ความคิดเห็นที่ 1 ซื้อความสุขแบบเศรษฐีไฮโซ ไฮโซของแท้ ของจริง ก็มักจะชื่นชอบชีวิตแบบหรูหรา และพร้อมจะสเปนมันนี่แบบไม่อั้น!! เขามีวิธีซื้อความสุขได้ในแบบที่แตกต่าง หลายคนมีความสุขกับการต่อคิวซื้อสินค้า ราคาสูง คุณเคยเห็นหรือเปล่า? กระเป๋าใบละ เหยียบล้านบาท!! เขามีหิ้วกันจริงๆนะคะ และไม่ใช่ของที่ทำก๊อบปี้เสียด้วย... เสียฟอร์มไฮโซของแท้แย่เลย!! กระเป๋าราคาแสนต้นๆที่ไฮโซของแท้หิ้วกัน อุ๊ย!! เด็กๆ ของแท้ของจริง ต้องห้าแสนอัพ!! ไม่เชื่อลองถามจากสาวๆไฮโซตัวจริงดูว่า แต่ละคนซื้อความสุขให้ตัวเองอย่างไร อินทิรา ธนวิสุทธิ์ หรือน้องแอน ลูกสาวคนเดียวของ "เตี่ยโส" เธอเป็นเจ้าของสินค้าราคาติดเพดานมากมาย "น้องแอน" แย้มว่า ใครคิดว่า "แอน" มีกระเป๋าแอร์เมสมากที่สุดในประเทศไทย!! ต้องขอปฏิเสธ ไม่ใช่นะคะ... มีหลายคนที่มีของเยอะกว่า "แอน" เป็นคนไม่ชอบแข่งกับใคร ขอเป็นคนที่ 30 ล้าน โดยมีจำนวนคนครึ่งหนึ่งรวยกว่า "แอน" และอีกครึ่งหนึ่งมีน้อยกว่า "แอน" แล้วกัน ส่วนเรื่องของที่ชอบก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ของที่มีคุณค่าสำหรับ "แอน" ก็คือของที่ไม่เหมือนใคร ราคาไม่ต้องแพงมาก อย่างเครื่องเพชรนี่ไม่เคยซื้อเอง เตี่ยกับแม่ซื้อให้ตลอด โดนบังคับให้ใส่ เครื่องเพชรมาตั้งแต่เด็ก เตี่ยกับแม่บอกว่า เรามีของก็ต้องใช้ แต่ไม่ต้องเว่อร์ อย่างกระเป๋านี่ชอบแอร์เมส เพราะคลาสสิกดีไซน์ไม่เปลี่ยน จนอายุ 80 ปี "แอน" ก็ยังใช้ได้อยู่ ไม่ได้ตั้งเป๋าเอาไว้ว่า แต่ละเดือนต้องใช้เงินเท่าไร แต่จะรู้ตัวว่าเดือนนี้ใช้ได้เท่านี้ ถ้าใช้มากเกิน เดือนหน้าก็ต้องลดลง "แอน" ชอบซื้อกระเป๋า ยิ่งแอร์เมส "แอน" ใช้รุ่นเบอร์กิ้น กับ เคลลี่ เป็นของประเภทมีเงินก็ยังซื้อไม่ได้!! ซึ่งคงเป็นเรื่องการตลาดของเขาอย่างหนึ่ง แต่ก็โชคดีที่ได้มาเรื่อยๆทั้งทางเน็ตบ้าง ฝากเพื่อนซื้อบ้าง ใบแรกที่ตัดใจซื้อเป็นหนังจระเข้ด ้านสีเทาเข้ม ฝากเพื่อนซื้อจากฝรั่งเศส เมื่อสัก 4-5 ปีที่แล้ว เพราะเห็นคุณแป้ง-นวลพรรณ ใช้ และก็ตัดสินใจซื้อมาเรื่อยจนกระทั่งป'จจุบัน เมื่อก่อนนี้ซื้อ หนังจระเข้ก็ใบละ 7.5 แสนบาท แต่ป'จจุบันค่าเงินยูโรแพงขึ้น ราคายิ่งกระเถิบมากขึ้นไปด้วย ใบโปรดที่ไม่เหมือนใครเป็นใบที่สั่งทำเอง เลือกสี วัสดุที่ใช้และแบบเอง เป็นเบอร์กิ้นส์ผ้ายีนส์ใบเดียวในโลก "แอน" ซื้อของ ก็เหมือนกับคนที่เขาเก็บนาฬ"กาหรือรถเก่า เวลาได้เห็นก็ทั้งภูมิใจและมีความสุข ถ้าชอบแล้วไม่ได้ซื้อนอนไม่หลับค่ะ!!! ส่วนเสื้อผ้า "แอน" ซื้อของวินเทจของปุชชี่ (Emilio Pucci) ตั้งแต่ปี 1960-1970 เป็นของยูส (ใช้แล้ว) มีขายในช็อปที่ต่างประเทศ จะเป็นของสีสันฉูดฉาดตามสไตล์ที่ชอบ หรือประมูลจาก Christie หรือ Sotheby แต่ราคาก็ไม่ใช่แพงมาก อยู่ระหว่าง 2-3 หมื่นบาท เพราะ "แอน" ไม่ชอบลงทุนกับเสื้อผ้า เนื่องจากเป็นคนที่ใส่ครั้งเดียวแล้วเบื่อเลย ส่วนรองเท้าเป็นคนชอบรองเท้ามาก เคยไปต่างประเทศครั้งแรก "เตี่ย" ให้สตางค์ไปห้าหมื่นบาท ตัดสินใจซื้อรองเท้าเลยหมื่นกว่าบาท ส่วนแบรนด์โปรดเป็นของ Manolo Blahnik ที่ชอบเพราะ แม้จะเป็นรองเท้าที่สูงมากแต่ใส่สบาย สูง 5 นิ้วใส่แล้วยังไม่โยกเลย และยังน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่รองเท้าของ "แอน" ราคาจะอยู่ที่หมื่นถึง 5 หมื่นบาท ถ้าใกล้แสนก็เป็นหนังจระเข้...อุ๊แม่เจ้า!! ตอนนี้ชีวิต "แอน" ก็ถือว่ามีความสุข ไม่ติดหนี้ใคร ใช้เงินเท่าที่พอใช้ได้ ทำอะไรไม่แข่งกับใคร ขออยู่แบบนี้ เพราะเป็นคนกลัวความรับผิด ชอบ และไม่ ชอบทำอะไรที่ต้องกำหนดวัน-เวลาแน่นอน แบบนี้สบายใจที่สุด http://www.bangkokbiznews.com/weekend/20030802/wec05.shtml เคยอ่านหนังสือแล้วเจ้าตัวบอกว่าไงรู้มั้ย "น้องแอนเคยได้ยินคนบ่นว่าถ้าชั้นรวยนะชั้นจะไม่ทำงาน น้องแอนก็คิดยังงั้นเหมือนกัน ไม่มีใครอยากลำบากหรอกค่ะ น้องแอนก็เลยไม่ทำงาน ทุกวันนี้ก็ใช้เงินเตี่ยอยู่" น่าชื่นชมจริง ๆ คุณแอนเคยให้สัมภาษณ์ ในนิตยสารฉบับ หนึ่ง ว่า " ผู้หญิงที่ทำงานให้คุณพ่อใน อาบ อบ นวด คือผู้หญิง ใจชั่ว มีงานอื่นให้ทำ แต่เลือกที่จะทำแบบนี้เอง ช่วยไม่ได้ " ดิชั้นอ่านแล้วอด สงสัยไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่... ใช้เงินซื้อเพชรจากหยาดเหงื่อแรงกาย แรงใจผู้หญิงเหล่านั้น" http://www.mthai.com/square/news/news49625.html จากคุณ : หนูพีช (หนูพีช) - [ 2 ม.ค. 47 19:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ คนอื่นอาจมีความเห็นที่แตกต่างได้ ไม่ชอบค่ะ เพราะไม่ทำงานทำการ hi-so ท่านอื่นๆที่ถูกพาดพิงถึง เค้าทำมาหากิน เรียนหนังสือกัน ไม่ใช่อยู่เฉยๆ นอนกลางวัน ตื่นกลางคืน (อ่านมาจากสัมภาษณ์ในแพรว) เตี่ยให้เงินใช้เดือนละ 4 ล้าน และจ้างสามีเค้าให้ออกจากงานมาอยู่กับลูกสาวเพราะกลัวลูกไม่ความสุข ฯลฯ แต่ในแง่นิสัยส่วนตัวแล้ว เคยอ่านสัมภาษณ์เพื่อนๆเค้าก็บอกว่าเค้าดี ไม่หยิ่งอย่างที่คิด ไม่เคยเจอเอง ไม่ทราบค่ะ จากคุณ : ไอริน - [ 3 ม.ค. 47 01:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รวยแต่ดูไม่มีสมองยังไงไม่ทราบนะคะ ถึงจะรวย แต่วันนึงเกิดใบบุญเตี่ยไม่อยู่แล้วล่ะ จะทำยังไง? จากคุณ : อดสู - [ 3 ม.ค. 47 13:10:11 A:203.170.129.148 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 คิดเหมือนคุณไอริณเลยค่ะ เพราะเคยอ่านสัมภาษณ์คุณเธอ เธอว่า เธอให้สามีลาออกจากงานเพราะเธอไม่อยากเจอหน้าสามีตอนเครียดหลังจากเลิกงานค่ะ อ่านแล้วอึ้งค่ะ จากคุณ : Lady Marmalade (Lady Marmalade) - [ 3 ม.ค. 47 14:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืม คิดอีกด้านเราว่าเขาก็เป็นคนตรงๆคิดยังไงก็พูดหยั่งงั้นซึ่งมันอาจจะดูแปลกๆสำหรับคนอื่น เราว่าคนที่ผิดนะคือเตี่ยเขาที่ตามใจลูกมากเกินไปจนเว่อร์ เอ...เตี่ยเขานี่เป็นพี่รึน้องกับท่าข้าวกำนันทรงใช่รึปล่าวคะ จากคุณ : ...แมงกะจุ้ย... - [ 4 ม.ค. 47 13:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยดูรายการไปถ่ายทำเหมือนกันค่ะ (แอนน้ทไม่จำกัด) ที่บ้านของเธอ รู้สึกว่าเธอแต่งตัวทำตัวไม่เวอร์หรอก แต่ของที่เธอมี สะสม ฯลฯ มันราคาโคตรอลังการเลย เราเห็นกระเป๋าแอร์เมส ใส่ตู้กระตกมีไฟส่อง (เหมือนในพิพิธภัณฑ์เลยอ่ะ) และตู้รองเท้าแบบอภิมหาร้อยพันคู่ เคยดูหนังสือแต่งบ้าน ก็โตะจาย..บ้านเป็นสีสันหมดเลย มีความโดดเด่นสูง แต่เราว่านะคะ ตัวเธอเองต่างหาก หน้าตา ไม่ได้ดูสวยอะไรมากมาย มีเครื่องประดับ เรียกว่าอะไรดี เอาเป็นเงินที่เธอมี เธอใช้ก็ไม่ได้ช่วยให้เธอดูน่าสนใจเท่าไหร่ และก็ไม่ใช่คนที่สวยจากภายในด้วย ดูแล้วจืด ๆ เหมือนหมวยขายของพาหุรัด เดินตลาดไม่บอกคุณแอน อินทิรา ก็คงไม่รู้.. เป็นอย่างคุณแอนคนนี้ สู้เป็นคนสวย นิสัยดี แต่จนดีกว่า ..ท่าทางจะมีความสุขกว่า จากคุณ : ลดาขาว - [ 4 ม.ค. 47 13:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เจ้าของวาจา K U ลูกโสไง จากคุณ : galatea - [ 5 ม.ค. 47 10:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบการแต่งตัวเขาค่ะ ดูโก้ดี แต่ว่า เคยอ่านสัมภาษณ์ในแพรว แล้วรู้สึกว่าเธอ โอ้โห รวยมาก ใช้เงินเป็นเบี้ยเลยนะ เราทำงานทั้งเดือน ยังไม่เท่าที่เธอใช้ภายในวันเดียว สงสัยว่า ไม่ทำงานแล้วรู้สึกไง เพราะถ้าเป็นเรา ชีวิตมันคงขาดๆ อะไรไป ไม่ได้ดูความสำเร็จของตัวเอง จากคุณ : Erika - [ 5 ม.ค. 47 14:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อืม... เพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่า น้องแอน(ชอบเรียกแทนตัวเองแบบนี้ แต่อายุล้ำแล้ว) เขาขึ้นทางด่วนแล้วขับรถไปเชี่ยวรึชนรถคนอื่นเขา ทีนี้น้องแอนและคู่กรณีก็ลงจากรถ น้องแอนเดินฉาดๆไปตบหน้าผู้หญิงคนนั้นทีนึงแล้วบอกว่ารู้ไหมฉันเป็นใคร 0_o" จริงเท็จไม่ทราบนะคะ เป็นคนรวยยยยยแล้วดีจัง ไม่รู้ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไร จากคุณ : ...แมงกะจุ้ย... - [ 7 ม.ค. 47 15:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณโสเป็นน้องชายแท้ๆของกำนันทรงค่ะ จากคุณ : อาฮั้ว - [ 28 ม.ค. 47 15:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โส ธนวิสุทธิ์เป็นบุตรนายโบ้ - นางจั๊บ แซ่เอ็ง ชาวจีนที่เข้ามาตั้งรกรากที่จังหวัดพิจิตร มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 4 หญิง 3 พี่ชายคนโตของคือกำนันทรง องค์ชัยวัฒนะ เป็นพี่ใหญ่ที่ต้องช่วยบิดามารดาคอยดูแลและหาเลี้ยงน้อง ๆ เพราะในสมัยนั้นครอบครัวค่อนข้างยากจน เมื่อโตขึ้นมา บรรดาพี่น้องต่างแยกย้ายกันไปทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวกันตามความถนัด พี่ชายคนโตกลายมาเป็นพ่อค้าข้าวเปลือกรายใหญ่ของประเทศ และเป็นเรื่องแปลกที่บรรดาพี่น้องผู้ชายที่เหลือต่างพากันเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไม่ใช้ซ้ำกันเลย แต่ก็ได้ดิบได้ดีเป็นผู้กว้างขวางด้วยกันทั้งนั้น คือ นายวสันต์ ธิติวิโรจน์ นายนนท์พร พ่อเพชร และเขา - โส ธนวิสุทธิ์ ! การทำมาหากินนั้น มีธุรกิจกิจการมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจสถานเริงรมณ์ในกรุงเทพมหานคร เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ก็ยังเคยเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ "พญาครุฑ" ด้วย ถือได้ว่าในช่วง 30 กว่าปีก่อนเป็นคนที่มีทั้งบารมีและอิทธิพลในระดับแนวหน้าของสังคมเมืองหลวงคนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงวันนี้บารมีและอิทธิพลต่าง ๆ ก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อย เป็นที่เกรงอกเกรงใจทั้งในระดับบุคคลและองค์กรหลายแห่ง ปัจจุบันธุรกิจสำคัญที่ทำเงินอย่างอาบอบนวดโอซาก้า ย่านพัฒนาการ ก็ให้พัฒพงษ์ ธนวิสุทธิ์ ลูกชายคนโต ดูแล ภรรยาชื่ออำไพ มีลูกด้วยกัน 5 คน เป็นชาย 4 หญิง 1 ลูกสาวคนเล็กที่โด่งดังในแวดวงสังคมไฮโซก็คืออินทิรา ธนวิสุทธิ์ จากคุณ : อาฮั้ว - [ 28 ม.ค. 47 15:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เขาค้าทุกอย่างที่ใด้เงินโดยเฉพาะผู้หญิงและสร้างอิทธิพลต่างๆครั้งหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์หนังสือพืมพ์ว่าเขาความรู้แค่ป.4แต่มีลูกน้องระดับด๊อกเตอร์ เขาดนจับคดีจ้างฆ่าร่วมกับดาราดังดามดัสกรฆ่าคนในตระกุลเอี่ยมพึ่งพรไม่รู้คดีเป็นอย่างไร ยาย 1 พ.ค. 2546 จากคุณ : อาฮั้ว - [ 28 ม.ค. 47 15:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คำตอบเสริม 8 เห็นเค้าเรียกลูกสาวหนึ่งเดียวของเฮียว่าว่า เจ้าหญิงสันหลังยาว เกิดมาในชีวิตนี้ ไม่เคยทำอะไรเลย ย้ำ ไม่เคยทำอะไรเลย เคยอ่านบทสัมภาษณ์เธอ เธอเล่าว่า จะตื่นตอนประมาณเที่ยง เสร็จแล้วก็จะไปหาอะไรอร่อยๆกิน พอบ่ายๆเย็นๆ ก็จะไปนวดหน้า ทำผม ช้อปปิ้งตามเรื่องตามราว ต้องไปเลือกซื้อของให้ in trend เดี๋ยวจะตกยุค ต้องมีทุก collection ก่อนใครๆ เดี๋ยวจะเชย พอตกค่ำ ก็เตรียมแต่งตัวไปงานไฮโซไฮซ้อทั้งหลาย คนสัมภาษณ์ก็ถามต่อว่า แล้วไม่ทำงานอะไรเหรอ เค้าบอกว่าไม่ทำหรอก ไม่รู้จะทำไปทำไม ปวดหัว ทุกวันนี้เตี่ยก็มีให้ใช้เพียงพออยู่แล้ว เรื่องทำงานไม่จำเป็นในชีวิตเธอ เตี่ยกลัวเธอเหนื่อย บอกว่าเตี่ยเลี้ยงหนูได้จนตาย ไม่ต้องทำหรอกงาน เราก็คิดในใจว่า โห แล้วจะหา ผ ว ได้เหรอ ปรากฏว่ามีหนุ่มคนนึงหลงมาติดกับเธอจนได้ ตอนแรกผู้ชายมีงานประจำทำอย่างดี จำไม่ได้แน่ว่าทำงานอยู่เมืองนอกหรือเปล่า พอแต่งงานปุ๊บ เฮียก็สั่งลูกเขยเลยให้หยุดทำงาน อยู่เป็นเพื่อนลูกสาวเค้า สุดท้ายตอนหลัง สองคนเลยไม่ทำงานทั้งคู่ แต่เราอ่านนานแล้วนะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงกันมั่งแล้ว อ่านแล้วก็ได้แต่สลดใจ ว่ามีชีวิตเกิดมาแค่นี้เหรอ เกิดมาเพื่อช้อปปิ้งแค่นี้เหรอ ไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นที่ว่าจะทำประโยชน์ให้สังคมนะ เอาแค่ใช้ชีวิตให้คุ้มกะที่มีโอกาสได้เกิดมา ก็ไม่ยอมทำซะแล้ว อีกหนึ่งความรู้สึก 9 ก.ค. 2546 ทั้งหมดจาก http://www.manager.co.th/politics/PoliticsQAQuestion.asp?QAID=1230 จากคุณ : อาฮั้ว - [ 28 ม.ค. 47 16:01:16 ]