หวัดดีค่ะ
เสร็จงานใหญ่ สานฝัน ปันรัก ครั้งที่ 3 พาเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอดส์เกือบ 100 คนมาเที่ยวสวนสนุกเมือ่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา และ ไปเที่ยวกันต่อที่ระยองอีก 2 วัน เหนื่อยแสนสาหัส แต่ก็ดีใจ ที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ปลื้มใจกับน้ำใจที่เพือ่นๆมาช่วยงานกันเยอะแยะ
เสร็จงานเรียบร้อยเมื่อวันอังคาร ก็ปิดมือถือ นอนพักยาว เหนื่อยมากจริงๆ ประกอบกับอากาศร้อนมากทำให้เพลียๆ และ เบื่ออาหารชอบกลอยู่ ช่วงนี้คงปิดโทรศัพท์ ไม่รับสายไปอีกหลายวัน อยากอยู่สงบๆ อยากพักบ้าง ทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว อดทนกับคนอื่นมาเยอะ ตอนนี้ขอเวลาดูแลตัวเอง ทำตามใจตัวเองบ้างเถอะนะ
เมื่อวานถึงกำหนดไปหาหมอ ไม่รู้เป็นอะไรรถติดมากๆๆๆ ไปถึง รพ.ชั่งน้ำหนักตกใจมากเลย น้ำหนักหายไป 3 กิโล รู้สึกกลัวๆ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยอยากกินอะไรเลย ถึงอยากกินได้หน่อยเดียวก็อิ่ม กินไม่ได้แล้ว เอ........... หรือเป็นช่วงขาลงของชีวิต เอ.............หรือว่าอาการของเอดส์เริ่มออกแล้ว
เห็นน้ำหนักหายไปแล้วนึกโกรธโฆษณาลดน้ำหนัก ที่ชอบหน้าด้านมาแอบแปะไว้ในเว็บแก้ว ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยว่าเราเป็นเว็บโรคเอดส์ มาโฆษณาอยู่ได้ ผอมเพรียวใน 7 วัน ลดสะโพก ลดต้นขา จะรู้บ้างมั้ยนะว่าคนเป็นเอดส์น่ะ เค้ากลัวการที่น้ำหนักลดมากๆเลย
รอหมอนานมากกกกกกกกกก เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง ถึงได้เจอหน้าหมอ หมอก็ทักคำแรกเลย น้ำหนักลงเยอะนะ มีแฟนเหรอ ง่ะ หมอนะหมอ พอบอกว่าเปล่าค่ะ หมอเริ่มมองหน้าแล้วถามว่า เป็นอะไรรึเปล่า ท้องเสียมั้ย กินข้าวได้มั้ย หมอบอกให้พักผ่อนเยอะๆ เดือนหน้าดูอีกทีว่าน้ำหนักลดอีกรึเปล่า
ถามหมอถึงอาการเพือ่นๆที่ป่วยอยู่ หมอส่ายหัวบอกว่าเพือ่นอาการหนักๆทั้งนั้นเลยนะ หมอไม่รู้จะช่วยยังงัยแล้ว แล้วหมอก็บอกว่าพี่โค่น่ะ ตัดสินใจขอหยุดการรักษา หยุดยาต้านแล้วนะ โดยบอกหมอว่า ต้องกู้เงินมากินยาต้าน ครอบครัวเป็นหนี้เยอะแล้ว ขอหยุดเถอะ
ฟังแล้วน้ำตาซึม การหยุดยาก็คือการยอมแพ้ คือการรอวันตาย พี่โค่ดื้อยามาทุกกลุ่มแล้ว เหลือกลุ่มสุดท้ายที่กินอยู่ ถ้าหยุดตัวนี้ก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว แต่ก็น่าเห็นใจ ยากลุ่มสุดท้ายนี้แพงมาก พี่โค่กินยาเดือนละหมื่นห้าแน่ะ แล้วหมอยังเล่าว่าตอนนี้เตียงข้างพี่โค่มีคนมาอยู่ด้วยนะ แต่คงอยู่ไม่นานเพราะหมดทางรักษาแล้วเช่นกัน เค้าก็เป็นเอดส์เหมือนกันอ่ะ
หมูแก้วขึ้นไปเยี่ยมพี่โค่ในห้อง เปิดเข้าไปก็เจอเสียงร้องไห้ระงม เตียงข้างๆมีคนรุมล้อมเต็มเลย ร้องไห้กันใหญ่ คนป่วยก็ตัวดำแห้งเกรียม มีหน้ากาออกซิเจนครอบอยู่ และก็มีเจ้าเครือ่งแต๊ก ที่หน้าตาคุ้นเคยกับหมูแก้วมาก
เครื่องแต๊ก เป็นเครือ่งช่วยหายใจชนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันมีชื่อจริง ชื่อทางการแพทย์ว่าอะไร แต่มันชอบส่งเสียงแต๊ก แต๊ก เป็นจังหวะ ก็เลยเรียกมันว่าเครื่องแต๊ก ที่คุ้นกับเจ้านี่เพราะ ย่าของหมูแก้วอยู่กับเครื่องแต๊กมาเดือนกว่า ก่อนที่จะตาย
เครื่องนี้จะใช้กับผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ญาติและหมอหยุดการรักษาแล้ว จะช่วยพยุงการหายใจไม่ให้คนป่วยทรมานเกินไป แต่ไม่ช่วยยืดชีวิต เสียงของมันทรมานความรู้สึกมาก ตอนย่าป่วยหมูแก้วเรียนปริญญาโทอยู่ กลางวันมีหน้าที่เฝ้าย่า ต้องอยู่ในห้องกับย่าที่ไม่เคยฟื้นขึ้นมาอีกหลังจากผ่าตัดสมอง มีเจ้าเครือ่งแต๊กส่งเสียงเป็นเพือ่น ยามใดที่เจ้าแต๊กทิ้งช่วงเงียบนานไป ก็ต้องวิ่งไปเกาะขอบเตียง เอามือไปจ่อตรงท่อที่เจาะที่คอย่า ว่ายังหายใจอยู่มั้ย ทรมานใจคนเฝ้ามาก
แปลกจังเนอะ เมื่อวานเห็นหน้าเจ้าแต๊กเพือ่นเก่า เป็นวันเดียวกับวันเกิดย่าของหมูแก้วเลย ถ้าย่ายังอยู่ย่าจะอายุ 84 ขวบแล้ว คิดถึงย่าจังเลย................
เดินเลยเตียงนี้ไป เตียงพี่โค่ว่างเปล่า สงสัยไปทำกายภาพบำบัด หมูแก้วเลยนั่งคอย เตียงข้างๆร้องไห้คร่ำครวญมาก แอบคิดในใจว่า อย่าทำอย่างนี้เลย คนป่วยจะไปไม่สงบ ห่วงญาติ ห่วงครอบครัว แม่คนป่วยน่าสงสารมาก ร้องไห้เสียงดัง แล้วพูดว่า "อย่าทิ้งแม่ไปนะลูก" พี่ชายก็ร้องไห้บอกว่า "เอ็ง ตื่นสิ พี่ซื้อข้าวมันไก่มาฝาก" ขำหน่อยๆ ถ้าลุกมากินข้าวมันไก่ได้ก็เก่งอ่ะคะ
จริงๆแล้ว การหยุดการรักษาแล้วให้นอนรอความตาย ควรจะอยู่ห้องเดี่ยว จะได้สงบ และ เป็นส่วนตัว และ ไม่รบกวน บั่นทอนจิตใจคนอื่น แต่ครอบครัวนี้คงไม่มีเงิน เลยต้องมาอยู่ห้องคู่ หมูแก้วสงสารพี่โค่มาก ที่ต้องฟังเรื่องต่างๆ ฟังเสียงร้องไห้
นั่งรออีกสักพัก เสียงคนป่วยร้องโหยหวน น่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ญาติๆก็ร้องไห้ระงม อยู่ไม่ได้แล้วตู รีบเดินออกนอกห้อง โทรหาพี่โค่ กะจะถามว่าห้องกายภาพอยู่ไหนจะไปหา
พี่โค่รับสายแล้วบอกว่า พี่สาวเข็นออกมาอยู่ตรงระเบียงอีกด้านของลิฟท์ โธ่ๆๆๆๆๆ
ปรากฎว่าช่วงนั้นเป้นช่วงเที่ยง พี่สาวพี่โค่แว๊บงานมาเยี่ยมน้อง เห็นสภาพน่ากลัวในห้อง เลยเข็นพี่โค่ออกมาข้างนอก นั่งคุยกับพี่โค่ พี่เค้าเอาสายอาหารที่จมูกออกแล้ว แต่ยังเสียบสายปัสสาวะ
พี่โค่บอกว่า พี่หยุดยา แล้วนะ จะกลับบ้านแล้ว แววตาพี่โค่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวมาก หมูแก้วก็เลยไม่ค้านอะไร เพราะเคยค้านมาครั้งนึงแล้ว ครั้งนี้พี่เค้าคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว แอบๆน้ำตาคลอ การตัดสินใจหยุดยา ก็เหมือนหยุดชีวิตตัวเองนะ พี่โค่เก่งมาก เด็ดเดี่ยวที่จะเลือกทางเดินของชีวิตตัวเอง
เราไม่ได้พูดอะไรกันมาก เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี บรรยากาศมันเศร้าๆชอบกล สักพักพี่สาวพี่โค่ขอตัวกลับไปทำงาน และ บอกว่าจะมารับกลับบ้าน ตอนดึกพรุ่งนี้
อยู่กันสองคน หมูแก้วพยายามไม่มองหน้าพี่โค่ มันรู้สึกแปลกๆ มันเศร้าๆ มันกลัวๆ ก้มหน้าก้มตาทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ ปากก็บอกว่า พี่ต้องกินข้าวเยอะๆนะ จะได้มีแรง อยู่บ้านต้องดูแลตัวเองนะ แล้วจะพยายามไปเยี่ยม
รู้สึกว่าพี่โค่นั่งมองหน้าอยู่ แต่ไม่อ่ะ เราไม่เงยหน้า เราไม่สบตา ไม่นะพี่โค่จะมาลากันง่ายๆอย่างงี้ เค้าไม่ยอมหรอก
อยู่ไปอีกสักพัก พี่โค่บอกว่ารู้สึกจะเป็นไข้ เลยวิ่งไปเรียกพยาบาลมาให้ช่วยอุ้มพี่โค่ ขึ้นรถเข็น กลับห้อง เปิดห้องไป เตียงข้างๆก็ยังร้องไห้กันอยู่ บรรยากาศแย่จริงๆ ช่วยเอาพี่โค่ขึ้นเตียง ปรับเตียง ห่มผ้าให้ พอเข้าไปใกล้ๆ พี่โค่มองหน้าอีกแล้ว แล้วพร่ำบอกแต่ว่า ขอบใจแก้วมากนะ...............
อย่าพูดอย่างงี้สิ อย่าทำเหมือนลาจากกันสิ จะทิ้งกันไปง่ายๆอย่างนี้ได้งัย........... เศร้าจังเลย
อยู่กับพี่โค่อีกสักพัก ก็ขอตัวกลับบ้านเพระรู้สึกแปลกๆ เศร้าๆ ซึมๆ มึนๆ พี่โค่ก็ย้ำแต่ว่าขอบคุณมากนะ เราบอกว่าไว้จะไปหาที่บ้านนะพี่ พี่ต้องกินข้าวเยอะๆนะ ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินออกมา
ออกนอกห้องได้ ร้องไห้เลย มันเศร้ายังงัยไม่รู้ รู้สึกเหมือนว่า อีกไม่นานจะเสียพี่โค่ไป สงสารพี่โค่ แต่ก็ต้องเคารพสิทธิในการเลือกทางเดินชีวิตของพี่เค้า
ขับรถกลับบ้านร้องไห้ไปตลอดทาง คิดถึงย่า สงสารพี่โค่ กลัว เหงา สารพัด แวะเซนทรัลจ่ายค่าโทรศัพท์ ยังไม่ทันกลับบ้าน พี่โค่โทรมาบอกว่า เตียงข้างๆตายแล้ว เมือ่กี้นี้เอง ฟังเสียงแล้วพี่โค่ตกใจมาก ก็เลยปลอบกันไปพักใหญ่ๆ กลับบ้านด้วยอารมณ์เศร้าๆ แจ้งข่าวให้เพือ่นๆทราบถึงการตัดสินใจของพี่โค่ วันนี้เพือ่นๆจะไปหาพี่โค่กันอีก
สายๆวันนี้หมูแก้วไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เพราะต้องเอาตุ๊กตาที่ส้มจุกประมูลเพือ่หาเงินพาน้องๆไปเที่ยว ไปส่งให้เจ้าของ แวะเดินไปดูที่บูธดอกหญ้า the book lover เห็นปกหนังสือเอดส์ไดอารี่ เล่ม 3 แปะอยู่ เพิ่งเห็นครั้งแรกนี่หล่ะ สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถูกใจมากเลย มีรูปดอกไม้ที่เราชอบมากอีกดอกอยู่บนปกด้วย
ลองถามคนขายว่าหนังสือจะมาเมือ่ไหร่ จริงๆเราทราบอยู่แล้วว่าจะมาพรุ่งนี้ แต่คนขายบอกว่า บ่ายนี้ก็มาแล้วครับ ดีจัง เดี๋ยวจะได้แวะมาดู ไปเดินช๊อปปิ้งหนังสือกับส้มจุกต่อ ใกล้เที่ยงวนไปร้านดอกหญ้าถามอีกที เขาบอกว่าหนังสือมาแล้วกำลังขนมาจากรถ ก็เลยยืนรอ
สักพักเห็นคนแบกหนังสือมา โหๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอวางเรียงๆกัน ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ ส้มจุกรีบซื้อไป 1 เล่ม ก็เลยเป็นคนแรกที่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ไป
ลูบๆ คลำๆ ชื่นชมหนังสืออยู่ ฉับพลันสะดุดกับอะไรบางอย่าง จ๊ากส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รีบโทรไปหาน้องจี กอง บ.ก ดอกหญ้า กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด น้องจีก็ตกใจด้วยคน
แต่ เราตกใจกันเรือ่งอะไร ไม่บอกหรอก ต้องไปซื้อหนังสือมาดูเอง ขอบอกว่า ล๊อตแบบนี้มีน้อยนะคะ ควรซื้อมาเก็บสะสมไว้ มีเฉพาะในงานสัปดาห์หนังสือ ถึงวันอังคารนี้เท่านั้น และพอหมดงาน หนังสือจะถูกเก็บเข้าโรงพิมพ์อีกสักพัก แล้วถึงไปวางตามร้าน
ดังนั้นรีบๆไปช่วยกันอุดหนุนหน่อยนะคะ ซื้อในงานได้ราคาถูกมากด้วยเพราะเขาลด 20%
หนังสือเอดส์ไดอารี่ 3 : คืนวันที่ผันผ่าน อยู่ที่บูท E14 สนพ.ดอกหญ้านะคะ เอดส์ไดอารี่ 1 และ 2 ก็พิมพ์ใหม่ด้วยค่ะ เอดส์ไดอารี่ 1 พิมพ์ครั้งที่ 14 รวมสองหมื่นกว่าเล่มแล้ว เอดส์ 2 พิมพ์ครั้งที่ 2 รวม 12,000 เล่ม
ส่วน "ต้นกล้าแห้งความหวัง" หนังสือที่เกี่ยวกับเด็กๆบ้านแกร์ด้า อยู่ สนพ.เลม่อนพลัส อยู่บูธ J 13 อยู่แถวเดียวกันเลย อยู่ในเพลนนารี่ฮอล์เหมือนกันด้วย
ถ้าผ่านไปก็แวะเวียนช่วยอุดหนุนด้วยนะคะ พรุ่งนี้หมูแก้วคงไปเซ็นหนังสืออยู่ที่บูธดอกหญ้า แต่แอบๆเซ็นอ่ะคะ อยู่ตามใต้โต๊ะ ลองมองหาดู หรือ ถามคนขายดูนะคะ
ปล. ดูรูปงานสานฝันปันรัก 3 ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.kaewdiary.com/webboard/show.php?CateID=0&No=11898
จากคุณ :
++MooKaew++
- [
2 เม.ย. 47 17:43:44
]