ความคิดเห็นที่ 1 "ปอยส่างลอง" เป็นคำผสมระหว่างคำว่า "ส่าง"กับคำว่า "ลอง" ส่าง แปลว่า สามเณร ซึ่งภาษาไตว่า"เจ้าส่าง" ส่วนคำว่า "ลอง" หรือ อะลอง เป็นภาษาพม่า ซึ่งหมายถึง หน่อเนื้อ ของผู้มีบุญ ส่างลองจึงหมายถึง ผู้ที่จะเตรียมเป็น สามเณร หรือ ที่ภาษาล้านนาเรียกว่า "ลูกแก้ว" ปอยส่างลองเป็นงานบวชลูกของชาวไต หรือบรรพชาสามเณรนั่นเอง แตกต่างจากทางภาคกลาง คือ ลูกแก้วในขบวนแห่ของภาคกลางจะนุ่งขาวหุ่มขาว แต่ลูกแก้ว 'ส่างลอง' จะมาในชุดเครื่องแต่งกายงดงามดั่งกษัตริย์หรือเจ้าชาย เพราะชาวไตมีความเชื่อว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เป็นราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ  แห่งกรุงกบิลพัสดิ์ และ 'ราหุล' ซึ่งเป็นราชโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะ นับเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา ได้สละราชสมบัติทั้งปวงแล้วถือบวชเป็นสามเณร ดังนั้น ผู้ที่จะเป็นลูกแก้วหรือส่างลอง ต้องแต่งตัวเป็นกษัตริย์หรือเจ้าชาย แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 46 12:28:20 จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การจัดงานปอยส่างลอง ด้วยการบวชลูกของตน ได้บุญอนิสงค์ 8 กัลป์ บวชลูกของคนอื่น ได้อนิสงค์ 4 กัลป์ ดังนั้น จึงมีความมุ่งมั่นที่จะ ต้องทำบุญปอยส่างลองให้ได้ 1 ครั้งในชีวิต จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การเข้าสู่กระบวนการ โดยปกติมักจะจัดงานปอยส่างลอง 3 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเจ้าภาพ ซึ่งส่วนมากจะมีกำหนด การดังนี้ วันที่หนึ่ง เป็นวันรับส่างลอง ปกติจะทำพิธีตอนเช้ามึด ด้วยการอาบน้ำเงิน น้ำทอง แต่งตัว รับศีล ไปขมาเจ้าเมือง พระสงฆ์ และผู้ที่เคารพนับถือ วันที่สอง เป็นวันแห่เครื่องไทยทานในตอนสายหรือบ่าย และรับขวัญส่างสองในตอนเย็น วันที่สาม เป็นวันบรรพชา หรืออุปสมบท อาจเป็นตอนเช้าหรือบ่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำหนดการ ที่เจ้าภาพร่วมกันกำหนด จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 งานปอยส่างลองนับเป็นประเพณีที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ทั้งยังมีคุณค่า เป็นการเปิดโอกาสให้กุลบุตรได้บวชศึกษาหาความรู้และจรรโลงพระพุทธศาสนา เชียงใหม่ดินแดนที่มีบรรยากาศสงบงามและอวลด้วยกลิ่นอายของความเป็นวัฒนธรรมถิ่นก็มีประเพณีปอยส่างลองในช่วงต้นฤดูร้อนเหมือนกันในเขตอำเภอเวียงแหง ห่างจากบริเวณวัดไปไม่ไกลมี 'ซุ้มส่างลอง' ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของส่างลองชั่วคราวก่อนถึงวันงาน จะมีการประดับประดาอย่างสวยงามตามกำลังทรัพย์ ซึ่งระยะหลังธรรมเนียมดังกล่าว กลายความหมายไปเป็นการอวดโอ่ฐานะของแต่ละครัวอย่างน่าเสียดาย อาหารที่จัดให้ส่างลองนั้น วันแรกจะมี 32 รายการ เพราะเชื่อว่าส่วนประกอบทั้ง 32 ส่วนของร่างกายย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพ วันต่อมาจะทำอาหาร 12 รายการ ตามจำนวนราศีเกิดของมนุษย์ อาหารที่จัดมานั้นมีทั้งอาหารพื้นเมือง และอาหารตามสมัยนิยมทั่วไป แต่ละบ้าน จะนำอาหารมาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้ครบตามจำนวน สะท้อนความเอื้ออารีที่ยังไม่จืดจาง ภาพขบวนแห่ปอยส่างลองของพี่น้องเวียงแหง จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพขบวนแห่งานปอยส่างลองที่แม่ฮ่องสอนของชาวไต(ไทยใหญ่) จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพในซุ้มส่างลอง จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:56:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วงที่ถือว่ามีมนต์ขลัง และสร้างสีสัน ให้กับงานช่วงหนึ่ง ก็คือ การแห่ส่างลอง ซึ่งจะทำการแห่ทักษิณารอบพระวิหาร 7 รอบ โดยจะมีชายหนุ่มอาสาให้ส่างลองขี่คอ หากส่างลองตัวใหญ่ก็จะให้ขี่ม้าแทน การแห่ส่างลองจะใช้เวลา 3 วัน หรือ 5 วัน ตามเหมาะสม ผู้คนที่มาร่วมขบวนจะแต่งชุดพื้นเมืองเรียบง่ายแต่งดงาม พวกเขาจะพากันโปรยข้าวตอกดอกไม้ตลอดสองข้างทาง จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 11:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พิธีที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของนิทานเรื่องปอยส่างลอง นั่นก็คือ พิธีบรรพชา เพื่อแปลงส่างลองเป็นสามเณร เอสาหัง ภันเต สุจิระปรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ... เสียงสวดกังวานขึ้นพร้อมการก้าวเข้าสู่เพศบรรพชิตของส่างลอง งานบวชสิ้นสุดแต่ภารกิจการศึกษาพระธรรมของเณรน้อยเพิ่งจะเริ่มต้น เฉกเช่นวิถีชีวิตของชาวเวียงแหง ที่ยังดำเนินต่อไปภายใต้สภาวการณ์ที่ไม่มั่นคงในชุมชน นับแต่มีความพยายามจัดสร้างเหมืองถ่านหินบริเวณต้นน้ำแม่แตง เขตอำเภอเวียงแหง เมื่อสองปีก่อน โดยปัญหาดังกล่าวยังคาราคาซังจนถึงวันนี้ จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 12:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สิ่งเดียวที่ยังคงเป็นที่พึ่งทางใจของพวกเขาชาวล้านนาจึงไม่พ้นพิธีกรรมและความเชื่อทางศาสนา น่าเสียดายที่หลายคนรวมทั้งผมไม่มีโอกาสมีงานส่างลองกับเขาบ้าง(ก็มีแต่ลูกสาวนี่) แต่ผมก็ยังโชคดีครับที่ผมเคยเป็นลูกแก้วมาแล้วเหมือนกัน งาน งามยามหมอกร้อน ลมดอย ปอย งานศรัทธาคอย ช่วยค้ำ ส่าง สานต่อหน่อเนื้อ ชาติเชื้อธรรมมา ลอง ลือระบือหล้า แผ่นฟ้าบัวตอน จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 12:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่มาและขอขอบคุณ สำนักงานศึกษาธิการอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน คึกฤทธิ์ พลเยี่ยม กรุงเทพธุรกิจ จุดประกาย วัฒนธรรม วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2546 สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักบริการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากคุณ : อีกาสีขาว - [ 26 ส.ค. 46 12:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยได้ยินมานานแล้วครับ ประเพณีนี้ แต่ก็เพิ่งรู้จักวันนี้เอง ขอบคุณครับ จากคุณ : นายพราน - [ 26 ส.ค. 46 13:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาอ่านแล้วค่ะ จากคุณ : Batgirl 2001 - [ 26 ส.ค. 46 18:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากค่ะคุณอีกาสีขาว คุณนำเสนอวัฒนธรรมไทยล้านนาที่มีประโยชน์กับชนรุ่นหลังจริงๆนะคะ ตรีขอกราบขอบคุณด้วยใจจริงในความหมั่นเพียรของคุณ จากคุณ : ตรีจิตร - [ 27 ส.ค. 46 01:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับคุณอีกาฯ ((รอบที่ 41 )) จากคุณ : ทำอะไรไม่เคยถูก - [ 27 ส.ค. 46 08:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมา save และคลิกเก็บเข้าคลังกระทู้เก่า ฝ/happy ขอบคุณครับ คุณอีกาใจดี จากคุณ : 447 - [ 27 ส.ค. 46 08:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แวะมาเซฟกระทู้ครับ อิอิ...ขอบคุณมากครับพี่อีกาฯ จากคุณ : ตะเกียงลาน - [ 27 ส.ค. 46 10:20:32 ]