ความคิดเห็นที่ 1 อยากทราบด้วยคนครับ ... ว่าแต่ จขกท. จะไปขลิปที่ไหนล่ะครับ เผื่อมีเวลาว่างจะได้นัดไปขลิปด้วยกัน 555+ จากคุณ : rrrr เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 55 21:55:14 A:27.55.1.216 X: TicketID:374565

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4 ขออนุญาต คุณหมอสาลิกาโบยบินนำลิงค์มาให้ชมครับ หลังการขลิบ มันก็จะปวดแผลบ้าง ก็กินยาแก้ปวดครับ เวลาอาบน้ำ ก็เอาถุงพลาสติค ครอบไว้กันโดนน้ำ ไม่ให้แผลโดนกระทบกระเทือน เพราะช่วงนั้น มันจะไวกับความรู้สึก ก็ต้องทนเอา เดี๋ยวแผลจะฉีก ราวสิบวันแผลจะติด    หลังขลิบแล้วแผลหายดี มันก็จะเสียวๆไประยะหนึ่งเราก็ต้องใส่กางเกงชั้นใน บังคับมันละครับ ไม่นานจะชินเอง และผลตามมาคือความสะอาด ไร้กลิ่นสกปรกครับ จากคุณ : ขวัญชัยอิศรา (kwanchaiisra) เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 55 22:06:29

ความคิดเห็นที่ 3 1. เจ็บ ต้องระวัง 2. ห้ามโดนน้ำ สักวันสองวัน 3. แรกๆก็เสียว ประเดี๋ยวก็ชิน สรุปว่า เลือกวันว่างๆ เตรียมอยู่บ้านสักวันสองวัน และงดของแสลง ที่อาจทำให้แผลแห้งช้า จากคุณ : โควี เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 55 22:09:07

ความคิดเห็นที่ 4 1.+2. ก็เหมือนเวลาเป็นแผลทั่วไปน่ะแหละครับ  ต้องมีเจ็บแผลกันบ้าง  ช่วงแรกก็ห้ามโดนน้ำ  ต้องทำแผลทุกวัน 3. จะรู้สึกแบบนั้นแหละครับ  แล้วสักพักร่างกายก็จะเริ่มเรียนรู้  แล้วก็จะเริ่มชิน จากคุณ : Kojorn เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 09:25:40

ความคิดเห็นที่ 5 ทำแผลทุกวันนี่ จำเป็นต้องไปให้ทางโรงพยาบาลทำไหมครับ หรือสามารถทำเองได้ครับ จากคุณ : GutteN เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 55 16:36:09

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องความรู้สึกหรือความมันส์ ความเสียวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลครับ วัดกันยาก ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ที่แน่ ๆ ข้อดีของการขริบ ที่ทางองค์การอนามัยโลกเค้ายืนยันคือ - สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HIV ลงได้ 53 – 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำการขริบ - สามารถลดการติดเชื้อ herpes simplex type2 (HSV-2) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิสลงได้ 28 – 34 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ - สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งองคชาติได้ 32 – 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ - สำหรับคู่นอนที่เป็นผู้หญิง ผู้ชายที่ทำการขริบแล้วสามารถลดอัตราการติดเชื้อ bacterial vaginosis ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะของผู้หญิงลงได้ 48 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ นอกจากนี้ จากการศึกษามากมายในประเทศที่พัฒนาแล้ว ยังพบข้อดีของการขริบดังนี้ - ลดอัตราการเป็นมะเร็งองคชาติ ซึ่งข้อนี้เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้ว ว่ามะเร็งองคชาติพบได้น้อยมากในคนที่ทำการขริบ - ลดอัตราการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะในช่วงระหว่างขวบปีแรก ซึ่งการติดเชื้อในระหว่างนี้สามารถรุนแรงได้ถึงขั้นต้องมาพักรักษาในโรงพยาบาล โดยพบว่าเด็กผูชายที่ไม่ได้ทำการขริบ มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ 1 ต่อ 100 เมื่อเทียบกับเด็กที่ทำการขริบแล้ว จะพบอัตราการติดเชื้อนี้ได้เพียง 1 ต่อ 1000 - ป้องกันการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ - ป้องกันการตีบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า phimosis ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บเวลาที่ทำการร่นหนังหุ้มปลายลงมาทำความสะอาด - ทำให้การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น ครับ ดังนั้นถ้าหากว่ายังมีหนังแล้ว ดูแลได้ไม่ดีก็ไปเอาออกดีกว่าครับ ไม่ใช่มันส์อยู่คนเดียว แล้วเอาโรคร้ายไปให้ผู้หญิงนอกจากนั้น บางคนเอาเชื้อเอชพีวีไปหย่อนใส่ผู้หญิงเค้าอีก ทำให้ผู้หญิงเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกอีก งานเข้าทั้งนั้นครับ งานวิจัยมากมายพบว่าเชื้อเอชพีวีนี่มันอยู่ตรงบริเวณปลายของอวัยวะเพศชายนะครับ แต่ดีหน่อยที่ผู้ชายดันอยู่ข้างนอก เลยทำให้ล้างออกง่าย แต่พอเอาไปไว้ข้างในผู้หญิงที่มันทำความสะอาดลำบาก พอเกิดระคายเคืองมาก ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกครับ ดังนั้น หากไม่อยากให้แฟน หรือคนที่เรารัก มีความผิดปกติหรือโรคร้ายเกิดขึ้นนี่ ต้องดูแลสุขอนามัยของผู้ชายเราให้ดีก่อนครับ ธรรมชาติผู้หญิงเค้าก็สร้างกลไกไม่ให้มีอะไรมันเข้าไปได้อยู่แล้วครับ จะเกิดเรื่องก็เพราะผู้ชายอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ เอาอะไรใส่เข้าไปในนั้น และหากสิ่งที่ใส่เข้าไปไม่รักษาความสะอาด หรือดูแลสุขอนามัยให้ดีพอ สุดท้ายก็จะเป็นปัญหาที่ผู้ชายมาทำงง เพราะปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกก็ยังเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้หญิงไทยนะครับ ปีนึงนี่เป็นแสนๆ เลย สาเหตุหลัก ๆ เกิดจาก HPV virus ครับ  ซึ่งไวรัสชนิดนี้พบมากบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย  ฉะนั้นมะเร็งปากมดลูกแทบจะไม่พบเลยในผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ครับ ตอนนี้มีการคิดค้นวัคซีนแล้วครับ ฉีด 3 เข็มครับ คุมได้ 10 ปี ในเมื่อผู้ชายไม่ยอมเจ็บผู้หญิงก็ต้องยอมไปฉีดครับ ไม่งั้นถึงเวลาซวยคนเดียว อีกวิธีนึงที่สะดวกกว่านั้นครับคือบังคับให้คู่นอนล้างอวัยวะเพศให้สะอาดก่อนการใช้งานครับ ลดอัตราเสี่ยงลงได้เยอะ  โดยเฉพาะผู้ชายที่หนังหุ้มปลายไม่สามารถล้างได้อย่างสะดวก  ทำให้บริเวณนั้นเป็นแหล่งเพาะพันธ์อันอุดมของเชื้อโรคเลยครับ  จึงมีงานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับนะครับ  พบว่าผู้หญิงที่คู่นอนขลิบปลายอวัยวะเพศแล้ว จะมีอัตราเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกลดลงครับ การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเร็งองคชาติใน เพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการ เกิดโรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึงสุขภาพของ ผู้หญิงด้วย และปัจจุบันทางการแพทย์ยังพบว่าการขลิบยังทำให้โอกาสติดเชื้อ HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ลดลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขลิบถึง 60 เปอร์เซนต์นะครับ หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4 ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:07:56