กรุณาคิดก่อนจะทำ lasik อย่าให้เหมือนเรา ที่เสียเงินค่าทำไปมาก สุดท้ายต้องหมดอนาคต ทั้งงาน และการเรียนโท

    เราได้ไปทำ LASIK มาเกือบปีแล้ว ที่โรงพยาบาลเอกชนใหญ่และมีชื่อเสียงมาก เรียกว่าทุกคนต้องไม่เชื่อแน่ถ้าเราบอกชื่อ ไม่เชื่อว่าจะทำชุ่ย
    ได้ขนาดนี้ และไม่รับผิดชอบขนาดนี้ แต่เราไม่กล้าบอกชื่อ เพราะเขามีชื่อเสียงมากทั้งหมอและโรงพยาบาล เราเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ
    กลัวถูกเขาฟ้อง ปัจจุบันการมองเห็นแย่มากไม่มีระยะชัดเลย ตาแห้งต้องคอยหยอดน้ำตาทุกชั่วโมง
    ทุกคืนต้องตั้งนาฬิกาตื่นขึ้นมาหยอดตา คืนละสองสามครั้ง กันตื่นมาแสบตา
    ทำงานมีปัญหามาตลอด อ่านเอกสารต้องยกมาจ่อตรงหน้า ห่างไม่ถึง 6 นิ้ว ก็ยังไม่ชัดและอ่านนานไม่ได้จะมึนหัวประชุมไม่รู้เรื่องเพราะมอง
    กระดานไม่เห็น เพื่อนร่วมงานต้องคอยช่วยเหลือเราตลอด จนเราเข้าใจความรู้สึกของคนพิการว่าเป็นอย่างไร
    ปลายปีนี้จะมีการตรวจร่างกายและวัดสายตา เป็นปีแรกที่ตรวจสายตา(เรายอมรับแล้วว่าเรามันซวยจริงๆ )
    เรากลัวว่าเจ้านายจะรู้ว่าตาเรามองอะไรไม่ชัดทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
    เจ้านายถามหลายครั้งแล้วได้แต่บอกไปว่าคุณหมอจะแก้ให้ แต่จริง ๆ แล้วแก้ไม่ได้แล้ว
    คุณหมอที่ทำให้บอกว่าแก้ไขไม่ได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนทำบอกว่ามีอะไร แก้ไขได้ทุกอย่างไม่มีปัญหา
    จนเรามั่นใจเพราะเห็นว่าเป็นอาจารย์หมอใน มหาวิทยาลัยชื่อดังที่สุดของประเทศ มาประจำเอกชนย่านใกล้กัน
    จะเรียนโท ก็ไม่ได้มองกระดานหรือกระดาษบนโต๊ะไม่เห็น ทุกวันนี้ปวดตา ปวดคอ เพราะต้อง
    มองอะไรใกล้มาก ๆ พยายามบอกคุณหมอที่ทำให้ว่าเรามีปัญหาคุณหมอก็บอกให้รอมันจะหายเอง แต่อีกกี่ปีก็ไปรู้
    เพราะถามแล้วว่าสองปีพอไหม คุณหมอตอบไม่ได้
    เราจึงได้ไปหาหมอท่านอื่นอีกหลายท่าน ต่างก็บอกว่าแก้ไขไม่ได้ และไม่สามารถหายเองได้ เรียกว่าพิการถาวรนั่นแหละ
    ให้รอวิวัฒนาการของเทคโนโลยี่ด้านนี้ไปก่อนบ้าง
    ห้ามทำอะไรเด็ดขาดเพราะกระจกตาเราบางจนเกินไปคุณหมอท่านอื่นยังถามเลยว่าทำงานไม่มีปัญหาหรอ
    แต่คุณหมอที่ทำให้เรากลับบอกว่าตาไม่เป็นไรนะ แค่มองเห็นไม่ชัด
    เราจึงได้พยายามขอพบผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนั้น เพื่อร้องเรียน นัดกันดีนัดกันเสร็จสรรพ
    ถึงเวลา ก็หมอคนเดิม กับหัวหน้าพยาบาล ที่ทำตาเราพิการ เรียกเราไปหา บอกว่าจะตรวจอีกที
    พี่สาวเราที่ไปกับเราถามหมอว่าตรวจทำไม สองอาทิตย์ก่อนก็เพิ่งตรวจ
    วันนี้เรา ต้องการพบคนรับผิดชอบ อย่างน้อย จะทำอะไรต่อ ก็ขอให้คนกลาง อย่างผู้บริหารมาคุยกับเรา
    หรือโทรมาคุย รับรองรับรู้เรื่องเราสัก 5 นาที 10 นาทีได้ไหม
    เชื่อไหม เขาทำตาเราพิการไปแล้ว ทำอนาคตเราพังไปแล้ว แต่คำตอบขอคุยแค่ 5 นาที เขาก็ไม่ยอม
    ต้องเรียกว่าพวกเราขอ เขา ร้อง เขา บางคนก็อ้อนวอน เขา บางคนก็โวยวายพนักงานเขา
    แค่ 5 นาที เพื่อที่จะรู้ว่าเรื่องเราไม่ได้ถูกหมก ถูกซ่อน ไว้ในซอกไหนของโรงพยาบาล
    เขาก็ไม่ยอมต่อโทรศัพท์ให้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราโทรนัดกันตั้งแต่วันจันทร์ ตามผลจนถึงวันศุกร์เขาจึงรับรองมั่นเหมาะ ว่าได้พบแน่
    พี่สาวเราถามพนักงานเขาว่า โรงพยาบาลคุณใหญ่โต และแพงแบบนี้ ตอนนี้ผิดพลาดแล้ว มาตรฐานของคุณไม่มีมาตรการอะไรรับรอง
    เลยหรือ ลอยแพคนไข้ทิ้งเลยหรือ
    สุดท้ายเขาขอให้เรากลับ แล้วเขาจะรีบติดต่อนัดเวลาผู้บริหารและแจ้งเวลาเข้าพบให้เราทราบในวันจันทร์
    (วันนั้นเป็นวันเสาร์) เรารู้สึกท้อแท้จริงๆ เพราะต่อมาจนในวันนี้ พวกเขาก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่มีเวลาให้พบสารพัดอ้าง
    ใครรู้จักทนายความที่ชำนาญ case แบบนี้ หรือแนะนำให้ไปที่ไหนได้บ้าง ได้โปรดให้เบอร์หน่อย เพราะเราไม่รู้ว่าจะ
    ต้องไปหาทนายความที่ไหนที่เก่งเรื่องแบบนี้
    แต่แม่ และพี่น้องเรา ตกลงกันแล้วว่า จะไม่ยอมให้คนผิด ขาดความรับผิดชอบ ลอยนวลต่อไปแน่
    สำหรับคนที่คิดจะทำเลสิค เราขอร้อง นะ อย่าเชื่อแต่คำรับรองของหมอ แม้จะเป็นอาจารย์หมอ แม้จะเป็นโรงพยาบาล
    เอกชนใหญ่มีชื่อเสียง ให้ลองไปทดสอบหลายๆที่ก่อน เพราะบางครั้ง เครื่องบางเครื่องก็ไม่เหมาะกับกระจกตาบางคน
    เรามันโชคร้าย เจอหมอมักง่ายเห็นแก่ได้ เพราะที่อื่นที่ตรวจเราบอกเราว่ากระจกตาเราบางมากแต่แรก หมอไม่เตือนหรือ
    ที่สำคัญ เครื่องที่ใช้ ก็ยังเป็นเครื่องที่ถือว่าล้าสมัยแล้ว ไม่น่าทำเลย(ver 3) เราก็ได้แต่เสียใจ ที่เชื่อคนเห็นแก่ได้ ง่ายไป
    ใคร พอจะมีทางออกให้ชีวิตเราบ้าง ขอร้องล่ะ

    จากคุณ : lasik_f@hotmail.com - [ 15 ต.ค. 46 15:59:48 A:203.209.7.165 X: ]