ความคิดเห็นที่ 18
บัก ล. เอยยยยยยยยยย.. อิอิ.. ข้างล่างนี้คือ ความคิดที่อยู่ในใจ...ต่อคำถาม...
เอ้ยยยยยยยย....บ้าเป่า
ที่ถามโดยคุณ ล. 
----------------------------------------------------------
+++Time+++ แต่ง : เดวิด ทิลมัวร์, นิค เมสัน, ริชาร์ด ไรท์, โรเจอร์ วอเตอร์ล บรรเลง : พิงค์ ฟลอยด์
Ticking away the moments that make up a dull day You fritter and waste the hours in an off hand way Kicking around on a piece of ground in your home town Waiting for someone or something to show you the way
Tired of lying in the sonshine staying home to watch the rain You are young and life is long and there is time to kill today And then one day you find ten years have got behind you No one told you when to run, you missed the starting gun
And you run and you run to catch up with the sun, but it's sinking And racing around to come up behind you again The sun is the same in the relative way, but you're older Shorter of breath and one day closer to death
Every year is getting shorter, never seem to find the time Plans that either come to naught or half a page of scribbled lines Hanging on in quiet desperation is the english way The time is gone, the song is over, thought I'd something more to say
Home, home again I like to be here when I can And when I come home cold and tired It's good to warm my bones beside the fire Far away across the field The tolling of the iron bell Calls the faithfull to their knees To hear the softly spoken magic spells.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรเจอร์ วอเตอร์ส เขียนเพลงนี้เมื่ออายุ 28 ปี อันเป็นช่วงวัยที่เขาได้ใช้ชีวิตระเริงไป โดยเปล่าดายมาระยะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะมาตระหนักว่า วันเวลาที่เหลือต่อไปจากนี้จะทำอะไร คำตอบคือ
ไม่รู้
เพราะว่าไม่เคยวางแผนไว้ก่อน ไม่เคยคิดว่าจะต้องตั้งคำถามนี้กับตนเอง
ในบทเพลงนี้ วอเตอร์ส อธิบายความหมายของกาลเวลา ให้ผ่านจากชีวิตของคนคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน...โดยไม่ได้ทำอะไรให้กับชีวิตเลย แล้ววันนึงเขาก็ได้พบว่า ตัวเองแก่ตัวขึ้นและเสียเวลา 10 ปี ไปอย่างไม่เป็นเรื่องเป็นราวในวัยเยาว์ แล้วจึงพบเมื่อภายหลังว่า เวลาแห่งชีวิตนั้นผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ และน่าสิ้นหวังเพียงไร
เพลงนี้ขึ้นต้นด้วยเสียงนาฬิกาดังกังวาน ซึ่งเป็นเสียงที่ทางวงบันทึกมาจาก ร้านขายของเก่าหลายๆ แห่ง ก่อนจะนำมาผสมผสานกัน หลังจากเสียงนาฬิกาก็ตามมาด้วย เสียงกลองและดนตรีชิ้นอื่นๆ โดยเฉพาะเสียงกีตาร์ในเพลงนี้นั้น นำพาสู่อารมณ์เหงา..เศร้าและกินใจ
โอยยยยยย.. หงิง..หงิง...หงิง..
+++++++++++++++++++
คนเราควรหันมามองชีวิต ในแง่การใช้เวลาของชีวิตบ้างนะ
เวลาไม่เคยหยุดยั้งรอใคร ทั้งยังไหลไปเหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันย้อนคืน นั่นคือ สัจจะ และคงจะเป็นโชคหากว่า... เรามีช่วงเวลาที่จะฉุกคิด และตระหนักถึงความจริงเช่นที่ว่านี้.. เสียตั้งแต่วันที่ไม่สายเกินไป...
การปล่อยชีวิตให้ดำเนินไปเรื่อยๆ ปล่อยตัวให้ไหลไปกับกระแสชีวิตนั้น ดูเหมือนจะสุขสบายและปลอดภัยดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องปวดหัวคิดถึงอนาคตไกลๆ แต่ว่า...ชีวิตคงจะไม่เป็นอย่างนั้นได้
เพราะว่า ในสายธารแห่งกาลเวลานั้น... บางครั้งก็มีโขดหินผุดขึ้นมากั้นขวาง และเป็นอุปสรรคต่อการไหลไปของสายน้ำ โดยไม่คาดหวังหรือไม่ต้องการให้เกิด และเหตุการณ์นั้นทำให้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าเพียงแต่มีเป้าหมายหรือจุดประสงค์ เรื่องราวก็คงไม่ยากนัก
*จากอีกมุมหนึ่ง ระหว่างไม่ทำอะไรกับมีอะไรให้ทำมากเกินไป บางครั้งก็ทำให้เกิดผลเดียวกับชีวิตคือ เวลาผ่านไปโดยไม่ได้คิดหรือวางแผน สำหรับวันที่เหลือจากนี้เลย
*เมื่อจะต้องครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น เพื่อประมวลว่า...เราควรทำอะไรกับอนาคตนั้น จะต้องเกิดขึ้นพร้อมกับ ปัญญา...ความเข้าใจ... วิเคราะห์และมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับ อย่างถูกต้องเหมาะสม
*อาจจะต้องใช้ความพยายาม และกล้าหาญที่จะเรียนรู้ และตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ว่าไม่ควรจะขลาดเกินกว่าจะเจ็บปวด เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง และเริ่มต้นใหม่ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงผล เราจะต้องเริ่มที่วิธีการ
*บางคนนั้นศึกษากันเป็นเรื่อง เพื่อค้นหาทฤษฎีของการบริหารเวลา บางคนบอกว่า เราต้องประหยัดทุกนาที และใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ด้วยการทำหลายๆ อย่าง ให้สำเร็จในเวลาที่มีอยู่
*แต่นั่นจะถูกต้องไหม... เพราะบางครั้งฉันก็สงสัยอยู่ว่า จะทำทุกอย่างรวดเร็วไปทำไม จะมีเวลาเพิ่มอีกกี่นาที แทนที่จะใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างรวดเร็ว แทนที่จะทำหลายๆ อย่างในเวลาน้อยๆ
เราอาจจะทำน้อยลงสักอย่าง แต่ทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด มีคุณภาพที่สุด จะดีกว่าไหม?
คุณภาพของเวลาที่ผ่านเลยนั้น ก็น่าจะเป็นหนึ่งในความหมายของคุณค่าชีวิต
*แต่ทำอย่างไร เราจึงจะไม่หลงไปสู่กับดักของเวลา ด้วยการดำเนินชีวิตไปโดยไร้จุดหมาย อย่างไรจึงจะสามารถตระหนักว่า เราผ่านอะไรมา กำลังทำอะไรอยู่ และจะทำอะไรต่อไป
*เพราะหลายๆ คนที่เคยระเริงและคิดว่า เวลาของชีวิตยังเหลืออีกมากมาย บัดนี้พวกเขาเหล่านั้นกลับพลันเสียใจ เพราะว่า... บางครั้งบางสิ่งก็ผ่านเลยไป และสายเกินไปที่จะหวนคืนกลับ
*จริงๆ แล้ว ไม่มีเวลาเหลือแม้สักนาทีเดียว ที่สมควรแก่การฆ่าทิ้งไป โดยเปล่าประโยชน์หรือหายใจทิ้ง อย่างไร้เป้าหมาย ไม่ควรมีแม้เพียงวินาทีเดียว ที่สมควรจะผ่านไป โดยเปล่าดายถึงเพียงนั้น... และถึงอย่างไรก็ตาม เวลาที่ผ่านเลยอย่างไร้สาระนั้น...
ก็กลับจะกลายเป็นสาระขึ้นมาได้บ้าง... หากเราได้เรียนรู้จากมันเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง...
จากคุณ :
นางฟ้าแห่งป่าเขา
- [
13 ม.ค. 47 14:47:50
]
|
|
|