเบียนเฉพาะวัน เวลาราชการ
3. การเป็นผู้บริจาค Stem Cell
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะทำการเก็บตัวอย่างโลหิตประมาณ 5 ml. เพื่อนำไปตรวจลักษณะเนื้อเยื่อ ( HLA or Tissue typing )และเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนหากผู้บริจาคมีลักษณะเนื้อเยื่อ HLAเข้ากันได้กับผู้ป่วยแล้ว ทางศูนย์บริการโลหิตฯ จะเชิญอาสาสมัครมาบริจาคสเต็มเซลล์ในภายหลัง ซึ่งการบริจาค stemcellไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาคแต่อย่างใด แต่กลับช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ เสมือนได้เกิดใหม่
วิธีบริจาค Stem Cell
การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตมี 2 วิธี ซึ่งปัจจุบันนี้นิยมวิธีการบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางหลอดโลหิตดำ(Peripheral Blood Stem Cell Donation) เพราะง่ายและสะดวกสำหรับผู้บริจาค โดยผู้บริจาคสามารถเลือกวิธีบริจาคได้ หรืออาจจะได้รับการร้องขอจากแพทย์ให้บริจาคด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง (ก่อนการบริจาคต้องมีการตรวจสุขภาพของผู้บริจาค) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางหลอดโลหิตดำ(Peripheral Blood Stem Cell Donation)
โดยปกติในกระแสโลหิตจะมีเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต(Stem Cell) อยู่น้อยมาก ในขั้นแรกจึงต้องฉีดยา G-CSF 4 วัน เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) ออกจากไขกระดูก (Bone Marrow) มากระจายในกระแสโลหิตให้มากพอ จึงจะเข้ากระบวนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งคล้ายกับวิธีการเก็บเกล็ดโลหิต หรือน้ำเหลือง(Plasma) โดยนำโลหิตผ่านเข็มที่แทงอยู่ในเส้นเลือดดำ(Vein) เข้าสู่เครื่อง Automated Blood Cell Separator ที่จะแยกเฉพาะเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ทั้งนี้จะใช้เวลาเก็บครั้งละ 3 ชั่วโมง และอาจจะต้องมาเก็บ 2-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้ป่วย
2. การบริจาคไขกระดูก (Bone Marrow Donation)
เป็นกระบวนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากโพรงไขกระดูกโดยใช้เข็มและกระบอกฉีดยาเจาะเก็บจากบริเวณสะโพกด้านหลัง (บริเวณขอบกระดูกเชิงกราน) ซึ่งดำเนินการเก็บในห้องผ่าตัด กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งก่อนที่จะถึงกระบวนการเจาะเก็บข้างต้น ผู้บริจาคอาจต้องบริจาคโลหิตเก็บไว้ และจะนำมาให้หลังจากที่ได้เจาะเก็บไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ร่างกายสามารถสร้างเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนได้อย่างรวดเร็ว และหลังทำแผลแล้วผู้บริจาคสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น และควรพักฟื้นร่างกายประมาณ 5-7 วัน
วันและเวลาทำการ
จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 16.00 น. เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 15.00น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
โทร. 0-2256-4300 หรือ 0-2263-9600 ต่อ 1770, 1771 และ 1777
หรือ e-mail : stemcell@redcross.or.th
เว็บไซต์ :www.stemcellthairedcross.com
จากคุณ |
:
บ้านดอกชวนชมสารพัดสี
|
เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ย. 55 00:37:35
|
|
|
|
|