ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากนั้นก็ปกติดีทุกอย่าง ไม่ไอ ไม่มีไข้ แต่ก็ระวังตัวทุกอย่าง กลายเป็นว่าที่บ้านหันมากินช้อนกลาง ไม่กินน้ำแก้วเดียวกัน เราเองก็ระมัดระวังตัวมาก ไม่เข้าใกล้ใครเลย ใส่หน้ากากตลอด ใครเดินมาใกล้ๆ ด่า ไปไอ จามนอกบ้าน คือเราไม่อยากให้คนที่บ้านติด ครบสองอาทิตย์ก็ไปตรวจเสมหะตามผล โชคดีที่เสมหะเป็นลบแล้ว แต่เาโชคร้ายที่ตับอักเสบเฉียพลัน เพราะผลข้างเคียงจากยาที่กินไป ยา TB มีผลข้างเคียงข่อนข้างมาก และยาที่ต้องกินหลายตัว เราไม่มีอาการอย่างอื่นเลย เช่น ผื่น คัน มึนหัว เดินเอียง ตัวเหลือง แต่เนื่องจากยา TB จะถูกทำลายทีตับ เราเลยต้องเปลี่ยนสูตรยา คือลดยาบางตัว ลงก่อนเพื่อให้ค่าตับออกมาเป็นปกติ แล้วถึงจะกลับไปกินยาให้คบ 4 ตัวได้ จากที่คิดว่าจะกินยาแค่ 6 เดือน เราอาจจะต้องกินยานานขึ้นกว่านั้น ต้องเจาะเลือดทุกอาทิตย์เพิ่อตรวจค่าตับ วันจันทร์นี่เรานัดพบหมออีก เพื่อตรวจเลือด ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วค่าตับเราก็ลดลงแล้วจาก 300 กว่า (เป็นอาการตับอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งหมอไม่ได้บอกอะไร เราไปค้นข้อมูลมาได้ทีหลังว่า 300 กว่าถือว่าเป็นอาการของตับอักเสบเฉียบพลัน) เหลือ 100 กว่าซึ่งก็ถือว่ายังไม่ปกติ แต่ก็นับว่าดีขึ้นแล้ว เป็นผลโดยตรงมาจากยา ดีนะไม่เป็นไรมากกว่านี้ จากคุณ : บัลลังก์แสงเดือน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 12:51:27

ความคิดเห็นที่ 2 กล่าวถึงยาวัณโรค จะเริ่มนับว่ากินยาครบก็ต่อเมื่อ ได้รับยา 4 ตัว เป็นเวลาอย่างน้อย  2 เดือน แล้วหลังจากนั้นก็จะต้องกินยา 2 ตัวอีก 4 เดือน นี่คือสูตรรักษาที่เร็วที่สุด เท่ากับว่า เท่ากับว่า เราต้องเริ่มนับวันที่กินยาใหม่ต่อเมื่อได้รับยา 4 ตัวอีกครั้ง เราอาจจะโชคร้ายที่เป็น แต่เราโชคดีที่ที่บ้านไม่มีใครติด ทั้งๆที่ใกล้ชิดกันมาก อาจจะเป็นเพราะเรามีวัฒนธรรมคือ เราไม่เคยไอ จามรดใคร เพราะเราติดผ้าเช็ดหน้าด้วยแหละ พอรู้ว่าเป็นก็เลยหาข้อมูล เกี่ยวกับโรคนี้จากที่เคยคิดว่าเป็นโรคที่ไกลตัว แต่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นโรคที่ใกล้ตัวมากๆเลย เนื่องจากบ้านเราเป็นอากาศแบบร้อนชื้น ซึ่งเหมาะกับการเจริญเติบโดเชื้อโรคตัวนี้มาก ถ้าเป็นแถวอเมริกา ยุโรป โรคนี้มักจะไม่ค่อยพบ บ้านเค้าเด็กที่เกิดใหม่จึงไม่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าโรคนี้มีวัคซีนป้องกัน วัคซีนที่เด็กๆทุกคนได้รับกันตอนเด็กนั้นรวมทั้งเราด้วย มันป้องกันแค่เมื่อเป็นแล้วไม่รุนแรงลามไปยังทีอื่นที่อาจจะก่อกันตรายได้มากกว่า เช่นสมอง เป็นต้น และมีอายุแค่ 10 ปี  ผู้ใหญ่อย่างเราๆก็ฉีดได้ แต่อย่างที่บอกฉีดแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็น และโรคนี้ เป็นแล้วเป็นอีกได้ ไม่มีภูมิคุ้มกันจากโรค อย่างอีสุกอีใส โรคนี้ช่วงนึงคิดว่าหายไปจากสังคมไทยแล้ว แต่พอโรคเอดส์แพร่ระบาดมากขึ้น โรคนี้ก็กลับมาระบาดใหม่ จากคุณ : บัลลังก์แสงเดือน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 13:06:50

ความคิดเห็นที่ 3 เพราะคนที่ติด HIV ภูมิคุ้มกันจะบกพร่อง ง่ายต่อการติดเชื้อ เมื่อเป็นโรคนี้ ก็สามารถแพร่ไปยังคนอื่น แม้กระทั้งคนที่ไม่ได้ติดเชื้อ HIV ได้ แล้วเชื้อ TB เป็นเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศ จากละอองฝอยที่มาจากการไอ หรือจามของคนที่เป็น เมื่อคุณสูดเอาอากาศที่มีเชื้อเข้าไป คุณก็มีเชื้อ TB แล้ว แต่ร่างกายคนเราก็มีเกราะปกป้อง คือสามารถทำลายเชื้อโรคแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้ ไม่อย่างนั้นมนุษย์โลกคงตายกันไปหมดแล้ว เพราะในอากาศมีเชื้อโรคมากมาย แต่ถ้าตอนนั้นร่างกายคุณอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง (ความแข็งแรงของร่างกาย เป็นคนละเรื่องกับภูมิคุ้มกันของร่างกายนะ อย่าเข้าใจผิด เราเองก็ร่างกายแข็งแรง แต่เราคงภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ เราถึงเป็น TB) คุณก็จะเป็น TB หรือ เมื่อเจ้าเชื้อ TB มันเข้าไปในร่างกายคุณแล้วแต่ตอนนั้นคุณยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ แต่ร่างกายคุณอาาจะกำจัดไม่หมด  มันก็อาจจะนอนหลับอยู่เฉยๆ รอวันเวลาที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายคุณอ่อนแอ เช่น เมื่อคุณติดเชื้อ HIV หรือเมื่อคุณสูงอายุขึ้น มันอาจจะนอนหลับอยู่อย่างนั้นได้เป็น 10 ปี หรือตลอดชีวิตของคุณก็ได้ ถึงได้มีคนบอกไว้ว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของ TB แต่คุณเป็น TB นั้นหมายความว่าคุณดวงตก 55 แบบเราไง แล้วเราจะป้องกันตัวเองได้ยังไง ในเมื่อบ้านเราเป็นดงวัณโรคแบบนี้ นอกจากทำร่างกายตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายจะได้แข็งแรงตามไปด้วย ไม่ไปเสี่ยงรับเชื้อ HIV มาแล้ว เวลาที่เห็นใครไอ จามแล้วไม่ปิดปาก เราต้องรีมเอามือ ผ้าเช็ดหน้า ปิดปาก ปิดจมูกตัวเอง เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ไอหรือจามนั้นเป็น TB เปล่า เมื่อป้องกันคนอื่นไม่ได้เราก็ต้องป้องกันตัวเอง จากคุณ : บัลลังก์แสงเดือน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 13:26:15

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ   เป็นกำลังใจให้หายเร็ว ๆนะคะ จากคุณ : ถึงหนูจะไม่สวยแต่หนูก็จนนะคะ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 13:57:38

ความคิดเห็นที่ 5     สวัสดีครับผมเอง ผ่านเรื่องนี้มาแล้ว ต้องออกงานที่รายได้กว่าเตือนละครึ่งแสน โชคดีที่ยังมีเงินเก็บบ้าง รักษาหายแล้วครับกินยาปีเศษๆ ที่น่าตกใจ หมอรพ.ที่นนท์ ระบุมะเร็งปอดระยะสี่ อย่าให้พี่ชายคุณกลับไปทำงาน ไปแล้วตายอยู่ตปท.แน่นอน (หมอบอกกับน้องสาว และหลานสาวผม)      จริงๆหมอทางตปท.ระบุมาตามหลัง หลังผมบินด่วนกลับมารักษาตัว ว่าเป็น ทีบี.รีบกินยารักษาตัวเลย แล้วกลับมารักษาต่อที่โน่น แต่หมอรพ.ทรวงอก บอกมะเร็งปอดระยะสี่ ทั้งเอ็กซเรย์ปอด สี่ครั้ง ส่องกล้องสองลงไปในหลอดลมตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ ๒ ครั้ง เรื่องเสมหะก็ตรวจครับ และ เจาะปอด เอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ก็เจาะ แต่บอกไม่แน่ใจ สรุป ผมกลายเป็นหนูลองยาของหมอคนนั้นไป ดีที่ผมเองใจแข็ง หาไม่คงตายไปก่อนรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงทีบี. ผมขอย้ายมารักษษรพ.เอกชน ชื่อรพงเหมือนเมืองหลวงไทย ค่ารักษาแพงเอาการ แต่สรุปผมเป็นวัณโรคครับ   แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 55 14:13:43 จากคุณ : ขวัญชัยอิศรา (kwanchaiisra) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 14:04:31

ความคิดเห็นที่ 6 วัณโรคเป็นโรคประจำเขตร้อนไม่มีวันหมดสิ้นไปจากประเทศได้หรอกมันอยู่ที่ภูมิต้านทานร่างกานใครจะเิกอ่อนแอลง วัณโรคก็จะมาเยือน ผมกินยาเม็ดเดียว หมอ โรคทรวงอกให้มาเม็ดใหญ่เท่าบ้านเลย กิน 6 เดือนแล้วปรับเบาลงแต่เม็ดใหญ้ท่าเดิมอีก 3 เดือน หายสนิทอาการตอนผมเป็นรุนแรงมาก ไม่มีไอเป็นเลือด แต่ไอเป็นเดือน น้ำหนักลดเพราะอดอาหารไม่ได้เบื่อนะ คิดว่าเพราะหักโหมอดอาหาร แบบอดขั้นรุนแรง เลยติดเชื้อ ปอดอักเสบสองกลีบมีน้ำในช่องปอด 2 ใน3 ตอนไปหานี่แบบว่าอาการชัดมากขนาดตัวองเวลาหายใจได้ยินเสียกรอบแกรบในปอด เลานอนแล้วเปลี่ยนรู้สึกน้ำกระฉอกอยู่ในช่องอก กินยาตามหมอสั่งเดี๋ยวก็หาย พ่อแม่ผมก็ทำตัวปกตินะ ไม่ป้องกันอะไร แต่ก็ไม่เป็นอะไร 20 ปีก่อนที่ผมจะเป็นพี่สาวก็เป็นมาก่อน อยู่บ้านเดียวกัน พี่สาวมีแค่ไอและปอดเป็นฝ้านิดหน่อย จากคุณ : เดือนดารา เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 14:21:45 A:124.122.255.107 X: TicketID:378455

ความคิดเห็นที่ 7 วัณโรคบ้านเราเป็นกันเยอะมาก อาจเป็นเพราะสภาพอากาศด้วย แล้วก็ไม่ค่อยจะปิดปาก จมูก เวลาไอจาม แล้วการใส่หน้ากากเป็นของแปลกเป็นตัวเชื้อโรค ความจริงคนที่ใส่หน้ากากอาจจะปองกันตัวเองก็ได้ เพราะเค้าบอกว่าในรถเมล์หนึ่งคัน อาจจะมีคนเป็น TB หนึ่งคน เมื่อคุณไอ จาม ไม่ปิดปาก จมูก เท่ากับคุณก็แพร่เชื้อให้คนอื่นที่อยู่บนรถเมล์แล้ว เราก็ตั้งใจว่าแล้ว ว่าต่อไปนี้ขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า รถใต้ดินเราจะป้องกันตัวเองแล้ว บ้านเราต่างจากญี่ปุ่นก็ตรงนี้แหละ ญี่ปุ่นถึงไม่ค่อยมีการแพร่ระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจมากเท่าบ้านเรา ในโรงหนัง ผับ เทค ก็สามารถเป็นที่แพร่เชื้อได้ เพราะเป็นสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก แสงแดดส่องไม่ถึง เชื้อ TB ตายเพราะแสงแดดและความน้ำร้อน แต่ถ้าอยู่มรที่อับจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 15 วัน เราจะบอกว่ามันติดง่ายกว่า HIV มาก เพราะ HIV ออกมานอกร่างกายคนเราเชื้อก็ตายแล้ว อีกอย่างยาวัณโรคต้องกินเป็นเวลานาน บางคนอาการดีแล้วก็หยุดยาเอง แต่ความจริงแล้วเชื้อวัณโรคมันตายยาก ใช้เวลานานในการฟักตัว ทั้งๆที่ความจริงอาจจะนอนหลับอยู่ในตัวเราเฉยๆ ยาที่กินถึงต้องกินเป็นเวลานานเพื่อฆ่าเชื้อในตัวให้ตายให้หมด ประเด็นเรื่องกินยายนานถึงทำให้ผู้ป่วยที่คิดเอาเองว่าตัวเองหายดีแล้วหยุดกินยา แล้วอาการกำเริบใหม่ แพร่ระบาดได้ต่อ และกลายเป็นวัณโรคดื้อยา ซึ่งก็จะแพร่เชื้อดื้อยาให้คนอื่นด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ที่เป็นโรคนอกจากป้องกันการแพร่เชื้อจากตัวเองไปสู่คนอื่นแล้ว ต้องมีวินัยในการกินยา กินยาตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเองนอกจากตามที่หมอสั่งเท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีอาการอะไรแล้วก็ตาม แล้วก็คอยสังเกตอาการข้างเคียงของตัวเองที่อาจจะเกิดจากยาอยู่เสมอๆ เพื่อที่มีอะไรจะได้แก้ไข้ทันท่วงที จากคุณ : บัลลังก์แสงเดือน เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 14:33:01

ความคิดเห็นที่ 8 โรคนี้น่ากลัวครับ คือมันสามารถแฝงตัวไปได้ในทุกหนทุกแห่ง บางครั้งเราก็ป้องกันได้ลำบากมาก อย่างพวกคอนเสิร์ต โรงแรม ห้างสรรพสินค้า้ นี่ตัวดีเลย คนแออัดมากๆ หลังๆมานี่ ผมแทบไม่ไปเที่ยวที่ไหนเลย อยู่บ้านสบายๆดีกว่า ไม่เสี่ยงด้วย จากคุณ : kai_sonic125 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 15:33:51

ความคิดเห็นที่ 9 รพ.รัฐ ก็มีส่วนเพราะเดี๋ยวนี้มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน และเข้ารักษาใน รพ.รัฐ กันแทบทั้งนั้น เวลาจะไปทำธุระหรือไปพบแพทย์ที่รพ.รัฐ แนะนำให้สวมหน้ากากก็ดีครับ จากคุณ : นายหมีพูห์ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 17:24:09

ความคิดเห็นที่ 10 จากที่เคยทำวิจัยโรคนี้มา พบผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่มีผลเพาะเชื้อจากเลือดติดวัณโรคโดยที่ผู้ป่วยไม่เคยมีประวัติว่าเคยรักษาวัณโรคมาเลย หลายๆคนก็คงงงๆแบบเจ้าของกระทู้ว่าติดมาได้ยังไง โครงการโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ที่จังหวัดสระแก้วกับนครพนมซึ่งเป็นจังหวัดที่ติดชายแดนจึงมักเจอผู้ป่วยที่ไม่รู้ว่าเป็นวัณโรคบ่อยๆ เพราะบังเอิญแพทย์สั่งเพาะเชื้อจากเลือด ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยค่ะ ถ้างานวิจัยที่ทำอยู่มีความคืบหน้ายังไงจะนำมาเล่าให้ฟังค่ะ จากคุณ : Karinthirah เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 23:46:52

ความคิดเห็นที่ 11 วัณโรคเป็นโรคที่รักษาหายนะ แต่ต้องทนกินยาให้ครบและต่อเนื่อง ห้ามลืมหรือหยุดเด็ดขาว ... ทุกคนมีโอกาสรับเชื้อทั้งนั้น เพราะบางครั้งเชื้อฝังตัวอยู่แบบไม่แสดงอาการ หากต้องการป้องกันหรือลดความเสี่ยงเชื้อในอากาศ ที่จะแพร่กระจายในบ้าน เราแนะนำให้ค้นหา "พลาสม่าคลัสเตอร์" ดูในเว็ป เห็นโรงพยาบาลหลายแห่งเขาใช้เครื่องตัวนี้ แบบที่ไม่มีแผ่นกรอง ป้องกันเชื้อวัณโรคอยู่เหมือนกัน เพราะบางแห่งก็มีเจ้าหน้าที่การแพทย์โดนเชื้อนี้เหมือนกัน เป็นกำลังใจให้หายไวไวครับ จากคุณ : สมบูรณ์ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 10:50:28 A:1.20.0.133 X: TicketID:330627

ความคิดเห็นที่ 12 วัณโรคคือภัยเงียบ เราควรหาเวลาไปตรวจจะได้รู้ว่ามีเชื้อแฝงอยู่หรือไม่ จากคุณ : Helicia เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 18:01:50

ความคิดเห็นที่ 13 ลองเข้าไปดูในนี้ มีทางเลือกสำหรับการป้องกันคนรอบข้างจากเชื้อวัณโรค เกี่ยวกับการค้นพบใหม่ http://www.youtube.com/watch?v=niSRHA2mYmI จากคุณ : สมบูรณ์ เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 20:55:05 A:125.24.223.189 X: TicketID:330627

ความคิดเห็นที่ 14 เราก็เป็นคนนึงที่เป็นวัณโรคโดยไม่รู้ติดมาจากใครได้แต่สงสัยว่าคงติดมาจากโรงพยาบาลตอนไปคลอดลูก. อาการของเราไม่ได้ไอเป็นเลือดด้วยกว่าจะวินิจฉัยกันเจอ แค่มีอาการเหนื่อยง่ายน้ำหนักลด ( 8กิโลใน15วัน) แถมตอนที่ไปตรวจหมอดันให้หมอฝึกงานมาส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจดันทำเราปอดรั่วนอนโรงพยาบาลไป3คืน หลังจากวินิจฉัยได้กินยาอยู่9เดือนแบบมีวินัยมาก ปัจจุบันหายขาดและโชคดีที่ไม่มีใครรับโรคไปจากเรา จากคุณ : แม่ปริม (sbvryvr) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 21:38:52