ความคิดเห็นที่ 10
โรคซึมเศร้าคืออะไร? คือโรคที่ มีอาการของอารมณ์ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ และมีอาการร่วมอื่น ๆ ทำให้สูญเสียการดำรงชีวิตตามปกติ หรือทำให้มีผลเสียต่อการงาน อาชีพ หรือสังคม พบได้บ่อยแค่ไหน? จิตแพทย์บางท่านเปรียบเทียบว่าเป็นโรคหวัดทางจิตใจ เพราะว่าพบได้บ่อย ในชั่วชีวิตคนมีโอกาสเป็นได้ 6% ชาย : 3-6 % หญิง : 6-12%
สาเหตุเกิดจากอะไร? หลายอย่างประกอบกัน ปัจจัยทางชีวภาพ สารชีวเคมีในสมอง เชื่อว่ามีการขาดสาร monoamine เช่น norepinephrine,serotonin และ dopamine ใน ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า การใช้สารเสพติดซึ่งมีผลไปเปลี่ยนแปลงสารเหล่านี้ จึงทำให้มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายขึ้น พันธุกรรม พบว่าบุตรของผู้ป่วยมีโอกาส เป็นโรคสูงกว่าประชากรทั่วไป และถ้าฝาแฝดคนหนึ่งเป็นอีกคนมีโอกาสเป็น 50 %
ปัจจัยทางจิตสังคม มักมีปัจจัยกระตุ้นนำมาก่อน โดยเฉพาะในครั้งแรก เช่นการสูญเสียคู่สมรส ความเครียดในครอบครัว ส่วนสาเหตุปัจจัยเดิมก็มีส่วน เช่น การสูญเสียบิดาหรือมารดาก่อนอายุ 11 ปีสัมพันธ์กับการเกิดโรคซึมเศร้า บุคลิกภาพบางชนิดมีความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้าได้สูงกว่า เช่น บุคลิกภาพที่ต้องพึ่งพิงผู้อื่น บุคลิกภาพย้ำคิดย้ำทำ และผู้ป่วยมักจะมีแนวคิดเกี่ยวกับตนเอง ชีวิตที่ผ่านมา และอนาคตทางด้านลบ มองอะไรเลวร้ายไปหมดและไม่มีคุณค่า
ใช้เกณท์อย่างไรบอกว่าเป็นเพียงความรู้สึกเศร้าธรรมดาหรือป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ตามสมาคมจิตแพทย์อเมริกัน ซึ่งจิตแพทย์ในประเทศไทยก็ใช้เกณฑ์นี้ด้วย ต้องมีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 5 อาการ เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และต้องมีอารมณ์ซึมเศร้า และหรือขาดความสนใจยินดีกับสิ่งต่าง ๆ 1. มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ เกือบทั้งวันหรือเกือบทุกวัน 2. ความสนใจหรือความสุขใจในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลงอย่างมาก เป็นทั้งวันหรือเกือบทุกวัน 3. น้ำหนักลดลง หรือ เพิ่มขึ้นอย่างมีความสำคัญ (เช่น น้ำหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) 4. นอนไม่หลับ หรือหลับมากเกินไป 5. การเคลื่อนไหวช้า หรือกระสับกระส่าย 6. รู้สึกอ่อนเพลียล้าหรือไม่มีแรง 7. รู้สึกตนเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิดอย่างไม่สมเหตุสมผล 8. สมาธิหรือความสามารถในการคิดอ่านลดลง บางคนอาจคิดว่าตนเป็นโรคสมองเสื่อม 9. คิดถึงเรื่องความตายอยู่บ่อย ๆ อาการเหล่านี้ก่อให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมาน หรือมีผลกระทบด้านสังคม อาชีพ การงานหรือด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ
นอกจากเกณฑ์การวินิจฉัย อาจพบว่ามีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย -มีอาการวิตกกังวลร่วมด้วยได้บ่อย -ใช้สารเสพติด เช่น สุรา -อาการทางกาย เช่น ปวดศีรษะ ท้องผูก -ปัญหาทางเพศ เช่น มีความรู้สึกทางเพศลดลง -มีอาการมากในช่วงเช้า อาการดีขึ้นในตอนเย็น
การฆ่าตัวตายใน ผู้ป่วยซึมเศร้า เป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายที่สำคัญที่สุด (ร้อยละ 50 ของการฆ่าตัวตาย)
การรักษามีวิธีใดบ้าง?
การใช้ยา การใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงแรก เป็นขั้นตอนการเลือกสั่งยา ปรับขนาดยา รักษาจนผู้ป่วยหายจากโรคซึมเศร้า
ช่วงที่2 เป็นการรักษาต่อเนื่องเมื่อผู้ป่วยหายอาการซึมเศร้าแล้ว แต่ยังคงให้ยา ต่อไปในขนาดเท่าเดิม เป็นเวลานาน 6-9 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้กลับเป็นขึ้นมาอีก
ช่วงที่3 ในผู้ป่วยบางคนที่เป้นซ้ำบ่อยๆ หรือเป็นรุนแรง ต้องรักษาต่อไปอีกเป็นเวลานานอย่างน้อย 5 ปี หรือตลอดไป เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นใหม่
ยารักษาโรคซึมเศร้า ที่ใช้กันบ่อย ๆ มีดังนี้ กลุ่ม Tricyclics เช่น Amitriptyline Nortriptyline Imipramine กลุ่มที่ใหม่ขึ้น Mianserin Amineptine Trazodone SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) Fluoxetine Paroxetine Sertraline Fluvoxamine Citalopram
กลุ่มอื่น venlafaxine, mirtazapine
การรักษาด้วยไฟฟ้า -ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา&nbssp; -ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายย -มีอาการมากและต้องการได้ผลการรักษาเร็วว
การรักษาด้วยวิธีปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
-หาวิธีคิดของผู้ป่วยที่เป็นไปในเชิงลบ แล้วเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นไปในด้านบวก และยืดหยุ่น -ปรับปรุงความสัมพันธ์กับผู้อื่น
การรักษาด้วยจิตบำบัด - มุ่งไปที่การเปลี่ยนโครงสร้างของบุคลิกภาพ - ปรับปรุงกลไกทางจิต ความไว้วางใจ สามารถรับรู้อารมณ์ต่างๆได้เหมาะสม ครอบครัวบำบัด ในกรณีที่ปัญหาในครอบครัวทำให้เกิดอาการซึมเศร้าหรือทำให้อาการยังคงอยู่
เป็นขนาดไหนจึงต้องนอนโรงพยาบาล? การพิจารณารับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล เมื่อ 1. เพื่อการวินิจฉัย 2. มีโอกาสเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย หรือฆ่าผู้อื่น 3. ความสามารถของผู้ป่วยในการดูแลตัวเองลดลงอย่างมาก 4. มีประวัติของอาการที่เลวลงอย่างรวดเร็ว 5. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ขาดการดูแล
ญาติผู้ดูแลจะช่วยเหลืออย่างไร? ญาติและผู้ป่วยต้องเข้าใจว่า 1. โรคซึมเศร้าเป็นการป่วยชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เป็นแค่ความอ่อนแอ, จิตใจไม่เข้มแข็ง, หรือเกิดจากความผิดปกติของบุคลิกภาพ 2. โรคนี้เป็นแล้วหายได้ เป้าหมายของการรักษาคือ เพื่อให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ ไม่ใช่รักษาพอให้อาการทุเลาลงเท่านั้น 3. ถ้ารักษาด้วยยารักษาโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยจะมีอาการทุเลาและหายเร็วขึ้นมาก ยาที่ใช้รักษาไม่เป็นยาเสพย์ติด และมีให้เลือกใช้ได้หลายชนิด 4. ผู้ป่วยที่เคยเป็นมาหลายครั้งต้องกินยารักษานาน เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยอีก และเพื่อลดอัตราการเป็นซ้ำหรืออัตราการกลับมาป่วยอีก 5. จำเป็นต้องมีการดูแลป้องกันอันตรายจากการทำร้ายตนเอง, การฆ่าตัวตาย, การฆ่าผู้อื่น 6. ช่วยจัดการแก้ไขสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยให้ดีขึ้นด้วย จะช่วยให้ผู้ป่วยสบายใจและหายเร็วขึ้น
จากคุณ :
kafae
- [
15 ต.ค. 46 13:46:03
]
|
|
|