===โอ้ว พระเจ้า!!! ลดน้ำหนัก 8 เดือน 54 กิโล ===

    เอามาจากกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A2608828/A2608828.html
    ----------------------------------------------------------

    http://www.matichon.co.th/matichon/matichon.php?s_tag=01pra03040147&show=1&sectionid=0131&day=2004/01/04


    ใครที่ "เคยพยายาม" หรือกำลังอยู่ระหว่างพยายามลดน้ำหนักตัว คงจะรู้ดีว่า กว่าจะทำให้น้ำหนักตัวหายไปได้สัก 1 กิโลกรัม มันทรมานและลำบากยากเย็นขนาดไหน?

    เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แหละว่า ปัญหาการลดน้ำหนักตัว มันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ที่ "ความอยากกิน" นั่นเอง เพราะคนที่อ้วนมักเป็นคนประเภท "เอนจอย อีตติ้ง" กินอะไรก็อะหย่อยไปหมด แถมกินเท่าไรก็ไม่ค่อยจะอิ่มกับเขาง่ายๆ

    ดังนั้น จะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะยับยั้งชั่งใจได้ว่า ควรจะรับประทานอะไรมากน้อยแค่ไหน ก็เพราะยังงี้แหละคนที่อยู่ระหว่าง "รีดน้ำหนักตัว" ถึ งจะต้องมีกำลังใจและ "สิ่งยึดมั่น" อันแรงกล้า ที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้....

    คาเรน เบย์นอน ก็เช่นกัน ด้วยน้ำหนักตัว 123 กิโลกรัม สูง 175 เซนติเมตร ทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งวัย 35 ชาวเมืองลิสเวอร์รี่ ในอังกฤษ เคยพยายามลดน้ำหนักตัวมาแล้วหลายครั้ง

    แต่ไม่เคยสำเร็จ!!!

    กระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อ "ลูกชาย" ที่กำลังป่วยหนัก เธอถึงลดน้ำหนักตัวได้ถึง 54 กิโลกรัม เพราะคิดว่าหากผอมลงกว่าที่เป็นอยู่ เธอน่าจะแข็งแรงและดูแลโธมัส ลูกชายวัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดได้ดีกว่าการเป็นคุณแม่รูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะ ซึ่งทำอะไรทีก็เหนื่อย

    "ฉันคิดว่า ถ้าหากโธมัสสามารถต่อสู้กับความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายของเขาได้ ฉันก็ต้องลดน้ำหนักตัวให้ได้เช่นกัน และต้องทำได้แน่นอน"
    คาเรน กับเจฟ สามี และโธมัส ลูกชาย




    "และตอนนี้ฉันก็ดีใจเหลือเกินที่ทำได้แล้ว ขณะที่โธมัสก็จบคอร์สการรักษาไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีแม่ซึ่งคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ไม่บ่นเหนื่อยง่ายๆ เวลาเล่นกับเขา"

    ทั้งนี้คาเรนเล่าว่า ตั้งแต่ต้นปี 2544 ที่หมอตรวจพบว่าโธมัสกำลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งร้ายในเม็ดเลือด หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป

    ตอนแรกที่รู้ว่าลูกป่วย คาเรนเล่าว่าความวิตกกังวล ว้าวุ่น กลับทำให้น้ำหนักตัวเธอเพิ่มขึ้นกว่า 6 กิโลกรัมด้วยซ้ำ และเมื่ออาการป่วยของลูกรักยิ่งเลวร้ายลง น้ำหนักตัวเธอก็ขึ้นพรวดมาอีกเกือบ 10 กิโลกรัม!!!

    "ปกติฉันเป็นคนชอบกินมาก โดยเฉพาะขนมปังปิ้งทาเนย เนยแข็ง ช็อกโกแลต ขนมปังกรอบ แล้วในช่วงที่โธมัสป่วย เขาต้องหยุดเรียนเพื่อเข้าคอร์สรักษาตัวอยู่นาน 4 เดือน ในช่วงนั้นฉันก็ขยันกินแต่ขนม ของว่างที่อุดมไปด้วยไขมันเพื่อช่วยให้ตัวเองมีแรงพาลูกวิ่งเข้าออกระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล พอตกค่ำก็ต้องกินน้ำแอปเปิลเพื่อช่วยให้นอนหลับ ปรากฏว่าน้ำหนักตัวฉันขึ้นพรวด และรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงตัดสินใจที่จะต้องเข้าคอร์สลดน้ำหนักตัวเพื่อเห็นแก่โธมัส เพราะไม่เช่นนั้นร่างกายฉันคงไม่พร้อมจะดูแลลูกได้แน่ๆ"

    คาเรนเล่าว่า เธอไม่เคยพึ่ง "ยาลดความอ้วน" แต่ใช้การเลือกรับประทานอาหาร และจำกัดอาหารบางอย่าง เช่น ทานอาหารจำพวกแป้ง และเนื้อในปริมาณไม่มาก และเน้นทานผักในอาหารมื้อเย็น

    "แน่นอน เรามีไก่งวงบนโต๊ะอาหารค่ำในวันคริสต์มาส แต่ฉันตัดของหวานพวกช็อกโกแลตออกหมดเลย ดื่มแต่ไวน์ขาวและเครื่องดื่มประเภทซอฟต์ดริงก์"

    แค่เรื่องจำกัดอาหารการกินก็ทำให้คาเรนต้องกัดฟันสู้จะแย่อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าคาเรนยังเจอศึกหนักกว่านั้นอีก ในเมื่อขณะที่เธอต้องพยายามลดน้ำหนักตัวให้ได้ แต่โธมัสกลับต้องพยายามเพิ่มน้ำหนักตัวเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายที่ทำให้ร่างกายหนูน้อยซูบผอม ทำให้คาเรนต้องซื้ออาหารเสริมพลังงานและไขมันไว้ในบ้าน โดยเธอเองต้องหักห้ามใจ ไม่ให้เผลอตัวไปแตะต้องมัน ไม่ว่าจะเป็นครีม เนยแข็ง หรือไอศกรีม ฯลฯ

    "มีบางครั้งที่ฉันยอมรับว่า มันทำใจยากจริงๆ ยิ่งตอนที่เห็นโธมัสกำลังตักไอศกรีมกิน"

    คาเรนเล่าว่า หลังจากพยายามจำกัดอาหารอยู่ 6 เดือน กระทั่งเห็นผลว่าสามารถลดน้ำหนักตัวลงไปได้มาก ต่อมาเธอจึงหันหน้าเข้าหา "โรงยิม" ใกล้บ้านอีกอย่าง โดยลงว่ายน้ำในสระเป็นเวลา 30 นาที แล้วยังเข้าคลาสเต้นแอโรบิกด้วย ปรากฏว่ายิ่งทำให้ผลการลดน้ำหนักเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น

    นับจากวันนั้น กระทั่งถึงคริสต์มาสที่ผ่านมา รวมเวลาร่วม 8 เดือน เธอสามารถลดน้ำหนักตัวได้ 54 กิโลกรัม กระทั่งสามารถใส่เสื้อผ้าไซซ์ 16 ได้แล้ว

    แต่ดูเหมือนว่า คุณแม่ใจเด็ดยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ตอนนี้เธอยังมีโครงการจะเข้าร่วมรณรงค์หาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และรณรงค์ชักชวนให้ผู้คนหันมาออกกำลังกาย หลังจากเห็นผลลัพธ์ของมัน อีกทั้งตอนนี้เธอยังหันมาวิ่งจ๊อกกิ้งด้วย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากโรงยิม โดยจะจ๊อกกิ้งเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร

    ในโอกาสเดียวกันนี้ คาเรนยังมี "เคล็ดลับ" เล็กๆ น้อยๆ ที่เธอได้จากประสบการณ์ตรงครั้งนี้มาฝากกันด้วยว่า ถ้าหากครอบครัวของใครกำลังมีปัญหา ขอให้รู้ไว้ว่า อย่ายอมแพ้ แต่ต้องพยายามรับมือกับมัน และอย่าท้อแท้ เซื่องซึม ทั้งยังว่าร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะทำให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย

    ทั้งยังฝากบอกเวิร์กกิ้ง มัม หรือคุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วยว่า ควรหาเวลาออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ระหว่างออกกำลังกายยังทำให้คุณลืมความเครียดทั้งหลายแหล่ไปได้ด้วย

    ลองดูนะคะ คำแนะนำที่ดีๆ อย่างนี้!!!

     
     

    จากคุณ : la-la-bell - [ 4 ม.ค. 47 21:22:07 ]